เหตุเกิดจาก ตั้งแต่ต้นเดือน กพ. ที่ผ่านมา มีเหตุให้ต้องใช้เงินก้อน โดยไม่ได้คาดฝัน ถึง 2-3 รายการติดๆกัน
เริ่มจาก
1) แอร์ฯในห้องนอนเสีย เรียกช่างมาดู ปรากฎว่าเสียที่คอมเพรสเซอร์ฯ คชจ.เปลี่ยนคอมฯตัวใหม่ ประมาณ 13,000 บาท
เราเห็นว่าแอร์ฯเก่ามากแล้ว(ใช้มา 10ปี ++) จึงเลือกที่จะเปลี่ยนแอร์เครื่องใหม่ เป็นแอร์ 30,000 BTU คชจ.ราวๆ 50,xxx บาท
2) อยู่ๆ ท่อในห้องน้ำชั้น 2 ก็เกิดรั่วแตก น้ำไหลลงมาชั้นล่าง ต้องเรียก ช่างปะปา มารื้อกระเบื้อง เพื่อหาจุดรั่ว และซ่อมแซม
คชจ. ราวๆ 20,xxx บาท
3) ค่าใช้จ่ายย่อยๆ เช่นค่ากิจกรรม มหาลัยฯของลูกคนโต และ ค่ากิจกรรมของโรงเรียน ลูกคนเล็ก ราวๆ 15,xxx บาท
ถ้ารวม 3 รายการ ค่าใช้จ่ายนอกรายการปรกติ ก็เหยียบๆ 100,000 บาท เข้าไปแล้ว ดังนั้น จากที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเงินแนะนำว่า
ครอบครัวควรมีเงินสดสำรองฉุกเฉินประมาณ 6 เดือน ก็ถือว่าวงเงินนี้เป็นตัวเลขที่เหมาะสมที่แต่ละครอบครัวควรจะมีไว้
เพราะหากเราไม่ได้มีสำรองไว้ เราอาจจะต้องหันไปใช้ บัตรเครดิต Car for cash หรือ หนักไปกว่านั้น ต้องไปใช้บริการหนี้นอกระบบ
เป็นเหตุให้ต้องเสียดอกเบี้ยมหาโหด และ ภาระหนี้ ในอนาคต
โชคดีที่ทางครอบครัวของผมมีเงินสดสำรองไว้ยามฉุกเฉินอยู่แล้ว จึงไม่มีปัญหาในเรื่องต้องไปหาเงินก้อนนี้
แต่ถึงกระนั้น ก็ยังรู้สึกเลยว่าเดือนนี้ต้องประหยัดมากกว่าเดิม เพราะมีรายจ่ายที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้เข้ามาแบบนี้
เมื่อนึกขี้นได้ จึงอยากขอเชิญชวนให้เพื่อนๆที่ยังไม่ได้เริ่มออมเงิน เงินสำรองฉุกเฉิน ไว้ ให้มาเริ่มเก็บสำรองเงินไว้
ก่อนที่วันที่ต้องใช้เงินฉุกเฉินจะมาถึงจริงๆ
มาเริ่มตั้ง "กองทุนฉุกเฉิน" ประจำครอบครัวกันเถอะ
เริ่มจาก
1) แอร์ฯในห้องนอนเสีย เรียกช่างมาดู ปรากฎว่าเสียที่คอมเพรสเซอร์ฯ คชจ.เปลี่ยนคอมฯตัวใหม่ ประมาณ 13,000 บาท
เราเห็นว่าแอร์ฯเก่ามากแล้ว(ใช้มา 10ปี ++) จึงเลือกที่จะเปลี่ยนแอร์เครื่องใหม่ เป็นแอร์ 30,000 BTU คชจ.ราวๆ 50,xxx บาท
2) อยู่ๆ ท่อในห้องน้ำชั้น 2 ก็เกิดรั่วแตก น้ำไหลลงมาชั้นล่าง ต้องเรียก ช่างปะปา มารื้อกระเบื้อง เพื่อหาจุดรั่ว และซ่อมแซม
คชจ. ราวๆ 20,xxx บาท
3) ค่าใช้จ่ายย่อยๆ เช่นค่ากิจกรรม มหาลัยฯของลูกคนโต และ ค่ากิจกรรมของโรงเรียน ลูกคนเล็ก ราวๆ 15,xxx บาท
ถ้ารวม 3 รายการ ค่าใช้จ่ายนอกรายการปรกติ ก็เหยียบๆ 100,000 บาท เข้าไปแล้ว ดังนั้น จากที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเงินแนะนำว่า
ครอบครัวควรมีเงินสดสำรองฉุกเฉินประมาณ 6 เดือน ก็ถือว่าวงเงินนี้เป็นตัวเลขที่เหมาะสมที่แต่ละครอบครัวควรจะมีไว้
เพราะหากเราไม่ได้มีสำรองไว้ เราอาจจะต้องหันไปใช้ บัตรเครดิต Car for cash หรือ หนักไปกว่านั้น ต้องไปใช้บริการหนี้นอกระบบ
เป็นเหตุให้ต้องเสียดอกเบี้ยมหาโหด และ ภาระหนี้ ในอนาคต
โชคดีที่ทางครอบครัวของผมมีเงินสดสำรองไว้ยามฉุกเฉินอยู่แล้ว จึงไม่มีปัญหาในเรื่องต้องไปหาเงินก้อนนี้
แต่ถึงกระนั้น ก็ยังรู้สึกเลยว่าเดือนนี้ต้องประหยัดมากกว่าเดิม เพราะมีรายจ่ายที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้เข้ามาแบบนี้
เมื่อนึกขี้นได้ จึงอยากขอเชิญชวนให้เพื่อนๆที่ยังไม่ได้เริ่มออมเงิน เงินสำรองฉุกเฉิน ไว้ ให้มาเริ่มเก็บสำรองเงินไว้
ก่อนที่วันที่ต้องใช้เงินฉุกเฉินจะมาถึงจริงๆ