เรื่องสั้นวันพุธ (20 ก.พ. 62) : เหตุผลอีกข้อหนึ่ง

เรื่องสั้นวันพุธ : เหตุผลอีกข้อหนึ่ง
โดย ลิอ่อง

    รอยยิ้มของหญิงวัยกลางคนในภาพถ่ายบนหิ้งเล็กที่ตอกติดผนังเรือนคล้ายกับจะทำให้เขายิ้มตอบเมื่อแลไปสบดวงตาในภาพพอดิบพอดี ผู้หญิงวัยสี่สิบเศษตัดผมสั้นเหน็บใบหู ผิวของเธอคล้ำจัดตัดกับสีเสื้อเชิ้ตที่สวมอยู่ แต่ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มกว้าง ยิ้มทั้งตายิ้มทั้งใจ ในวันที่ใครบางคนบันทึกภาพนี้ไว้ให้ครั้งที่เตรียมงานบวชลูกชาย เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน

    แล้วเขาเล่า วันนั้น เขามัวไปอยู่ที่ไหนเสีย...ถ้าไม่เช่นนั้น เขาน่าจะมีภาพถ่ายคู่กับเมียของตัวเองบ้างสักใบหนึ่ง

        เขามองภาพเมียอีกครั้งก่อนจะใช้ผ้าขาวม้าที่พันกายอยู่ ดึงขึ้นมาเช็ดหยดน้ำบนใบหน้า ต้นคอ ไหล่ และแผ่นหลัง หยิบกระป๋องแป้งฝุ่นหอมที่ลูกสาวซื้อมาไว้ให้เขย่าลงบนฝ่ามือก่อนลูบไล้ตามเนื้อตัวทั้งบนและล่าง ลมพัดผ่านเข้ามาทางจั่วบ้านวูบหนึ่ง ค่ำนี้อาจจะมีฝนลงมา ทางการประกาศเตือน เพราะอากาศร้อนจัดเต็มที จนทำให้เขาได้ใบไม้แห้งกรอบสำหรับนำไปใส่เป็นปุ๋ยในท้องนาตั้งหลายกระสอบ

    และถ้าเมียของเขายังอยู่ นางก็จะเป็นคนคอยเก็บรวบรวมถุงประดามีสารพัดถุง เพื่อมาโกยซากใบไม้เหล่านั้นใส่เข้าไป ก่อนจะมัดปากให้แน่น แล้วจัดลงรถเข็นเล็กเพื่อรุนไปแก้มัดปากถุงออก แล้วเทใส่ผืนนา ทั้งที่สภาพสังขารของนางก็ไม่ค่อยดีนัก เพราะเป็นแหล่งรวมสรรพโรคที่ค่อยๆ คุกคามเข้าใกล้ชีวิตมากเข้าทุกที

         ถึงกระนั้น นางก็ยังไม่เคยปฏิเสธงานหุงต้มในครัวที่มีเจ้าภาพมาตามไปที่โน่นที่นี่ ทั้งที่มาบอกด้วยวาจาเพราะอยู่ภายในละแวกหมู่บ้านนี้ กับที่นำรถมารับออกไปนอกเขตตำบลก็บ่อยครั้ง และเขาก็ไม่เคยห้ามปรามได้ จนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายของนาง

         ถ้าหากว่าลูกชายของเขาไม่ตายเร็วนัก อาการของผู้เป็นแม่ก็คงไม่ทรุดตามไปไวขนาดนี้ เขาทอดสายตาลงที่พื้นกระดาน มันมีช่องให้มองลอดถึงพื้นดินใต้ถุนบ้าน ร่างผอมบางของลูกชายที่ใบหน้าพิมพ์เดียวกับเขามักนอนกลิ้งเกลือกอยู่บนนั้นด้วยฤทธิ์เหล้า เป็นภาพเดียวกันกับเขาในอดีต  

         ทั้งเมียและเขาต่างเคยนึกเสียดายเงินกู้จากการจำนองที่นาร่วมเจ็ดหมื่นบาท ซึ่งถูกแปรเป็นค่าเนื้อหมู เนื้อไก่ พืชผัก น้ำอัดลม รวมทั้งเหล้าเบียร์ในงานบวชลูกชายที่มีเพียงคนเดียว ด้วยเหตุผลอันใดไม่มีใครรู้ ครั้นสึกออกมา เจ้าหนุ่มกลับเดินตามรอยเก่าของพ่อแบบไม่ยอมเหลียวหลัง แม้ผู้เป็นพ่ออย่างเขาจะขว้างขวดเหล้าและแก้วทิ้งลงถังขยะไปเกือบสิบปีแล้วก็ตาม แต่เจ้าลูกชายกลับนอนกอดขวดเหล้าแสดงสีหน้าสุขสมราวกับได้กอดหมอนข้าง

         ความเมามายที่มาพร้อมกับความประมาทพาให้รถจักรยานยนต์ของเขาไถลตกถนนในคืนหนึ่ง กลายเป็นชายกึ่งพิการ ต้องลาออกจากงาน และเมียขอแยกทางทั้งที่มีลูกด้วยกันแล้วคนหนึ่ง และนับจากนั้น เขาก็ไม่เคยพาชีวิตปีนไต่ขึ้นไปสูงกว่านี้ได้อีก

         ความใจอารีมีเมตตาของแม่ไม่อาจฉุดดึงเจ้าลูกชายขึ้นจากหลุมพรางที่เป็นกับดักของตัวเอง ขณะที่ความเมินเฉยเพราะความขมขื่นของพ่อกลับยิ่งทำให้เรื่องเลวร้ายมากขึ้น จนถึงวันที่มีคนมาตามเขาที่บ้าน บอกว่าลูกชายขี้เมานอนตายอยู่ที่กระท่อมนา รอยแผลจากขวานที่จามบนกะโหลกด้านหลังคือหลักฐานที่นำไปสู่คนก่อเหตุซึ่งเป็นเพื่อนร่วมวงน้ำเมาด้วยกันนั่นเอง    

         หลังจากงานศพลูกชายผ่านไปเพียงสองเดือน เมียของเขาก็ตายตามไปด้วยอาการกำเริบของโรคหนึ่งที่มีอยู่แล้วในตัว แทบจะเรียกว่าปิดฉากชีวิตหม่นเศร้าของครอบครัวชาวนาอย่างเขากับเมียซึ่งร่วมชีวิตไถหว่านมาด้วยกันสี่สิบกว่าปี กับหนี้เหยียบแสนพร้อมกับตัวบ้านที่ทรุดโทรม

         ความตายของเมียกับลูกชายของเขาช่วยสลายตัวเลขหนี้สินให้กลายเป็นศูนย์ มันเหมือนการยกของหนักอึ้งออกไปจากอก แต่ก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ในที่โล่งเพียงลำพัง ยังไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญกับสิ่งใดๆ ต่อไปอีก ทั้งที่ลูกสาวคนเดียวของเขากับผัวหล่อนก็ยังอยู่ด้วยกันในบ้านอีกหลังที่ห่างกันไม่ถึงยี่สิบก้าว พวกเขายังไม่มีลูก และมีวิถีผัวเมียในแบบที่เขาเองก็ไม่ค่อยเข้าใจ หล่อนตื่นสายมาก ไม่ใคร่จะอยากหุงหาอาหารกินเอง ในขณะที่ผัวชอบเล่นไก่ชน และหายหน้ากลับไปบ้านพ่อแม่ของตัวเองในจังหวัดข้างเคียงบ่อยครั้ง

          เขาแลหาเสื้อที่แขวนไว้กับหัวตะปูบนฝาเรือน ตอนนี้มีอยู่สามสี่ตัวทั้งแขนสั้น แขนยาว สีอ่อนจาง และสีสดแจ่มจ้าที่คนแถวบ้านเคยส่งเสียงกระเซ้าดังๆ

          “แหม สีเสื้อแสบตาดีแท้ กะให้รถแลเห็นตอนเดินข้ามถนนรึไงลุง”    

          น้อยครั้งที่จะมีเสียงตอบจากเขา นอกจากเสียงหัวเราะในลำคอ วันนี้เขาเลือกหยิบมันมาสวมอีกครั้ง และใส่กางเกงขายาวสีขาวตัวที่ชอบใส่ไปช่วยงานบุญในหมู่บ้าน ยื่นหน้าเข้าไปหาบานกระจกเงา มองดูเส้นผมสีขาวที่เหลืออยู่หร็อมแหร็มอันทำให้กลายเป็นคนหัวล้านโดยไม่พึงปรารถนา แต่เขาก็หยิบกล่องใส่น้ำมันแต่งผมมาเปิดฝาออก และใช้นิ้วป้ายส่วนผสมภายในนั้นออกมาเล็กน้อยก่อนจะเอาไปทาเส้นผมให้ทั่วแล้วใช้หวีจัดทรงที่เห็นว่าน่าดู

          เพราะ...เขายังต้องเป็นแขกของผู้หญิงคนหนึ่ง หล่อนเป็นม่าย และยังไม่มีทีท่าตกลงปลงใจกับใคร ทั้งที่จริตของหล่อนชวนให้รู้สึกว่ากร้านกล้าผู้ชาย และผ่านบางอาชีพมาแล้วจากสวรรค์ของนักท่องเที่ยวต่างชาติในเมืองใหญ่ริมทะเลภาคตะวันออก

          ภายในวงไฮโลคืนหนึ่งครั้งที่มีงานวัดประจำหมู่บ้านเมื่อหลายเดือนมาแล้ว ความรู้สึกจากก้นบึ้งของหล่อนผู้นี้ส่งผ่านแววตาบนใบหน้าที่แต่งด้วยสีสันและกลิ่นจากเครื่องสำอางเพื่อสื่อสารกับเขาอย่างเปิดเผย วินาทีนั้น ความร้อนผ่าวและเย็นยะเยือกพากันถาโถมเข้ามาหาเขาพร้อมๆ กันดังที่ไม่เคยเป็นมาก่อน วัยวันเจ็ดสิบต้นๆ ของเขากำลังสั่นคลอนจากแรงท้าทายของเพศตรงข้ามที่แม้ไม่ใช่หญิงสาว แต่หล่อนก็มีรูปกายอันชวนให้เหล่าผู้ชายคิดสัมผัส และมันก็หนักหน่วงมากพอที่ทำให้ในเวลาต่อมาเขาต้องตัดสินใจพิสูจน์และค้นหาว่า เป็นดังเช่นที่คิดหรือไม่

          เมียของเขาอาจจะรู้ หรือไม่รู้ ทว่า นางก็จากเขาไปแล้ว โดยไม่เคยมีความคลางแคลงใจใดๆ ในประเด็นเหล่านี้ รวมทั้งการที่เขามักอาบน้ำแต่งตัวออกจากบ้านไปยามโพล้เพล้ และกลับมาอีกครั้งเมื่อเข็มนาฬิกาบอกเวลาจวนเจียนจะเข้าวันใหม่

          เขาก้าวเท้าเดินออกจากลานบ้านด้วยความครึ้มใจที่จวบถึงวันนี้มันได้กลายเป็นกิจวัตรของตนเองไปเสียแล้ว และดูจะเป็นเหตุผลอีกข้อหนึ่งสำหรับเขาในการมีชีวิตอยู่ นอกเหนือไปจากลูกสาวคนเดียวของเขาที่มักตื่นสายคนนั้น


                                                                           .........................................


(กุมภาพันธ์ 2562)
(ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านค่ะ และขออภัยที่หายไปบ้างด้วยความไม่พร้อม เช่น สัปดาห์หน้าก็จะต้องหายไปอีก 1 ครั้งค่ะ เนื่องจากกิจกรรมเจริญสติที่ผู้เขียนมีส่วนร่วมกับเครือข่าย รอพบกันใหม่วันพุธที่ 6 มีนาคมนะคะ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่