ความเข้าใจเรื่อง นิพพาน ท่านอยู่ในกลุ่มไหน
ขอสำรวจความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่องนิพพาน เพราะเห็นมีการถกเถียงกันในหลายกระทู้ที่ผ่านมา อย่างหลากหลายความคิดเห็น ผมจึงอยากจัดกลุ่ม โดยไม่คิดว่าใครผิดใครถูก
ขออนุเคราะห์ท่านให้คำตอบ ตามข้อให้เลือกให้ครบก่อนแล้วค่อย อธิบายว่าทำไมท่านตอบอย่างนั้น หรือไม่ต้องอธิบายก็ได้
ผมจะนำมาจัดกลุ่มความเชื่อ ว่าชาวพุทธเราเชื่อ เรื่องนิพพาน ต่างกันกี่กลุ่ม มิได้สร้างความขัดแย้งไดๆ
1 นิพพานเป็นนามธาตุหรือไม่
ก. นิพพานเป็นนามธาตุ อยู่ในตัวเราทุกคน
ข. นิพพานเป็นนามธาตุ อยู่ข้างนอกตัวเรา
ค. นิพพานไม่ได้เป็นนามธาตุ นิพพานเป็นสภาวะที่ไม่ได้อยู่ในตัวเรา
ง. นิพพานไม่ได้เป็นนามธาตุ นิพพานเป็นสภาวะอันหนึ่ง ที่อยู่ในตัวเรา
จ. นิพพานไม่ได้เป็นนามธาตุ นิพพานเป็นเพียงชื่อเรียกสภาวะอันหนึ่งเท่านั้น
ฉ. นิพพาน เป็นสถานที่ เป็นดินแดนแห่งหนึ่ง
ช. ไม่มีข้อไดถูก
2 จิตกับนิพพาน สัมพันธ์กันอย่างไร
ก. เมื่อ บรรลุธรรมสูงสุด ซึ่งหมายถึงการขัดเกลากิเลสจนหมดจากจิต จิตก็จะกลายเป็นอมตะ เรียกว่าจิตเดิมแท้ จิตจึงกลายเป็นนิพพานธาตุ
ข. เมื่อบรรลุธรรมสูงสุด โดยการตรัสรู้ด้วยญาณว่าจิตก็มีลักษณะไตรลักษณ์ กิเลสสังโยชน์ที่ผูก จิต กับ นิพพานธาตุ ก็ถูกตัดขาดจากกัน
ตัวนิพพานธาตุก็ไม่มีสิ่งร้อยรัด เรียกว่านิโรจน์ เมื่อจิตไม่มีสิ่งยึด จิตก็คลายกำหนัด จิตก็ละกิเลสได้
ค. เมื่อบรรลุธรรมสูงสุด ซึ่งหมายถึงการที่จิตเข้าไปรู้สภาวะนิพพาน แล้วเกิดการคลายกำหนัด และละกิเลสจากจิตได้หมด
ง. ไม่มีข้อถูก
3 ถ้าท่านตอบว่า จิตเป็นนามธาตุชนิดหนึ่งที่อยู่ในตัวเรา ถามว่าจิตมีการรับรู้ที่เรียกว่าอายตนะหรือไม่
ก. มีเช่น การรู้สึกตัว เป็นต้น
ข. ไม่มี เฉยๆไม่รู้สึกอะไร
4 เมื่อพระอรหันต์ ท่านเสียชีวิต ก็ไม่เกิดอีกใน อะไรจะเหลือ
ก. ไม่มีอะไรเหลือ
ข. มีนิพพานธาตุเหลือ และยังมีความรู้สึก ที่เรียกว่า อายตนะนิพพาน
ค. มีนิพพานธาตุเหลือ แต่ไม่มีความรู้สึกไดๆ
ง. มีจิตที่เป็นเดิมแท้เหลือ และมีความรับรู้ได้
จ. มีจิตที่เป็นเดิมแท้เหลือ แต่ไม่มีการรับรู้ไดๆ
ฉ. ตายแล้วสูญ ไม่มีอะไรเหลือ
ช. ไม่มีข้อถูก
5 เรื่องนิพพาน ควรศึกษาหรือไม่
ก. ควรศึกษาเพราะเป็นหัวใจพระพุทธศาสนา
ข. ควรศึกษาเพราะ การเข้าใจที่ถูกต้อง เป็นสัมมาทิฐิ เป็นฐานของการวางจิตในการปฏิบัติ
ค. ไม่ควรศึกษา เพราะไกลตัวเกินไป เอาที่ใกล้ๆดีกว่า
ง. ไม่ควรศึกษา เพราะ ทำให้ทะเลาะกัน
จ. ไม่ควรศึกษาเพราะไม่มีประโยชน์
ความเข้าใจเรื่อง นิพพาน ท่านอยู่ในกลุ่มไหน
ขอสำรวจความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่องนิพพาน เพราะเห็นมีการถกเถียงกันในหลายกระทู้ที่ผ่านมา อย่างหลากหลายความคิดเห็น ผมจึงอยากจัดกลุ่ม โดยไม่คิดว่าใครผิดใครถูก
ขออนุเคราะห์ท่านให้คำตอบ ตามข้อให้เลือกให้ครบก่อนแล้วค่อย อธิบายว่าทำไมท่านตอบอย่างนั้น หรือไม่ต้องอธิบายก็ได้
ผมจะนำมาจัดกลุ่มความเชื่อ ว่าชาวพุทธเราเชื่อ เรื่องนิพพาน ต่างกันกี่กลุ่ม มิได้สร้างความขัดแย้งไดๆ
1 นิพพานเป็นนามธาตุหรือไม่
ก. นิพพานเป็นนามธาตุ อยู่ในตัวเราทุกคน
ข. นิพพานเป็นนามธาตุ อยู่ข้างนอกตัวเรา
ค. นิพพานไม่ได้เป็นนามธาตุ นิพพานเป็นสภาวะที่ไม่ได้อยู่ในตัวเรา
ง. นิพพานไม่ได้เป็นนามธาตุ นิพพานเป็นสภาวะอันหนึ่ง ที่อยู่ในตัวเรา
จ. นิพพานไม่ได้เป็นนามธาตุ นิพพานเป็นเพียงชื่อเรียกสภาวะอันหนึ่งเท่านั้น
ฉ. นิพพาน เป็นสถานที่ เป็นดินแดนแห่งหนึ่ง
ช. ไม่มีข้อไดถูก
2 จิตกับนิพพาน สัมพันธ์กันอย่างไร
ก. เมื่อ บรรลุธรรมสูงสุด ซึ่งหมายถึงการขัดเกลากิเลสจนหมดจากจิต จิตก็จะกลายเป็นอมตะ เรียกว่าจิตเดิมแท้ จิตจึงกลายเป็นนิพพานธาตุ
ข. เมื่อบรรลุธรรมสูงสุด โดยการตรัสรู้ด้วยญาณว่าจิตก็มีลักษณะไตรลักษณ์ กิเลสสังโยชน์ที่ผูก จิต กับ นิพพานธาตุ ก็ถูกตัดขาดจากกัน
ตัวนิพพานธาตุก็ไม่มีสิ่งร้อยรัด เรียกว่านิโรจน์ เมื่อจิตไม่มีสิ่งยึด จิตก็คลายกำหนัด จิตก็ละกิเลสได้
ค. เมื่อบรรลุธรรมสูงสุด ซึ่งหมายถึงการที่จิตเข้าไปรู้สภาวะนิพพาน แล้วเกิดการคลายกำหนัด และละกิเลสจากจิตได้หมด
ง. ไม่มีข้อถูก
3 ถ้าท่านตอบว่า จิตเป็นนามธาตุชนิดหนึ่งที่อยู่ในตัวเรา ถามว่าจิตมีการรับรู้ที่เรียกว่าอายตนะหรือไม่
ก. มีเช่น การรู้สึกตัว เป็นต้น
ข. ไม่มี เฉยๆไม่รู้สึกอะไร
4 เมื่อพระอรหันต์ ท่านเสียชีวิต ก็ไม่เกิดอีกใน อะไรจะเหลือ
ก. ไม่มีอะไรเหลือ
ข. มีนิพพานธาตุเหลือ และยังมีความรู้สึก ที่เรียกว่า อายตนะนิพพาน
ค. มีนิพพานธาตุเหลือ แต่ไม่มีความรู้สึกไดๆ
ง. มีจิตที่เป็นเดิมแท้เหลือ และมีความรับรู้ได้
จ. มีจิตที่เป็นเดิมแท้เหลือ แต่ไม่มีการรับรู้ไดๆ
ฉ. ตายแล้วสูญ ไม่มีอะไรเหลือ
ช. ไม่มีข้อถูก
5 เรื่องนิพพาน ควรศึกษาหรือไม่
ก. ควรศึกษาเพราะเป็นหัวใจพระพุทธศาสนา
ข. ควรศึกษาเพราะ การเข้าใจที่ถูกต้อง เป็นสัมมาทิฐิ เป็นฐานของการวางจิตในการปฏิบัติ
ค. ไม่ควรศึกษา เพราะไกลตัวเกินไป เอาที่ใกล้ๆดีกว่า
ง. ไม่ควรศึกษา เพราะ ทำให้ทะเลาะกัน
จ. ไม่ควรศึกษาเพราะไม่มีประโยชน์