[CR] [Cosmetic ingredients review] มหกรรมวิเคราะห์ส่วนผสม Skincare ต้านมลภาวะนานาชาติ

สวัสดีค่ะพี่ๆน้องๆเพื่อนๆห้องแป้งที่น่ารักทุกๆท่าน

วันนี้มี่จะมาวิเคราะห์ส่วนผสม Skincare ต้านมลภาวะ หรือ Anti-pollution จากหลายๆประเทศให้ได้ชมกันนะคะ

ขึ้นชื่อว่า มลภาวะ หรือ Pollution เราอาจจะนึกว่านางมีผลเสียแค่ต่อสิ่งแวดล้อม แต่ความจริงไม่เลย นางส่งผลกระทบต่อสุขภาพมากมายค่ะ แต่ไม่ใช่แค่สุขภาพ Pollution เหล่านี้ยังมีผลเสียกับผิวพรรณและเส้นผมด้วย

เส้นผมและหนังศรีษะที่โดนมลภาวะนานๆ ก็ทำให้ผมร่วง หนังศรีษะอักเสบได้ด้วย

แต่วันนี้เรามาโฟกัสกันที่ผลของมลภาวะต่อผิวพรรณกันนะคะ

สิ่งหนึ่งในบรรดามลภาวะที่น่ากลัว คือ เจ้าอนุภาคขนาดเล็ก 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 ค่ะ

มีรายงานวิจัยหลายๆฉบับพบว่า PM เหล่านี้สามารถแทรกซึมลงไปในผิวและสามารถทำให้เกิดความเสื่อมของผิวต่างๆได้ค่ะ

โดยเมื่อ PM ลงไปในผิว นางจะไปเหนี่ยวนำให้เกิดอนุมูลอิสระ และสารก่อนการอักเสบในกลุ่มของ Interleukins บางชนิด ทำให้เกิดอาการอักเสบ และเกิดความเสื่อมต่างๆของผิวมากมายค่ะ

เราสามารถสรุปได้ ย่อๆ ว่า มลภาวะ มีผลต่อผิว 4 ประการหลัก คือ อักเสบ เหี่ยว ดำ และ เสื่อม

1. อักเสบ คือ การที่มลภาวะเหล่านี้ซึมลงไปในผิวแล้วกระตุ้นให้เกิดการสร้างสารก่อการอักเสบในตระกูลของพวก Interleukins ขึ้นมา ซึ่งจะมีผลทำให้ผิวเราเกิดการอักเสบต่างๆมากมาย
2. เหี่ยว เมื่อมลภาวะลงไปในผิวจะไปเหนี่ยวนำให้เกิดอนุมูลอิสระขึ้นมาในผิว ที่จะมีผลทำให้เอนไซม์ MMP ทำงานเพิ่มขึ้น เอนไซม์นี้เป็นเอนไซม์ที่ไปย่อยสลายคอลลาเจนและอิลาสตินในผิว ทำให้ผิวเหี่ยวและเกิดเป็นริ้วรอยตามมา
3. ดำ อนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจากมลภาวะสามารถไปเหนี่ยวนำให้เซลล์สร้างเม็ดสีผิว สร้างเม็ดสีผิวมากขึ้น ทำให้ผิวดำคล้ำ หรือ เกิดเป็นจุดด่างดำ
4. เสื่อม มลภาวะทำลาย Barrier ผิว ทำให้ Barrier ผิวเสื่อมลง ผิวจะแพ้ได้ง่ายขึ้น


นอกจากเหล่า PM พวกนี้แล้ว มีอีกสิ่งที่วงการเครื่องสำอางค่อนข้างกลัวก็คือ กลุ่มของสารอินทรีย์ ที่เป็นกลุ่มของ PAH หรือ Polycyclic aromatic hydrocarbon เช่นกลุ่มของสาร Benzo[a]pyrene ที่เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ สารกลุ่ม PAH พวกนี้สามารถลงไปในผิวและกระตุ้นให้เกิดการอักเสบต่างๆและเกิดเป็นริ้วรอยขึ้นมาได้ รวมไปถึงเพิ่มอุบัติการณ์ในการเกิดมะเร็งด้วยค่ะ

การศึกษาของ Pan และคณะ เมื่อปี 2015 ได้ทดสอบผลของมลภาวะที่ประกอบด้วย โลหะหนัก กับ PAH ต่อผิวหนังของหมู พบว่า มลภาวะที่มีส่วนผสมของ PAH มีผลทำให้การทำงานของ Barrier ผิวของหมูเสียไป มีการระเหยของน้ำออกจากผิวหมูมากขึ้น ทำให้สารหลายๆชนิดซึมผ่านเข้าออกผิวหนังได้ดีขึ้น (ตรงนี้อย่านึกว่าดีนะคะ เพราะถ้าสารก่อภูมิแพ้ลงไปในผิวได้ง่ายแล้ว ใช้อะไรก็จะแพ้ง่ายหมด ทีนี้จะใช้อะไรก็ลำบาก) นอกจากนี้ ลมภาวะที่มี PAH ยังทำให้เกิดอาการอักเสบเพิ่มขึ้นอีก

การศึกษาจากบริษัท ID bio – Ester Technopole พบว่า Benzo[a]pyrene มีผลไปกดการทำงานของ สิ่งที่เรียกว่า Tight junction ซึ่งเป็นช่องแคบๆที่คอยกั้นไม่ให้น้ำและสารโมเลกุลเล็กๆออกจากผิว พอเจ้า Tight junction ลดลง Barrier ก็จะเสียไป ทำให้น้ำระเหยออกจากผิวได้ง่ายขึ้น เกิดเป็นผิวแห้ง และทำให้สารต่างๆซึมผ่านเข้าออกผิวได้ง่ายขึ้น เสี่ยงเป็นผิวแพ้ง่าย

บทความของ Roberts (2015) ได้กล่าวว่า เมื่อสารในกลุ่ม PAH ลงไปในผิวจะเกิดการแปรสภาพเป็น สารในกลุ่ม Quinone ซึ่งเหนี่ยวนำให้เกิดการสร้างอนุมูลอิสระขึ้นมา อนุมูลอิสระนี้จะไปเหนี่ยวนำให้เกิดการอักเสบ  มีการสร้างเอนไซม์ MMP มากขึ้น ซึ่งเอนไซม์ MMP เป็นตัวย่อยสลายคอลลาเจนและอิลาสตินในผิว เกิดเป็นริ้วรอยขึ้นมา และยังมีผลทำให้เกิดการสร้างเม็ดสี Melanin เพิ่มขึ้นอีกด้วย ซึ่ง Roberts บอกว่า การที่โลกเรามี Pollution มากขึ้น อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่อธิบายได้ว่าทำไมคนเป็นฝ้าเพิ่มขึ้น

จะเห็นว่า Pollution นี่ค่อนข้างน่ากลัวเลยทีเดียวค่ะ ทั้งเหี่ยว ทั้งอักเสบ ทั้งดำ ทั้งทำให้ผิวบอบบางได้อีก

Ref:
Kim et al. Life Sci. 2016;152:126-134.
Pan et al. J Dermatol Sci. 2015;78(1):51-60.
Roberts WE. J Drugs Dermatol. 2015;14(4):337-41.

ในทางเครื่องสำอางเอง เดี๋ยวนี้ก็มีวัตถุดิบใหม่ๆออกมาเพื่อต้านมลภาวะ และ PM 2.5 กันเยอะมาก แต่ตัวที่ป๊อปๆ ดังๆ เห็นมีใช้กันไม่กี่ตัวเองค่ะ

ซึ่งกลไกในการป้องกันผิวจากมลภาวะของเครื่องสำอาง มีด้วยกัน 5 แบบ ดังนี้ค่ะ

1. ป้องกันไม่ให้มลภาวะสัมผัสผิว

อาจจะใช้การใส่ Mask หรือ อาจจะใช้สกินแคร์บางกลุ่มช่วยป้องกันไม่ให้มลภาวะเหล่านี้สัมผัสผิวได้ค่ะ

ตัวอย่างส่วนผสมที่ทำได้ : Biosaccharide gum-4 (ชื่อทางการค้า Pollustop) ตัวนี้เจอในผลิตภัณฑ์ต้านมลภาวะหลายๆยี่ห้อเหมือนกันค่ะ

อันที่จริงซิลิโคนบางตัวที่เคลือบผิวไว้ ก็น่าจะป้องกันได้นะคะ

หรืออย่างล่าสุด ที่มีผลิตภัณฑ์สเปรย์ Ihada จากญี่ปุ่น ที่มีส่วนผสมของ สารประจุบวก ก็สามารถผลักเอามลภาวะกระเด็นออกไป ไม่ให้มลภาวะเข้าผิวได้

2. เสริม Barrier ผิว

อันนี้ถ้า Barrier ผิวเราแข็งแรง มลภาวะก็จะลงไปได้ยากขึ้น

พวก Ceramide กับ ไขมันอื่นๆที่เป็นองค์ประกอบของ Barrier ผิว น่าจะตอบโจทย์ได้ค่ะ

3. ล้างหน้าทำความสะอาดให้ดีๆ

แต่อย่ามากเกินไปจนชะเอาไขมันดีๆออกจากผิว ผิวจะเสียกว่าเดิมอีก

การทำความสะอาดด้วยสารทำความสะอาดต่างๆ ก็สามารถชะเอามลภาวะต่างๆออกไปจากผิว รวมไปถึงการมาส์กหน้าด้วยโคลน ซึ่งน่าจะสามารถดูดซับเอาสิ่งสกปรกต่างๆไว้กับตัว ก็น่าจะตอบโจทย์ในขั้นตอนตรงนี้ได้

นี่อาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ผลิตภัณฑ์ต้านมลภาวะหลายๆตัวในตลาด ออกมาเป็นโฟม/เจลล้างหน้า หรือ Clay mask

4. แก้ที่ปลายเหตุ

มลภาวะนี่เวลามันลงผิว มันจะไปกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระ และการอักเสบขึ้นมา

เราก็ Block มันด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ กับ สารลดการอักเสบสิ

อนุมูลอิสระ และการอักเสบนี้ ถ้าเกิดแล้วมันจะยาวววววว ไปถึงการเหนี่ยวนำให้เกิดการสร้างเม็ดสีผิวขึ้น กลายเป็นจุดด่างดำ ตรงนี้ Block โบกเข้าไปด้วย Whitening อีกจุดคือ นางจะไปเหนี่ยวนำให้เอนไซม์ที่ทำลายคอลลาเจน ที่ชื่อ MMP ทำงานมากขึ้น ก็ไป Block เจ้า MMP เสีย หรือ อาจจะหาสารอื่นที่เสริมคอลลาเจนเข้ามาทดแทน

ตัวอย่างส่วนผสมที่น่าสนใจ แต่ไม่ค่อยมีใครเคลม คือ สารสกัดจากบัวบก คือ ตัวเดียวจบ ทั้งริ้วรอย ทั้งอนุมูลอิสระ ทั้ง MMP โลด

5. กันแดดอย่าให้ขาด

หลายๆ แหล่งข้อมูลบอกว่า รังสี UV ทำให้มลภาวะส่งผลเสียกับผิวได้มากขึ้น ดังนั้นกันแดดต้องใช้ห้ามขาดมือค่ะ
และจริงๆเดี๋ยวนี้กันแดดหลายๆยี่ห้อ ก็เคลมเรื่อง Anti-pollution แล้ว ไม่ว่าจะเป็นจากยุโรป ญี่ปุ่น หรือ เมกา เองก็พากันเคลมกันใหญ่

เกริ่นไปซะยืดยาว ขอเกริ่นอีกนิดนึงนะคะ

ถ้าวิเคราะห์จากส่วนผสม โดยไม่คำนึงถึงเทคโนโลยีที่ใช้ เพราะส่วนผสมไม่สามารถบอกระดับขั้นของเทคโนโลยีได้ค่ะ ตัวไหนจะเป็นอย่างไรวันนี้แค่มากล่าวถึงในภาพรวมค่ะ ส่วนดีหรือไม่ดี คงต้องตัดสินใจเอานะคะ มี่คงไม่ฟันธงให้ค่ะ

ที่ต้อง sensor brand เพื่อลด bias และ หลายๆชิ้นมี่ไม่เคยได้ลองใช้นะคะ วิเคราะห์จากส่วนผสมเฉยๆ ดังนั้นการพาดพิงแบรนด์เขาโดยที่เราไม่ใช่ลูกค้าของเขา อาจจะไม่ค่อยเหมาะสมค่ะ

นอกจากนี้สิ่งที่อยากบอกคือ

1. การตอบสนองต่อเครื่องสำอางของแต่ละบุคคลแตกต่างกัน บางคนใช้ได้แล้วหน้าปัง แต่บางคนใช้แล้วหน้าพังก็มี การดูส่วนผสมเป็นเพียงแนวทางเฉยๆค่ะ
2. การแพ้/อุดตัน/ระคายเคือง คาดเดาไม่ได้ ดังนั้นคำถามว่า แพ้ไหม อุดตันไหม เป็นคำถามที่ตอบไม่ได้นะคะ
3. ส่วนผสมบางชุดที่มีสารสีแดง ไม่ได้แปลว่าจะไม่ดีเสมอไป เพราะการตอบสนองขึ้นกับความเข้มข้นด้วย ถ้าเค้าใส่น้อยๆก็คือดี แต่เค้าใส่มากๆก็อาจจะมีผลข้างเคียง ไม่ใช่ว่าเห็นสารสีแดงและจะ Ban ไปเลยนะคะ
4. ขอสงวนลิขสิทธิ์ทุกกรณีในบทความ ห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าโดยเด็ดขาด
5. ผู้เขียนมีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ แนะนำวัตถุดิบ เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกใช้เครื่องสำอางเบื้องต้น
6. ผู้เขียนไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อชื่นชม หรือ Discredit ผลิตภัณฑ์ไหน
7. ผู้เขียนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอางใดๆ
8. การให้คะแนนเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล

ว่าแล้วก็มาเผยโฉมหน้าผู้เข้าประกวดในกระทู้นี้ดีกว่าค่ะ

oppa


เดากันถูกไหมเอ่ย มีใครใช้ตัวไหนอยู่รึเปล่านะ

ฟิน

เปิดกันที่ตัวแรก

เซรั่มต้านมลภาวะจากเยอรมัน กับแบรนด์ D


ส่วนผสม


เซรั่มต้านมลภาวะแบรนด์ดัง ที่มีราคาค่อนข้างสูง

ในด้านส่วนผสมเรียกได้ว่ามาแบบไม่หวือหวามากนัก ตัวสารบำรุงที่ทางแบรนด์เคลมจะเป็น สารสกัดจาก Purslane, จุลินทรีย์ Alteromonas และโกโก้

ตัวที่มีประโยชน์ในการลดการอักเสบระคายเคืองและให้ความรู้สึกสบายผิวจะเป็น Betaine กับ Biosaccharide gum-1 เสริมมาด้วยคุณสมบัติในการปกป้องผิวจาก  Alteromonas ferment filtrate

ซึ่งตัวนี้ผู้ผลิตวัตถุดิบเคลมว่า เป็นสาร Exopolysaccharide ที่แยกจากสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลลึก มีคุณสมบัติกระตุ้นการสร้าง Hyaluronic acid, Ceramide กับไขมันชนิดอื่นๆในผิว และเพิ่มการสร้าง Filaggrin ซึ่งเป็นโปรตีนที่สำคัญในผิว โดยจะสลายตัวเป็นกรดอะมิโนที่คอยจับน้ำให้ผิว และ กลายเป็นตัวเพิ่มความแข็งแรงในการยึดเกาะกันของเซลล์ผิว (TDS EXO-H, IFF Lucas Meyer Cosmetics)

ซึ่งถ้าผิวมี Barrier ที่แข็งแรง ในทางทฤษฎีเชื่อว่า มลพิษต่างๆก็ซึมลงไปได้น้อยลง

ให้คะแนน 3

ตัวที่ 2


ตัวนี้เป็นงานเกาหลีนะคะ เป็น เซรั่มต้านมลภาวะสำหรับกลางวันจากแบรนด์ L

ส่วนผสม

เซรั่มที่ทางแบรนด์เคลมว่าใช้เทคโนโลยี Dust block โดยใช้ทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้า เมื่อขั้วเหมือนกันจะผลักกัน แต่มี่ไม่แน่ใจว่าสารตัวไหนทำให้เกิดขั้วแม่เหล็กไฟฟ้านี้นะคะ ซึ่งถ้าลองดูแบบผ่านๆแล้ว ในระบบจะมีสารประจุลบอยู่ตัวหนึ่ง คือเจ้า Potassium Cetyl Phosphate มันก็จะขัดๆ กับของยี่ห้อแรกที่เขาใช้ประจุบวก ทำให้เราคิดว่า ตกลงเจ้าละอองเหล่านี้มันมีประจุบวก หรือ ลบ หรือมันมีทั้ง 2 แบบ กันนะ

ซึ่งถ้าดูส่วนผสมนางเป็นเซรั่มผสมสารกันแดดเคมีที่กันได้ครบจบหมดทั้งกันแดด UVA/UVB เสริมมาด้วย Arbutin ที่ให้ประโยชน์ไปในเชิง whitening และมีสารสกัดที่เป็น antioxidant เข้ามา

ให้คะแนน: 3

ตัวที่ 3


เป็นมาส์กหน้าที่เคลมว่าปกป้องมลภาวะได้ค่ะจากแบรนด์ A

ส่วนผสมมาแบบเยอะมากเวอร์


มาส์กหน้า เคลมเรื่องการต่อต้านมลภาวะ ที่ราคาแอบสูงอยู่เหมือนกัน

ตัวเบสมาในเบสแบบน้ำนม มีส่วนผสมของน้ำ น้ำมัน และ
จากส่วนที่เรียกได้ว่าอัดแน่นด้วยสารบำรุงมากมายหลายชนิด หลายๆตัวก็มีคุณค่าราคาแพง มีเทคโนโลยีหลายสิ่งอันซ่อนอยู่ในผลิตภัณฑ์ชิ้นเดียว ในด้านสารบำรุงที่ใส่มาคือเรียกได้ว่า ทั้งลดการอักเสบระคายเคือง เพิ่มการไหลเวียนเลือดมาเลี้ยงผิวให้ผิวมีสุขภาพดี ลดริ้วรอย ต่อต้านอนุมูลอิสระ Whitening เสริมสร้าง Barrier ผิว รวมไปถึงด้านสิว

เรียกได้ว่ามาครบ ครอบคลุมทุกปัญหาผิวเลยทีเดียว

คะแนน: 5

เนื้อที่จะหมดแล้ว ขอไปต่อตัวที่ 4 ใน Rep นะคะ

ก่อนจากกัน ขอฝากเพจ และผลงานเก่าๆไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ

อันยอง

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ชื่อสินค้า:   Anti-pollution
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่