สวัสดีค่ะ เราอายุ25ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งใน แผนกบุคลากร เราทำงานมาเป็นระยะเวลาเกือบจะหลายเดือนแล้ว เราได่รับค่าตอบแทน(จำนวนเต็ม)อยู่ที่13k ต่อเดือนซึ่งแบ่งออกเป็นเงินเดือนที่11,600 บาท และค่าครองชีพ1,400บาทรวมเป็น13k เราจะโดนหักค่าปกส. อีก650 บาท เท่ากับเดือนนึงเราจะได่รับค่าตอบแทนแน่ๆ ที่12,350บาท ที่นี่มีสวัสดิการคือ พนักงานและครอบครัวสามารถได้รับการรักษา ฟรีไม่จำกัด มีโบนัสทุกปี (อย่างต่ำ1เดือน)และการปรับเพิ่มเงินจากฐานเงินเดือน3-5% ทุกปี เราถือว่าที่นี่โอเคในเรื่องของความมั่นคงองค์กร เพราะเป็นมหาชน และบริษัทค่อยข้สงใหญ่รวมถึงเปนที่รู้จักเยอะครอบครัวรวมถึงแฟนเราค่อยข้างแฮปปี้ กับองกรนี้
ในส่วนที่เราไม่ค่อยโอเคน่าจะเป็น ผจก. แผนก บุคคลตั้งแต่วันที่เราสัมภาษ การพูดและกริยาท่าทางของเค้าทำให้เราอ้าปากค้างไปสัมภาษไป อาทิเช่น ถามถึงการแยกทางของพ่อแม่ การที่พ่อมีลูกติด พีอแม่เลิกกันหรอ เงินเดือนที่เก่าให้สูงเกินไป เงินที่เรียกมาก็สูงเกินไป ไม่เหมาะกับประสบกาน เป็นต้น ยกตัวอย่างแค่นี้พอเพราะ เราเองก็พิมเท่าไหร่ก็คงไม่หมด ตอนแรกเราคิดว่าคำถาม เหล่านี้ถามได้แหละมั้ง คงเป็นจิตวิทยาของHR. ไม่มีอะไรหรอกแต่เราแค่ยังไม่เคยเจอ พอสัมภาษจบ อีกสามสี่อาทิตย์เราก็ได้เข้าทำงานที่นี่อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะจากการสัมภาษทำให้เราเข้าใจว่าเราคงไม่ผ่าน ด้วยท่าทางละกริยาของผจก.คนนี้ ตอนเราฟังผลสัมภาษเรายังอึ้งและงง จนพี่รีคู้ทถามว่ายังไอยู่ในสายมั้ย ตอนนั้นดีใจมากที่ได้เข้ามาทำ
เริ่มงานวันแรก ก็ได้รู้จักคนอื่นๆในแผนกรวมถึงพี่ผจก.ก้เรียกคุยแนะนำองค์กร แล้วพูดว่าจริงๆก้จะไม่รับเพราะตอนนี้มีคนช่วยอยู่ แต่งานมันเยอะขึ้นเรื่อยๆ เลยต้องรับมา ก็ไม่รู้ว่าเทอจะทนพี่ได้มั้ย หลังจากนั้นเราก็ทำงานด้วยความตั้งใจมากๆๆๆๆๆมาตลอด แต่ด้วยนิสัยของเราเป็นคนไม่พูดและค่อนข้างเก็บตัวทำให้โดนเตือนว่าไม่เข้าสังคม จากนั้นเราก็พยายามที่จะคุยและสอบถามในสิ่งที่เราไม่รู้ในงานกับที่ในแผนก เรื่อยๆ แต่ก้ยังโดนว่าว่าเราไม่คุยกับเพื่อในแผนก เรางงมาก เพราะเค้าอาจจะไม่เหนตอนเราคุยแหละมั้งแต่พี่ในก้ชวนเราคุยเหมือนกัน เราก้งง ตัดมาที่เรื่องผจก.เราก้มีอะไรเข้าไปถามนะช่วงแรกๆ แต่เค้าชอบตวาดและพุดว่าเข้ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียง หรือทำท่าทางไม่พอใจบ้าง บางทีเราเหนงานเค้ายุ่งเราก้เลยไม่กล้าเข้าไป
ทั้งที่ใจเราอยากจะเข้าไปพูดคุยกับเค้า
พอมาถึงวันที่ประเมินการผ่านทดลองงาน โอ้โห ไม่เคยเจอแบบนี้เลยเค้าเอาเรื่องส่วนตัวของเรามาพูดในการประเมินครั้งนี้ด้วย และบอกว่า ถ้าเลือกได้ไม่อยากรับเราเข้ามาทำงาน ที่รับเพราะไม่มีคนทำงานให้แล้วก้บอกว่าให้เราเลิกเสแสร้งแกล้งทำ ไม่จรงใจซักที เรางงมาก งงมากๆเลย แต่ที่เสียใจคือเค้าพูดว่า ไม่อยากรับเราเข้าทำงานที่รับเพราะไม่มีคนทำงามให้ มันทำให้รู้สึกว่าอะไรวะ งานที่ตั้งใจทำมา คือ เค้ามองไม่เหนเลยหรอ อย่างงี้ แล้วเราไปเสแสร้งตรงไหน แล้วเค้าก้ย้ำๆมากๆว่าเราเสแสร้ง แกล้งทำ ไม่จริงใจ เค้าบอกเค้าอยาได้คนที่จริงใจ คือเรากงงมาก และเสียใจจนร้องไห้ เค้าก็พูดว่า แกไม่ต้องมาทำเป็นนางเอก เราแบบโห ชั้นเสียใจ ร้องไห้ กับคำพุดขอองคุรนะ แล้วพี่ที่แผนกก้ให้กำลังใจบอกส่าอย่าเครียด เราก้บอกเรายอมรับว่างานที่เราทำมันเครียดมาก เลยนะ เราเครียดกับงานมาก แต่ลึกๆ เราเครียดกับพี่เค้าด้วยอะแหละ แล้วเค้าก้พูดเรื่องงานทีหลังว่าเราม่ายอมรายงานที่เราทำ คือเรากำลังจะรายงานทุกทีพี่เค้าก็งานยุ่งิเราเข้าไปเค้าก็ ตวาดอะไรมีอะไรทำไม เราก้ไม่รุ้จะเข้าไปยังไงดี แต่ก็จะเข้าไปปแหละ ดูๆชะดงกๆดู พี่ที่แผนกบอกให้ดุอารมเข้าก่อนค่อยเข้าไปเราก็ดูนะแต่บางทีเราคาดการไรไม่ได้ บางทีเค้าก้ว่าเราต่อน้าน้องฝึกงานเลย แกคิดบ้างสิใช้สมองบ้าง เราอายและรู้สึกแย่มากๆขึ้นทุกวันกับการแสดงออกทางอารมของเค้า
ทุกอย่างที่เราพยายามอธิบายเค้า บอกว่าเปนข้ออ้างมากอย่ามาพูดอะไรแบบนีแล้วสุดท้ายก็ถามว่า มีไรจะพูดมั้ย ตกลงเราพูดได้มั้ย เราก็ไม่รุ้เลยตัดสินใจเงียบ เค้าก็พูดต่อว่าเค้าไม่ได้จะให้เราออกนะ แล้วก็พูดเรื่องเสแสร้งอะไรนี่ต้อ เราก็เริ่มไม่สนใจละ เครียด มันไม่เกี่ยวกับงานเลย หลังประเมินก็ยังไม่รุ้ชะตากรรมว่าจะผ่านมั้ย แต่ตอนนั้นก้คิดแล้วแหละว่าเราจะทนคนแบบเค้าไหวมั้ย นะ พอหลังการปะเมินซัก1อาทิตย์ก็โดนมอบหมายงานในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน และมีรายละเอียดให้แค่35เปอร์เซ็นเราก็เลยขอความช่วยเหลือ จากพี่ๆในแผลก (ตอนทำงานแรกๆ พี่เค้าก้บอกกันว่า ผจก.จะมุ้เลยว่า พนง.ของตัวเองทำงานอำร ทำยังไงเพราะเค้าไม่เคยทำทำไม่เป็น เค้าไม่ค่อยทำงานของตัวเอง ให้คนอื่นทำชอบโยนงาน ตอนแรกก้คิดว่าเค้าคงนินทาตามประสา ออฟฟิศทั่วไปไปมาๆ เออเรื่องจริง เพราะเค้าทำไม่เปนจริงๆ ) เราแก้งานอยู่หลายครั้ง และแต่ล่ะครั้งเค้าก้สั่งไม่เหมือนกันหน้าที่ของเราคือทำตามที่เค้าบอก นั่นแหละเราก้ทำๆไป จนล่าสุดเค้าดุงานเรา ส่ายหัว ยิ้มมุม บอก และพูด หึ แล้วก้ทุบโต๊ะบอกมันไม่ใช่อย่างนี้โอ้ยยยยยย แกคิดเองบ้างได้มั้ย สมองกินน้ำมันตับปลาเยอะๆหน่อย ชีวิตมีความพอดีบ้างมั้ยเนี่ย โตมายังไง คือตอนนั้นวีงมาก แล้วก้คือหน้าร้อนวืปปขึ้นมาหุวิ้งมากก หลังจากนันไม่ได้ยินละว่าเค้าพูดอะไร เหนแต่เค้าขีดๆฆ่างานของเรา แก้ๆ ถอนหายใจ ยิ้มมุมปาก ส่ายหัว พอจบเค้าก้โยนงานใส่เราตะหน้าเราบอกกับไปแก้ คือตอนนั้นน้ำตาคลอแล้วและก้พยายาม เขย่าขา สวดมนให้อย่าร้องไห้ใจเยนๆ เราไม่รู้ว่าเราจะทนเค้าไหวมั้ย และด้วยประสบการอันน้อยนิดที่เรามี ทำให้เราไม่แน่ใจว่าถ้าออกจากที่นี่ไปเงินเดือนเราจะเพิ่มมั้ยเงินเราน้อยมากมั้ยคะ และถ้าเราไปสมัครที่ใหม่เค้าจะรุ้มั้ยเพราะว่าเราเปน บุคคล เราก็เหนเพื่อนที่ทำรีคู้ท สรรหา เราเลยกลัวว่าเค้าจะรู้มั้ย เราควรทำยังไงดี หรือาจะเพราะเรายังเด็กไป หรือว่าเราคิดไปเองว่าเค้าพุดจาแย่ การประเมินเราก้ยังไม่ทราบผล หรือจะอยู่ต่อจน1ปี หรือจะ6 เดือนดี เรายอมรับว่าเราเครียดมากเลยตอนนี้ และเราต้องการกำลังใจสูงมาก ขอบคุณมากนคะ
จะทำยังไงกับสถานการณ์ทางการงานที่รุ้สึกแย่มากตอนนี้ดีคะ
ในส่วนที่เราไม่ค่อยโอเคน่าจะเป็น ผจก. แผนก บุคคลตั้งแต่วันที่เราสัมภาษ การพูดและกริยาท่าทางของเค้าทำให้เราอ้าปากค้างไปสัมภาษไป อาทิเช่น ถามถึงการแยกทางของพ่อแม่ การที่พ่อมีลูกติด พีอแม่เลิกกันหรอ เงินเดือนที่เก่าให้สูงเกินไป เงินที่เรียกมาก็สูงเกินไป ไม่เหมาะกับประสบกาน เป็นต้น ยกตัวอย่างแค่นี้พอเพราะ เราเองก็พิมเท่าไหร่ก็คงไม่หมด ตอนแรกเราคิดว่าคำถาม เหล่านี้ถามได้แหละมั้ง คงเป็นจิตวิทยาของHR. ไม่มีอะไรหรอกแต่เราแค่ยังไม่เคยเจอ พอสัมภาษจบ อีกสามสี่อาทิตย์เราก็ได้เข้าทำงานที่นี่อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะจากการสัมภาษทำให้เราเข้าใจว่าเราคงไม่ผ่าน ด้วยท่าทางละกริยาของผจก.คนนี้ ตอนเราฟังผลสัมภาษเรายังอึ้งและงง จนพี่รีคู้ทถามว่ายังไอยู่ในสายมั้ย ตอนนั้นดีใจมากที่ได้เข้ามาทำ
เริ่มงานวันแรก ก็ได้รู้จักคนอื่นๆในแผนกรวมถึงพี่ผจก.ก้เรียกคุยแนะนำองค์กร แล้วพูดว่าจริงๆก้จะไม่รับเพราะตอนนี้มีคนช่วยอยู่ แต่งานมันเยอะขึ้นเรื่อยๆ เลยต้องรับมา ก็ไม่รู้ว่าเทอจะทนพี่ได้มั้ย หลังจากนั้นเราก็ทำงานด้วยความตั้งใจมากๆๆๆๆๆมาตลอด แต่ด้วยนิสัยของเราเป็นคนไม่พูดและค่อนข้างเก็บตัวทำให้โดนเตือนว่าไม่เข้าสังคม จากนั้นเราก็พยายามที่จะคุยและสอบถามในสิ่งที่เราไม่รู้ในงานกับที่ในแผนก เรื่อยๆ แต่ก้ยังโดนว่าว่าเราไม่คุยกับเพื่อในแผนก เรางงมาก เพราะเค้าอาจจะไม่เหนตอนเราคุยแหละมั้งแต่พี่ในก้ชวนเราคุยเหมือนกัน เราก้งง ตัดมาที่เรื่องผจก.เราก้มีอะไรเข้าไปถามนะช่วงแรกๆ แต่เค้าชอบตวาดและพุดว่าเข้ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียง หรือทำท่าทางไม่พอใจบ้าง บางทีเราเหนงานเค้ายุ่งเราก้เลยไม่กล้าเข้าไป
ทั้งที่ใจเราอยากจะเข้าไปพูดคุยกับเค้า
พอมาถึงวันที่ประเมินการผ่านทดลองงาน โอ้โห ไม่เคยเจอแบบนี้เลยเค้าเอาเรื่องส่วนตัวของเรามาพูดในการประเมินครั้งนี้ด้วย และบอกว่า ถ้าเลือกได้ไม่อยากรับเราเข้ามาทำงาน ที่รับเพราะไม่มีคนทำงานให้แล้วก้บอกว่าให้เราเลิกเสแสร้งแกล้งทำ ไม่จรงใจซักที เรางงมาก งงมากๆเลย แต่ที่เสียใจคือเค้าพูดว่า ไม่อยากรับเราเข้าทำงานที่รับเพราะไม่มีคนทำงามให้ มันทำให้รู้สึกว่าอะไรวะ งานที่ตั้งใจทำมา คือ เค้ามองไม่เหนเลยหรอ อย่างงี้ แล้วเราไปเสแสร้งตรงไหน แล้วเค้าก้ย้ำๆมากๆว่าเราเสแสร้ง แกล้งทำ ไม่จริงใจ เค้าบอกเค้าอยาได้คนที่จริงใจ คือเรากงงมาก และเสียใจจนร้องไห้ เค้าก็พูดว่า แกไม่ต้องมาทำเป็นนางเอก เราแบบโห ชั้นเสียใจ ร้องไห้ กับคำพุดขอองคุรนะ แล้วพี่ที่แผนกก้ให้กำลังใจบอกส่าอย่าเครียด เราก้บอกเรายอมรับว่างานที่เราทำมันเครียดมาก เลยนะ เราเครียดกับงานมาก แต่ลึกๆ เราเครียดกับพี่เค้าด้วยอะแหละ แล้วเค้าก้พูดเรื่องงานทีหลังว่าเราม่ายอมรายงานที่เราทำ คือเรากำลังจะรายงานทุกทีพี่เค้าก็งานยุ่งิเราเข้าไปเค้าก็ ตวาดอะไรมีอะไรทำไม เราก้ไม่รุ้จะเข้าไปยังไงดี แต่ก็จะเข้าไปปแหละ ดูๆชะดงกๆดู พี่ที่แผนกบอกให้ดุอารมเข้าก่อนค่อยเข้าไปเราก็ดูนะแต่บางทีเราคาดการไรไม่ได้ บางทีเค้าก้ว่าเราต่อน้าน้องฝึกงานเลย แกคิดบ้างสิใช้สมองบ้าง เราอายและรู้สึกแย่มากๆขึ้นทุกวันกับการแสดงออกทางอารมของเค้า
ทุกอย่างที่เราพยายามอธิบายเค้า บอกว่าเปนข้ออ้างมากอย่ามาพูดอะไรแบบนีแล้วสุดท้ายก็ถามว่า มีไรจะพูดมั้ย ตกลงเราพูดได้มั้ย เราก็ไม่รุ้เลยตัดสินใจเงียบ เค้าก็พูดต่อว่าเค้าไม่ได้จะให้เราออกนะ แล้วก็พูดเรื่องเสแสร้งอะไรนี่ต้อ เราก็เริ่มไม่สนใจละ เครียด มันไม่เกี่ยวกับงานเลย หลังประเมินก็ยังไม่รุ้ชะตากรรมว่าจะผ่านมั้ย แต่ตอนนั้นก้คิดแล้วแหละว่าเราจะทนคนแบบเค้าไหวมั้ย นะ พอหลังการปะเมินซัก1อาทิตย์ก็โดนมอบหมายงานในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน และมีรายละเอียดให้แค่35เปอร์เซ็นเราก็เลยขอความช่วยเหลือ จากพี่ๆในแผลก (ตอนทำงานแรกๆ พี่เค้าก้บอกกันว่า ผจก.จะมุ้เลยว่า พนง.ของตัวเองทำงานอำร ทำยังไงเพราะเค้าไม่เคยทำทำไม่เป็น เค้าไม่ค่อยทำงานของตัวเอง ให้คนอื่นทำชอบโยนงาน ตอนแรกก้คิดว่าเค้าคงนินทาตามประสา ออฟฟิศทั่วไปไปมาๆ เออเรื่องจริง เพราะเค้าทำไม่เปนจริงๆ ) เราแก้งานอยู่หลายครั้ง และแต่ล่ะครั้งเค้าก้สั่งไม่เหมือนกันหน้าที่ของเราคือทำตามที่เค้าบอก นั่นแหละเราก้ทำๆไป จนล่าสุดเค้าดุงานเรา ส่ายหัว ยิ้มมุม บอก และพูด หึ แล้วก้ทุบโต๊ะบอกมันไม่ใช่อย่างนี้โอ้ยยยยยย แกคิดเองบ้างได้มั้ย สมองกินน้ำมันตับปลาเยอะๆหน่อย ชีวิตมีความพอดีบ้างมั้ยเนี่ย โตมายังไง คือตอนนั้นวีงมาก แล้วก้คือหน้าร้อนวืปปขึ้นมาหุวิ้งมากก หลังจากนันไม่ได้ยินละว่าเค้าพูดอะไร เหนแต่เค้าขีดๆฆ่างานของเรา แก้ๆ ถอนหายใจ ยิ้มมุมปาก ส่ายหัว พอจบเค้าก้โยนงานใส่เราตะหน้าเราบอกกับไปแก้ คือตอนนั้นน้ำตาคลอแล้วและก้พยายาม เขย่าขา สวดมนให้อย่าร้องไห้ใจเยนๆ เราไม่รู้ว่าเราจะทนเค้าไหวมั้ย และด้วยประสบการอันน้อยนิดที่เรามี ทำให้เราไม่แน่ใจว่าถ้าออกจากที่นี่ไปเงินเดือนเราจะเพิ่มมั้ยเงินเราน้อยมากมั้ยคะ และถ้าเราไปสมัครที่ใหม่เค้าจะรุ้มั้ยเพราะว่าเราเปน บุคคล เราก็เหนเพื่อนที่ทำรีคู้ท สรรหา เราเลยกลัวว่าเค้าจะรู้มั้ย เราควรทำยังไงดี หรือาจะเพราะเรายังเด็กไป หรือว่าเราคิดไปเองว่าเค้าพุดจาแย่ การประเมินเราก้ยังไม่ทราบผล หรือจะอยู่ต่อจน1ปี หรือจะ6 เดือนดี เรายอมรับว่าเราเครียดมากเลยตอนนี้ และเราต้องการกำลังใจสูงมาก ขอบคุณมากนคะ