
เป็นเรื่องปกติที่เราจะหารถครอบครัวสักคัน ที่มี ground clearance มากพอสำหรับลุยๆ สักนิด
และมีขนาดใหญ่พอที่จะขนของสำหรับครอบครัว รถ 7 ที่นั่น SUV วางบนเฟรม ที่มีบ้านเราที่เดียว
ในโลกที่เรียกว่า PPV จึงเป็นทางเลือกที่ดูคุ้มค่าที่สุด จริงๆ คำว่า PPV นั้นตลกตรงที่ถ้านิยามแบบนั้น
Innova ก็ต้องถือเป็น PPV ด้วย
เครื่องดีเซลเทอร์โบมีความเหมาะสมที่สุดที่จะแบกเรือนร่างที่ใหญ่โตของ mid-size SUV 7 ที่นั่งขนาดนั้น
(ขออนุญาติเรียกตามแบบชาวโลกภายนอกเมืองไทย) สำหรับเครื่องเบนซิน ปรากฏว่าเคยขายแล้วแต่ล้มเหลว
ทางด้านยอดขาย เพราะไม่มีความเหมาะสมเพียงพอ เนื่องจากถ้าสมรรถนะดี ก็จะกินน้ำมัน หรือไม่ก็ทั้งสมรรถนะและ
ทั้งการกินน้ำมันไม่ดีเลยทั้งคู่
ผมเคยใช้ Fortuner TRD 2010 และ BT-50 pro 2.2 ซึ่งตอนนั้นก็ happy กับสมรรถนะและอัตราสิ้นเปลืองพอสมควร
แต่ก็โชคไม่ดีมีอุบัติเหตุบ้างอะไรบ้าง ก็เลยไม่ได้อยู่กับพวกมันมาจนถึงปัจจุบัน
รถเบนซินที่พอจะทำให้ผม happy ได้ก็เป็นพวก D segment 2.4 - 2.5 ซึ่ง
รถเบนซินที่เล็กกว่านั้นส่วนใหญ่ยังไม่ตอบโจทย์ด้านความรู้สึกเท่าที่ควร ยุคหนึ่งจึงมีคนถามหาแต่
รถเก๋งเครื่อง "ดีเซล"
มุมมองเรื่องรถของผมก็เหมือนคนทั่วไปที่ชอบรถ ที่เล่นเว็บรัชดากับหัวไม้ขีดไฟ
จนกระทั่งลูกชายป่วยเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาทางการแพทย์ หมายถึง โรคที่หมอรักษาไม่หาย
ไม่ว่าจะด้วยมีวิธีรักษาแต่ไม่หาย หรือไม่รู้จะรักษายังไง จับต้นชนปลายไม่ถูกอะไรแบบนั้น
คนที่เป็นโรคนี้จึงต้องเป็นตลอดชีวิต
แต่ด้วยความที่ลูกผมยังเล็กมาก และผมไม่ยอมแพ้เมื่อเราอยู่ในโลกยุคอินเตอร์เน็ตที่งานวิจัยอะไร
ก็สามารถเอามาอ่านด้วยการคลิก ไม่เหมือนยุคก่อนที่เราทำอะไรไม่ได้ ด้วยสกิลนักสืบก็ช่วยทำให้ผม
ปะติดปะต่อจนหาทางพบ แล้วก็รักษาลูกสำเร็จ ซึ่งเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มาก แต่อินเตอร์เน็ตนั้นช่วยเรา
ได้มากจริงๆ ถ้าเราอ่านงานวิจัยเป็น เชื่อมโยงข้อมูล วิเคราะห์อะไรต่างๆ เป็น โดยใช้สกิลเดียวกับที่เราใช้ทำงาน
หรือตามสืบเรื่องดาราในเน็ต ก็อาจจะพบคำตอบอะไรดีๆ ก็ได้
โรคของลูกผมไม่ได้เกิดจากการใช้รถดีเซล อย่าเพิ่งเชื่อมโยงเร็วขนาดนั้นครับ
วิกฤตการณ์ PM2.5 ที่ผ่านมาสดๆ ร้อนๆ แล้วก็ค่อยๆ ลืมเลือนกันแล้วสดๆ ร้อนๆ เช่นกัน
ทำให้ผมเห็นความร้ายกาจของรถดีเซลมากขึ้น และทำให้ผมนึกไปถึงการรณรงค์การเลิกดีเซล
ในยุโรป 2 - 3 ปีที่ผ่านมา และทำให้ผมนึกถึงเบนซ์ที่ยกเลิกการผลิตเครื่องดีเซล และอื่นๆ
สิ่งที่ผมรู้ก็คือ PM2.5 พวกนี้คือพวก "สารพิษโลหะหนัก (Heavy Metal)" มันไม่ใช่ฝุ่นควันธรรมดาๆ
ที่ผมรู้ก็เพราะโรคของลูกเกิดการการถูกสารพิษโลหะหนักเรื้อรัง ซึ่งสามารถสะสมตกทอดมา
ตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ ตายาย ได้ และกลิ่นของดีเซลก็คือ "สารประกอบอะโรมาติก (Aromatic Compounds)"
ซึ่งเมื่อนึกถึงโทษของดีเซล ก็ทำให้นึกย้อนอดีตไปหลายปีก่อน ควันของดีเซลช่างฉมุยฉุยเต็มที่จอดรถ
ทั้งตอนออกจากบ้านและตอนกลับบ้านดับเครื่อง อะโรมาติก คอมพาวด์นั่นก็จะไปสะสมที่ตับ
เมื่อข่าว PM2.5 ช่วยย้ำเตือนสมองผมในเรื่องนี้ ผมก็ตัดสินใจตัดดีเซลไปจากความคิด
ทั้งๆ ที่รถ SUV 7 ที่นั่งสมัยดีมันน่าดึงดูดกว่าสมัยก่อนมาก ทั้งสมรรถนะและอัตราสิ้นเปลือง
และผมก็ไม่สนใจว่ามันจะยูโร 5, 6, 7 เพราะทั้ง โลหะหนักและสารประกอบอะโรมาติกยังไงๆ ก็
มาเต็มมากกว่ารถเบนซินอยู่ดี จะสังเกตเห็นว่า เราสามารถยืนอยู่ใกล้ๆ ท่อรถเบนซินได้นานพอสมควร
โดยไม่รู้สึกอะไร ในขณะที่การยืนอยู่ในซอยที่มีรถดีเซลกำลังสตาร์ทเครื่องอยู่ห่างๆ มันเหม็นมากขนาดไหน
คนที่สูบบุหรี่ ซึ่งความแรงของพิษก็ไม่น้อยกว่า PM2.5 ก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่า กลิ่นมันไปไกลได้เกือบครึ่งสนามฟุตบอล
พวกเขายังคงสูบในที่สาธารณะ ที่ลานจอดรถ แม้จะทำเป็นหลบๆ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
อย่างไรก็แล้วแต่ ใจผมยังคงต้องการรถยนต์ที่มีความสูงประมาณ SUV บนพื้นฐานกระบะ
ที่ประมาณ 200 mm ขึ้นไป ใจก็เสียดายความแข็งแกร่งในกรณีที่ชน SUV พวกนี้ก็มักจะไม่เละเป็นโกโก้ครันช์
แต่ถ้าจะเลือกรถพวกนี้ก็ต้องมีเครื่องดีเซล ซึ่งผมเริ่มรู้สึกว่าการใช้ดีเซลเป็นการเบียดเบียนเพื่อนมนุษย์มากขึ้น
เรื่อยๆ ไม่ต่างจากการสูบบุหรี่เลย เพื่อนมนุษย์บนท้องถนน มีทั้งคนทั่วไปที่ไม่มีรถ และเด็กๆ ที่ยังต้องเดินทาง
ไปโรงเรียนเองไม่ได้มีพ่อแม่คอยรับส่ง
สำหรับตัวผม เรื่องของเครื่องดีเซล มันเป็นเรื่องที่ critical แล้ว แต่กับคนอื่นๆ อาจจะไม่ได้เห็นด้วยกับผม
แต่จริงๆ ใจผมก็อยากเชื้อชวน และอยากให้มองในมุมมองว่า ประเทศเราค่อนข้างเดินช้า ในขณะที่ประเทศ
ที่ก้าวนำในเรื่องต่างๆ อย่างยุโรป ยังไม่ต้องไปนึกถึงสหรัฐตอนนี้ เขาก็จะไม่เอาดีเซลแล้ว
สารพิษโลหะหนักมันสามารถฝังเข้าไปสะสมในสมองของเรา ผ่าน BBB
หรือ Blood Brain Barrier เข้าไปได้อย่างง่ายดาย เรื่องนี้ไม่ต้องพูดกับหมอ เพราะถ้าหมอรู้ ลูกผมก็คง
รักษาหายที่โรงพยาบาลได้แบบชิลๆ แล้ว ส่วนสารประกอบอะโรมาติกที่จะไปอยู่ที่ตับนั้น
ก็จะทำให้ตับของเราเสื่อมเร็วขึ้น ตับเป็นหัวใจหลักของการที่จะมีอายุยืน หรืออายุสั้น ฉะนั้นถ้าบอกว่า
สมองและตับ พวกนี้คือซีเรียสมาก แต่พวกเรามักจะไปสนใจเรื่องปอด กับหัวใจ ซึ่งหมอจะเน้นจึงทำให้
เราระวังสองตัวนี้จนขึ้นใจ
ถ้าเราไม่มีรถดีเซล ค่ายแรกที่จะประสบปัญหาก็อีก Isuzu แล้วก็ตามมาด้วย Toyota, Nissan, Mitsubishi
จริงๆ Ford กับ Chevrolet อาจจะมีปัญหาพอๆ กับ Isuzu เพราะหันมาให้ความจริงจังกับกระบะแบบ SUV
บนพื้นฐานเดียวกัน
ค่ายอื่นๆ ที่ยังคงผิวปากชิลๆ คงมีแค่ Honda, Mazda, Suzuki และ MG
ผมมองว่าแม้บ้านเราจะพัฒนาอย่างเชื่องช้ามาก แต่ในที่สุดดีเซลควรจะจากไป แต่ประเทศเราอาจจะ
เป็นประเทศท้ายๆ ในโลกเลยมั้งที่จะเลิกใช้มัน ในแง่ของรถบ้านนะครับ
เรื่องความสูงใต้ท้องรถ เมื่อใจผมตัด Fortuner, Everest, Pajero sport, Terra, Mu-X, Trailblazer
ออกไป ก็จะเหลือเฉพาะกลุ่ม crossover SUV อย่าง CR-V, X-trail, CX-5 ที่สูงน้อยลงมาหน่อย
ซึ่งกลุ่มนี้ยังถือว่าเป็นรถค่อนข้างใหญ่และแข็งแกร่งใช้ได้ แล้วก็ยังมี XV ที่จะได้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อดีๆ
หรือถ้าจะย่อมๆ กว่านั้นแล้วนั่งได้สบายก็มี Xpander ใหม่ ทั้ง XV และ Xpander มี ground clearance
ที่สูงกว่า SUV หลายๆ รุ่นเสียอีก และ Xpander ยังนั่งแถว 3 ได้สบายกว่าแถว 3 CR-V ด้วยซ้ำไป
พอมามองที่ Xpander ผมก็เลยพาลมองไปที่ Ertiga ด้วย ที่ความสูงใต้ท้องรถเท่าๆ กับ CR-V
รุ่นที่แล้ว และยัง BR-V, Mobilio ที่แม้จะเก่าแล้ว แต่ก็สูง และนั่งแถว 3 ได้จริงเช่นกัน ซึ่งสังเกต
ดูรถทั้งหมดในกลุ่มนี้ ออกแบบและผลิตขึ้นเพื่อชาวอินโดทั้งนั้น
เครื่องเบนซินนั้น ถ้าประกบกับขนาดของรถที่มีขนาดใหญ่กำลังพอดี ก็ให้สมรรถนะที่
ใช้ได้ อาจจะเป็นรองดีเซล แต่ก็ถือว่ายอมรับได้ และเบนซินก็เป็นทางเลือกให้กับคนที่อยากติดแก๊ส
(แต่ผมไม่ได้สนใจติดแก๊ส)
เมื่อหลายอาทิตย์ก่อนที่ผมไปส่งลูกที่โรงเรียนอนุบาล มีพ่อคนหนึ่งสตาร์ท H-1 ทิ้งไว้
ในขณะที่เขาเปิดประตูรถ และมีลูกนั่งกินข้าวอยู่ในนั้น กับอีกเคสคือ คุณลุงแถวบ้านที่ใช้
กระบะใส่หลังคาไปส่งหลาน 2 คน แต่กว่าจะออกรถ ก็สตาร์ทวอร์มเครื่องอยู่อย่างงั้นร่วม
10 นาที ทั้งๆ ที่หลานๆ ก็ยังนั่งอยู่ท้ายกระบะที่เปิดกว้างรับควันเข้าไปเต็มๆ
การไม่ใส่ใจเรื่องนี้เป็นลักษณะของคนในประเทศที่ยังไม่พัฒนา ผมเทียบกับภาพที่เห็นจาก
อินเดียนะครับ แล้วก็เทียบกับจีนสมัยก่อน แต่สมัยนี้จีนคงดีขึ้นมากแล้ว ซึ่งผมคงไม่ได้ไปยุ่ง
อะไรกับคนเหล่านั้นเนื่องจากคิดไม่เหมือนกัน เรื่องแบบนี้มันก็พูดลำบาก หรือพูดกันไม่ได้จริงๆ
เช่นกับคนสูบบุหรี่ เราจะไปพูดอะไรกับเขาได้
ผมว่ารถครอบครัวขนาด 7 ที่นั่ง ที่ยกสูง ไม่ว่าจะเป็นขนาด B หรือ C segment นั้น
น่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะไม่ใหญ่ขนาด mid-size SUV ที่วางอยู่บนพื้นฐานกระบะ
ซึ่งมีภายในขนาดพอๆ กับ Camry, Accord โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราสนใจสิ่งแวดล้อม
ที่จะกระทบต่อลูกของเรามากขึ้น
ทางเลือกของรถครอบครัว ที่จะต้องไม่มี 'ดีเซล'
เป็นเรื่องปกติที่เราจะหารถครอบครัวสักคัน ที่มี ground clearance มากพอสำหรับลุยๆ สักนิด
และมีขนาดใหญ่พอที่จะขนของสำหรับครอบครัว รถ 7 ที่นั่น SUV วางบนเฟรม ที่มีบ้านเราที่เดียว
ในโลกที่เรียกว่า PPV จึงเป็นทางเลือกที่ดูคุ้มค่าที่สุด จริงๆ คำว่า PPV นั้นตลกตรงที่ถ้านิยามแบบนั้น
Innova ก็ต้องถือเป็น PPV ด้วย
เครื่องดีเซลเทอร์โบมีความเหมาะสมที่สุดที่จะแบกเรือนร่างที่ใหญ่โตของ mid-size SUV 7 ที่นั่งขนาดนั้น
(ขออนุญาติเรียกตามแบบชาวโลกภายนอกเมืองไทย) สำหรับเครื่องเบนซิน ปรากฏว่าเคยขายแล้วแต่ล้มเหลว
ทางด้านยอดขาย เพราะไม่มีความเหมาะสมเพียงพอ เนื่องจากถ้าสมรรถนะดี ก็จะกินน้ำมัน หรือไม่ก็ทั้งสมรรถนะและ
ทั้งการกินน้ำมันไม่ดีเลยทั้งคู่
ผมเคยใช้ Fortuner TRD 2010 และ BT-50 pro 2.2 ซึ่งตอนนั้นก็ happy กับสมรรถนะและอัตราสิ้นเปลืองพอสมควร
แต่ก็โชคไม่ดีมีอุบัติเหตุบ้างอะไรบ้าง ก็เลยไม่ได้อยู่กับพวกมันมาจนถึงปัจจุบัน
รถเบนซินที่พอจะทำให้ผม happy ได้ก็เป็นพวก D segment 2.4 - 2.5 ซึ่ง
รถเบนซินที่เล็กกว่านั้นส่วนใหญ่ยังไม่ตอบโจทย์ด้านความรู้สึกเท่าที่ควร ยุคหนึ่งจึงมีคนถามหาแต่
รถเก๋งเครื่อง "ดีเซล"
มุมมองเรื่องรถของผมก็เหมือนคนทั่วไปที่ชอบรถ ที่เล่นเว็บรัชดากับหัวไม้ขีดไฟ
จนกระทั่งลูกชายป่วยเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาทางการแพทย์ หมายถึง โรคที่หมอรักษาไม่หาย
ไม่ว่าจะด้วยมีวิธีรักษาแต่ไม่หาย หรือไม่รู้จะรักษายังไง จับต้นชนปลายไม่ถูกอะไรแบบนั้น
คนที่เป็นโรคนี้จึงต้องเป็นตลอดชีวิต
แต่ด้วยความที่ลูกผมยังเล็กมาก และผมไม่ยอมแพ้เมื่อเราอยู่ในโลกยุคอินเตอร์เน็ตที่งานวิจัยอะไร
ก็สามารถเอามาอ่านด้วยการคลิก ไม่เหมือนยุคก่อนที่เราทำอะไรไม่ได้ ด้วยสกิลนักสืบก็ช่วยทำให้ผม
ปะติดปะต่อจนหาทางพบ แล้วก็รักษาลูกสำเร็จ ซึ่งเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มาก แต่อินเตอร์เน็ตนั้นช่วยเรา
ได้มากจริงๆ ถ้าเราอ่านงานวิจัยเป็น เชื่อมโยงข้อมูล วิเคราะห์อะไรต่างๆ เป็น โดยใช้สกิลเดียวกับที่เราใช้ทำงาน
หรือตามสืบเรื่องดาราในเน็ต ก็อาจจะพบคำตอบอะไรดีๆ ก็ได้
โรคของลูกผมไม่ได้เกิดจากการใช้รถดีเซล อย่าเพิ่งเชื่อมโยงเร็วขนาดนั้นครับ
วิกฤตการณ์ PM2.5 ที่ผ่านมาสดๆ ร้อนๆ แล้วก็ค่อยๆ ลืมเลือนกันแล้วสดๆ ร้อนๆ เช่นกัน
ทำให้ผมเห็นความร้ายกาจของรถดีเซลมากขึ้น และทำให้ผมนึกไปถึงการรณรงค์การเลิกดีเซล
ในยุโรป 2 - 3 ปีที่ผ่านมา และทำให้ผมนึกถึงเบนซ์ที่ยกเลิกการผลิตเครื่องดีเซล และอื่นๆ
สิ่งที่ผมรู้ก็คือ PM2.5 พวกนี้คือพวก "สารพิษโลหะหนัก (Heavy Metal)" มันไม่ใช่ฝุ่นควันธรรมดาๆ
ที่ผมรู้ก็เพราะโรคของลูกเกิดการการถูกสารพิษโลหะหนักเรื้อรัง ซึ่งสามารถสะสมตกทอดมา
ตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ ตายาย ได้ และกลิ่นของดีเซลก็คือ "สารประกอบอะโรมาติก (Aromatic Compounds)"
ซึ่งเมื่อนึกถึงโทษของดีเซล ก็ทำให้นึกย้อนอดีตไปหลายปีก่อน ควันของดีเซลช่างฉมุยฉุยเต็มที่จอดรถ
ทั้งตอนออกจากบ้านและตอนกลับบ้านดับเครื่อง อะโรมาติก คอมพาวด์นั่นก็จะไปสะสมที่ตับ
เมื่อข่าว PM2.5 ช่วยย้ำเตือนสมองผมในเรื่องนี้ ผมก็ตัดสินใจตัดดีเซลไปจากความคิด
ทั้งๆ ที่รถ SUV 7 ที่นั่งสมัยดีมันน่าดึงดูดกว่าสมัยก่อนมาก ทั้งสมรรถนะและอัตราสิ้นเปลือง
และผมก็ไม่สนใจว่ามันจะยูโร 5, 6, 7 เพราะทั้ง โลหะหนักและสารประกอบอะโรมาติกยังไงๆ ก็
มาเต็มมากกว่ารถเบนซินอยู่ดี จะสังเกตเห็นว่า เราสามารถยืนอยู่ใกล้ๆ ท่อรถเบนซินได้นานพอสมควร
โดยไม่รู้สึกอะไร ในขณะที่การยืนอยู่ในซอยที่มีรถดีเซลกำลังสตาร์ทเครื่องอยู่ห่างๆ มันเหม็นมากขนาดไหน
คนที่สูบบุหรี่ ซึ่งความแรงของพิษก็ไม่น้อยกว่า PM2.5 ก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่า กลิ่นมันไปไกลได้เกือบครึ่งสนามฟุตบอล
พวกเขายังคงสูบในที่สาธารณะ ที่ลานจอดรถ แม้จะทำเป็นหลบๆ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
อย่างไรก็แล้วแต่ ใจผมยังคงต้องการรถยนต์ที่มีความสูงประมาณ SUV บนพื้นฐานกระบะ
ที่ประมาณ 200 mm ขึ้นไป ใจก็เสียดายความแข็งแกร่งในกรณีที่ชน SUV พวกนี้ก็มักจะไม่เละเป็นโกโก้ครันช์
แต่ถ้าจะเลือกรถพวกนี้ก็ต้องมีเครื่องดีเซล ซึ่งผมเริ่มรู้สึกว่าการใช้ดีเซลเป็นการเบียดเบียนเพื่อนมนุษย์มากขึ้น
เรื่อยๆ ไม่ต่างจากการสูบบุหรี่เลย เพื่อนมนุษย์บนท้องถนน มีทั้งคนทั่วไปที่ไม่มีรถ และเด็กๆ ที่ยังต้องเดินทาง
ไปโรงเรียนเองไม่ได้มีพ่อแม่คอยรับส่ง
สำหรับตัวผม เรื่องของเครื่องดีเซล มันเป็นเรื่องที่ critical แล้ว แต่กับคนอื่นๆ อาจจะไม่ได้เห็นด้วยกับผม
แต่จริงๆ ใจผมก็อยากเชื้อชวน และอยากให้มองในมุมมองว่า ประเทศเราค่อนข้างเดินช้า ในขณะที่ประเทศ
ที่ก้าวนำในเรื่องต่างๆ อย่างยุโรป ยังไม่ต้องไปนึกถึงสหรัฐตอนนี้ เขาก็จะไม่เอาดีเซลแล้ว
สารพิษโลหะหนักมันสามารถฝังเข้าไปสะสมในสมองของเรา ผ่าน BBB
หรือ Blood Brain Barrier เข้าไปได้อย่างง่ายดาย เรื่องนี้ไม่ต้องพูดกับหมอ เพราะถ้าหมอรู้ ลูกผมก็คง
รักษาหายที่โรงพยาบาลได้แบบชิลๆ แล้ว ส่วนสารประกอบอะโรมาติกที่จะไปอยู่ที่ตับนั้น
ก็จะทำให้ตับของเราเสื่อมเร็วขึ้น ตับเป็นหัวใจหลักของการที่จะมีอายุยืน หรืออายุสั้น ฉะนั้นถ้าบอกว่า
สมองและตับ พวกนี้คือซีเรียสมาก แต่พวกเรามักจะไปสนใจเรื่องปอด กับหัวใจ ซึ่งหมอจะเน้นจึงทำให้
เราระวังสองตัวนี้จนขึ้นใจ
ถ้าเราไม่มีรถดีเซล ค่ายแรกที่จะประสบปัญหาก็อีก Isuzu แล้วก็ตามมาด้วย Toyota, Nissan, Mitsubishi
จริงๆ Ford กับ Chevrolet อาจจะมีปัญหาพอๆ กับ Isuzu เพราะหันมาให้ความจริงจังกับกระบะแบบ SUV
บนพื้นฐานเดียวกัน
ค่ายอื่นๆ ที่ยังคงผิวปากชิลๆ คงมีแค่ Honda, Mazda, Suzuki และ MG
ผมมองว่าแม้บ้านเราจะพัฒนาอย่างเชื่องช้ามาก แต่ในที่สุดดีเซลควรจะจากไป แต่ประเทศเราอาจจะ
เป็นประเทศท้ายๆ ในโลกเลยมั้งที่จะเลิกใช้มัน ในแง่ของรถบ้านนะครับ
เรื่องความสูงใต้ท้องรถ เมื่อใจผมตัด Fortuner, Everest, Pajero sport, Terra, Mu-X, Trailblazer
ออกไป ก็จะเหลือเฉพาะกลุ่ม crossover SUV อย่าง CR-V, X-trail, CX-5 ที่สูงน้อยลงมาหน่อย
ซึ่งกลุ่มนี้ยังถือว่าเป็นรถค่อนข้างใหญ่และแข็งแกร่งใช้ได้ แล้วก็ยังมี XV ที่จะได้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อดีๆ
หรือถ้าจะย่อมๆ กว่านั้นแล้วนั่งได้สบายก็มี Xpander ใหม่ ทั้ง XV และ Xpander มี ground clearance
ที่สูงกว่า SUV หลายๆ รุ่นเสียอีก และ Xpander ยังนั่งแถว 3 ได้สบายกว่าแถว 3 CR-V ด้วยซ้ำไป
พอมามองที่ Xpander ผมก็เลยพาลมองไปที่ Ertiga ด้วย ที่ความสูงใต้ท้องรถเท่าๆ กับ CR-V
รุ่นที่แล้ว และยัง BR-V, Mobilio ที่แม้จะเก่าแล้ว แต่ก็สูง และนั่งแถว 3 ได้จริงเช่นกัน ซึ่งสังเกต
ดูรถทั้งหมดในกลุ่มนี้ ออกแบบและผลิตขึ้นเพื่อชาวอินโดทั้งนั้น
เครื่องเบนซินนั้น ถ้าประกบกับขนาดของรถที่มีขนาดใหญ่กำลังพอดี ก็ให้สมรรถนะที่
ใช้ได้ อาจจะเป็นรองดีเซล แต่ก็ถือว่ายอมรับได้ และเบนซินก็เป็นทางเลือกให้กับคนที่อยากติดแก๊ส
(แต่ผมไม่ได้สนใจติดแก๊ส)
เมื่อหลายอาทิตย์ก่อนที่ผมไปส่งลูกที่โรงเรียนอนุบาล มีพ่อคนหนึ่งสตาร์ท H-1 ทิ้งไว้
ในขณะที่เขาเปิดประตูรถ และมีลูกนั่งกินข้าวอยู่ในนั้น กับอีกเคสคือ คุณลุงแถวบ้านที่ใช้
กระบะใส่หลังคาไปส่งหลาน 2 คน แต่กว่าจะออกรถ ก็สตาร์ทวอร์มเครื่องอยู่อย่างงั้นร่วม
10 นาที ทั้งๆ ที่หลานๆ ก็ยังนั่งอยู่ท้ายกระบะที่เปิดกว้างรับควันเข้าไปเต็มๆ
การไม่ใส่ใจเรื่องนี้เป็นลักษณะของคนในประเทศที่ยังไม่พัฒนา ผมเทียบกับภาพที่เห็นจาก
อินเดียนะครับ แล้วก็เทียบกับจีนสมัยก่อน แต่สมัยนี้จีนคงดีขึ้นมากแล้ว ซึ่งผมคงไม่ได้ไปยุ่ง
อะไรกับคนเหล่านั้นเนื่องจากคิดไม่เหมือนกัน เรื่องแบบนี้มันก็พูดลำบาก หรือพูดกันไม่ได้จริงๆ
เช่นกับคนสูบบุหรี่ เราจะไปพูดอะไรกับเขาได้
ผมว่ารถครอบครัวขนาด 7 ที่นั่ง ที่ยกสูง ไม่ว่าจะเป็นขนาด B หรือ C segment นั้น
น่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะไม่ใหญ่ขนาด mid-size SUV ที่วางอยู่บนพื้นฐานกระบะ
ซึ่งมีภายในขนาดพอๆ กับ Camry, Accord โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราสนใจสิ่งแวดล้อม
ที่จะกระทบต่อลูกของเรามากขึ้น