เปิดตัวหนังสือ ... “การละครของผู้กดขี่ : Theatre of the Oppressed”



วันนี้ผมขอพาท่านไปพบกับหนังสือเล่มที่เขาว่ากันว่าอ่านยากมากๆ  หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือเกี่ยวกับการละครที่มีชื่อเรื่องว่า “การละครของผู้ถูกกดขี่ : Theatre of the Oppressed”  เขียนโดยนักการละครชาวบราซิลชื่อ ออกัสโต บูอาล แปลเป็นภาษาไทยโดย  คุณภินท์  ภารดาม  หรือคุณฉั่วผู้ที่คนในแวดวงการศึกษาเรื่องการละครจะรู้จักเขาเป็นอย่างดี

ทำไมหนังสือเล่มนี้ถึงได้อ่านยากนัก? อาจจะเป็นเพราะว่าในเนื้อเรื่องไม่ได้พูดถึงเรื่องการละครแต่เพียงอย่างเดียว  แต่ผู้เขียนพยายามใช้การละครให้เป็นเครื่องมือที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการสังคม จริงๆ แล้วหนังสือเล่มนี้คาบเกี่ยวอยู่ระหว่างหมวดการละครและหมวดการเมือง  ออกจะหนักไปทางการเมืองมากกว่าด้วย  ดังนั้นหนังสือเล่มนี้จึงน่าจะเป็นที่เข้าใจและน่าชื่นชอบสำหรับคนที่เรียนมาทางด้านศิลปะการละครโดยตรง  และเขาผู้นั้นต้องเป็นคนที่สนใจเรื่องการเมืองด้วย

สำหรับงาน เปิดตัวหนังสือ ... “การละครของผู้ถูกกดขี่ : Theatre of the Oppressed” นี้  จริงๆ แล้วจัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 26 มกราคม 2562  ที่ผ่านมา  ผมนำมาเสนอล่าช้าไปสักหน่อยก็ต้องขออภัยด้วยครับ   ซึ่งงานเปิดตัวหนังสือเล่มนี้จัดที่ห้องประชุมริมน้ำ LA107 (ชั้นล่าง)  ที่คณะศิลปศาสตร์  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

ว่าแล้วก็ลองไปตามชมตามอ่านกันดูดีกว่าครับ  ว่าท่านพอจะอ่านรู้เรื่องหรือไม่?





(หมายเหตุ ... สำหรับรายละเอียดจากการสนทนาในงานเปิดตัวครั้งนี้  ผมเก็บประเด็นที่พูดคุยบนเวทีมาเพียงบางส่วน โดยตัดเอามาเฉพาะประเด็นที่จะพออธิบายให้เห็นภาพโดยรวมที่เกี่ยวข้องกับหนังสือเล่มนี้  ผมได้นำข้อมูลเหล่านั้นมาเขียนเพื่อเรียบเรียงขึ้นใหม่  โดยผมไม่ได้เก็บทุกคำพูดของท่านวิทยากรที่พูดบนเวที , ไม่ได้เก็บทุกประเด็น และเนื่องจากตัวผมไม่ได้เรียนจบมาทางด้านการละครโดยตรง ดังนั้นถ้ามีรายละเอียดส่วนใดหรือข้อมูลใดที่คลาดเคลื่อนหรือผิดไปจากที่ท่านวิทยากรพูดไว้  ผมก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ)






อาจารย์อภิรักษ์  ชัยปัญญา (อาจารย์โย) คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์  ม.บูรพา  เป็นผู้ดำเนินรายการ

-หนังสือเล่มนี้พูดถึงหนังสือ Theatre of the Oppressed ที่นักการละครไทยรู้จักกันดี  แต่มีน้อยที่จะได้อ่าน  ในวันนี้โชคดีที่มีผู้แปลเป็นภาษาไทยให้เราอ่านแล้ว  ดังนั้นอยากจะถามผู้แปลว่าได้ไปเจอหนังสือเล่มนี้ได้อย่างไร?  เกิดอะไรขึ้นมาแปลหนังสือเล่มนี้ได้อย่างไร?  แล้วทำไมจึงตัดสินใจแปลหนังสือเล่มนี้?

@@@@@@@@@@







คุณภินท์  ภารดาม  (คุณฉั่ว)  นักเขียน นักการละคร ผู้แปลหนังสือ “การละครของผู้ถูกกดขี่”

-ผมรู้จักหนังสือ “การละครของผู้ถูกกดขี่” ตอนผมเรียนปริญญาโท  จริงๆ แล้วผมจบปริญญาตรีทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ (สาขาอุตสาหการ) แต่ผมเล่นละครเวทีมาตลอดตั้งแต่สมัยเรียน  เพราะว่าผมได้ไปลงเรียนกับคณะอักษรศาสตร์  เป็นวิชาเสรีที่เลือกเรียนได้  เพื่อนๆ ผมไปลงเรียนที่คณะมนุษย์ศาสตร์หมดเลยไปเรียนเต้นรำ แต่ผมกลับเลือกไปเรียนที่คณะอักษร แล้วการที่คณะวิศวะขาดผู้หญิงมากๆ เมื่อผมได้ไปเรียนที่คณะอักษรจึงทำให้ผมได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้หญิงบ้าง

-ปรากฏว่าผมไปเห็นฟันทาเมนทอลเอคติ้ง (Fundamental Acting – พื้นฐานการแสดง) ของคณะอักษร ซึ่งพอไปลงเรียนแล้วผมรู้สึกชอบการแสดงขึ้นมาเลย  ผมจึงเล่นละครเวทีเรื่อยมา   พอเรียนจบผมก็ไปทำงานหลายอย่างจนกระทั่งผมกลับมาเรียนต่อปริญญาโท  ผมจึงเลือกเรียนด้านการละคร ซึ่งพอเรียนแล้วต้องมีการทำวิทยานิพนธ์  ผมจึงได้ไปเจอกับหนังสือเล่มนี้

-ตอนที่เล่นอยู่ที่คณะอักษรมันเป็นละครเวทีพื้นฐาน  เราเล่นไปเราก็ไม่รู้ตัวว่ามันเกี่ยวข้องกับการเมือง  อย่างเช่นเล่นเรื่อง แอนิมัลฟาร์ม (Animal Farm) ผมเล่นเป็นหมู  มันมีเนื้อหาที่หล่อหลอมเราไปเรื่อยๆ ทำให้เรามีความคิดว่า “เฮ้ย ... มันมีมุมนี้ด้วยเหรอ?”  เพราะว่าผมเรียนทางด้านวิทยาศาสตร์มา  มันไม่มีมุมพวกนี้เลย  มันทำให้เราสนใจสังคม สนใจการเมือง  ซึ่งมันมีอิทธิพลกับผมมาก

-ตอนที่ผมทำวิทยานิพนธ์ ผมพบว่าผมต้องเดินเขาห้องสมุดรัฐศาสตร์บ่อยมาก  ผมต้องไปค้นคำว่า “การเมือง” และค้นคำว่า “ละคร”  แล้วหนังสือเล่มนี้ก็ปรากฏขึ้นมา   ซึ่งเจอเป็นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ  แล้วผมก็ลองอ่านดูแล้วพบว่ามันยากมากๆ อ่านไม่รู้เรื่อง ก็เลยลองไปปฏิบัติดูที่ประเทศอินเดีย  ตอนนั้นเขามีงานเฟสติวัลเกี่ยวกับการละครของผู้ถูกกดขี่พอดี  ซึ่งพอกลับมาจึงเริ่มเข้าใจว่า “อ๋อ .. มันเป็นอย่างนี้นี่เอง”

-สำหรับคำศัพท์คำว่า Oppressed ที่แปลว่าผู้ถูกกดขี่  เพราะผมรู้สึกว่าเขาถูกกดขี่จริงๆ  ผมก็เลยเลือกใช้คำนี้

@@@@@@@@@@






อาจารย์ปาริชาติ  จึงวิวัฒนาภรณ์ (ครูแพท)  สาขาการละคอน คณะศิลปกรรมศาสตร์  มธ.

-ก่อนอื่นต้องขอชื่นชมคุณภินท์ ภารดาม มากที่แปลหนังสือเล่มนี้ (เสียงปรบมือดังลั่น)  ดิฉันอ่านไปแล้วก็รู้สึกทึ่งไปกับการที่ผู้แปลมีความมานะเหลือเกิน  เพราะว่าหนังสือเล่มนี้มันแปลยากมาก   ดิฉันเคยอ่านต้นฉบับ(ภาษาอังกฤษ)แล้วยังรู้สึกว่าต้องค่อยๆ อ่านเลย  ในฐานะที่เป็นคนที่ศึกษาด้านการละครมาโดยตรงยังยอมรับเลยว่าเรื่องนี้อ่านไม่ง่ายเลย

-สาเหตุที่เรื่องนี้อ่านยากก็เพราะว่า ออกัสโต บูอาล (ผู้แต่ง) เขาเป็นคนที่มีพื้นฐานคือเดิมเขาเรียนจบด้านวิศวะเคมี  ชีวิตเขามีความสนใจเรื่องวิทยาศาสตร์ เรื่องเหตุเรื่องผลต่างๆ  เรื่องที่จับต้องได้เรื่องที่เป็นวัตถุ ฯลฯ  ออกัสโต บูอาลจับผลัดจับผลูอย่างไรก็ไม่ทราบที่เขาได้ไปเล่นละคร  แล้วเขาก็รักการแสดงละครเวที เริ่มต้นชีวิตด้วยการเป็นนักแสดงในโรงละครอาชีพ ที่เซาท์เปาโล เมืองหลวงของประเทศบราซิล

-ถ้าเราอยากจะซาบซึ้งกับหนังสือเล่มนี้เราต้องรู้จักประวัติผู้เขียนด้วย   แต่เดิมแล้วออกัสโต บูอาลก็ไม่ได้ต่างจากท่านผู้ชมทั่วไปที่ได้ไปดูละครเวทีเลย  เขาไปดูละครเพื่อเป็นงานศิลปะ   แต่ว่าในประเทศบราซิลช่วงเวลาที่ออกัสโต บูอาลได้ใช้ชีวิตเป็นนักแสดงอาชีพนั้น  สังคมบ้านเขาอยู่ในสภาพที่มีความผันผวนทางการเมืองอย่างยิ่ง  เขาเกิดในปี  ค.ศ.1931   พอถึงปี ค.ศ.1964 (หรือปี พ.ศ.2507) เกิดการรัฐประหารครั้งใหญ่ในประเทศบราซิล  แล้วการรัฐประหารครั้งนั้นทำให้เกิดรัฐบาลเผด็จการที่ปกครองบราซิลมานานถึง 21 ปี

-ในปี ค.ศ.1964 พอมีรัฐบาลเผด็จการเกิดขึ้น  นักการละครก็จะเริ่มทำละครที่มีการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลมากขึ้น  เริ่มทำละครที่มีการตั้งคำถามอะไรมากขึ้น   ทำให้นักการละครจำนวนไม่น้อยถูกจับตาจากรัฐบาล รวมทั้งคนอื่นๆ ที่ตั้งคำถามต่างๆ ด้วย   ดังนั้นใครก็ตามที่ลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลก็จะถูกกวาดล้าง  ถูกจับไปทรมาน ถูกจับไปติดคุก ฯลฯ  

-ตัวของออกัสโต บูอาลก็ถูกจับตาเช่นกัน  ในวันที่เขาเล่นละครของ แบร์ทอลท์  เบรคชท์ นักเขียนบทละครชื่อดังชาวเยอรมัน  ในระหว่างที่เขากำลังเดินทางกลับบ้านเขาถูกอุ้ม ถูกใครก็ไม่รู้จับไปซ้อม ถูกจับไปทรมานอยู่ 3 เดือนในคุก  พอเขาได้ออกมาจากคุกได้เขาจึงสมัครลี้ภัยทางการเมืองทันที  เขากลัวมากว่าจะโดนจับอีก  เขาลี้ภัยไปอยู่ในประเทศอาร์เจนติน่า  หลังจากนั้นก็ลี้ภัยไปอยู่ที่โปสตุเกสและไปใช้ชีวิตอยู่ในยุโรปนานมากเกือบ 20 ปี

-ซึ่งระหว่างที่ตัวเขาอยู่ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศสเขาก็ตั้งศูนย์การละครของผู้ถูกกดขี่ขึ้นมา  แล้วก็เริ่มเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา  โดยหนังสือเรื่องนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ.1973   และจากการที่เขาได้ไปทำละครของผู้ถูกกดขี่ในยุโรป ทำให้เขาเป็นที่รู้จักมากขึ้นในแวดวงของคนทำละครในยุโรปด้วย

-หลังจากนั้นเขาก็ได้เผยแผ่วิธีการคิด วิธีการทำงานละครของผู้ถูกกดขี่มาเรื่อยๆ จนกระทั่งโด่งดังจนได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งการละครของผู้ถูกกดขี่  แล้วเขาก็เขียนหนังสือหลายเล่ม  เล่มนี้ (“การละครของผู้กดขี่”) เป็นเล่มแรกแล้วก็เขียนตามมาอีก 4 เล่ม

-ในปี ค.ศ.2008 คือประมาณ 10 ปีที่แล้ว  ตัวดิฉันได้มีโอกาสพบกับออกัสโต บูอาลตัวจริง  เจอในงานประชุมวิชาการนานาชาติ  ที่โคโลลาโด ประเทศสหรัฐอเมริกา  ซึ่งออกัสโต บูอาลเป็นองค์ปาฐกที่ได้รับเชิญมาบรรยาย  โดยบุคลิกของท่าน(ออกัสโต บูอาล)ก่อให้เกิดการจุดประกายอะไรบางอย่างที่ทำให้เกิดปฏิกริยาต่างๆ เยอะแยะ  ดิฉันได้ตามท่านไปกับลูกชายของท่าน  จูเลียน บูอาลก็ไปด้วย   ได้ไปทำกิจกรรมเวิร์คช็อปด้วยกัน  หลังจากนั้น 8 เดือนท่านก็เสียชีวิต ในเดือนพฤษภาคม ปี ค.ศ.2009  ดิฉันได้ลายเซ็นของท่านมาด้วย  ดิฉันรู้สึกประทับใจในความมีพลังของท่าน  ทั้งๆ ที่ในขณะนั้นท่านอายุ 78 ปีแล้ว

-หนังสือเล่มนี้อาจจะอ่านค่อนข้างยาก  แม้แต่กับผู้ที่เรียนทางด้านการละครมาก็ยังอ่านยากเลยโดยเฉพาะในครึ่งแรกของเล่ม  เพราะเขาเขียนประหนึ่งว่ากำลังคุยอยู่กับผู้ที่มีความรู้ในด้านของละครเวทีปกติ   เป็นการเขียนแบบการชักแม่น้ำทั้งห้าเพื่อที่จะให้มาบรรจบที่แม่น้ำสายใหญ่ที่สุด  สุดท้ายเพื่อจะบอกว่าไอ้ที่คุณเรียนมาทั้งหมดในมหาวิทยาลัยนั้นมันเป็นละครของกระฎุมพี (น. ชนชั้นต่ำ , ไพร่)  เป็นละครของศักดินา เป็นละครของผู้กดขี่ไม่ใช่ผู้ถูกกดขี่  การเรียนการสอนในมหาวิทยาลัย , ตำราต่างๆ , บทละคร , วิธีการแสดง ฯลฯ  ทั้งหมดนั้นมันไปกดขี่คนอื่น  อะไรทำนองนี้

-แต่จริงๆ แล้วเขามีเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเขียนอย่างนี้  เราต้องอ่านให้จบเล่มเพื่อที่จะเห็นภาพรวมทั้งหมด  แต่ถ้าท่านใดสนใจในประเด็นการละครของผู้ถูกกดขี่จริงๆ ก็ต้องเริ่มอ่านตั้งแต่บทที่ 4 เป็นต้นไป

@@@@@@@@@@



คุณภินท์  ภารดาม  (คุณฉั่ว)  นักเขียน นักการละคร ผู้แปลหนังสือ “การละครของผู้ถูกกดขี่”

-สำหรับเรื่อง “การละครของผู้ถูกกดขี่” นี้ คำว่า “ของ” สำคัญมาก  หลายๆ คนไปพูดว่า “เพื่อ” ความหมายจะเปลี่ยนไป  ถ้าบอกว่าละครเพื่อผู้ถูกกดขี่จะกลายเป็นว่าเราเป็นผู้ให้เขา  คล้ายๆ สังคมสงเคราะห์ ก็คือเราจะเป็นผู้ที่ทำเพื่อเขา  แล้วส่วนใหญ่เราจะทำเพื่อคนอื่นตลอด  แต่ถ้าบอกว่า “ของ”  แสดงว่าเป็นของๆ เขาเอง  ตัวเขาเองต้องเป็นนักแสดง (Actor)  

-ซึ่งคำว่า “นักแสดง” สำคัญมาก  เพราะไม่มีใครทำให้เราได้ เราจะต้องเป็นผู้ทำด้วยตัวเอง  โดยเฉพาะผู้กดขี่เขาจะไม่ทำให้เรา  ผู้กดขี่หมายถึงผู้มีอำนาจ  ถ้าเราต้องการการเปลี่ยนแปลงอะไรแล้วเรารอให้ผู้มีอำนาจทำให้เรา  เขาจะทำให้เราเพียงพอต่อการเป็นผู้ถูกกดขี่ต่อไป  ดังนั้นเราจึงต้องทำละครของเราเอง  

@@@@@@@@@@





พาพันเคลิ้มพาพันเอาด้วยช่วยโลกกันพาพันซน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่