ทางแยก
“...พอเถอะค่ะ...หยุดทำอะไรๆ เพื่อฟ้าเสียที...มันก็เพียงทำให้ฟ้ารู้สึกผิดต่อเขา และละอายใจต่อภูมากขึ้นเท่านั้น...”
สิ้นเสียงเอ่ยของหญิงสาว...ดูเหมือนบรรยากาศบนโต๊ะอาหารที่ภูผาและปลายฟ้านั่งอยู่ในขณะนี้เปลี่ยนไปจากเมื่อสักครู่ก่อนหน้านี้อย่างน่าใจหาย...
...สิ่งรอบกายดูเหมือนจะหยุดนิ่ง...ร่างกายเบาโหวงล่องลอยไร้ทิศทาง...หูทั้งสองข้างรับได้แต่เสียงอื้ออึง...สายตาเลื่อนลอยไม่อาจจับจ้องสิ่งใด...
ภูผาก้มหน้าลงกับโต๊ะอย่างยอมรับความจริง
...ไม่ว่าจะใช้เวลานานเท่าใด...แม้ว่าจะทำสิ่งใดๆ ให้ไป...ถึงจะทุ่มเทสักเพียงใด...
สิ่งเหล่านั้นก็ไม่อาจแทรกซึมผ่านกำแพงอันแข็งแกร่งที่ปิดกั้นจิตใจของปลายฟ้า...หญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าของภูผาในขณะนี้ได้
...ตั้งแต่...ชายผู้นั้นจากปลายฟ้าและภูผาไปอย่างไม่มีวันกลับ...
ตะวัน...เพื่อนที่แสนดีของภูผา...และชายคนรักของปลายฟ้า
ความสัมพันธ์ของคนทั้งสามเริ่มต้นด้วยความเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน...แต่...เมื่อวันเวลาผ่านไปความสดใสและร่าเริงของปลายฟ้าทำให้ชายหนุ่มทั้งสองตกหลุมรักเธออย่างไม่รู้ตัว
“เฮ้ย...ภู...เรา...ชอบฟ้าว่ะ...นายช่วยเราหน่อยสิ”
หากแต่เป็นตะวันที่เอ่ยความในใจออกมาก่อน...คำพูดอันไม่คาดคิดที่ออกจากปากของตะวันสร้างความตกใจให้แก่ภูผา และคำพูดนั้นเองที่ทำให้ภูผาต้องถอยฉากออกมาอย่างจำยอม
...หลังจากนั้น...ความสัมพันธ์ของคนทั้งสามก็เปลี่ยนแปลงไป...จากเพื่อนรักสามคนกลับกลายเป็นคู่รักหนึ่งคู่และเพื่อนรักอีกหนึ่งคน...
...ภูผาซึ่งรักปลายฟ้าและตะวันมากทำใจยอมรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้...ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะลงเอยด้วยดี...หากไม่เพียงว่า...ในวันหนึ่งอุบัติเหตุอันไม่คาดคิดที่ผ่านมาจะคร่าชีวิตของตะวันไป...
...และเป็นภูผา...ซึ่งคอยปลอบใจเฝ้าดูแลปลายฟ้าอยู่ไม่ห่าง...วันแล้ววันเล่า...
จิตใจของปลายฟ้าดูเหมือนจะดีขึ้นตามลำดับ...หากแต่ความรู้สึกผิดยังคงก่อตัวอยู่ในจิตใจของเธอไม่จางหายไปเลยแม้แต่น้อย
ภูผาเองก็เช่นกัน...ความใกล้ชิดทำให้เขาเกิดความหวังขึ้นมาอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้
...หากแต่ในเวลานี้...คำพูดอันหนักแน่นชัดเจนของปลายฟ้าทำให้ภูผาเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว...
หญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าของภูผา...ผู้ซึ่งไม่ว่าภูผาจะพยายามร่นระยะทางเพื่อให้ได้เข้าใกล้สักเพียงใด แต่ระยะห่างก็ยังคงเท่าเดิม...ปลายฟ้าก็ยังคงเป็นปลายฟ้าไม่เปลี่ยนแปลง
หากเป็นคนที่ยังมีชีวิต...เขาอาจจะยังคงอดทนต่อสู้เพื่อคนที่รักได้
แต่ตะวัน...ผู้ซึ่งบัดนี้เหลือเพียงความทรงจำเท่านั้น...ความทรงจำจากความรู้สึกผิดมักจะสูงส่งและสวยงามเกินกว่าความเป็นจริงมาก...มากจนภูผาไม่อาจที่จะต่อกรได้อีกต่อไป
“ฟ้ารู้นะคะ...รู้เรื่องทั้งหมด...เกี่ยวกับทั้งตะวัน...และภู...ฟ้ารู้ว่าภูทำทุกอย่างให้ฟ้าด้วยความรักและปรารถนาดีอย่างจริงใจ...แต่ระหว่างเรามันไม่มีทางเป็นอื่นได้มากกว่านี้อีกแล้ว...”
ภูผาเบือนหน้าแสร้งมองบรรยากาศรอบด้านเพื่อปกปิดความอ่อนแอที่เกิดขึ้นในจิตใจ
ตั้งแต่วันนั้น...วันที่ตะวันจากไปอย่างไม่มีวันกลับ...สำหรับปลายฟ้าแล้ว นั่นอาจจะหมายถึงค่ำคืนซึ่งจะไม่มีแสงสว่างจากดวงตะวันส่องลงมาให้เกิดกลางวันอีกต่อไป
...ปลายฟ้าหยุดเวลาของตัวเองไว้เพียงแค่นั้น...เธอ...ผู้มีชีวิตอยู่ในห้วงเวลาของอดีต...
...และตั้งแต่วันนั้นเช่นกัน...ภูผาก็เป็นได้เพียงผู้ที่เดินตามรอยอดีตของคนทั้งสองเท่านั้น...ผู้ที่เสาะหาทางแยกจากความทรงจำในอดีตของปลายฟ้าและตะวัน...
...............
“ภู...ภูคะ....ภู”
เสียงหญิงสาวตรงหน้าดังขึ้นดึงภูผาออกจากภวังค์
“น้ำเรียกนานแล้ว...ภูเป็นอะไรรึเปล่าคะ”
เสียงของสายน้ำเอ่ยถามหลังจากสังเกตเห็นความผิดปกติของภูผา ชายหนุ่มซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอาหาร
“เอ่อ...เปล่าจ๊ะ...ผมคิดอะไรนิดหน่อย...เมื่อกี้น้ำว่าอะไรนะจ๊ะ”
ภูผาเอ่ยขึ้น...ดวงตาและสีหน้ายังคงเรียบเฉย
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ...เรากินกันต่อเถอะ”
สายน้ำตอบเสียงแผ่วเบาก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานอาหารต่อด้วยบรรยากาศอันเงียบเชียบ
...สายน้ำมองเห็นความทุกข์เจืออยู่ในแววตาของภูผาจากที่มองลึกเข้าไปในดวงตาเพียงแวบหนึ่งเมื่อสักครู่...
ความรู้สึกบางอย่างกรีดลึกอยู่ในจิตใจของหญิงสาว...ความรู้สึกที่คุ้นเคยมาตลอดระยะเวลานานตั้งแต่สายน้ำคบกับภูผาในฐานะที่หญิงสาวเองก็ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าคืออะไร
...นานมากจนบ่อยครั้งครั้งที่สายน้ำคิดว่าเธอน่าจะเคยชินและยอมรับมันได้แล้ว...หากแต่...มันไม่เคยเป็นอย่างนั้นได้เลยสักครั้ง...
...หญิงสาวก้มหน้าและยิ้มจางๆ อย่างเงียบเชียบ...
...จนถึงวันนี้...ภูผาก็ยังไม่เคยลืมเธอคนนั้น...เธอผู้เป็นรักครั้งแรกของเขา...
สายน้ำรู้เรื่องราวต่างๆ ของภูผาดี...ในครั้งนั้นเธอได้แต่เฝ้ามองความสัมพันธ์และความร่าเริงของคนทั้งสามอยู่ห่างๆ...ความประทับใจในใครบางคนถูกเก็บไว้ในจิตใจของสายน้ำนับแต่นั้นเป็นต้นมา
สายน้ำเห็นทั้งความปวดร้าวและความมั่นคงในจิตใจของภูผามาตลอดระยะเวลานานแสนนาน...เธอเฝ้าหวังในสิ่งเดียวกันจากภูผาในสิ่งที่เขาได้กระทำให้กับเธอคนนั้น
...หากแต่สิ่งนั้นที่สายน้ำหวัง มันดูช่างยากเย็นและลางเลือนเหลือเกิน...ก็ในเมื่อจิตใจของภูผามีเพียงเธอคนนั้น...
...สายตาห่วงใยซึ่งเจือด้วยความปวดร้าวของสายน้ำเฝ้าจับจ้องภูผาอยู่ห่างๆ เสมอมาไม่เคยเปลี่ยนแปลง...
จวบจนวันนั้นมาถึง...วันที่ภูผาเดินอย่างเลื่อนลอยออกมาจากร้านอาหาร...ดวงตาแดงและขอบตาซึ่งคลอด้วยน้ำตา
และเป็น...มือเล็กๆ ของสายน้ำที่เข้าไปโอบอุ้มหัวใจของภูผาในวันนั้น...จนเกิดความสัมพันธ์ในวันนี้
สักวันภูผาจะลืมเลือนเรื่องราวในอดีต...ความคิดในจิตใจของสายน้ำ
...แต่จนถึงวันนี้...ภูผาก็ยังไม่อาจลืมเลือนความสวยงามในอดีตของเธอคนนั้นได้...
ถึงแม้ว่าสายน้ำจะเข้าใจและยอมรับในเรื่องราวของภูผาเป็นอย่างดี...แต่สิ่งต่างๆ เหล่านั้นค่อยๆ ส่งผลกระทบต่อจิตใจของเธอให้บอบช้ำมากขึ้นทีละน้อยอย่างที่เธอไม่รู้ตัว
...ผู้ชายชื่อภูผาที่นั่งอยู่ตรงหน้าของเธอในขณะนี้ช่างมีจิตใจมั่นคงดั่งเช่นชื่อของเขา...ชายผู้ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตเลยแม้แต่น้อย...
...ทั้งๆ ที่สายน้ำมองหน้าภูผาซึ่งห่างกันแค่เพียงฝั่งของโต๊ะอาหาร...
...ความฝันในอนาคตที่เคยเปล่งประกายอยู่ในดวงตาของสายน้ำ...บัดนี้...มันดูเลือนรางเต็มที...ภาพของชายในมโนภาพที่ยืนคู่กับเธอในวันวิวาห์ช่างดูห่างไกลจนไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนอีกต่อไป...
...............
ภูผาก้มหน้าและล้วงมือลงไปหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกงหลังจากที่ได้ยินเสียงเพียงครู่หนึ่ง
“สวัสดีครับ...ครับ...ครับ...ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้ครับ”
ภูผาสนทนากับเสียงปลายสายครู่หนึ่งก่อนที่จะวางสายและหันมายังสายน้ำซึ่งสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ ที่อีกฝั่งของโต๊ะอาหาร
“...แม่ของฟ้าโทรมา...ฟ้า...โดนรถชน...ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล...”
ภูผาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่แสดงความเครียดออกมาอย่างเห็นได้ชัด
...บรรยากาศเงียบสงัด...ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจหรือแม้แต่เสียงลมจากเครื่องปรับอากาศ...
ภูผาซึ่งเข้าใจเป็นอย่างดีถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในขณะนี้...ทั้งกับปลายฟ้าและสายน้ำ...เขาได้แต่นั่งนิ่งและสบตาของสายน้ำอย่างลังเลในการตัดสินใจ
“ไปเถอะค่ะ...ไปหาเธอ...”
สายน้ำหลบตาลงก่อนจะเอ่ยแผ่วเบา
“แต่...น้ำ...”
ชายหนุ่มเอ่ยอย่างแปลกใจกับคำพูดที่ได้ยิน
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...เธอกำลังลำบากและอาจต้องการกำลังใจ...ภูไปหาเธอเถอะนะ...”
สายน้ำเอ่ยอย่างยากลำบากเหมือนมีอะไรจุกอยู่ในอก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาด้วยรอยยิ้มที่เธอคิดว่าเป็นรอยยิ้มที่สดใสที่สุด หากแต่ความจริงมันไม่ใช่อย่างนั้นเลยแม้แต่น้อย
“ไม่ต้องเป็นห่วงน้ำ...น้ำอยู่ได้...น้ำบอกคุณตั้งแต่วันแรกที่เราคบกันแล้วไง...น้ำเข้าใจคุณเป็นอย่างดี...และจนถึงวันนี้น้ำก็ยังจะคงเป็นคนที่เข้าใจคุณไม่เปลี่ยนแปลง...ไปเถอะค่ะ”
ภูผามองดวงตาและใบหน้าของสายน้ำอย่างพินิจด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายได้...ต่างออกไปจากที่ผ่านมา...หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าของเขารักเขายิ่งกว่าที่เขาเคยคิดมากนัก...รักจนยอมแม้แต่จะสละความรักของเธอเอง
ภูผาตัดสินใจลุกจากโต๊ะอาหารอย่างลังเลและยากลำบาก...ค่อยๆ เดินออกไปจากประตูร้านอาหาร
ภาพแผ่นหลังของชายอันเป็นที่รักค่อยๆ เดินจากไป...ทุกอย่างจบลงแล้ว...วันที่ไม่อาจฝืนความจริงได้อีกต่อไป...ลาก่อน...ชายที่รักสุดหัวใจ...ความรู้สึกของสายน้ำบอกเธออย่างนั้น...รอยยิ้มกว้างต่อหน้าชายหนุ่มกลับกลายเป็นยิ้มอันเงียบเชียบแก่ตนเอง
เพียงแวบหนึ่งที่ภูผาหันกลับมามองยังโต๊ะอาหาร...ดวงตาอันคุ้นเคยของหญิงสาวซึ่งบัดนี้เอ่อล้นไปด้วยหยดน้ำใสที่กลั่นออกมาจากจิตใจอันอ่อนล้า
...เป็นครั้งแรกที่จิตใจของภูผาสั่นคลอน...ความรู้สึกบาดลึกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...
................
“ขอบคุณนะภู ที่มาหาและติดต่อเดินเรื่องให้ฟ้า”
เสียงอ่อนแรงของร่างกายบนเตียงสีขาวสะอาดเอ่ยขึ้นอย่างยากลำบาก
“ไม่เป็นไรหรอก ภูยินดีทำทุกอย่างให้ฟ้า...ทุกอย่าง...เหมือนที่ผ่านมา...”
ภูผาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สดใสและปลอดโปร่งเมื่อทุกอย่างดูเหมือนจะไม่ร้ายแรงอย่างที่คิด
“ภูคะ...จนถึงวันนี้...ไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน คุณก็ยังคงเป็นเพื่อนที่แสนดี เพื่อนที่ห่วงใยฟ้าไม่เคยเปลี่ยนแปลง...”
ปลายฟ้าบอกกับภูผาด้วยความตื้นตันใจและรอยยิ้มจาง
ภูผายิ้มรับคำปลายฟ้าด้วยแววตาและรอยยิ้มที่สดใสกว่าช่วงเวลาที่ผ่านมา
“ฟ้าครับ...ฟ้าเชื่อไหมครับ...หลังจากวันนั้น...วันที่ความสัมพันธ์ระหว่างเราสามคนเปลี่ยนแปลงไป...วันนี้เป็นวันแรกนับจากนั้นที่ผมกล้าที่จะจ้องมองและสบตากับฟ้าตรงๆ ...”
“ที่ผ่านมาผมก็เพียงแค่เห็นแก่ตัวเท่านั้นเอง ผมมัวแต่โทษโชคชะตาและคิดไปต่างๆ นานา...ถ้าวันนั้นคนที่บอกรักฟ้าเป็นผม...ถ้าวันนั้นตะวันเข้าใจผมและไม่บอกกับผมว่าเขาชอบฟ้า...ทำไมฟ้าถึงไม่เข้าใจในความรักของผมเสียที...คำถามต่างๆ เหล่านั้นมันก็เพียงข้ออ้างในการปิดบังและหลีกหนีความจริงในจิตใจของผม...ผมมัวแต่คาดหวังให้ใครๆ เข้าใจผมเท่านั้น”
น้ำเสียงก้องกังวานอย่างคนคิดได้ยังคงเอ่ยความในใจที่ถูกปลดปล่อย
“แต่ความจริงแล้ว...มันเป็นผมต่างหาก...ผมเองที่ไม่เคยเข้าใจจิตใจของฟ้า...หรือแม้แต่ของใครๆ เลยแม้แต่น้อย...และในวันนี้...ผู้หญิงคนหนึ่งสอนให้ผมรู้จักกับสิ่งๆ นั้น...เธอ...ผู้ซึ่งยอมเข้าใจและอดทนเพื่อผมเสมอมาโดยไม่เคยย่อท้อ...เธอผู้ซึ่งพยายามฉุดดึงและชี้ทางแยกจากอดีตเพื่อที่จะก้าวไปสู่อนาคตให้กับผม”
“ผมมันแต่ยึดติดและเดินตามแต่อดีตของฟ้ากับตะวันโดยไม่ได้สนใจเลยว่าการกระทำของผมได้ทำให้ฟ้าลำบากใจ...และ...ทำให้เธอคนนั้นต้องปวดร้าวมานานแสนนาน”
“ต่อจากนี้ไปจะเป็นผมเองที่จะเป็นฝ่ายเข้าใจคนอื่นๆ บ้าง...และต่อจากนี้คงจะเป็นเวลาซึ่งผมต้องมุ่งหน้าไปสู่อนาคตเสียที...กับคนที่รักผมอย่างสุดหัวใจ...คนในโลกอนาคตของผม...”
รอยยิ้มอย่างจริงใจของคนทั้งสองปรากฏขึ้นพร้อมๆ กัน สายตาภูผาที่มองปลายฟ้าด้วยความรู้สึกเปลี่ยนไป หากแต่กลับทำให้มิตรภาพแห่งความเป็นเพื่อนระหว่างคนทั้งสองงดงามกว่าที่ผ่านมา
................
และ...ที่แห่งหนึ่งในช่วงเวลาแห่งอนาคต...ชายหนุ่มในชุดสูทสวมแหวนสีทองเรืองรองที่นิ้วนางมือซ้ายของหญิงสาวในชุดยาวงดงามสีขาวสะอาดตาก่อนจะโน้มตัวลงเอ่ยอย่างแผ่วเบา
“ขอบคุณนะน้ำ...น้ำทำเพื่อผมและยอมเข้าใจผมมามากพอแล้ว...ต่อจากนี้...และตลอดไป...ขอให้ผมเป็นฝ่ายเข้าใจน้ำและทำเพื่อน้ำบ้างนะ หญิงสาวผู้มากับสายน้ำใสที่คอยหล่อเลี้ยงจิตใจอันเหี่ยวเฉาให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง...หญิงสาวในโลกอนาคตของผม”
สายน้ำยิ้มรับคำของชายหนุ่มด้วยแววตาและรอยยิ้มอันสดใสอย่างแท้จริง น้ำตาแห่งความปีติไหลเอ่อล้นอยู่ในจิตใจของหญิงสาวก่อนที่มืออันแข็งแรงจะรั้งร่างเล็กเข้าโอบกอดด้วยความทะนุทะนอม
...ต่อจากนี้...ทั้งสองจะจูงมือและร่วมกันก้าวไปสู่ความสดใสของวันพรุ่งนี้...
ทางแยก (Original 19-11-2007)
“...พอเถอะค่ะ...หยุดทำอะไรๆ เพื่อฟ้าเสียที...มันก็เพียงทำให้ฟ้ารู้สึกผิดต่อเขา และละอายใจต่อภูมากขึ้นเท่านั้น...”
สิ้นเสียงเอ่ยของหญิงสาว...ดูเหมือนบรรยากาศบนโต๊ะอาหารที่ภูผาและปลายฟ้านั่งอยู่ในขณะนี้เปลี่ยนไปจากเมื่อสักครู่ก่อนหน้านี้อย่างน่าใจหาย...
...สิ่งรอบกายดูเหมือนจะหยุดนิ่ง...ร่างกายเบาโหวงล่องลอยไร้ทิศทาง...หูทั้งสองข้างรับได้แต่เสียงอื้ออึง...สายตาเลื่อนลอยไม่อาจจับจ้องสิ่งใด...
ภูผาก้มหน้าลงกับโต๊ะอย่างยอมรับความจริง
...ไม่ว่าจะใช้เวลานานเท่าใด...แม้ว่าจะทำสิ่งใดๆ ให้ไป...ถึงจะทุ่มเทสักเพียงใด...
สิ่งเหล่านั้นก็ไม่อาจแทรกซึมผ่านกำแพงอันแข็งแกร่งที่ปิดกั้นจิตใจของปลายฟ้า...หญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าของภูผาในขณะนี้ได้
...ตั้งแต่...ชายผู้นั้นจากปลายฟ้าและภูผาไปอย่างไม่มีวันกลับ...
ตะวัน...เพื่อนที่แสนดีของภูผา...และชายคนรักของปลายฟ้า
ความสัมพันธ์ของคนทั้งสามเริ่มต้นด้วยความเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน...แต่...เมื่อวันเวลาผ่านไปความสดใสและร่าเริงของปลายฟ้าทำให้ชายหนุ่มทั้งสองตกหลุมรักเธออย่างไม่รู้ตัว
“เฮ้ย...ภู...เรา...ชอบฟ้าว่ะ...นายช่วยเราหน่อยสิ”
หากแต่เป็นตะวันที่เอ่ยความในใจออกมาก่อน...คำพูดอันไม่คาดคิดที่ออกจากปากของตะวันสร้างความตกใจให้แก่ภูผา และคำพูดนั้นเองที่ทำให้ภูผาต้องถอยฉากออกมาอย่างจำยอม
...หลังจากนั้น...ความสัมพันธ์ของคนทั้งสามก็เปลี่ยนแปลงไป...จากเพื่อนรักสามคนกลับกลายเป็นคู่รักหนึ่งคู่และเพื่อนรักอีกหนึ่งคน...
...ภูผาซึ่งรักปลายฟ้าและตะวันมากทำใจยอมรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้...ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะลงเอยด้วยดี...หากไม่เพียงว่า...ในวันหนึ่งอุบัติเหตุอันไม่คาดคิดที่ผ่านมาจะคร่าชีวิตของตะวันไป...
...และเป็นภูผา...ซึ่งคอยปลอบใจเฝ้าดูแลปลายฟ้าอยู่ไม่ห่าง...วันแล้ววันเล่า...
จิตใจของปลายฟ้าดูเหมือนจะดีขึ้นตามลำดับ...หากแต่ความรู้สึกผิดยังคงก่อตัวอยู่ในจิตใจของเธอไม่จางหายไปเลยแม้แต่น้อย
ภูผาเองก็เช่นกัน...ความใกล้ชิดทำให้เขาเกิดความหวังขึ้นมาอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้
...หากแต่ในเวลานี้...คำพูดอันหนักแน่นชัดเจนของปลายฟ้าทำให้ภูผาเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว...
หญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าของภูผา...ผู้ซึ่งไม่ว่าภูผาจะพยายามร่นระยะทางเพื่อให้ได้เข้าใกล้สักเพียงใด แต่ระยะห่างก็ยังคงเท่าเดิม...ปลายฟ้าก็ยังคงเป็นปลายฟ้าไม่เปลี่ยนแปลง
หากเป็นคนที่ยังมีชีวิต...เขาอาจจะยังคงอดทนต่อสู้เพื่อคนที่รักได้
แต่ตะวัน...ผู้ซึ่งบัดนี้เหลือเพียงความทรงจำเท่านั้น...ความทรงจำจากความรู้สึกผิดมักจะสูงส่งและสวยงามเกินกว่าความเป็นจริงมาก...มากจนภูผาไม่อาจที่จะต่อกรได้อีกต่อไป
“ฟ้ารู้นะคะ...รู้เรื่องทั้งหมด...เกี่ยวกับทั้งตะวัน...และภู...ฟ้ารู้ว่าภูทำทุกอย่างให้ฟ้าด้วยความรักและปรารถนาดีอย่างจริงใจ...แต่ระหว่างเรามันไม่มีทางเป็นอื่นได้มากกว่านี้อีกแล้ว...”
ภูผาเบือนหน้าแสร้งมองบรรยากาศรอบด้านเพื่อปกปิดความอ่อนแอที่เกิดขึ้นในจิตใจ
ตั้งแต่วันนั้น...วันที่ตะวันจากไปอย่างไม่มีวันกลับ...สำหรับปลายฟ้าแล้ว นั่นอาจจะหมายถึงค่ำคืนซึ่งจะไม่มีแสงสว่างจากดวงตะวันส่องลงมาให้เกิดกลางวันอีกต่อไป
...ปลายฟ้าหยุดเวลาของตัวเองไว้เพียงแค่นั้น...เธอ...ผู้มีชีวิตอยู่ในห้วงเวลาของอดีต...
...และตั้งแต่วันนั้นเช่นกัน...ภูผาก็เป็นได้เพียงผู้ที่เดินตามรอยอดีตของคนทั้งสองเท่านั้น...ผู้ที่เสาะหาทางแยกจากความทรงจำในอดีตของปลายฟ้าและตะวัน...
...............
“ภู...ภูคะ....ภู”
เสียงหญิงสาวตรงหน้าดังขึ้นดึงภูผาออกจากภวังค์
“น้ำเรียกนานแล้ว...ภูเป็นอะไรรึเปล่าคะ”
เสียงของสายน้ำเอ่ยถามหลังจากสังเกตเห็นความผิดปกติของภูผา ชายหนุ่มซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอาหาร
“เอ่อ...เปล่าจ๊ะ...ผมคิดอะไรนิดหน่อย...เมื่อกี้น้ำว่าอะไรนะจ๊ะ”
ภูผาเอ่ยขึ้น...ดวงตาและสีหน้ายังคงเรียบเฉย
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ...เรากินกันต่อเถอะ”
สายน้ำตอบเสียงแผ่วเบาก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานอาหารต่อด้วยบรรยากาศอันเงียบเชียบ
...สายน้ำมองเห็นความทุกข์เจืออยู่ในแววตาของภูผาจากที่มองลึกเข้าไปในดวงตาเพียงแวบหนึ่งเมื่อสักครู่...
ความรู้สึกบางอย่างกรีดลึกอยู่ในจิตใจของหญิงสาว...ความรู้สึกที่คุ้นเคยมาตลอดระยะเวลานานตั้งแต่สายน้ำคบกับภูผาในฐานะที่หญิงสาวเองก็ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าคืออะไร
...นานมากจนบ่อยครั้งครั้งที่สายน้ำคิดว่าเธอน่าจะเคยชินและยอมรับมันได้แล้ว...หากแต่...มันไม่เคยเป็นอย่างนั้นได้เลยสักครั้ง...
...หญิงสาวก้มหน้าและยิ้มจางๆ อย่างเงียบเชียบ...
...จนถึงวันนี้...ภูผาก็ยังไม่เคยลืมเธอคนนั้น...เธอผู้เป็นรักครั้งแรกของเขา...
สายน้ำรู้เรื่องราวต่างๆ ของภูผาดี...ในครั้งนั้นเธอได้แต่เฝ้ามองความสัมพันธ์และความร่าเริงของคนทั้งสามอยู่ห่างๆ...ความประทับใจในใครบางคนถูกเก็บไว้ในจิตใจของสายน้ำนับแต่นั้นเป็นต้นมา
สายน้ำเห็นทั้งความปวดร้าวและความมั่นคงในจิตใจของภูผามาตลอดระยะเวลานานแสนนาน...เธอเฝ้าหวังในสิ่งเดียวกันจากภูผาในสิ่งที่เขาได้กระทำให้กับเธอคนนั้น
...หากแต่สิ่งนั้นที่สายน้ำหวัง มันดูช่างยากเย็นและลางเลือนเหลือเกิน...ก็ในเมื่อจิตใจของภูผามีเพียงเธอคนนั้น...
...สายตาห่วงใยซึ่งเจือด้วยความปวดร้าวของสายน้ำเฝ้าจับจ้องภูผาอยู่ห่างๆ เสมอมาไม่เคยเปลี่ยนแปลง...
จวบจนวันนั้นมาถึง...วันที่ภูผาเดินอย่างเลื่อนลอยออกมาจากร้านอาหาร...ดวงตาแดงและขอบตาซึ่งคลอด้วยน้ำตา
และเป็น...มือเล็กๆ ของสายน้ำที่เข้าไปโอบอุ้มหัวใจของภูผาในวันนั้น...จนเกิดความสัมพันธ์ในวันนี้
สักวันภูผาจะลืมเลือนเรื่องราวในอดีต...ความคิดในจิตใจของสายน้ำ
...แต่จนถึงวันนี้...ภูผาก็ยังไม่อาจลืมเลือนความสวยงามในอดีตของเธอคนนั้นได้...
ถึงแม้ว่าสายน้ำจะเข้าใจและยอมรับในเรื่องราวของภูผาเป็นอย่างดี...แต่สิ่งต่างๆ เหล่านั้นค่อยๆ ส่งผลกระทบต่อจิตใจของเธอให้บอบช้ำมากขึ้นทีละน้อยอย่างที่เธอไม่รู้ตัว
...ผู้ชายชื่อภูผาที่นั่งอยู่ตรงหน้าของเธอในขณะนี้ช่างมีจิตใจมั่นคงดั่งเช่นชื่อของเขา...ชายผู้ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตเลยแม้แต่น้อย...
...ทั้งๆ ที่สายน้ำมองหน้าภูผาซึ่งห่างกันแค่เพียงฝั่งของโต๊ะอาหาร...
...ความฝันในอนาคตที่เคยเปล่งประกายอยู่ในดวงตาของสายน้ำ...บัดนี้...มันดูเลือนรางเต็มที...ภาพของชายในมโนภาพที่ยืนคู่กับเธอในวันวิวาห์ช่างดูห่างไกลจนไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนอีกต่อไป...
...............
ภูผาก้มหน้าและล้วงมือลงไปหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกงหลังจากที่ได้ยินเสียงเพียงครู่หนึ่ง
“สวัสดีครับ...ครับ...ครับ...ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้ครับ”
ภูผาสนทนากับเสียงปลายสายครู่หนึ่งก่อนที่จะวางสายและหันมายังสายน้ำซึ่งสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ ที่อีกฝั่งของโต๊ะอาหาร
“...แม่ของฟ้าโทรมา...ฟ้า...โดนรถชน...ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล...”
ภูผาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่แสดงความเครียดออกมาอย่างเห็นได้ชัด
...บรรยากาศเงียบสงัด...ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจหรือแม้แต่เสียงลมจากเครื่องปรับอากาศ...
ภูผาซึ่งเข้าใจเป็นอย่างดีถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในขณะนี้...ทั้งกับปลายฟ้าและสายน้ำ...เขาได้แต่นั่งนิ่งและสบตาของสายน้ำอย่างลังเลในการตัดสินใจ
“ไปเถอะค่ะ...ไปหาเธอ...”
สายน้ำหลบตาลงก่อนจะเอ่ยแผ่วเบา
“แต่...น้ำ...”
ชายหนุ่มเอ่ยอย่างแปลกใจกับคำพูดที่ได้ยิน
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...เธอกำลังลำบากและอาจต้องการกำลังใจ...ภูไปหาเธอเถอะนะ...”
สายน้ำเอ่ยอย่างยากลำบากเหมือนมีอะไรจุกอยู่ในอก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาด้วยรอยยิ้มที่เธอคิดว่าเป็นรอยยิ้มที่สดใสที่สุด หากแต่ความจริงมันไม่ใช่อย่างนั้นเลยแม้แต่น้อย
“ไม่ต้องเป็นห่วงน้ำ...น้ำอยู่ได้...น้ำบอกคุณตั้งแต่วันแรกที่เราคบกันแล้วไง...น้ำเข้าใจคุณเป็นอย่างดี...และจนถึงวันนี้น้ำก็ยังจะคงเป็นคนที่เข้าใจคุณไม่เปลี่ยนแปลง...ไปเถอะค่ะ”
ภูผามองดวงตาและใบหน้าของสายน้ำอย่างพินิจด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายได้...ต่างออกไปจากที่ผ่านมา...หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าของเขารักเขายิ่งกว่าที่เขาเคยคิดมากนัก...รักจนยอมแม้แต่จะสละความรักของเธอเอง
ภูผาตัดสินใจลุกจากโต๊ะอาหารอย่างลังเลและยากลำบาก...ค่อยๆ เดินออกไปจากประตูร้านอาหาร
ภาพแผ่นหลังของชายอันเป็นที่รักค่อยๆ เดินจากไป...ทุกอย่างจบลงแล้ว...วันที่ไม่อาจฝืนความจริงได้อีกต่อไป...ลาก่อน...ชายที่รักสุดหัวใจ...ความรู้สึกของสายน้ำบอกเธออย่างนั้น...รอยยิ้มกว้างต่อหน้าชายหนุ่มกลับกลายเป็นยิ้มอันเงียบเชียบแก่ตนเอง
เพียงแวบหนึ่งที่ภูผาหันกลับมามองยังโต๊ะอาหาร...ดวงตาอันคุ้นเคยของหญิงสาวซึ่งบัดนี้เอ่อล้นไปด้วยหยดน้ำใสที่กลั่นออกมาจากจิตใจอันอ่อนล้า
...เป็นครั้งแรกที่จิตใจของภูผาสั่นคลอน...ความรู้สึกบาดลึกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...
................
“ขอบคุณนะภู ที่มาหาและติดต่อเดินเรื่องให้ฟ้า”
เสียงอ่อนแรงของร่างกายบนเตียงสีขาวสะอาดเอ่ยขึ้นอย่างยากลำบาก
“ไม่เป็นไรหรอก ภูยินดีทำทุกอย่างให้ฟ้า...ทุกอย่าง...เหมือนที่ผ่านมา...”
ภูผาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สดใสและปลอดโปร่งเมื่อทุกอย่างดูเหมือนจะไม่ร้ายแรงอย่างที่คิด
“ภูคะ...จนถึงวันนี้...ไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน คุณก็ยังคงเป็นเพื่อนที่แสนดี เพื่อนที่ห่วงใยฟ้าไม่เคยเปลี่ยนแปลง...”
ปลายฟ้าบอกกับภูผาด้วยความตื้นตันใจและรอยยิ้มจาง
ภูผายิ้มรับคำปลายฟ้าด้วยแววตาและรอยยิ้มที่สดใสกว่าช่วงเวลาที่ผ่านมา
“ฟ้าครับ...ฟ้าเชื่อไหมครับ...หลังจากวันนั้น...วันที่ความสัมพันธ์ระหว่างเราสามคนเปลี่ยนแปลงไป...วันนี้เป็นวันแรกนับจากนั้นที่ผมกล้าที่จะจ้องมองและสบตากับฟ้าตรงๆ ...”
“ที่ผ่านมาผมก็เพียงแค่เห็นแก่ตัวเท่านั้นเอง ผมมัวแต่โทษโชคชะตาและคิดไปต่างๆ นานา...ถ้าวันนั้นคนที่บอกรักฟ้าเป็นผม...ถ้าวันนั้นตะวันเข้าใจผมและไม่บอกกับผมว่าเขาชอบฟ้า...ทำไมฟ้าถึงไม่เข้าใจในความรักของผมเสียที...คำถามต่างๆ เหล่านั้นมันก็เพียงข้ออ้างในการปิดบังและหลีกหนีความจริงในจิตใจของผม...ผมมัวแต่คาดหวังให้ใครๆ เข้าใจผมเท่านั้น”
น้ำเสียงก้องกังวานอย่างคนคิดได้ยังคงเอ่ยความในใจที่ถูกปลดปล่อย
“แต่ความจริงแล้ว...มันเป็นผมต่างหาก...ผมเองที่ไม่เคยเข้าใจจิตใจของฟ้า...หรือแม้แต่ของใครๆ เลยแม้แต่น้อย...และในวันนี้...ผู้หญิงคนหนึ่งสอนให้ผมรู้จักกับสิ่งๆ นั้น...เธอ...ผู้ซึ่งยอมเข้าใจและอดทนเพื่อผมเสมอมาโดยไม่เคยย่อท้อ...เธอผู้ซึ่งพยายามฉุดดึงและชี้ทางแยกจากอดีตเพื่อที่จะก้าวไปสู่อนาคตให้กับผม”
“ผมมันแต่ยึดติดและเดินตามแต่อดีตของฟ้ากับตะวันโดยไม่ได้สนใจเลยว่าการกระทำของผมได้ทำให้ฟ้าลำบากใจ...และ...ทำให้เธอคนนั้นต้องปวดร้าวมานานแสนนาน”
“ต่อจากนี้ไปจะเป็นผมเองที่จะเป็นฝ่ายเข้าใจคนอื่นๆ บ้าง...และต่อจากนี้คงจะเป็นเวลาซึ่งผมต้องมุ่งหน้าไปสู่อนาคตเสียที...กับคนที่รักผมอย่างสุดหัวใจ...คนในโลกอนาคตของผม...”
รอยยิ้มอย่างจริงใจของคนทั้งสองปรากฏขึ้นพร้อมๆ กัน สายตาภูผาที่มองปลายฟ้าด้วยความรู้สึกเปลี่ยนไป หากแต่กลับทำให้มิตรภาพแห่งความเป็นเพื่อนระหว่างคนทั้งสองงดงามกว่าที่ผ่านมา
................
และ...ที่แห่งหนึ่งในช่วงเวลาแห่งอนาคต...ชายหนุ่มในชุดสูทสวมแหวนสีทองเรืองรองที่นิ้วนางมือซ้ายของหญิงสาวในชุดยาวงดงามสีขาวสะอาดตาก่อนจะโน้มตัวลงเอ่ยอย่างแผ่วเบา
“ขอบคุณนะน้ำ...น้ำทำเพื่อผมและยอมเข้าใจผมมามากพอแล้ว...ต่อจากนี้...และตลอดไป...ขอให้ผมเป็นฝ่ายเข้าใจน้ำและทำเพื่อน้ำบ้างนะ หญิงสาวผู้มากับสายน้ำใสที่คอยหล่อเลี้ยงจิตใจอันเหี่ยวเฉาให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง...หญิงสาวในโลกอนาคตของผม”
สายน้ำยิ้มรับคำของชายหนุ่มด้วยแววตาและรอยยิ้มอันสดใสอย่างแท้จริง น้ำตาแห่งความปีติไหลเอ่อล้นอยู่ในจิตใจของหญิงสาวก่อนที่มืออันแข็งแรงจะรั้งร่างเล็กเข้าโอบกอดด้วยความทะนุทะนอม
...ต่อจากนี้...ทั้งสองจะจูงมือและร่วมกันก้าวไปสู่ความสดใสของวันพรุ่งนี้...