ไร่ส้มแสนสบายสไตล์พี่โก้ พื้นที่ความสุขง่าย ๆ ทำได้ในแบบของเรา

พาพันรดน้ำต้นไม้ การทำเกษตรอินทรีย์ แรงบันดาลใจจากความขี้เกียจ
                                     
                           วันวาเลนไทน์ไม่รู้จะไปไหนเลยพาตัวเองออกไปกินข้าวกลางป่า กลางหุบเขาที่มีแต่ความสุขในแบบสบาย ๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก
พี่โก้ว่างไหมวันพฤหัสนี้จะไปกินข้าวด้วยที่สวน มือพลางทักหาเพื่อนอีกคนผ่าน Messenger Facebook ไปหาพี่โก้กัน หาของกินไปกินซุมกันกับแก(ซุม ภาษาอีสาน แปลว่ารวมกัน ด้วยกัน)

                          สวนส้มแสนสบาย อยู่ที่บ้านไร่ทาม ต.นาอาน อ.เมือง จ.เลย เรานั่งรถออกจากตัวเมืองใช้เวลาไม่นาน ก่อนอื่นก็เปิดพี่กูเพื่อค้นหาพิกัดไร่ "ไร่ส้มแสนสบาย" แล้วก็ใช้นำทาง ตั้งแต่ทางเข้าไร่ก็จะมีป้ายบอกเล็ก ๆ เรามั่นใจเพราะพี่กูบอกว่าสิ้นสุดการค้นหาแล้ว จึงจอดรถที่สวนของใครก็ไม่รู้ มีหมาร่วม 16 ตัว วิ่งมาเห่าต้อนรับ บ่นพึมพำกันในรถสองคนน่าจะใช่แหละ สวนพี่โก้ไปทางไหนคะ นี่ไม่ใช่ต้องเลยไปอีก 200 เมตร ขอบคุณงาม ๆ ตามประสาคนมาเยือน เราหันหัวรถออกมา  เจอแล้วพื้นที่สวนทอดยาว เบื้องหน้าเต็มไปด้วยหุบเขา ต้นไม้ล้อมรอบ
                       ยังไม่ทันหิ้วของกินลงจากรถ สองมือพนมกล่าวทักทายสวัสดีคะพี่โก้ คุณพ่อและพี่ชาย   ภายใต้ชายคาสังกะสีไม่สูงนัก พี่โก้กำลังขะมักเขม้นหน้าตาดูจริงจัง ส้มสีทองกองอยู่ตรงหน้าคัดปาดคั้นสด ๆ กลิ่นน้ำมันหอมระเหยของเปลือกส้มที่ส่งกลิ่นมาช่างชวนให้น้ำลายไหล พี่โก้คั้นน้ำส้มสด ๆ บรรจุขวดและแช่เย็นไว้ เราจึงย้ายที่อยู่มาที่กระท่อมน้อยใต้ต้นโมก เพื่อนั่งสนทนากัน


                                                                           พ่อของพี่โก้ทำสวนส้มเกือบร้อยไร่เมื่ออดีต เนื่องจากราคาตกต่ำมากถึงกิโลกรัมละ 2 บาทก็ต้องยอมขาย จึงตัดสินใจเลิกทำเพราะความไม่คุ้มค่าทั้งปุ๋ย ทั้งยา ถือว่าขาดทุนยับเยินในตอนนั้น พี่โก้เรียนจบกลับมาอยู่ที่บ้านจึงปรึกษากับพ่อว่าไม่ต้องตัดหมดเก็บไว้เป็นสิ่งเตือนใจว่าเราเคยล้ม จึงเหลือส้มไว้จำนวนหนึ่ง นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นตั้งคำถามกับตัวเองว่าเราจะทำยังไงให้มีส้มกินปลอดภัย มีผักที่ปลอดภัยกินทุกวันในแบบของเราเอง
                       

                         วันไหนขยันก็ทำ ขี้เกียจก็หยุด "ถ้าทำมากมันเหนื่อยเราจะไม่สนุก สุขภาพก็แย่" การทำเกษตรไม่ต้องคิดมาก อยากทำอยากปลูกทำเลยแล้วค่อย ๆ เรียนรู้ไป พี่โก้ทำไร่บนพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 62 ไร่ (พื้นที่ของน้า) ปลูกต้นไม้ใหญ่ ส้ม ผักสลัด กระเจี๊ยบ ฝรั่ง กล้วย ฯลฯ เป็นแบบสวนผสมปลูกอย่างละเล็ก ๆ น้อยเท่าที่ดูแลไหวโดยไม่ใช้สารเคมีเลย เรายังแอบแปลกใจว่าทำไมส้มถึงออกลูกให้กิน เพราะส้มต้องใช้สารเคมีมาก
                         

                          สักครู่นกน้อยก็ปินมาจิกกล้วยที่วางไว้ใกล้ ๆ  นกแสนรู้ท่าทีคุ้นชินกับคน พี่โก้หันไปคุยกับนกเหมือนเขารู้เรื่องว่าเรามาทำอะไร นกพวกนั้นเยอะมากมาพักและอยู่กับพี่โก้ที่สวน เวลาคุณพ่อออกทำสวนนกพวกนี้ก็จะวิ่งตามหรือบินไปเกาะบนรถเพื่อไปทำสวนด้วย มันเป็นความลงตัวที่เรียบง่าย อยู่ง่าย เข้าใจธรรมชาติและความสัมพันธ์กับสิ่งรอบตัว เราทุกคนฝืนธรรมชาติ การทำเกษตรอินทรีย์ก็เช่นกันถ้าเข้าใจว่าทุกอย่างมันพึ่งพาอาสัยกันเราก็จะไม่ต้องใช้ยา ใช้สารเคมี ที่สวนพี่โก้จึงไม่เห็นปุ๋ยอินทรีย์หรือจุรินทรีย์สังเคราะห์แสงใด ๆ เลย เวลามีเพลี้ย แมลงมากินผักทุกคนจะจ้องหาสารเคมีมากำจัด แต่ลืมสังเกตว่ามีเพลี้ยทำไมถึงมีเต่าทอง ก็เพราะมันจะจัดการกันเองโดยธรรมชาติ
                                

                         ของกินหมดได้เวลาเดินทั่วสวนกันแล้วคะ หมวกทรงฝรั่งและชุดของเราที่เข้ากับการเดินสวนก็พร้อมลุย ส้มหน้านี้เป็นส้มที่ออกจวนจะวายพี่โก้จึงไม่ขาย เพราะลูกไม่สวยแต่นำมาแปรรูปด้วยการคั้นน้ำส้มแสนอร่อยดื่มสด ๆ จากต้นเลยทีเดียว รสชาดไม่ต้องพูดถึงเพราะเป็นน้ำส้ม 100% จึงได้รสชาดที่หอม หวานไม่ขมและหืนแบบที่เราเคยซื้อกินตามตลาด น้ำส้มทำมือทำตามออเดอร์ของลูกค้าที่มาผูกปินโตไว้ บางวัน 10 -20 ขวด แล้วแต่อยากขาย 555 เป็นการทำเกษตรที่สบายจริง ๆ เปลือกที่เหลือก็นำมาทำยากันยุง ไม่เสียของเลยสักอย่าง ระหว่างชมสวนส้มเราเพลิดเพลินมากไม่รู้จะเก็บยังไงละลานตาไปหมด เราได้เรียนรู้วิธีการเก็บส้มที่ถูกต้อง ส้มสุกเหมือนกันแต่จะต่างกันที่ถ้าผลเกลี้ยง รูปทรงกลมเปลือกบางลูกนั้นจะอร่อยมาก แล้วมันก็จริง
                         
                                   
                                   
                         พี่โก้ยังชี้ให้เราเห็นว่าที่สวนปลอดภัยไร้สารขนาดไหน ดูได้จากไลเคนที่ขึ้นอยู่บนต้นส้ม  ไลเคนคือตัวชี้วัดคุณภาพอากาศทางธรรมชาติ แสดงว่าอากาศดีไม่มีมลพิษหรือสารพิษ นี่เป็นความรู้ใหม่จากเรื่องใกล้ตัว เดินในสวนแดนร้อน แต่เย็นสบายเพราะสวนส้มติดลำน้ำและต้นไม้ใหญ่ล้อมรอบ ใกล้ ๆ ต้นส้มมีต้นหมากยาง หมากน้ำนม (อีสานเรียก) มีลูกคล้ายแอปเปิ้ล เวลาสุกจะเป็นสีม่วง บางสายพันธ์ก็มีสีเขียวเวลาสุกก็เขียวเหมือนเดิม ดกมากรอให้เราไปเชยชม เราเพลิดเพลินกับการกินส้มจนอิ่มหนำสำราญ และการชมหมากน้ำนม ถ่ายภาพอย่างจุใจ ได้เวลาที่เราจะต้องกลับบ้าน












                              สุดท้ายพี่โก้ได้ให้ข้อคิดก่อนกลับว่า อย่าคิดว่าการทำเกษตรแค่ขายฝัน ต้องลองทำเจอปัญหาปรับเปลี่ยนและอยู่กับปัจจุบัน ทำเท่าที่เราทำได้และมีความสุข ปลูก ดูแลให้เวลา ใส่ใจและกินของที่เราปลูกเอง ยังไงเราก็ไม่อดตาย พี่เชื่อว่าพืชทุกชนิดมีการปรับตัวและแตกต่างกันตามสภาพของอากาศ จงอย่าเชื่อใครต้องลงมือทำ "ไร่ส้มแสนสบาย"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่