“อภิสิทธิ์” ขวาง “ประยุทธ์” ชวนทุกพรรครวมเสียงข้างมากตั้งรัฐบาลไม่พึ่ง ส.ว.ลากตั้ง

 
“อภิสิทธิ์” ชวนทุกพรรคประกาศจุดยืน ไม่วิ่งหา ส.ว.250 คน หลังเลือกตั้ง เปิดทางพรรครวมเสียงเกินกึ่งหนึ่งของ ส.ส.ตั้งรัฐบาล ย้ำต้องเคารพเสียง ปชช. แฉบางพรรควางแผนใช้ ส.ว.เป็นฐานอำนาจ บวก ส.ส.126 ตั้งนายกฯ ก่อน เสนอตำแหน่งล่อใจทีหลัง ย้ำชัด ปชป.ได้ต่ำ 100 ไขก๊อก
วันนี้ (22 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอนหนึ่งในระหว่างการประชันวิสัยทัศน์ขั้วใหญ่ทางการเมือง เจาะกึ๋นสามขั้วการเมือง ที่จัดโดยสถานีโทรทัศน์เอ็มคอตเอชดี หรือช่อง 9 ถึงการจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งว่า พรรคประชาธิปัตย์ตั้งใจเป็นแกนนำรัฐบาล เพราะฉะนั้นตนไม่สนใจว่าจะต้องสนับสนุนใคร สิ่งสำคัญคือจะทำอย่างไรให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากวงจรความขัดแย้ง

โดยมีเรื่องที่ต้องทำไม่ให้เกิดความขัดแย้งใหม่ 3 ข้อ คือ 1. การเลือกตั้งที่ควรเป็นก้าวแรก ก้าวสำคัญที่มั่นคงของประชาธิปไตยต้องเป็นการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม แต่การแข่งขันในขณะนี้ยังมีการใช้อำนาจรัฐ ใช้ความได้เปรียบหลายอย่าง ตนไม่ติดใจว่าประชาธิปัตย์เสียเปรียบ เพราะเราเคยอยู่ในภาวะเสียเปรียบมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่ต้องการให้ค่านิยมแบบนี้เกิดขึ้น เพราะอยากให้ผู้มีอำนาจตระหนักว่าการใช้อำนาจของตัวเองเพื่อเอารัดเอาเปรียบเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตย ในขณะนี้มีรายงานจากในพื้นที่ว่าปัญหานี้มีอยู่ จึงเรียกร้องว่าทุกพรรคต้องไม่ทำแบบนี้ และ กกต.ต้องทำหน้าที่อย่างเที่ยงตรง อิสระ กล้าหาญในการจัดการต่อความไม่ถูกต้องที่เกิดขึ้น

2. เมื่อได้การเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรมแล้ว การจัดตั้งรัฐบาลต้องเคารพเสียงประชาชน แม้ว่า ส.ว.250 คนจะมีอำนาจตามรัฐธรรมนูญ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าท่านไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ตนต้องการให้ทั้ง 250 คนเคารพการตัดสินใจของผู้ที่มาจากการเลือกตั้ง หมายถึงว่าถ้าพรรคการเมืองรวมกลุ่มกันได้เกิน 250 ส.ว.ควรสนับสนุนให้เขาตั้งรัฐบาล จึงจะสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนอย่างแท้จริง จึงอยากให้ทุกพรรคการเมืองตกลงกันว่าเลือกตั้งเสร็จอย่าวิ่งไปหา ส.ว.250 คน แต่ควรตกลงกันว่าใครอยากจับมือกับใคร เพราะแม้จะพูดว่ามีเสียง ส.ส.126 คนไปบวก ส.ว.250 คนเลือกนายกฯ ได้ แต่รัฐบาลอยู่ไม่ได้ แต่ตนทราบว่ามีการวางแผนว่าเอา 126 คนไปจับ ส.ว.250 คนเลือกนายกฯ ก่อน จากนั้นก็จะเสนอเรื่องตำแหน่งต่างๆ เพื่อดึงและอาจทำลายระบบพรรคการเมืองอีก ดังนั้น นอกจาก ส.ว.จะต้องเคารพเสียงประชาชนแล้ว ขอให้พรรคการเมืองใดก็ตามที่คิดแผนนี้อยู่ล้มเลิกความคิดนี้เสีย และให้ทุกพรรคร่วมกันแสดงจุดยืนไม่วิ่งไปหา ส.ว.250 คนได้หรือไม่

“ผมพูดไปแล้วว่าประชาธิปัตย์ต่ำกว่า 100 ผมลาออก และขอถามพรรคการเมืองอื่นว่าถ้าได้ต่ำกว่าร้อยยังจะกล้าเสนอชื่อนายกฯ ในบัญชีพรรคตัวเองหรือไม่” นายอภิสิทธิ์กล่าว

3. ที่ผ่านมาเราโทษฝ่ายทำรัฐประหารฝ่ายเดียวไม่ได้ ฝ่ายการเมืองต้องย้อนกลับมาดูตัวเองและไม่สร้างเงื่อนไขที่จะนำไปสู่การรัฐประหารด้วย โดยเงื่อนไขสำคัญคือการทุจริตคอร์รัปชัน การใช้อำนาจในทางไม่ชอบ ซึ่งหัวใจของระบอบประชาธิปไตยเสรีนิยมที่ประชาธิปัตย์ยึดถือคือไม่ทุจริต ยึดหลักธรรมาภิบาล ไม่ใช้อำนาจตามอำเภอใจ หากทุกพรรคร่วมกันทำตรงนี้ การเมืองจะกลับมาเป็นที่ศรัทธาของประชาชนอีกครั้งหนึ่งซึ่งจะเป็นจังหวะเวลาที่จะสร้างฉันมาทติให้แก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นได้
 
 
 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่