ทริปนี้ของเราเป็น โปรแกรม 6 วัน 5 คืน 2 คน แบบประหยัดพอสมควรครับ ไม่เน้นกิน ไม่เน้นช็อป เที่ยวอย่างเดียว
โดยโปรแกรมคร่าว คือ #Kyoto >> #Kanazawa >> #Shirakawago >> #Osaka ที่เลือก Osaka เป็นเมืองสุดท้ายเพราะไม่อยากเสี่ยงที่จะต้องเดินทางไกลๆ ก่อนบินกลับ เผื่อเกิดเหตุการณ์อะไรแล้วจะทำให้ตกเครื่องได้
เดินทาง 7-12 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมานี่เองครับ
เพื่อนๆ คนไหนที่ติดตามรีวิวแล้ว สนใจโปรแกรมแบบละเอียดยิบ IB มาขอได้นะครับ
ท้ายรีวิวมีสรุปค่าใช้จ่ายให้ดูแบบละเอียดครับ (ทำบัญชีค่าใช้จ่ายทุกเยนเลย 555)
***********************************
หลังจากจับตาโปรโมชั่นของหลายสายการบินมาหลายเดือน สุดท้ายก็ไม่พ้นหางแดง ได้ราคาที่พอใจ ก็จัดแจงจองตั๋วเครื่องบินเรียบร้อย บินลงสนามบินคันไซ และก็กลับสนามบินเดิม เมื่อได้วัน-เวลาเดินทางแล้ว ก็เริ่มวางแผนโปรแกรมเลยว่าเวลาเท่าที่มีอยู่ในโปรแกรม เราจะไปไหน หรือทำอะไรได้บ้าง
นอกจากเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ สิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งคือการเดินทางซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่คุมตัวเลขได้ และเช็คค่าใช้จ่ายได้ค่อนข้างแม่นยำตอนวางแผนเลย (ผมใช้ google map อย่างเดียวทั้งการวางแผนและคำนวนค่าใช้จ่าย) จากนั้นก็มาเลือกพาสรถไฟที่คู่ควรกับโปรแกรมของเรา โดยมีเงื่อนไขว่า ใช้พาสแล้วต้องประหยัดกว่าหยอดเป็นเที่ยว สุดท้ายพาสที่คู่ควรที่สุดคือ Takayama-Hokuriku Area Pass ใช้งานได้ 5 วัน + Osaka Amazing Pass 1 วัน ซื้อกับตัวแทนจำหน่ายในไทยเลย ราคาพอๆ กันทุกเจ้าแหละครับไม่คิดมาก
ก่อนเดิทางใจก็ตุ้มๆ ต่อมๆ เพราะช่วงนั้น มีข่าวเรื่องที่สายการบิน Low cost ไฟลท์บินดีเลย์เยอะ กลัวว่าจะเจอเหมือนกัน แต่พอดึงวันเดินทางทุกอย่างราบรื่นดี เครื่องออกตรงเวลาทั้งไฟล์ไปและกลับเลย ขอแนะนำ ถ้าใครไปกันเป็นคู่ ไม่อยากไปเบียดนั่ง 3 คนกับใคร แนะนำให้ซื้อที่นั่ง แถวหลังๆ ประมาณ 40กว่าๆ จะเป็นที่นั่งคู่ครับ ช่วงทางเดินก็กว้างกว่าช่วงกลางๆ เครื่อง ผมว่าโอเคนะ
ไฟลท์นี้ บินดึก-ถึงเช้าครับ ตื่นขึ้นมาเราอยู่บนเครื่องจะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นก่อนคนญี่ปุ่นเสียอีก สวยงามมาก
หลังจากถึงสนามบินคันไซ #KansaiInternationalAirport ผ่าน ต.ม. รับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ก็ใช้เวลาล้างหน้า-แปรงฟัน-เสริมฮีทเทค/ลองจอน แป๊บหนึ่งในห้องน้ำของสนามบินเลย จากนั้นก็เดินข้ามฝั่งออกมาที่สถานีรถไฟ เดินเดาทางไปเรื่อยเพื่อหา JR office เพื่อเอา voucher ที่เราซื้อจากเมืองไทยมาออกเป็นตั๋วจริง เจ้าหน้าที่ให้เราเขียนชื่อ-สกุล, สัญชาติ และ เลขพาสปอร์ตด้วยตัวเราเอง พาสนี้ผมวางแผนจะเริ่มใช้วันแรกเลย เพราะเดินทางยาวๆ มีพาสนี้ เหมือนบัตรทางด่วนเลย โชว์ให้เจ้าหน้าที่สถานีต่างๆ ที่พาสครอบคลุม ก็ขึ้นรถไฟได้เลย ไม่ต้องต่อคิวหยอดตู้ ประหยัดเวลาไปได้พอสมควร
ตามโปรแกรมวันนี้ เรามีจะวิ่งผ่าน #Osaka ไปก่อน ไว้ค่อยมาเที่ยว 2 วันสุดท้ายก่อนขึ้นเครื่อง (กลัวว่าถ้าวันก่อนขึ้นเครื่องอยู่เมืองไกลๆ แล้วหากเกิดปัญหาอะไรจะตกเครื่อง) ได้พาสแล้ว ก็เข้าชาญชลา ไปรอรถเลย
รถที่เราจะนั่งไป เป็นรถด่วนสาย #Haruka วิ่งจากสนามบินคันไซ ไปโอซาก้า และสุดทางที่เกียวโต ขอบอกว่า คนแน่นมากครับ ที่นั่งเต็มหมด เราก็คิดแง่ดีว่า เอาน่า ยืนไปก่อน ถึง Osaka น่าจะมีคนลงเยอะ คงได้นั่งแหละ ...............
...........แต่ผิดคาด!! คนลงโอซาก้าหย่อมหนึ่ง ที่เหลือนั่งยาวต่อ ลงสถานีเดียวกันเลย #KyotoStation สรุปคือ ได้ยืนยาวจากสนามบิน ผ่านโอซาก้า จนถึงเกียวโต คนมหาศาลจริงๆ ครับ ใช้เวลาเดินทางเกือบ 2 ชั่วโมง เมื่อยตุ้มมากๆ
เมื่อถึงสถานีเกียวโต แต่ยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน ก็จำต้องเสียเงินฝากกระเป๋าไว้ที่ล็อกเกอร์ กระเป๋า 28 นิ้ว ต้องใช้ล็อกเกอร์ใหญ่ ราคา 800เยน จากนั้นก็นั่งรถไฟไป ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ #Fushimi #Inari เท่าที่อ่านข้อมูลจากหลายๆ คนในกลุ่มเห็นว่า พาสนี้ ใช้กับรถไฟ JR ที่นี่ไม่ได้ เลยไม่อยากเสียเวลาไปถาม หยอดตู้ซื้อตั๋วรถไฟเองเลย
ถ้าเป็นเสาโทริอิต้นใหญ่ คนมหาศาลมาก มาไม่ขาดสายเลย จะรอจังหวะคนน้อยก็คงไม่มีทางเป็นไปได้ในช่วงเวลานั้น สุดท้ายก็ต้องเดินผ่านไป
ส่วนทางออก มีหลายทาง เลยทำให้คนกระจัดกระจายออกไป ทางที่เป็นเสาโทริอิต้นเล็ก คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ครับ แนะนำมาถ่ายรูปกันตรงนี้ได้ พอมีจังหวะคนขาดช่วงอยู่ สวยงามตามที่อยากได้
อาหารมื้อแรกที่ญี่ปุ่น ราคา 300 เยน อร่อยมาก ชิ้นเดียวอิ่ม
ตามด้วยไอติม 300 เยน ที่หน้าศาลเจ้า
ดูเวลาแล้วคงต้องย้ายไปที่อื่นบ้างเพราะบ่ายแก่แล้ว จากศาลเจ้าเดินถึงสถานี Inari ได้เลยครับ ศาลเจ้าอยู่หน้าสถานีเลย // ดูตามต่างจังหวัดในญี่ปุ่นก็มีเสาไฟฟ้า สายไฟระโยงระยางเต็มไปหมดเหมือนกัน
จากนั้นก็เดินทางด้วยรถไฟท้องถิ่นจากสถานีโตเกียว ไปสถานี Saka-Arashiyama ใช้เวลาอยู่ย่านนี้จนค่ำเลย มีเสน่ห์มากเลยครับ ทุกอย่าง ทั้งผู้คน บรรยากาศรอบข้าง มันดึงดูดให้อยู่ที่นี่ได้ทั้งวันจริงๆ
ถ้าเราเหนื่อยล้า...จงเดินเข้าป่า(ไผ่) // สวยงามพอสมควร คนก็ไม่ได้เยอะมาก ก็ยังพอได้อยู่ เห็นแล้วก็หายเหนื่อยกันเลยทีเดียว
เดินเรื่อยๆ มาแถวสะพาน #Togetsukyo บรรยากาศแบบฟินสุด ความหนาวก็สุดๆ เช่นกัน
ขออวดนายแบบ 1 รูปครับ 555 // หนาวไหมนั่น ถอดเสื้อโคชออกไป
ค่ำแล้วก็กลับมาเอากระเป๋าจากล็อกเกอร์ เช็คอินโรงแรมใกล้สถานี แล้วออกมาหาไรกินครับ ทริปนี้เป็นทริปเที่ยว ไม่เน้นกิน อาหารการกินก็ต้องฝากท้องไว้ตามร้านมินิมาร์ หรือศูนย์อาหารแทน ประหยัดดีครับ //ข้าวปั้น 100 เยน
ซูชิ 500 กว่าเยน อิ่มเลยหล่ะ แต่ละคำนี่ คุณภาพดีกว่าตามตลาดเมืองไทยเยอะแยะเลย
[CR] Review ฉบับเต็ม เที่ยว Kansai+Chubu ด้วยตัวเอง (ไป-กลับ สนามบิน Kansai)
โดยโปรแกรมคร่าว คือ #Kyoto >> #Kanazawa >> #Shirakawago >> #Osaka ที่เลือก Osaka เป็นเมืองสุดท้ายเพราะไม่อยากเสี่ยงที่จะต้องเดินทางไกลๆ ก่อนบินกลับ เผื่อเกิดเหตุการณ์อะไรแล้วจะทำให้ตกเครื่องได้
เดินทาง 7-12 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมานี่เองครับ
เพื่อนๆ คนไหนที่ติดตามรีวิวแล้ว สนใจโปรแกรมแบบละเอียดยิบ IB มาขอได้นะครับ
ท้ายรีวิวมีสรุปค่าใช้จ่ายให้ดูแบบละเอียดครับ (ทำบัญชีค่าใช้จ่ายทุกเยนเลย 555)
***********************************
หลังจากจับตาโปรโมชั่นของหลายสายการบินมาหลายเดือน สุดท้ายก็ไม่พ้นหางแดง ได้ราคาที่พอใจ ก็จัดแจงจองตั๋วเครื่องบินเรียบร้อย บินลงสนามบินคันไซ และก็กลับสนามบินเดิม เมื่อได้วัน-เวลาเดินทางแล้ว ก็เริ่มวางแผนโปรแกรมเลยว่าเวลาเท่าที่มีอยู่ในโปรแกรม เราจะไปไหน หรือทำอะไรได้บ้าง
นอกจากเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ สิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งคือการเดินทางซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่คุมตัวเลขได้ และเช็คค่าใช้จ่ายได้ค่อนข้างแม่นยำตอนวางแผนเลย (ผมใช้ google map อย่างเดียวทั้งการวางแผนและคำนวนค่าใช้จ่าย) จากนั้นก็มาเลือกพาสรถไฟที่คู่ควรกับโปรแกรมของเรา โดยมีเงื่อนไขว่า ใช้พาสแล้วต้องประหยัดกว่าหยอดเป็นเที่ยว สุดท้ายพาสที่คู่ควรที่สุดคือ Takayama-Hokuriku Area Pass ใช้งานได้ 5 วัน + Osaka Amazing Pass 1 วัน ซื้อกับตัวแทนจำหน่ายในไทยเลย ราคาพอๆ กันทุกเจ้าแหละครับไม่คิดมาก
ก่อนเดิทางใจก็ตุ้มๆ ต่อมๆ เพราะช่วงนั้น มีข่าวเรื่องที่สายการบิน Low cost ไฟลท์บินดีเลย์เยอะ กลัวว่าจะเจอเหมือนกัน แต่พอดึงวันเดินทางทุกอย่างราบรื่นดี เครื่องออกตรงเวลาทั้งไฟล์ไปและกลับเลย ขอแนะนำ ถ้าใครไปกันเป็นคู่ ไม่อยากไปเบียดนั่ง 3 คนกับใคร แนะนำให้ซื้อที่นั่ง แถวหลังๆ ประมาณ 40กว่าๆ จะเป็นที่นั่งคู่ครับ ช่วงทางเดินก็กว้างกว่าช่วงกลางๆ เครื่อง ผมว่าโอเคนะ
ไฟลท์นี้ บินดึก-ถึงเช้าครับ ตื่นขึ้นมาเราอยู่บนเครื่องจะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นก่อนคนญี่ปุ่นเสียอีก สวยงามมาก
หลังจากถึงสนามบินคันไซ #KansaiInternationalAirport ผ่าน ต.ม. รับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ก็ใช้เวลาล้างหน้า-แปรงฟัน-เสริมฮีทเทค/ลองจอน แป๊บหนึ่งในห้องน้ำของสนามบินเลย จากนั้นก็เดินข้ามฝั่งออกมาที่สถานีรถไฟ เดินเดาทางไปเรื่อยเพื่อหา JR office เพื่อเอา voucher ที่เราซื้อจากเมืองไทยมาออกเป็นตั๋วจริง เจ้าหน้าที่ให้เราเขียนชื่อ-สกุล, สัญชาติ และ เลขพาสปอร์ตด้วยตัวเราเอง พาสนี้ผมวางแผนจะเริ่มใช้วันแรกเลย เพราะเดินทางยาวๆ มีพาสนี้ เหมือนบัตรทางด่วนเลย โชว์ให้เจ้าหน้าที่สถานีต่างๆ ที่พาสครอบคลุม ก็ขึ้นรถไฟได้เลย ไม่ต้องต่อคิวหยอดตู้ ประหยัดเวลาไปได้พอสมควร
ตามโปรแกรมวันนี้ เรามีจะวิ่งผ่าน #Osaka ไปก่อน ไว้ค่อยมาเที่ยว 2 วันสุดท้ายก่อนขึ้นเครื่อง (กลัวว่าถ้าวันก่อนขึ้นเครื่องอยู่เมืองไกลๆ แล้วหากเกิดปัญหาอะไรจะตกเครื่อง) ได้พาสแล้ว ก็เข้าชาญชลา ไปรอรถเลย
รถที่เราจะนั่งไป เป็นรถด่วนสาย #Haruka วิ่งจากสนามบินคันไซ ไปโอซาก้า และสุดทางที่เกียวโต ขอบอกว่า คนแน่นมากครับ ที่นั่งเต็มหมด เราก็คิดแง่ดีว่า เอาน่า ยืนไปก่อน ถึง Osaka น่าจะมีคนลงเยอะ คงได้นั่งแหละ ...............
...........แต่ผิดคาด!! คนลงโอซาก้าหย่อมหนึ่ง ที่เหลือนั่งยาวต่อ ลงสถานีเดียวกันเลย #KyotoStation สรุปคือ ได้ยืนยาวจากสนามบิน ผ่านโอซาก้า จนถึงเกียวโต คนมหาศาลจริงๆ ครับ ใช้เวลาเดินทางเกือบ 2 ชั่วโมง เมื่อยตุ้มมากๆ
เมื่อถึงสถานีเกียวโต แต่ยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน ก็จำต้องเสียเงินฝากกระเป๋าไว้ที่ล็อกเกอร์ กระเป๋า 28 นิ้ว ต้องใช้ล็อกเกอร์ใหญ่ ราคา 800เยน จากนั้นก็นั่งรถไฟไป ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ #Fushimi #Inari เท่าที่อ่านข้อมูลจากหลายๆ คนในกลุ่มเห็นว่า พาสนี้ ใช้กับรถไฟ JR ที่นี่ไม่ได้ เลยไม่อยากเสียเวลาไปถาม หยอดตู้ซื้อตั๋วรถไฟเองเลย
ถ้าเป็นเสาโทริอิต้นใหญ่ คนมหาศาลมาก มาไม่ขาดสายเลย จะรอจังหวะคนน้อยก็คงไม่มีทางเป็นไปได้ในช่วงเวลานั้น สุดท้ายก็ต้องเดินผ่านไป
ส่วนทางออก มีหลายทาง เลยทำให้คนกระจัดกระจายออกไป ทางที่เป็นเสาโทริอิต้นเล็ก คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ครับ แนะนำมาถ่ายรูปกันตรงนี้ได้ พอมีจังหวะคนขาดช่วงอยู่ สวยงามตามที่อยากได้
อาหารมื้อแรกที่ญี่ปุ่น ราคา 300 เยน อร่อยมาก ชิ้นเดียวอิ่ม
ตามด้วยไอติม 300 เยน ที่หน้าศาลเจ้า
ดูเวลาแล้วคงต้องย้ายไปที่อื่นบ้างเพราะบ่ายแก่แล้ว จากศาลเจ้าเดินถึงสถานี Inari ได้เลยครับ ศาลเจ้าอยู่หน้าสถานีเลย // ดูตามต่างจังหวัดในญี่ปุ่นก็มีเสาไฟฟ้า สายไฟระโยงระยางเต็มไปหมดเหมือนกัน
จากนั้นก็เดินทางด้วยรถไฟท้องถิ่นจากสถานีโตเกียว ไปสถานี Saka-Arashiyama ใช้เวลาอยู่ย่านนี้จนค่ำเลย มีเสน่ห์มากเลยครับ ทุกอย่าง ทั้งผู้คน บรรยากาศรอบข้าง มันดึงดูดให้อยู่ที่นี่ได้ทั้งวันจริงๆ
ถ้าเราเหนื่อยล้า...จงเดินเข้าป่า(ไผ่) // สวยงามพอสมควร คนก็ไม่ได้เยอะมาก ก็ยังพอได้อยู่ เห็นแล้วก็หายเหนื่อยกันเลยทีเดียว
เดินเรื่อยๆ มาแถวสะพาน #Togetsukyo บรรยากาศแบบฟินสุด ความหนาวก็สุดๆ เช่นกัน
ขออวดนายแบบ 1 รูปครับ 555 // หนาวไหมนั่น ถอดเสื้อโคชออกไป
ค่ำแล้วก็กลับมาเอากระเป๋าจากล็อกเกอร์ เช็คอินโรงแรมใกล้สถานี แล้วออกมาหาไรกินครับ ทริปนี้เป็นทริปเที่ยว ไม่เน้นกิน อาหารการกินก็ต้องฝากท้องไว้ตามร้านมินิมาร์ หรือศูนย์อาหารแทน ประหยัดดีครับ //ข้าวปั้น 100 เยน
ซูชิ 500 กว่าเยน อิ่มเลยหล่ะ แต่ละคำนี่ คุณภาพดีกว่าตามตลาดเมืองไทยเยอะแยะเลย
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้