อันนี้ลองวิเคราะห์ดูเล่นๆ+ เท่าที่ฟังทรรศนะจากคนรอบข้างดูนะครับ ไม่รวมพวกที่รับเงินมาเชียร์หรือพวกหัวคะแนนนะครับ ว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ สำหรับคนที่ตัดสินใจแล้ว เค้าคิดยังไงถึงตั้งใจจะเลือกพรรคนั้นๆดังต่อไปนี้
1. คนที่ตั้งใจจะเลือกพรรคพลังประชารัฐ : คนที่จะเลือกพรรคนี้ ส่วนหนึ่งก็จะเป็นพวกทหารหรืออยู่ในแวดวงทหาร รวมถึงข้าราชการที่รู้สึกว่าตัวเองได้ประโยชน์จากลุงตู่ ส่วนประชาชนทั่วไปที่จะเลือกพรรคนี้ ก็คงเห็นว่า ผลงานลุงตู่ที่ผ่านมาก็พอเข้าตาอยู่ เช่น ในเรื่องที่ทำให้บ้านเมืองสงบขึ้นมาในระดับหนึ่ง, ช่วยมากอบกู้บ้านเมืองก่อนเกิดสงครามการเมือง, น่าจะเป็นตัวเลือกที่ทำให้บ้านเมืองสงบได้มากที่สุดในตอนนี้ (เพราะมีกองทัพอยู่ในมือ) ฯลฯ
แม้ว่าจะมีข้อเสียเรื่องพูดจาไม่ค่อยเข้าหู, คนรอบข้างที่มีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจบ้าง เช่นยืมนาฬกาเพื่อนมา แต่เพื่อนตายไปหมดแล้ว ฯลฯ ก็ยอมๆที่จะมองข้ามข้อนี้ไป
2. คนที่จะเลือกพรรคเพื่อไทย,หรือพรรคในเครือเดียวกัน : คนที่จะเลือกพรรคนี้ มักจะมีทัศนคติอยู่ในใจว่า นักการเมือง ไม่ว่าจะพรรคไหนมันก็โกงเหมือนกันหมด ไม้เว้นแม้แต่รัฐบาลทหาร แต่พรรคการเมืองที่โกงแล้ว เอามาแบ่งให้ประชาชนมากที่สุด ก็คือพรรคของทักษิณ เพราะรู้สึกว่าตัวเองได้ประโยชน์ในสมัยรัฐบาลทักษิณมากที่สุด เช่นบัตรทอง, 30 บาทรักษาทุกโรค, กองทุนหมู่บ้าน ฯลฯ
แม้ว่าจะมีข้อเสียในเรื่องพฤตกรรมการโกงตามที่เป็นข่าว, หรือมีข่าวในทำนองว่าอยู่เบื้องหลังความวุ่นวายต่างๆ แต่ก็ยอมๆที่จะมองข้ามข้อนี้ไป
3. คนที่จะเลือกพรรคประชาธิปัตย์ : คนที่จะเลือกพรรคนี้ ส่วนหนึ่งมีความยึดติดและภักดีต่อแบรนด์ที่มีมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน โดยเฉพาะทางภาคใต้ ถึงกับเคยมีคำกล่าวว่า พรรคนี้ส่งเสาไฟฟ้าลงสมัครส.ส.ก็ยังได้เป็นส.ส.เลย รวมถึงภาพลักษณ์ของผู้ใหญ่ในพรรคหลายๆท่าน ก็ยังดูดีในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต เช่น ชวน หลีกภัย, และตัวหัวหน้าพรรคอย่างคุณอภิสิทธิ์ เอง ก็ไม่ค่อยมีเรื่องเสื่อมเสียทางด้านการโกงซักเท่าไหร่
แม้จะมีข้อเสียในเรื่องที่ว่า ทำงานช้าบ้าง, ดีแต่พูดบ้างฯลฯ แต่ก็พร้อมจะยอมมองข้ามข้อนี้ไป
4. คนที่จะเลือกพรรคอนาคตใหม่ : คนที่จะเลือกพรรคนี้ ส่วนใหญ่น่าจะอยู่ในกลุ่มวัยรุ่นและคนหนุ่มสาว ที่เบื่อพรรคการเมืองเดิมๆ นักการเมืองคนเดิมๆและมีความคิดว่า ถ้าเลือกพรรคเดิมๆนักการเมืองเดิมๆ ก็คงจะได้บ้านเมืองแบบเดิมๆ หากลองเลือกคนใหม่พรรคใหม่ดูบ้าง อย่างน้อยก็ยังมีโอกาสได้ลุ้นว่า อาจจะมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นบ้าง รวมถึงนโยบายหลายๆข้อที่ดูสุดโต่ง แต่ก็โดนใจคนรุ่นใหม่
แม้จะมีข้อเสียในเรื่องทัศนคติของหัวหน้าพรรคหรือคนร่วมก่อตั้งพรรคในหลายๆเรื่องที่ดูไม่ค่อยจะเข้าท่าไปบ้าง แต่ก็คงจะคิดกันว่า... แล้วไง ใครแคร์ ก็ยังดีกว่าพวกนักการเมืองขี้โกงก็แล้วกัน
5. คนที่เลือกพรรคอื่นๆนอกเหนือจากที่กล่าวมา ก็น่าจะมีหลายกลุ่ม และหลากหลายความคิด เช่น พรรคที่กล่าวมาข้างบนไม่เห็นจะเข้าท่าสักพรรค หรือมีความชื่นชอบในตัวบุคคล, นโยบายของพรรคอื่นๆ เป็นต้น
แม้จะมีความเสี่ยงที่ว่า เลือกไปแล้ว จะมีโอกาสชนะเลือกตั้งรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ก็อยากลองเลือกดู
อันนี้ก็เป็นเพียงการรวบรวมความคิดเห้นจากบุคคลแค่ไม่กี่คนและวิเคราะห์ดูเล่นๆ
จริงๆแล้วก็คงมีเหตุผลอีกร้อยแปด ที่คนหนึ่งๆจะเลือกพรรคใดพรรคหนึ่ง
ลองวิเคราะห์และรวบรวมความคิดของคนที่ตั้งใจจะไปเลือกตั้งครั้งนี้ ว่าเค้าคิดยังไงถึงเลือกพรรคนั้นๆ
1. คนที่ตั้งใจจะเลือกพรรคพลังประชารัฐ : คนที่จะเลือกพรรคนี้ ส่วนหนึ่งก็จะเป็นพวกทหารหรืออยู่ในแวดวงทหาร รวมถึงข้าราชการที่รู้สึกว่าตัวเองได้ประโยชน์จากลุงตู่ ส่วนประชาชนทั่วไปที่จะเลือกพรรคนี้ ก็คงเห็นว่า ผลงานลุงตู่ที่ผ่านมาก็พอเข้าตาอยู่ เช่น ในเรื่องที่ทำให้บ้านเมืองสงบขึ้นมาในระดับหนึ่ง, ช่วยมากอบกู้บ้านเมืองก่อนเกิดสงครามการเมือง, น่าจะเป็นตัวเลือกที่ทำให้บ้านเมืองสงบได้มากที่สุดในตอนนี้ (เพราะมีกองทัพอยู่ในมือ) ฯลฯ
แม้ว่าจะมีข้อเสียเรื่องพูดจาไม่ค่อยเข้าหู, คนรอบข้างที่มีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจบ้าง เช่นยืมนาฬกาเพื่อนมา แต่เพื่อนตายไปหมดแล้ว ฯลฯ ก็ยอมๆที่จะมองข้ามข้อนี้ไป
2. คนที่จะเลือกพรรคเพื่อไทย,หรือพรรคในเครือเดียวกัน : คนที่จะเลือกพรรคนี้ มักจะมีทัศนคติอยู่ในใจว่า นักการเมือง ไม่ว่าจะพรรคไหนมันก็โกงเหมือนกันหมด ไม้เว้นแม้แต่รัฐบาลทหาร แต่พรรคการเมืองที่โกงแล้ว เอามาแบ่งให้ประชาชนมากที่สุด ก็คือพรรคของทักษิณ เพราะรู้สึกว่าตัวเองได้ประโยชน์ในสมัยรัฐบาลทักษิณมากที่สุด เช่นบัตรทอง, 30 บาทรักษาทุกโรค, กองทุนหมู่บ้าน ฯลฯ
แม้ว่าจะมีข้อเสียในเรื่องพฤตกรรมการโกงตามที่เป็นข่าว, หรือมีข่าวในทำนองว่าอยู่เบื้องหลังความวุ่นวายต่างๆ แต่ก็ยอมๆที่จะมองข้ามข้อนี้ไป
3. คนที่จะเลือกพรรคประชาธิปัตย์ : คนที่จะเลือกพรรคนี้ ส่วนหนึ่งมีความยึดติดและภักดีต่อแบรนด์ที่มีมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน โดยเฉพาะทางภาคใต้ ถึงกับเคยมีคำกล่าวว่า พรรคนี้ส่งเสาไฟฟ้าลงสมัครส.ส.ก็ยังได้เป็นส.ส.เลย รวมถึงภาพลักษณ์ของผู้ใหญ่ในพรรคหลายๆท่าน ก็ยังดูดีในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต เช่น ชวน หลีกภัย, และตัวหัวหน้าพรรคอย่างคุณอภิสิทธิ์ เอง ก็ไม่ค่อยมีเรื่องเสื่อมเสียทางด้านการโกงซักเท่าไหร่
แม้จะมีข้อเสียในเรื่องที่ว่า ทำงานช้าบ้าง, ดีแต่พูดบ้างฯลฯ แต่ก็พร้อมจะยอมมองข้ามข้อนี้ไป
4. คนที่จะเลือกพรรคอนาคตใหม่ : คนที่จะเลือกพรรคนี้ ส่วนใหญ่น่าจะอยู่ในกลุ่มวัยรุ่นและคนหนุ่มสาว ที่เบื่อพรรคการเมืองเดิมๆ นักการเมืองคนเดิมๆและมีความคิดว่า ถ้าเลือกพรรคเดิมๆนักการเมืองเดิมๆ ก็คงจะได้บ้านเมืองแบบเดิมๆ หากลองเลือกคนใหม่พรรคใหม่ดูบ้าง อย่างน้อยก็ยังมีโอกาสได้ลุ้นว่า อาจจะมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นบ้าง รวมถึงนโยบายหลายๆข้อที่ดูสุดโต่ง แต่ก็โดนใจคนรุ่นใหม่
แม้จะมีข้อเสียในเรื่องทัศนคติของหัวหน้าพรรคหรือคนร่วมก่อตั้งพรรคในหลายๆเรื่องที่ดูไม่ค่อยจะเข้าท่าไปบ้าง แต่ก็คงจะคิดกันว่า... แล้วไง ใครแคร์ ก็ยังดีกว่าพวกนักการเมืองขี้โกงก็แล้วกัน
5. คนที่เลือกพรรคอื่นๆนอกเหนือจากที่กล่าวมา ก็น่าจะมีหลายกลุ่ม และหลากหลายความคิด เช่น พรรคที่กล่าวมาข้างบนไม่เห็นจะเข้าท่าสักพรรค หรือมีความชื่นชอบในตัวบุคคล, นโยบายของพรรคอื่นๆ เป็นต้น
แม้จะมีความเสี่ยงที่ว่า เลือกไปแล้ว จะมีโอกาสชนะเลือกตั้งรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ก็อยากลองเลือกดู
อันนี้ก็เป็นเพียงการรวบรวมความคิดเห้นจากบุคคลแค่ไม่กี่คนและวิเคราะห์ดูเล่นๆ
จริงๆแล้วก็คงมีเหตุผลอีกร้อยแปด ที่คนหนึ่งๆจะเลือกพรรคใดพรรคหนึ่ง