สมัยสามก๊ก หรือช่วงประวัติศาสตร์จีนมีแม่ทัพจีนคนไหนที่แต่เดิมมาจากชนชั้นพ่อค้า หรือแบบไม่น่าจะเป็นทหารได้มีไหมครับ

ตามหัวข้อเลยครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
ในช่วงบ้านเมืองเป็นจลาจลเกิดศึกสงคราม เป็นปกติที่จะมีคนตั้งตนเป็นใหญ่ครับ แม้แต่ชาวบ้านธรรมดาจำนวนมากยังสามารถตั้งตนเป็นฮ่องเต้เป็นอ๋องได้ ตำแหน่งแม่ทัพยิ่งมีมากกว่าครับ

ในสมัยสามก๊กมีอยู่หลายคน เช่น

เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย จูล่ง เดิมต่างไม่ได้รับราชการ พื้นเพเป็นเพียงคนธรรมดา เริ่มต้นจากสมัครไปเป็นทหารอาสา แล้วค่อยไต่เต้าจนได้เป็นใหญ่ในอนาคต

เล่าปี่ อ้างตัวว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ฮั่น แต่ยากจนต้องยังชีพด้วยการทอเสื่อสานรองเท้าขาย แต่ได้รวบรวมผู้คนก่อตั้งกองทหารอาสาไปช่วยทางการปราบปรามโจรโพกผ้าเหลือง  กวนอูกับเตียวหุยตามประวัติศาสตร์ไม่ปรากฏอาชีพการงาน กวนอูหลบหนีคดีออกจากบ้านเกิดมาอยู่ที่เมืองจัวจวิ้น (涿郡 ตุ้นก้วน) บ้านเกิดของเล่าปี่ ส่วนเตียวหุยเป็นคนบ้านเดียวกับเล่าปี่ ตามประวัติศาสตร์ไม่ได้ขายหมู

จูล่งไม่ปรากฏพื้นเพชัดเจน ในประวัติศาสตร์ระบุว่าถูกเสนอลื่อให้รับราชการ จึงนำข้าราชการและทหารในบ้านเกิดอาสาไปเข้ากับกองซุนจ้าน จึงเข้าใจว่าคงเป็นชาวบ้านธรรมดา ก่อนจะย้ายมาอยู่กับเล่าปี่ สร้างความชอบจากการช่วยเล่าเสี้ยนที่ฉางปันจึงได้เลื่อนเป็น ขุนพลหยาเหมิน (牙門將軍) หรือแม่ทัพผู้รักษาค่ายใหญ่ ต่อมาไต่เต้าจนมีตำแหน่งสูงสุดเป็น ขุนพลพิทักษ์บูรพา (鎮東將軍) ในสมัยเล่าเสี้ยน

อุยเอี๋ยน ตามประวัติศาสตร์เดิมเป็นทหารในสังกัดกองพลของเล่าปี่ แต่ทำความดีความชอบจนได้รับความไว้วางใจจากเล่าปี่ให้เป็นแม่ทัพดูแลเมืองฮันต๋งที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ จนถึงสมัยเล่าเสี้ยนก็มีตำแหน่งเป็นถึง มหาขุนพลพิชิตประจิม (征西大將軍) ควบตำแหน่งเสนาธิการหน้า (前軍師) ในขณะทำสงครามกับวุยก็มีอำนาจบัญชาการทหารเป็นรองก็แต่ขงเบ้ง

โลซก เดิมเป็นคนธรรมดาไม่ได้อยู่ในแวดวงราชการ แต่มีทรัพย์สินมากและเป็นคนที่มีน้ำใจกว้างขวาง ชอบฝึกกระบี่ขี่ม้ายิงธนู รวมกลุ่มคนหนุ่มจำนวนมากมาเลี้ยงดูให้เสื้อผ้าอาหารอย่างดี และมักชวนออกไปล่าสัตว์หรือศึกษาพิชัยสงครามบนเขา จนทำให้ผู้ใหญ่ในตระกูลกล่าวว่า "ตระกูลลกตกต่ำแล้ว ถึงได้เจ้าเด็กบ้านี้มาเกิด" ต่อมาโลซกได้ผูกมิตรกับจิวยี่และได้รับราชการกับง่อก๊ก จนได้สืบทอดอำนาจทหารจากจิวยี่และกลายเป็นเสาหลักสำคัญของง่อก๊ก

กำเหลง ในสมัยหนุ่มๆ ชอบทำตัวเป็นนักเลง ตั้งกลุ่มโจรฆ่าคนปล้นชิง ปักขนนกแขวนกระดิ่งติดตัว แต่งกายด้วยผ้าไหมอย่างหรูหราเป็นเอกลักษณ์ ต่อมาจึงเลิกปล้นชิงหันมาศึกษาตำราพิชัยสงครามแล้วไปรับราชการกับเล่าเปียว ก่อนย้ายไปอยู่กับซุนกวน จนได้มีตำแหน่งมีแม่ทัพ

ม้าเท้ง ตามประวัติศาสตร์แม้จะเป็นเชื้อสายของม้าอ้วน (หม่าเหยฺวียน) ขุนพลใหญ่สมัยราชวงศ์ฮั่น แต่พอมาถึงรุ่นบิดาก็เป็นเพียงข้าราชการชั้นผู้น้อยและถูกปลดจากราชการ ต้องไปอาศัยอยู่กับชนเผ่าเชียง ม้าเท้งยากจนมากต้องยังชีพด้วยการเก็บฟืนจากภูเขามาขาย ต่อมาหลังจากโจรโพกผ้าเหลืองถูกปราบ ชาวเชียงได้ก่อกบฏในเหลียงโจว ม้าเท้งได้เข้าเป็นทหารอาสากับทางการ แต่ภายหลังย้ายไปเข้ากับกลุ่มกบฏที่นำโดยหันซุยภายหลังลิฉุยกุยกียึดอำนาจในเมืองหลวง ม้าเท้งหันซุยยอมสวามิภ้กดิ์จึงได้รับตำแหน่งขุนพลจากราชสำนัก แต่ภายหลังก็ก่อกบฏจะมายึดเมืองฉางอาน ต่อมาม้าเท้งขัดแย้งกับหันซุยจึงลงมารับราชการในเมืองหลวงอยู่กับโจโฉ ได้รับตำแหน่งจากราชสำนัก


นอกจากนี้ในสมัยปลายราชวงศ์ฮั่น มีการซื้อขายตำแหน่งขุนนางเป็นปกติ การที่จะมีผู้ใช้เงินซื้อตำแหน่งแม่ทัพจากสำนักก็อาจเกิดขึ้นได้ หรือไม่ก็อาจจะได้ตำแหน่งเพราะเส้นสายเช่นกรณีของโฮจิ๋น

โฮจิ๋นเป็นเพียงคนแล่เนื้อสัตว์ขาย แต่เพราะน้องสาวคือพระนางโฮเฮาได้เป็นฮองเฮาของพระเจ้าเลนเต้ จึงได้ก้าวหน้าทางราชการอย่างรวดเร็วมาก จนเมื่อเกิดกบฏโจรโพกผ้าเหลืองจึงได้มีตำแหน่งเป็น มหาขุนพล (大將軍 ต้าเจียงจวิน) ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด มีศักดิ์สูงกว่าซานกง (สามมหาเสนาบดี) บัญชาการองครักษ์ป้องกันพระนคร ทั้งที่ตนเองไม่เคยมีประสบการณ์ภาคสนามเลย

ทั้งนี้ในสมัยฮั่นตะวันออก ผู้ที่ได้ตำแหน่งมหาขุนพลมักจะเป็นตระกูลพระญาติที่กุมอำนาจในราชสำนักเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งส่วนมากก็ไม่เคยออกศึกสงครามทั้งนั้นครับ


บางคนรับราชการสายบุ๋นมาตลอด แต่พลิกโผมาเป็นทหารก็มีจำนวนมาก เช่น

สุมาอี้เพิ่งมามีอำนาจบัญชาการออกศึกในสมัยโจยอยจนได้มีตำแหน่งสูงสุดเป็นมหาขุนพล ได้รับขวานอาญาสิทธิ์บัญชาการออกศึกกับจ๊กก๊ก หลังจากนั้นก็ยังได้เป็นแม่ทัพออกศึกอีกหลายครั้ง

เตงจี๋ซึ่งทำงานพลเรือนตลอดได้รับตำแหน่งเป็นแม่ทัพครั้งแรกตอนที่ตามจูล่งไปรบกับวุยก๊ก ต่อมาไต่เต้าจนมีตำแหน่งสูงสุดเป็นขุนพลทหารม้ารถศึก (車騎將軍 จวีจี้เจียงจวิน) ซึ่งเป็นตำแหน่งรองมหาขุนพล

เจียวอ้วนที่เป็นผู้สืบทอดของขงเบ้ง มีตำแหน่งเป็นต้าซือหม่า (大司馬 จอมพล ศักดิ์สูงกว่ามหาขุนพล) ควบตำแหน่งมหาขุนพล เดิมก็ทำงานพลเรือนมาตลอด เมื่อรับตำแหน่งดูแลจ๊กก๊กต่อจากขงเบ้งก็ไม่เคยได้บัญชาการศึกด้วยตนเอง

ม้าเจ๊ก ขุนนางพลเรือนไม่เคยมีประสบการณ์ภาคสนาม ได้เป็นแม่ทัพหน้ารบกับวุยก๊กที่เกเต๋ง กลับพ่ายแพ้ยับเยินเพราะวางยุทธศาสตร์ผิดพลาด  


บางครั้งอาจมีการแต่งตั้งขุนนางบางคนให้มีตำแหน่งเป็นแม่ทัพหรือขุนพล (將軍 เจียงจวิน) แต่ในทางปฏิบัติอาจไม่มีหน้าที่บัญชาการทหารเลยก็มี เช่น บิต๊ก กันหยง ซุนเขียน อิเจี้ย ซึ่งเป็นที่ปรึกษาเก่าแก่ของเล่าปี่และมีหน้าที่สายบุ๋นตลอด ต่างได้รับตำแหน่งแม่ทัพหลังจากเล่าปี่ตีเสฉวนได้

บิต๊ก (เดิมเป็นพ่อค้า) ได้เป็นขุนพลสงบฮั่น (安漢將軍 อานฮั่นเจียงจวิน) กันหยงเป็นขุนพลคุณธรรมรุ่งโรจน์ (昭德將軍 เจาเต๋อเจียงจวิน) ซุนเขียนเป็นขุนพลมั่นภักดี (秉忠將軍 ปิ่งจงเจียงจวิน) อิเจี้ยเป็นขุนพลธรรมเนียมรุ่งโรจน์ (昭文將軍 เจาเหวินเจียงจวิน) แต่ต่างไม่ได้มีอำนาจบัญชาการทหาร เป็นเพียงตำแหน่งลอยให้เป็นเกียรติยศครับ



ส่วนที่ไม่ใช่สมัยสามก๊ก ที่โดดเด่นมากก็คือเจียงจื่อหยา ตามประวัติเป็นแค่คนธรรมดาและยากจน ต้องทำงานแทบทุกอย่าง ทั้งชำแหละเนื้อสัตว์ ขายแป้งหมี่ ขายหมู แต่ไม่สำเร็จสักอย่าง ถูกภรรยาไล่ออกจากบ้าน จนกระทั่งอายุถึงแปดสิบจึงได้พบโจวเหวินหวัง และได้กลายเป็นกุนซือเอกช่วยพิชิตราชวงศ์ซางได้สำเร็จ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่