ตอนทำงานจะเรียกว่า "Load Control Agent" (TCO) ภาษาไทยก็พนักงานอำนวยการบินหรือที่คนเรียนการบินจะรู้จักในนามว่า "Red Cap" (หมวกแดง) ก็ใช่นะ ตำแหน่งนี้ยังไงก็ใส่หมวกสีแดง เป็นตำแหน่งใฝ่ฝันของใครหลายๆคน (ในลานจอดมีหมวกแดงอยู่คนเดียว) เป็นการทำงานที่อยู่ในลานจอด ตรงลานคอนกรีดร้อนๆใน Ramp ข้างเครื่องบินลำใหญ่ๆ เสียงดังๆ ยืนเท่ากับเวลา Ground Time ของแต่ละรุ่นของเครื่องบิน (เด๋วจะอธิบายทีหลัง) ท่ามกลางแสงแดดตอนกลางวันและกลางคืน ถ้าพีคๆหน่อยก็กลางฝนนะ ถ้าหิมะตกก็คงกลางหิมะ
.
TCO คือใคร? ทำหน้าที่อะไร คำตอบที่หามาตั้งแต่เข้างานจนถึงวันนี้ TCO ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า "Load Control Agent" ตอนแรกเข้ามาก็ไม่คิดว่าจะต้องคุยกับคนเยอะขนาดนี้ ต้องประสานงานทุกอย่าง เป็นเบื้องหลังในการ manage ข้างเครื่องให้ flow, cross check ทุกสิ่ง และเป็นบุคคลที่คอยประสานงานกับทุกฝ่าย (เหมือนปิดทองหลังพระ) ทำดีไม่มีใครเห็นค่า ทำผิดขึ้นมาจะเจอคำถามว่า "ตอนนั้น TCO ทำไรอยู่?? ทำไมไม่ตอบวิทยุ?? ทำไมถึงดีเลย์?? บลาๆๆๆ" จะต้องเจอสภาวะรับแรงกดดันทุกวัน ไม่มีวันไหนไม่ตื่นเต้น ยิ่งตอนนั้นผมทำช่วงปลายปี 2018 (หน้าหนาว) ถ้าวันไหนตื่นมาฟ้าครื้มๆ เหมือนฝนจะตก บางทีจะต้องรีบไปสนามบินให้เร็วกว่าปกติ เพราะอาจจะต้องมี Flight Diverted จากลำปาง เชียงราย มาลงแน่ๆ บางทีเชียงใหม่หมอกเยอะจัด ฝนตกลมแรง ก็อาจจะต้อง Diverted ไปขอลงที่เชียงรายก่อนให้สภาพอากาศดีแล้วค่อยบินกลับมาก็มี ตอนทำงานจะต้องรู้จักพูดกับคนให้เขาไม่เกลียดขี้หน้าเรา ไม่ใช่ไปชี้นิ้วสั่งเขาก็ไม่ได้ เราจะต้องจัดการกับอารมณ์ตัวเองให้ได้ (สำคัญสุดๆ) เพราะทุกคนก็เหนื่อย งานมันก็เครียดอยู่แล้ว ถ้าเหนื่อยกับคนอีกหนักกว่าเดิม (ฝากไว้ๆๆ)
.
พูดไปก็ยาวมากก มาๆๆๆจะเล่าขั้นตอนการทำงานให้ฟัง สมมุติว่าทำ PG218 CNX – BKK Type A320 (Ground Time 50นาที) เราจะต้องใช้เวลา 50 นาทีในการจัดการทั้งหมดให้เสร็จ จนเครื่องถอยออกจาก Bay (หลุมจอด)โดยไม่ดีเลย์ TCO จะต้องยืนสแตนบายก่อนเครื่องเข้าหลุมจอด ก่อนเวลาเครื่องลง 15นาที (เวลาเครื่องลงกี่โมงจะต้องสอบถามจาก Operation) พอเครื่องจอดสนิทแล้ว รอฟังวิทยุทางโอเป จะบอกเวลาเครื่องถึงพื้นและเวลาเครื่องจอดเข้าหลุมจอด เช่น 30 35 (สามศูนย์ สามห้า) ความหมายคือนาทีที่ 30ถึงพื้น นาที35เข้าหลุมจอดสนิท จะไม่มีการบอกว่า บ่ายสองโมงสามสิบ บ่ายสองโมงสามสิบห้า จะบอกเป็นนาทีของชั่วโมงนั้นๆ บางทีกัปตันก็ไม่เติมน้ำมัน (อันนี้ผมชอบมากกกก) ถ้ากัปตันเติมน้ำมัน โอเปก็จะบอกมาว่า 30 35 Fuel remain เติมเพิ่มเป็น 7500 เราจะต้องวอไปบอกรถน้ำมันว่า อยู่หลุมจอด bay อะไร เติมน้ำมันเท่าไร
ยกตัวอย่างเช่น.... เครื่องจอดสนิทที่ 14:35 (เวลาเข้าหลุมจอด) เราจะต้องเอาเวลาไปบวก Ground Time ของเครื่อง Type A320 คือ 50นาที ก็เท่ากับว่าเครื่องจะออกได้ในเวลา 15:25 (เวลาเครื่องออกได้จริง) ต่อไปเราก็จะต้องแจ้งไปที่ Gate 218 ว่าเครื่องพร้อม Board เวลา 15:05 (A320 ลบไป20นาทีคือเวลา Board) และประสานงานกับฝ่ายต่างๆให้เสร็จก่อนเวลา 15:05 ไม่ว่าจะเป็น เติมน้ำมัน,โหลดกระเป๋า,ทำความสะอาดเครื่องบิน,Cargoโหลดของขึ้น ในเวลาไม่ถึง 30 นาทีก่อนเครื่องพร้อม Board เราจะต้องจัดการให้เสร็จหมดทุกอย่างให้เครื่องพร้อมที่สุด แต่....ถ้าวันไหนรถน้ำมันมาช้า ยังเติมน้ำมันไม่เสร็จ มันกันเลยทีเดียว เพราะถ้าเติมน้ำมันอยู่ไม่สามารถ Board ผดส.ได้ คาดการณ์ไว้เลยว่าเครื่องก็จะต้องดีเลย์ออกไปแน่ๆแต่ถ้าโหลดกระเป๋าหรือ Cargo เครื่องสามารถ Board ผดส.ได้ ถ้าใกล้เวลา Baord ผดส.แล้วด้วย ยังเติมน้ำมันไม่เสร็จ กราวสวยๆก็จะวอเรียกเราว่า TCO218 เครื่องพร้อมบอร์ดหรือยังคะ????ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จะ Baord ได้เวลาไหนคะ??? บลาๆๆๆๆ คำถามยิ่งเป็นจรวจเลยยยย (ความซวยเริ่มมาหาเราแล้ววววว) ข้างเครื่องบอกเลยว่าเสียงดังมากกก วอมาทีไม่ค่อยได้ยินเลย (ขอความเห็นใจจากสาวๆถ้าขอข่าวบ่อยๆ) นี้แค่ยกตัวอย่างรถน้ำมันมาช้าเฉยๆนะ คิดภาพดีเลย์ออกยัง??? ทำงานสายการบินบอกเลยว่าช้าแค่ 1 นาทีก็ทำให้เสียน้ำตาได้ แต่จริงๆแล้วมันมีเคสที่เยอะกว่านั้นมากกก Load Master นับกระเป๋าเกินก็ต้องเสียเวลาเริ่มนับใหม่ ผดส.หายยย ก็ต้องประกาศหา ผดส. เครื่องกำลังจะ Board เวลาสวยๆอยู่แล้ว กัปตันดันเรียก Red Cap เข้าไปหา รู้วววเลยยยย เจอเคสแน่ๆ เราก็ต้องวิทยุหาโอเปขอช่างอีกก็ทำให้ดีเลย์ไปยาวๆ ยิ่งเป็นช่วงเทศกาลบอกเลยว่าโอกาสดีเลย์มีแน่นอน เพราะอาจจะต้องติด CTOT (เวลาที่ATCกำหนดว่าเครื่องนั้นจะสามารถขึ้นได้เวลาไหน เพราะจราจรบนอากาศหนาแน่นเกินไป) บลาๆๆๆๆ ในแต่ละวันจะมีเคสเยอะมากทุกคนโปรดเห็นใจผมด้วยยยย ส่วนคนที่ชอบว่าเครื่องดีเลย์ๆๆ ทำไมถึงดีเลย์คือเรากำลังเช็คความพร้อมให้กับ ผดส.อยู่ครับ ถ้าไม่ปลอดภัย 100% ก็ไม่ปล่อยเครื่องขึ้นแน่นอน เครื่องบินมันเบรกไม่ได้นะคุณ ไม่ใช่รถยนต์ ใครทำ TCO,TRC,RED CAP (แล้วแต่ใครจะเรียก) เราลองมาแลกเปลี่ยนกันครับว่า กว่าเครื่องจะออกได้เนี่ยแต่ละคนเจอเคสมันๆแบบไหนกันมั้ง ที่ผมเล่าๆมาผมว่ายังไม่ถึง 10% ของการทำงานเลย
.
.
สิ่งที่เรียนรู้ที่ผ่านมาคือ แต่ละวันมันจะมีอะไรให้ตื่นเต้นท้าทาย Challenge ตัวเองอยู่ตลอดเวลา ได้ฝึกทนกับสภาวะรับแรงกดดัน ถึงเราจะตื่นเต้นแค่ไหนแต่หน้าต้องนิ่งๆไว้ก่อน เด๋วเสียระบบ 5555555
.
ปล. โหลด APP Time-Calculator มาใช้จะสะดวกในการทำงานมากกกก เอาไว้คำนวณเวลา
แชร์ประสบการณ์ทำงานตำแหน่ง RED CAP,TRC,TCO (แล้วแต่จะเรียก) ในสายการบิน
.
TCO คือใคร? ทำหน้าที่อะไร คำตอบที่หามาตั้งแต่เข้างานจนถึงวันนี้ TCO ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า "Load Control Agent" ตอนแรกเข้ามาก็ไม่คิดว่าจะต้องคุยกับคนเยอะขนาดนี้ ต้องประสานงานทุกอย่าง เป็นเบื้องหลังในการ manage ข้างเครื่องให้ flow, cross check ทุกสิ่ง และเป็นบุคคลที่คอยประสานงานกับทุกฝ่าย (เหมือนปิดทองหลังพระ) ทำดีไม่มีใครเห็นค่า ทำผิดขึ้นมาจะเจอคำถามว่า "ตอนนั้น TCO ทำไรอยู่?? ทำไมไม่ตอบวิทยุ?? ทำไมถึงดีเลย์?? บลาๆๆๆ" จะต้องเจอสภาวะรับแรงกดดันทุกวัน ไม่มีวันไหนไม่ตื่นเต้น ยิ่งตอนนั้นผมทำช่วงปลายปี 2018 (หน้าหนาว) ถ้าวันไหนตื่นมาฟ้าครื้มๆ เหมือนฝนจะตก บางทีจะต้องรีบไปสนามบินให้เร็วกว่าปกติ เพราะอาจจะต้องมี Flight Diverted จากลำปาง เชียงราย มาลงแน่ๆ บางทีเชียงใหม่หมอกเยอะจัด ฝนตกลมแรง ก็อาจจะต้อง Diverted ไปขอลงที่เชียงรายก่อนให้สภาพอากาศดีแล้วค่อยบินกลับมาก็มี ตอนทำงานจะต้องรู้จักพูดกับคนให้เขาไม่เกลียดขี้หน้าเรา ไม่ใช่ไปชี้นิ้วสั่งเขาก็ไม่ได้ เราจะต้องจัดการกับอารมณ์ตัวเองให้ได้ (สำคัญสุดๆ) เพราะทุกคนก็เหนื่อย งานมันก็เครียดอยู่แล้ว ถ้าเหนื่อยกับคนอีกหนักกว่าเดิม (ฝากไว้ๆๆ)
.
พูดไปก็ยาวมากก มาๆๆๆจะเล่าขั้นตอนการทำงานให้ฟัง สมมุติว่าทำ PG218 CNX – BKK Type A320 (Ground Time 50นาที) เราจะต้องใช้เวลา 50 นาทีในการจัดการทั้งหมดให้เสร็จ จนเครื่องถอยออกจาก Bay (หลุมจอด)โดยไม่ดีเลย์ TCO จะต้องยืนสแตนบายก่อนเครื่องเข้าหลุมจอด ก่อนเวลาเครื่องลง 15นาที (เวลาเครื่องลงกี่โมงจะต้องสอบถามจาก Operation) พอเครื่องจอดสนิทแล้ว รอฟังวิทยุทางโอเป จะบอกเวลาเครื่องถึงพื้นและเวลาเครื่องจอดเข้าหลุมจอด เช่น 30 35 (สามศูนย์ สามห้า) ความหมายคือนาทีที่ 30ถึงพื้น นาที35เข้าหลุมจอดสนิท จะไม่มีการบอกว่า บ่ายสองโมงสามสิบ บ่ายสองโมงสามสิบห้า จะบอกเป็นนาทีของชั่วโมงนั้นๆ บางทีกัปตันก็ไม่เติมน้ำมัน (อันนี้ผมชอบมากกกก) ถ้ากัปตันเติมน้ำมัน โอเปก็จะบอกมาว่า 30 35 Fuel remain เติมเพิ่มเป็น 7500 เราจะต้องวอไปบอกรถน้ำมันว่า อยู่หลุมจอด bay อะไร เติมน้ำมันเท่าไร
ยกตัวอย่างเช่น.... เครื่องจอดสนิทที่ 14:35 (เวลาเข้าหลุมจอด) เราจะต้องเอาเวลาไปบวก Ground Time ของเครื่อง Type A320 คือ 50นาที ก็เท่ากับว่าเครื่องจะออกได้ในเวลา 15:25 (เวลาเครื่องออกได้จริง) ต่อไปเราก็จะต้องแจ้งไปที่ Gate 218 ว่าเครื่องพร้อม Board เวลา 15:05 (A320 ลบไป20นาทีคือเวลา Board) และประสานงานกับฝ่ายต่างๆให้เสร็จก่อนเวลา 15:05 ไม่ว่าจะเป็น เติมน้ำมัน,โหลดกระเป๋า,ทำความสะอาดเครื่องบิน,Cargoโหลดของขึ้น ในเวลาไม่ถึง 30 นาทีก่อนเครื่องพร้อม Board เราจะต้องจัดการให้เสร็จหมดทุกอย่างให้เครื่องพร้อมที่สุด แต่....ถ้าวันไหนรถน้ำมันมาช้า ยังเติมน้ำมันไม่เสร็จ มันกันเลยทีเดียว เพราะถ้าเติมน้ำมันอยู่ไม่สามารถ Board ผดส.ได้ คาดการณ์ไว้เลยว่าเครื่องก็จะต้องดีเลย์ออกไปแน่ๆแต่ถ้าโหลดกระเป๋าหรือ Cargo เครื่องสามารถ Board ผดส.ได้ ถ้าใกล้เวลา Baord ผดส.แล้วด้วย ยังเติมน้ำมันไม่เสร็จ กราวสวยๆก็จะวอเรียกเราว่า TCO218 เครื่องพร้อมบอร์ดหรือยังคะ????ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จะ Baord ได้เวลาไหนคะ??? บลาๆๆๆๆ คำถามยิ่งเป็นจรวจเลยยยย (ความซวยเริ่มมาหาเราแล้ววววว) ข้างเครื่องบอกเลยว่าเสียงดังมากกก วอมาทีไม่ค่อยได้ยินเลย (ขอความเห็นใจจากสาวๆถ้าขอข่าวบ่อยๆ) นี้แค่ยกตัวอย่างรถน้ำมันมาช้าเฉยๆนะ คิดภาพดีเลย์ออกยัง??? ทำงานสายการบินบอกเลยว่าช้าแค่ 1 นาทีก็ทำให้เสียน้ำตาได้ แต่จริงๆแล้วมันมีเคสที่เยอะกว่านั้นมากกก Load Master นับกระเป๋าเกินก็ต้องเสียเวลาเริ่มนับใหม่ ผดส.หายยย ก็ต้องประกาศหา ผดส. เครื่องกำลังจะ Board เวลาสวยๆอยู่แล้ว กัปตันดันเรียก Red Cap เข้าไปหา รู้วววเลยยยย เจอเคสแน่ๆ เราก็ต้องวิทยุหาโอเปขอช่างอีกก็ทำให้ดีเลย์ไปยาวๆ ยิ่งเป็นช่วงเทศกาลบอกเลยว่าโอกาสดีเลย์มีแน่นอน เพราะอาจจะต้องติด CTOT (เวลาที่ATCกำหนดว่าเครื่องนั้นจะสามารถขึ้นได้เวลาไหน เพราะจราจรบนอากาศหนาแน่นเกินไป) บลาๆๆๆๆ ในแต่ละวันจะมีเคสเยอะมากทุกคนโปรดเห็นใจผมด้วยยยย ส่วนคนที่ชอบว่าเครื่องดีเลย์ๆๆ ทำไมถึงดีเลย์คือเรากำลังเช็คความพร้อมให้กับ ผดส.อยู่ครับ ถ้าไม่ปลอดภัย 100% ก็ไม่ปล่อยเครื่องขึ้นแน่นอน เครื่องบินมันเบรกไม่ได้นะคุณ ไม่ใช่รถยนต์ ใครทำ TCO,TRC,RED CAP (แล้วแต่ใครจะเรียก) เราลองมาแลกเปลี่ยนกันครับว่า กว่าเครื่องจะออกได้เนี่ยแต่ละคนเจอเคสมันๆแบบไหนกันมั้ง ที่ผมเล่าๆมาผมว่ายังไม่ถึง 10% ของการทำงานเลย
.
.
สิ่งที่เรียนรู้ที่ผ่านมาคือ แต่ละวันมันจะมีอะไรให้ตื่นเต้นท้าทาย Challenge ตัวเองอยู่ตลอดเวลา ได้ฝึกทนกับสภาวะรับแรงกดดัน ถึงเราจะตื่นเต้นแค่ไหนแต่หน้าต้องนิ่งๆไว้ก่อน เด๋วเสียระบบ 5555555
.
ปล. โหลด APP Time-Calculator มาใช้จะสะดวกในการทำงานมากกกก เอาไว้คำนวณเวลา