มันบอกได้หลายๆอย่าง
1 เทคโนโลยีมือถือกำลังตัน คนเลยไม่คิดจะเปลี่ยนเครื่อง ไม่พังก็ใช้ๆไป
2 คนประหยัดเงิน อะไรไม่จำเป็นก็ตัดๆไป ยิ่งได้เหตุผล จากการสนับสนุนของข้อ 1 ยิ่งทำให้คิดง่ายขึ้น
3 มือถือเรือธงจากค่ายใหญ่ทั้งหลาย ราคาสูงจนรับไม่ได้ ใครที่มีตัวเรือธงรุ่นเก่าอยู่ ก็ไม่รู้จะเปลี่ยนทำไม กล้องก็ไม่ต่าง เทคโนโลยีกผ้ไม่ว้าว ว้าวก็แต่ราคา
4 กำลังซื้อหดตัว หนี้บาน สภาพความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ บรรยากาศที่ไม่เป็นใจ
มากกว่ามือถือ ตอนนี้ได้ข่าวที่จีนเองก็ยอดขายรถตกแล้วเหมือนกัน บ้านเรายอดขายรถปีที่ผ่านมาถือว่า ดีมาก
ปีนี้คงยากที่จะดีกว่าปีที่แล้ว
การเติบโตของเศรษฐกิจด้วยหนี้ กำลังไปต่อไม่ไหวทั้งในบ้านเรา และระดับโลก
โลกเองก็ถูกบิดเบือนด้วยภาวะดอกต่ำมานานมาก มากจนเกินไปแล้ว แต่ขึ้นไม่ได้ ขึ้นปุ๊บตลาดพังทันที
สภาพแบบนี้เหมือนตอนเราต้มยำกุ้งนิดๆ ที่ใช้นโยบายค่าเงิน fixed rate มีคนอุ้มค่าเงินไว้ให้จนอมเลือดไม่ไหวจนระเบิด
ดอกต่ำก็เช่นกัน มันฝืนธรรมชาติมานานแล้ว แต่ไม่มีใครกล้าไปทำให้มันอยู่ในจุดที่ควรจะเป็น เพราะไม่มีใครอยากเป็นแพะ
แพะที่ได้ชื่อว่า เป็นคนทำให้ตลาดพัง (ทั้งที่คนทำพังมันคือคนคิด QE นั้นคือป๋าเบน เบอร์นันเก้นั้นเอง)
ตราบใดที่ตลาดยังไม่พัง ก็เล่นไป แต่ยังเหมือนเดิม ไม่ถือยาว สภาพตอนนี้เปราะบางเกินไป
การเกิดวิกฤติ มันไม่ได้เกิดได้ด้วยปัญหาเดียว มันจะเกิดตอนที่ปัญหานึงแตก แล้วกระทบอีกปัญหาต่อๆกันไปจนคุมไม่อยู่ฮะ
ยอดขายที่ลดลงของมือถือ กำลังบอกอะไร
1 เทคโนโลยีมือถือกำลังตัน คนเลยไม่คิดจะเปลี่ยนเครื่อง ไม่พังก็ใช้ๆไป
2 คนประหยัดเงิน อะไรไม่จำเป็นก็ตัดๆไป ยิ่งได้เหตุผล จากการสนับสนุนของข้อ 1 ยิ่งทำให้คิดง่ายขึ้น
3 มือถือเรือธงจากค่ายใหญ่ทั้งหลาย ราคาสูงจนรับไม่ได้ ใครที่มีตัวเรือธงรุ่นเก่าอยู่ ก็ไม่รู้จะเปลี่ยนทำไม กล้องก็ไม่ต่าง เทคโนโลยีกผ้ไม่ว้าว ว้าวก็แต่ราคา
4 กำลังซื้อหดตัว หนี้บาน สภาพความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ บรรยากาศที่ไม่เป็นใจ
มากกว่ามือถือ ตอนนี้ได้ข่าวที่จีนเองก็ยอดขายรถตกแล้วเหมือนกัน บ้านเรายอดขายรถปีที่ผ่านมาถือว่า ดีมาก
ปีนี้คงยากที่จะดีกว่าปีที่แล้ว
การเติบโตของเศรษฐกิจด้วยหนี้ กำลังไปต่อไม่ไหวทั้งในบ้านเรา และระดับโลก
โลกเองก็ถูกบิดเบือนด้วยภาวะดอกต่ำมานานมาก มากจนเกินไปแล้ว แต่ขึ้นไม่ได้ ขึ้นปุ๊บตลาดพังทันที
สภาพแบบนี้เหมือนตอนเราต้มยำกุ้งนิดๆ ที่ใช้นโยบายค่าเงิน fixed rate มีคนอุ้มค่าเงินไว้ให้จนอมเลือดไม่ไหวจนระเบิด
ดอกต่ำก็เช่นกัน มันฝืนธรรมชาติมานานแล้ว แต่ไม่มีใครกล้าไปทำให้มันอยู่ในจุดที่ควรจะเป็น เพราะไม่มีใครอยากเป็นแพะ
แพะที่ได้ชื่อว่า เป็นคนทำให้ตลาดพัง (ทั้งที่คนทำพังมันคือคนคิด QE นั้นคือป๋าเบน เบอร์นันเก้นั้นเอง)
ตราบใดที่ตลาดยังไม่พัง ก็เล่นไป แต่ยังเหมือนเดิม ไม่ถือยาว สภาพตอนนี้เปราะบางเกินไป
การเกิดวิกฤติ มันไม่ได้เกิดได้ด้วยปัญหาเดียว มันจะเกิดตอนที่ปัญหานึงแตก แล้วกระทบอีกปัญหาต่อๆกันไปจนคุมไม่อยู่ฮะ