วันนี้ผมขอพาท่านไปพบกับหนังสือเล่มที่เขาว่ากันว่าอ่านยากมากๆ หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือเกี่ยวกับการละครที่มีชื่อเรื่องว่า “การละครของผู้ถูกกดขี่ : Theatre of the Oppressed” เขียนโดยนักการละครชาวบราซิลชื่อ ออกัสโต บูอาล แปลเป็นภาษาไทยโดย คุณภินท์ ภารดาม หรือคุณฉั่วผู้ที่คนในแวดวงการศึกษาเรื่องการละครจะรู้จักเขาเป็นอย่างดี
ทำไมหนังสือเล่มนี้ถึงได้อ่านยากนัก? อาจจะเป็นเพราะว่าในเนื้อเรื่องไม่ได้พูดถึงเรื่องการละครแต่เพียงอย่างเดียว แต่ผู้เขียนพยายามใช้การละครให้เป็นเครื่องมือที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการสังคม จริงๆ แล้วหนังสือเล่มนี้คาบเกี่ยวอยู่ระหว่างหมวดการละครและหมวดการเมือง ออกจะหนักไปทางการเมืองมากกว่าด้วย ดังนั้นหนังสือเล่มนี้จึงน่าจะเป็นที่เข้าใจและน่าชื่นชอบสำหรับคนที่เรียนมาทางด้านศิลปะการละครโดยตรง และเขาผู้นั้นต้องเป็นคนที่สนใจเรื่องการเมืองด้วย
สำหรับงาน เปิดตัวหนังสือ ... “การละครของผู้ถูกกดขี่ : Theatre of the Oppressed” นี้ จริงๆ แล้วจัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 26 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา ผมนำมาเสนอล่าช้าไปสักหน่อยก็ต้องขออภัยด้วยครับ ซึ่งงานเปิดตัวหนังสือเล่มนี้จัดที่ห้องประชุมริมน้ำ LA107 (ชั้นล่าง) ที่คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
ว่าแล้วก็ลองไปตามชมตามอ่านกันดูดีกว่าครับ ว่าท่านพอจะอ่านรู้เรื่องหรือไม่?
(หมายเหตุ ... สำหรับรายละเอียดจากการสนทนาในงานเปิดตัวครั้งนี้ ผมเก็บประเด็นที่พูดคุยบนเวทีมาเพียงบางส่วน โดยตัดเอามาเฉพาะประเด็นที่จะพออธิบายให้เห็นภาพโดยรวมที่เกี่ยวข้องกับหนังสือเล่มนี้ ผมได้นำข้อมูลเหล่านั้นมาเขียนเพื่อเรียบเรียงขึ้นใหม่ โดยผมไม่ได้เก็บทุกคำพูดของท่านวิทยากรที่พูดบนเวที , ไม่ได้เก็บทุกประเด็น และเนื่องจากตัวผมไม่ได้เรียนจบมาทางด้านการละครโดยตรง ดังนั้นถ้ามีรายละเอียดส่วนใดหรือข้อมูลใดที่คลาดเคลื่อนหรือผิดไปจากที่ท่านวิทยากรพูดไว้ ผมก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ)
อาจารย์อภิรักษ์ ชัยปัญญา (อาจารย์โย) คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ ม.บูรพา เป็นผู้ดำเนินรายการ
-หนังสือเล่มนี้พูดถึงหนังสือ Theatre of the Oppressed ที่นักการละครไทยรู้จักกันดี แต่มีน้อยที่จะได้อ่าน ในวันนี้โชคดีที่มีผู้แปลเป็นภาษาไทยให้เราอ่านแล้ว ดังนั้นอยากจะถามผู้แปลว่าได้ไปเจอหนังสือเล่มนี้ได้อย่างไร? เกิดอะไรขึ้นมาแปลหนังสือเล่มนี้ได้อย่างไร? แล้วทำไมจึงตัดสินใจแปลหนังสือเล่มนี้?
@@@@@@@@@@
คุณภินท์ ภารดาม (คุณฉั่ว) นักเขียน นักการละคร ผู้แปลหนังสือ “การละครของผู้ถูกกดขี่”
-ผมรู้จักหนังสือ “การละครของผู้ถูกกดขี่” ตอนผมเรียนปริญญาโท จริงๆ แล้วผมจบปริญญาตรีทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ (สาขาอุตสาหการ) แต่ผมเล่นละครเวทีมาตลอดตั้งแต่สมัยเรียน เพราะว่าผมได้ไปลงเรียนกับคณะอักษรศาสตร์ เป็นวิชาเสรีที่เลือกเรียนได้ เพื่อนๆ ผมไปลงเรียนที่คณะมนุษย์ศาสตร์หมดเลยไปเรียนเต้นรำ แต่ผมกลับเลือกไปเรียนที่คณะอักษร แล้วการที่คณะวิศวะขาดผู้หญิงมากๆ เมื่อผมได้ไปเรียนที่คณะอักษรจึงทำให้ผมได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้หญิงบ้าง
-ปรากฏว่าผมไปเห็นฟันทาเมนทอลเอคติ้ง (Fundamental Acting – พื้นฐานการแสดง) ของคณะอักษร ซึ่งพอไปลงเรียนแล้วผมรู้สึกชอบการแสดงขึ้นมาเลย ผมจึงเล่นละครเวทีเรื่อยมา พอเรียนจบผมก็ไปทำงานหลายอย่างจนกระทั่งผมกลับมาเรียนต่อปริญญาโท ผมจึงเลือกเรียนด้านการละคร ซึ่งพอเรียนแล้วต้องมีการทำวิทยานิพนธ์ ผมจึงได้ไปเจอกับหนังสือเล่มนี้
-ตอนที่เล่นอยู่ที่คณะอักษรมันเป็นละครเวทีพื้นฐาน เราเล่นไปเราก็ไม่รู้ตัวว่ามันเกี่ยวข้องกับการเมือง อย่างเช่นเล่นเรื่อง แอนิมัลฟาร์ม (Animal Farm) ผมเล่นเป็นหมู มันมีเนื้อหาที่หล่อหลอมเราไปเรื่อยๆ ทำให้เรามีความคิดว่า “เฮ้ย ... มันมีมุมนี้ด้วยเหรอ?” เพราะว่าผมเรียนทางด้านวิทยาศาสตร์มา มันไม่มีมุมพวกนี้เลย มันทำให้เราสนใจสังคม สนใจการเมือง ซึ่งมันมีอิทธิพลกับผมมาก
-ตอนที่ผมทำวิทยานิพนธ์ ผมพบว่าผมต้องเดินเขาห้องสมุดรัฐศาสตร์บ่อยมาก ผมต้องไปค้นคำว่า “การเมือง” และค้นคำว่า “ละคร” แล้วหนังสือเล่มนี้ก็ปรากฏขึ้นมา ซึ่งเจอเป็นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ แล้วผมก็ลองอ่านดูแล้วพบว่ามันยากมากๆ อ่านไม่รู้เรื่อง ก็เลยลองไปปฏิบัติดูที่ประเทศอินเดีย ตอนนั้นเขามีงานเฟสติวัลเกี่ยวกับการละครของผู้ถูกกดขี่พอดี ซึ่งพอกลับมาจึงเริ่มเข้าใจว่า “อ๋อ .. มันเป็นอย่างนี้นี่เอง”
-สำหรับคำศัพท์คำว่า Oppressed ที่แปลว่าผู้ถูกกดขี่ เพราะผมรู้สึกว่าเขาถูกกดขี่จริงๆ ผมก็เลยเลือกใช้คำนี้
@@@@@@@@@@
อาจารย์ปาริชาติ จึงวิวัฒนาภรณ์ (ครูแพท) สาขาการละคอน คณะศิลปกรรมศาสตร์ มธ.
-ก่อนอื่นต้องขอชื่นชมคุณภินท์ ภารดาม มากที่แปลหนังสือเล่มนี้ (เสียงปรบมือดังลั่น) ดิฉันอ่านไปแล้วก็รู้สึกทึ่งไปกับการที่ผู้แปลมีความมานะเหลือเกิน เพราะว่าหนังสือเล่มนี้มันแปลยากมาก ดิฉันเคยอ่านต้นฉบับ(ภาษาอังกฤษ)แล้วยังรู้สึกว่าต้องค่อยๆ อ่านเลย ในฐานะที่เป็นคนที่ศึกษาด้านการละครมาโดยตรงยังยอมรับเลยว่าเรื่องนี้อ่านไม่ง่ายเลย
-สาเหตุที่เรื่องนี้อ่านยากก็เพราะว่า ออกัสโต บูอาล (ผู้แต่ง) เขาเป็นคนที่มีพื้นฐานคือเดิมเขาเรียนจบด้านวิศวะเคมี ชีวิตเขามีความสนใจเรื่องวิทยาศาสตร์ เรื่องเหตุเรื่องผลต่างๆ เรื่องที่จับต้องได้เรื่องที่เป็นวัตถุ ฯลฯ ออกัสโต บูอาลจับผลัดจับผลูอย่างไรก็ไม่ทราบที่เขาได้ไปเล่นละคร แล้วเขาก็รักการแสดงละครเวที เริ่มต้นชีวิตด้วยการเป็นนักแสดงในโรงละครอาชีพ ที่เซาท์เปาโล เมืองหลวงของประเทศบราซิล
-ถ้าเราอยากจะซาบซึ้งกับหนังสือเล่มนี้เราต้องรู้จักประวัติผู้เขียนด้วย แต่เดิมแล้วออกัสโต บูอาลก็ไม่ได้ต่างจากท่านผู้ชมทั่วไปที่ได้ไปดูละครเวทีเลย เขาไปดูละครเพื่อเป็นงานศิลปะ แต่ว่าในประเทศบราซิลช่วงเวลาที่ออกัสโต บูอาลได้ใช้ชีวิตเป็นนักแสดงอาชีพนั้น สังคมบ้านเขาอยู่ในสภาพที่มีความผันผวนทางการเมืองอย่างยิ่ง เขาเกิดในปี ค.ศ.1931 พอถึงปี ค.ศ.1964 (หรือปี พ.ศ.2507) เกิดการรัฐประหารครั้งใหญ่ในประเทศบราซิล แล้วการรัฐประหารครั้งนั้นทำให้เกิดรัฐบาลเผด็จการที่ปกครองบราซิลมานานถึง 21 ปี
-ในปี ค.ศ.1964 พอมีรัฐบาลเผด็จการเกิดขึ้น นักการละครก็จะเริ่มทำละครที่มีการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลมากขึ้น เริ่มทำละครที่มีการตั้งคำถามอะไรมากขึ้น ทำให้นักการละครจำนวนไม่น้อยถูกจับตาจากรัฐบาล รวมทั้งคนอื่นๆ ที่ตั้งคำถามต่างๆ ด้วย ดังนั้นใครก็ตามที่ลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลก็จะถูกกวาดล้าง ถูกจับไปทรมาน ถูกจับไปติดคุก ฯลฯ
-ตัวของออกัสโต บูอาลก็ถูกจับตาเช่นกัน ในวันที่เขาเล่นละครของ แบร์ทอลท์ เบรคชท์ นักเขียนบทละครชื่อดังชาวเยอรมัน ในระหว่างที่เขากำลังเดินทางกลับบ้านเขาถูกอุ้ม ถูกใครก็ไม่รู้จับไปซ้อม ถูกจับไปทรมานอยู่ 3 เดือนในคุก พอเขาได้ออกมาจากคุกได้เขาจึงสมัครลี้ภัยทางการเมืองทันที เขากลัวมากว่าจะโดนจับอีก เขาลี้ภัยไปอยู่ในประเทศอาร์เจนติน่า หลังจากนั้นก็ลี้ภัยไปอยู่ที่โปสตุเกสและไปใช้ชีวิตอยู่ในยุโรปนานมากเกือบ 20 ปี
-ซึ่งระหว่างที่ตัวเขาอยู่ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศสเขาก็ตั้งศูนย์การละครของผู้ถูกกดขี่ขึ้นมา แล้วก็เริ่มเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา โดยหนังสือเรื่องนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ.1973 และจากการที่เขาได้ไปทำละครของผู้ถูกกดขี่ในยุโรป ทำให้เขาเป็นที่รู้จักมากขึ้นในแวดวงของคนทำละครในยุโรปด้วย
-หลังจากนั้นเขาก็ได้เผยแผ่วิธีการคิด วิธีการทำงานละครของผู้ถูกกดขี่มาเรื่อยๆ จนกระทั่งโด่งดังจนได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งการละครของผู้ถูกกดขี่ แล้วเขาก็เขียนหนังสือหลายเล่ม เล่มนี้ (“การละครของผู้กดขี่”) เป็นเล่มแรกแล้วก็เขียนตามมาอีก 4 เล่ม
-ในปี ค.ศ.2008 คือประมาณ 10 ปีที่แล้ว ตัวดิฉันได้มีโอกาสพบกับออกัสโต บูอาลตัวจริง เจอในงานประชุมวิชาการนานาชาติ ที่โคโลลาโด ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งออกัสโต บูอาลเป็นองค์ปาฐกที่ได้รับเชิญมาบรรยาย โดยบุคลิกของท่าน(ออกัสโต บูอาล)ก่อให้เกิดการจุดประกายอะไรบางอย่างที่ทำให้เกิดปฏิกริยาต่างๆ เยอะแยะ ดิฉันได้ตามท่านไปกับลูกชายของท่าน จูเลียน บูอาลก็ไปด้วย ได้ไปทำกิจกรรมเวิร์คช็อปด้วยกัน หลังจากนั้น 8 เดือนท่านก็เสียชีวิต ในเดือนพฤษภาคม ปี ค.ศ.2009 ดิฉันได้ลายเซ็นของท่านมาด้วย ดิฉันรู้สึกประทับใจในความมีพลังของท่าน ทั้งๆ ที่ในขณะนั้นท่านอายุ 78 ปีแล้ว
-หนังสือเล่มนี้อาจจะอ่านค่อนข้างยาก แม้แต่กับผู้ที่เรียนทางด้านการละครมาก็ยังอ่านยากเลยโดยเฉพาะในครึ่งแรกของเล่ม เพราะเขาเขียนประหนึ่งว่ากำลังคุยอยู่กับผู้ที่มีความรู้ในด้านของละครเวทีปกติ เป็นการเขียนแบบการชักแม่น้ำทั้งห้าเพื่อที่จะให้มาบรรจบที่แม่น้ำสายใหญ่ที่สุด สุดท้ายเพื่อจะบอกว่าไอ้ที่คุณเรียนมาทั้งหมดในมหาวิทยาลัยนั้นมันเป็นละครของกระฎุมพี (น. ชนชั้นต่ำ , ไพร่) เป็นละครของศักดินา เป็นละครของผู้กดขี่ไม่ใช่ผู้ถูกกดขี่ การเรียนการสอนในมหาวิทยาลัย , ตำราต่างๆ , บทละคร , วิธีการแสดง ฯลฯ ทั้งหมดนั้นมันไปกดขี่คนอื่น อะไรทำนองนี้
-แต่จริงๆ แล้วเขามีเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเขียนอย่างนี้ เราต้องอ่านให้จบเล่มเพื่อที่จะเห็นภาพรวมทั้งหมด แต่ถ้าท่านใดสนใจในประเด็นการละครของผู้ถูกกดขี่จริงๆ ก็ต้องเริ่มอ่านตั้งแต่บทที่ 4 เป็นต้นไป
@@@@@@@@@@

คุณภินท์ ภารดาม (คุณฉั่ว) นักเขียน นักการละคร ผู้แปลหนังสือ “การละครของผู้ถูกกดขี่”
-สำหรับเรื่อง “การละครของผู้ถูกกดขี่” นี้ คำว่า “ของ” สำคัญมาก หลายๆ คนไปพูดว่า “เพื่อ” ความหมายจะเปลี่ยนไป ถ้าบอกว่าละครเพื่อผู้ถูกกดขี่จะกลายเป็นว่าเราเป็นผู้ให้เขา คล้ายๆ สังคมสงเคราะห์ ก็คือเราจะเป็นผู้ที่ทำเพื่อเขา แล้วส่วนใหญ่เราจะทำเพื่อคนอื่นตลอด แต่ถ้าบอกว่า “ของ” แสดงว่าเป็นของๆ เขาเอง ตัวเขาเองต้องเป็นนักแสดง (Actor)
-ซึ่งคำว่า “นักแสดง” สำคัญมาก เพราะไม่มีใครทำให้เราได้ เราจะต้องเป็นผู้ทำด้วยตัวเอง โดยเฉพาะผู้กดขี่เขาจะไม่ทำให้เรา ผู้กดขี่หมายถึงผู้มีอำนาจ ถ้าเราต้องการการเปลี่ยนแปลงอะไรแล้วเรารอให้ผู้มีอำนาจทำให้เรา เขาจะทำให้เราเพียงพอต่อการเป็นผู้ถูกกดขี่ต่อไป ดังนั้นเราจึงต้องทำละครของเราเอง
@@@@@@@@@@


เปิดตัวหนังสือ ... “การละครของผู้กดขี่ : Theatre of the Oppressed”
วันนี้ผมขอพาท่านไปพบกับหนังสือเล่มที่เขาว่ากันว่าอ่านยากมากๆ หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือเกี่ยวกับการละครที่มีชื่อเรื่องว่า “การละครของผู้ถูกกดขี่ : Theatre of the Oppressed” เขียนโดยนักการละครชาวบราซิลชื่อ ออกัสโต บูอาล แปลเป็นภาษาไทยโดย คุณภินท์ ภารดาม หรือคุณฉั่วผู้ที่คนในแวดวงการศึกษาเรื่องการละครจะรู้จักเขาเป็นอย่างดี
ทำไมหนังสือเล่มนี้ถึงได้อ่านยากนัก? อาจจะเป็นเพราะว่าในเนื้อเรื่องไม่ได้พูดถึงเรื่องการละครแต่เพียงอย่างเดียว แต่ผู้เขียนพยายามใช้การละครให้เป็นเครื่องมือที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการสังคม จริงๆ แล้วหนังสือเล่มนี้คาบเกี่ยวอยู่ระหว่างหมวดการละครและหมวดการเมือง ออกจะหนักไปทางการเมืองมากกว่าด้วย ดังนั้นหนังสือเล่มนี้จึงน่าจะเป็นที่เข้าใจและน่าชื่นชอบสำหรับคนที่เรียนมาทางด้านศิลปะการละครโดยตรง และเขาผู้นั้นต้องเป็นคนที่สนใจเรื่องการเมืองด้วย
สำหรับงาน เปิดตัวหนังสือ ... “การละครของผู้ถูกกดขี่ : Theatre of the Oppressed” นี้ จริงๆ แล้วจัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 26 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา ผมนำมาเสนอล่าช้าไปสักหน่อยก็ต้องขออภัยด้วยครับ ซึ่งงานเปิดตัวหนังสือเล่มนี้จัดที่ห้องประชุมริมน้ำ LA107 (ชั้นล่าง) ที่คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
ว่าแล้วก็ลองไปตามชมตามอ่านกันดูดีกว่าครับ ว่าท่านพอจะอ่านรู้เรื่องหรือไม่?
(หมายเหตุ ... สำหรับรายละเอียดจากการสนทนาในงานเปิดตัวครั้งนี้ ผมเก็บประเด็นที่พูดคุยบนเวทีมาเพียงบางส่วน โดยตัดเอามาเฉพาะประเด็นที่จะพออธิบายให้เห็นภาพโดยรวมที่เกี่ยวข้องกับหนังสือเล่มนี้ ผมได้นำข้อมูลเหล่านั้นมาเขียนเพื่อเรียบเรียงขึ้นใหม่ โดยผมไม่ได้เก็บทุกคำพูดของท่านวิทยากรที่พูดบนเวที , ไม่ได้เก็บทุกประเด็น และเนื่องจากตัวผมไม่ได้เรียนจบมาทางด้านการละครโดยตรง ดังนั้นถ้ามีรายละเอียดส่วนใดหรือข้อมูลใดที่คลาดเคลื่อนหรือผิดไปจากที่ท่านวิทยากรพูดไว้ ผมก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ)
อาจารย์อภิรักษ์ ชัยปัญญา (อาจารย์โย) คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ ม.บูรพา เป็นผู้ดำเนินรายการ
-หนังสือเล่มนี้พูดถึงหนังสือ Theatre of the Oppressed ที่นักการละครไทยรู้จักกันดี แต่มีน้อยที่จะได้อ่าน ในวันนี้โชคดีที่มีผู้แปลเป็นภาษาไทยให้เราอ่านแล้ว ดังนั้นอยากจะถามผู้แปลว่าได้ไปเจอหนังสือเล่มนี้ได้อย่างไร? เกิดอะไรขึ้นมาแปลหนังสือเล่มนี้ได้อย่างไร? แล้วทำไมจึงตัดสินใจแปลหนังสือเล่มนี้?
คุณภินท์ ภารดาม (คุณฉั่ว) นักเขียน นักการละคร ผู้แปลหนังสือ “การละครของผู้ถูกกดขี่”
-ผมรู้จักหนังสือ “การละครของผู้ถูกกดขี่” ตอนผมเรียนปริญญาโท จริงๆ แล้วผมจบปริญญาตรีทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ (สาขาอุตสาหการ) แต่ผมเล่นละครเวทีมาตลอดตั้งแต่สมัยเรียน เพราะว่าผมได้ไปลงเรียนกับคณะอักษรศาสตร์ เป็นวิชาเสรีที่เลือกเรียนได้ เพื่อนๆ ผมไปลงเรียนที่คณะมนุษย์ศาสตร์หมดเลยไปเรียนเต้นรำ แต่ผมกลับเลือกไปเรียนที่คณะอักษร แล้วการที่คณะวิศวะขาดผู้หญิงมากๆ เมื่อผมได้ไปเรียนที่คณะอักษรจึงทำให้ผมได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้หญิงบ้าง
-ปรากฏว่าผมไปเห็นฟันทาเมนทอลเอคติ้ง (Fundamental Acting – พื้นฐานการแสดง) ของคณะอักษร ซึ่งพอไปลงเรียนแล้วผมรู้สึกชอบการแสดงขึ้นมาเลย ผมจึงเล่นละครเวทีเรื่อยมา พอเรียนจบผมก็ไปทำงานหลายอย่างจนกระทั่งผมกลับมาเรียนต่อปริญญาโท ผมจึงเลือกเรียนด้านการละคร ซึ่งพอเรียนแล้วต้องมีการทำวิทยานิพนธ์ ผมจึงได้ไปเจอกับหนังสือเล่มนี้
-ตอนที่เล่นอยู่ที่คณะอักษรมันเป็นละครเวทีพื้นฐาน เราเล่นไปเราก็ไม่รู้ตัวว่ามันเกี่ยวข้องกับการเมือง อย่างเช่นเล่นเรื่อง แอนิมัลฟาร์ม (Animal Farm) ผมเล่นเป็นหมู มันมีเนื้อหาที่หล่อหลอมเราไปเรื่อยๆ ทำให้เรามีความคิดว่า “เฮ้ย ... มันมีมุมนี้ด้วยเหรอ?” เพราะว่าผมเรียนทางด้านวิทยาศาสตร์มา มันไม่มีมุมพวกนี้เลย มันทำให้เราสนใจสังคม สนใจการเมือง ซึ่งมันมีอิทธิพลกับผมมาก
-ตอนที่ผมทำวิทยานิพนธ์ ผมพบว่าผมต้องเดินเขาห้องสมุดรัฐศาสตร์บ่อยมาก ผมต้องไปค้นคำว่า “การเมือง” และค้นคำว่า “ละคร” แล้วหนังสือเล่มนี้ก็ปรากฏขึ้นมา ซึ่งเจอเป็นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ แล้วผมก็ลองอ่านดูแล้วพบว่ามันยากมากๆ อ่านไม่รู้เรื่อง ก็เลยลองไปปฏิบัติดูที่ประเทศอินเดีย ตอนนั้นเขามีงานเฟสติวัลเกี่ยวกับการละครของผู้ถูกกดขี่พอดี ซึ่งพอกลับมาจึงเริ่มเข้าใจว่า “อ๋อ .. มันเป็นอย่างนี้นี่เอง”
-สำหรับคำศัพท์คำว่า Oppressed ที่แปลว่าผู้ถูกกดขี่ เพราะผมรู้สึกว่าเขาถูกกดขี่จริงๆ ผมก็เลยเลือกใช้คำนี้
อาจารย์ปาริชาติ จึงวิวัฒนาภรณ์ (ครูแพท) สาขาการละคอน คณะศิลปกรรมศาสตร์ มธ.
-ก่อนอื่นต้องขอชื่นชมคุณภินท์ ภารดาม มากที่แปลหนังสือเล่มนี้ (เสียงปรบมือดังลั่น) ดิฉันอ่านไปแล้วก็รู้สึกทึ่งไปกับการที่ผู้แปลมีความมานะเหลือเกิน เพราะว่าหนังสือเล่มนี้มันแปลยากมาก ดิฉันเคยอ่านต้นฉบับ(ภาษาอังกฤษ)แล้วยังรู้สึกว่าต้องค่อยๆ อ่านเลย ในฐานะที่เป็นคนที่ศึกษาด้านการละครมาโดยตรงยังยอมรับเลยว่าเรื่องนี้อ่านไม่ง่ายเลย
-สาเหตุที่เรื่องนี้อ่านยากก็เพราะว่า ออกัสโต บูอาล (ผู้แต่ง) เขาเป็นคนที่มีพื้นฐานคือเดิมเขาเรียนจบด้านวิศวะเคมี ชีวิตเขามีความสนใจเรื่องวิทยาศาสตร์ เรื่องเหตุเรื่องผลต่างๆ เรื่องที่จับต้องได้เรื่องที่เป็นวัตถุ ฯลฯ ออกัสโต บูอาลจับผลัดจับผลูอย่างไรก็ไม่ทราบที่เขาได้ไปเล่นละคร แล้วเขาก็รักการแสดงละครเวที เริ่มต้นชีวิตด้วยการเป็นนักแสดงในโรงละครอาชีพ ที่เซาท์เปาโล เมืองหลวงของประเทศบราซิล
-ถ้าเราอยากจะซาบซึ้งกับหนังสือเล่มนี้เราต้องรู้จักประวัติผู้เขียนด้วย แต่เดิมแล้วออกัสโต บูอาลก็ไม่ได้ต่างจากท่านผู้ชมทั่วไปที่ได้ไปดูละครเวทีเลย เขาไปดูละครเพื่อเป็นงานศิลปะ แต่ว่าในประเทศบราซิลช่วงเวลาที่ออกัสโต บูอาลได้ใช้ชีวิตเป็นนักแสดงอาชีพนั้น สังคมบ้านเขาอยู่ในสภาพที่มีความผันผวนทางการเมืองอย่างยิ่ง เขาเกิดในปี ค.ศ.1931 พอถึงปี ค.ศ.1964 (หรือปี พ.ศ.2507) เกิดการรัฐประหารครั้งใหญ่ในประเทศบราซิล แล้วการรัฐประหารครั้งนั้นทำให้เกิดรัฐบาลเผด็จการที่ปกครองบราซิลมานานถึง 21 ปี
-ในปี ค.ศ.1964 พอมีรัฐบาลเผด็จการเกิดขึ้น นักการละครก็จะเริ่มทำละครที่มีการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลมากขึ้น เริ่มทำละครที่มีการตั้งคำถามอะไรมากขึ้น ทำให้นักการละครจำนวนไม่น้อยถูกจับตาจากรัฐบาล รวมทั้งคนอื่นๆ ที่ตั้งคำถามต่างๆ ด้วย ดังนั้นใครก็ตามที่ลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลก็จะถูกกวาดล้าง ถูกจับไปทรมาน ถูกจับไปติดคุก ฯลฯ
-ตัวของออกัสโต บูอาลก็ถูกจับตาเช่นกัน ในวันที่เขาเล่นละครของ แบร์ทอลท์ เบรคชท์ นักเขียนบทละครชื่อดังชาวเยอรมัน ในระหว่างที่เขากำลังเดินทางกลับบ้านเขาถูกอุ้ม ถูกใครก็ไม่รู้จับไปซ้อม ถูกจับไปทรมานอยู่ 3 เดือนในคุก พอเขาได้ออกมาจากคุกได้เขาจึงสมัครลี้ภัยทางการเมืองทันที เขากลัวมากว่าจะโดนจับอีก เขาลี้ภัยไปอยู่ในประเทศอาร์เจนติน่า หลังจากนั้นก็ลี้ภัยไปอยู่ที่โปสตุเกสและไปใช้ชีวิตอยู่ในยุโรปนานมากเกือบ 20 ปี
-ซึ่งระหว่างที่ตัวเขาอยู่ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศสเขาก็ตั้งศูนย์การละครของผู้ถูกกดขี่ขึ้นมา แล้วก็เริ่มเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา โดยหนังสือเรื่องนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ.1973 และจากการที่เขาได้ไปทำละครของผู้ถูกกดขี่ในยุโรป ทำให้เขาเป็นที่รู้จักมากขึ้นในแวดวงของคนทำละครในยุโรปด้วย
-หลังจากนั้นเขาก็ได้เผยแผ่วิธีการคิด วิธีการทำงานละครของผู้ถูกกดขี่มาเรื่อยๆ จนกระทั่งโด่งดังจนได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งการละครของผู้ถูกกดขี่ แล้วเขาก็เขียนหนังสือหลายเล่ม เล่มนี้ (“การละครของผู้กดขี่”) เป็นเล่มแรกแล้วก็เขียนตามมาอีก 4 เล่ม
-ในปี ค.ศ.2008 คือประมาณ 10 ปีที่แล้ว ตัวดิฉันได้มีโอกาสพบกับออกัสโต บูอาลตัวจริง เจอในงานประชุมวิชาการนานาชาติ ที่โคโลลาโด ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งออกัสโต บูอาลเป็นองค์ปาฐกที่ได้รับเชิญมาบรรยาย โดยบุคลิกของท่าน(ออกัสโต บูอาล)ก่อให้เกิดการจุดประกายอะไรบางอย่างที่ทำให้เกิดปฏิกริยาต่างๆ เยอะแยะ ดิฉันได้ตามท่านไปกับลูกชายของท่าน จูเลียน บูอาลก็ไปด้วย ได้ไปทำกิจกรรมเวิร์คช็อปด้วยกัน หลังจากนั้น 8 เดือนท่านก็เสียชีวิต ในเดือนพฤษภาคม ปี ค.ศ.2009 ดิฉันได้ลายเซ็นของท่านมาด้วย ดิฉันรู้สึกประทับใจในความมีพลังของท่าน ทั้งๆ ที่ในขณะนั้นท่านอายุ 78 ปีแล้ว
-หนังสือเล่มนี้อาจจะอ่านค่อนข้างยาก แม้แต่กับผู้ที่เรียนทางด้านการละครมาก็ยังอ่านยากเลยโดยเฉพาะในครึ่งแรกของเล่ม เพราะเขาเขียนประหนึ่งว่ากำลังคุยอยู่กับผู้ที่มีความรู้ในด้านของละครเวทีปกติ เป็นการเขียนแบบการชักแม่น้ำทั้งห้าเพื่อที่จะให้มาบรรจบที่แม่น้ำสายใหญ่ที่สุด สุดท้ายเพื่อจะบอกว่าไอ้ที่คุณเรียนมาทั้งหมดในมหาวิทยาลัยนั้นมันเป็นละครของกระฎุมพี (น. ชนชั้นต่ำ , ไพร่) เป็นละครของศักดินา เป็นละครของผู้กดขี่ไม่ใช่ผู้ถูกกดขี่ การเรียนการสอนในมหาวิทยาลัย , ตำราต่างๆ , บทละคร , วิธีการแสดง ฯลฯ ทั้งหมดนั้นมันไปกดขี่คนอื่น อะไรทำนองนี้
-แต่จริงๆ แล้วเขามีเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเขียนอย่างนี้ เราต้องอ่านให้จบเล่มเพื่อที่จะเห็นภาพรวมทั้งหมด แต่ถ้าท่านใดสนใจในประเด็นการละครของผู้ถูกกดขี่จริงๆ ก็ต้องเริ่มอ่านตั้งแต่บทที่ 4 เป็นต้นไป
คุณภินท์ ภารดาม (คุณฉั่ว) นักเขียน นักการละคร ผู้แปลหนังสือ “การละครของผู้ถูกกดขี่”
-สำหรับเรื่อง “การละครของผู้ถูกกดขี่” นี้ คำว่า “ของ” สำคัญมาก หลายๆ คนไปพูดว่า “เพื่อ” ความหมายจะเปลี่ยนไป ถ้าบอกว่าละครเพื่อผู้ถูกกดขี่จะกลายเป็นว่าเราเป็นผู้ให้เขา คล้ายๆ สังคมสงเคราะห์ ก็คือเราจะเป็นผู้ที่ทำเพื่อเขา แล้วส่วนใหญ่เราจะทำเพื่อคนอื่นตลอด แต่ถ้าบอกว่า “ของ” แสดงว่าเป็นของๆ เขาเอง ตัวเขาเองต้องเป็นนักแสดง (Actor)
-ซึ่งคำว่า “นักแสดง” สำคัญมาก เพราะไม่มีใครทำให้เราได้ เราจะต้องเป็นผู้ทำด้วยตัวเอง โดยเฉพาะผู้กดขี่เขาจะไม่ทำให้เรา ผู้กดขี่หมายถึงผู้มีอำนาจ ถ้าเราต้องการการเปลี่ยนแปลงอะไรแล้วเรารอให้ผู้มีอำนาจทำให้เรา เขาจะทำให้เราเพียงพอต่อการเป็นผู้ถูกกดขี่ต่อไป ดังนั้นเราจึงต้องทำละครของเราเอง