จบไปแล้วนะครับ สำหรับงาน IDOL EXPO งานรวมวงไอดอลที่เยอะที่สุดในไทย ซึ่งตัวผมได้ไปแค่ 2 วันคือเสาร์อาทิตย์ ซึ่งก็น่าตื่นตาตื่นใจครับ ที่เห็นวงการไอดอลเติบโตถึงขนาดนี้ เพราะเริ่มแรกเดิมที่เท่าทราบย้อนไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว วงไอดอลที่รู้จักจริงๆตอนนั้นก็มีแค่ 2 วงคือ BNK48 และ S16 โดยจะไม่ขอพูดถึง S16 แล้วกันเพราะไม่ค่อยได้ตามจึงไม่รู้สถานะการณ์ของวงนี้เท่าไร (แต่รักเอ๋มากครับ) แต่ในส่วนของ BNK48 นั้นตั้งแต่มีเพลงคุกกี้เสี่ยงทายขึ้นมาช่วงปีท้ายปี 2017 ก็ดังเป็นพลุแตก จนปี 2018 จะบอกว่าเป็นปีทองของวงก็ไม่นับว่าเกินจริง ตั้งแต่ยอดขายซิงโชนิจิที่ทะลุแสนแผ่น งานโฆษณา,งานภาพยนต์, งาน event มากมายต่างๆที่โถมเข้ามาจนเด็กแทบไม่ได้หยุดพัก ยังไม่นับถึงยอดขายของที่ระลึกทั่วไป ที่ทั้งหมดรวมๆแล้วทำรายได้มหาศาล
ปรากฏการณ์ความดังของ BNK นี้ ทำให้ผมนึกถึงยุคน้ำชาเขียวหรือสาหร่ายแผ่นทอดกรอบเฟื่องฟู ที่เป็นธุรกิจใหม่ที่อยู่ๆก็ฮิตติดลมบน เช่นน้ำชาเขียวยี่ห้อหนึ่งที่ฮิตซะจนแย่งส่วนแบ่งการตลาดจากน้ำอัดลมมาได้ และเป็นธรรมาดาของโลก พอสินค้าประเภทไหนเริ่มขายดีได้รับความนิยม แล้วครองตลาดแต่เพียงเจ้าเดียว สิ่งที่ตามมาคือคู่แข่งที่จะมาขอส่วนแบ่งทางการตลาด เพราะนักลงทุนทั้งหลาย เมื่อเห็นจำนวนเม็ดเงินสะพัดแบบนี้ย่อมไม่อยู่เฉยตามวิสัย
แน่นอนครับกฏข้อนี้ ใช้กับวงการไอดอลได้เช่นกัน จากวงไอดอลที่หลายคนมองว่าไม่น่าจะรอด (ก็เกือบๆไปเหมือนกัน) ไม่น่าประสบความสำเร็จ แต่กลับหักปากกาเซียนหลายสำนัก ดังจนไม่รู้จะดังยังไง ทำเงินได้เยอะแล้วเยอะอีก สิ่งที่ตามมาก็คือวงคู่แข่งที่จะมาส่วนแบ่งทางการตลาดตรงนี้เช่นเดียวกับสินค้าอื่นๆตามกฏของโลกใบนี้
แต่ความดีงาม จนถึงขั้นต้องของชมคือ วงอื่นๆที่เกิดตามมานั้น ไม่ได้แค่หลับหูหลับตาก๊อป BNK48 มาทั้งหมด แต่ล่ะวงทำการตลาดมาดี มีจุดแข็งในแนวทางของตัวเอง เช่นแนวดนตรี แนวเพลง ท่าเต้น หรือแม้แต่กิจกรรมบางอย่างที่ต้องบอกว่า BNK ไม่ใช่วงไอดอลที่เข้าถึงได้ง่ายตามคอนเซ็ปที่เคยบอกเรามาแต่เริ่มแล้ว เสียเงินน้อยกว่า(มั้ง) แต่ได้ใกล้ชิดและเป็นกันเองมากกว่า แน่นอนว่ารวมไปถึงการเล่น SNS กับแฟนคลับ ซึ่งบอกได้เลยว่า BNK ดูกลายเป็นวงเข้าถึงยากไปในทันที
ความแตกต่างตรงนี้อาจเพราะ BNK อย่างไรก็คือวงน้องสาวของ AKB กฏข้อบังคับต่างๆบางทีก็เหมือนรัดคอตัวเองไป ซึ่งต่างจากวงอื่นที่มีความเป็นเอกเทศของตัวเอง มีความยืดหยุ่นสูงกว่า ทั้งในด้านกิจกรรมและงานเพลง ที่วงอื่นสามารถแต่งเองได้อย่างอิสระ แต่ทางนี้ยังต้องแปลเพลง และแถมยังทำซาวด์เองใหม่ไม่ได้ จนแฟนคลับหลายคนที่เคยคุยกันก็เริ่มปลงๆเรื่องเพลงไปแล้ว ถ้าปล่อยไว้แบบนี้คงแย่เข้าซักวัน
แต่มองอีกมุมก็นับเป็นข้อดี ที่ BNK จะได้แอคทีฟตัวเองขึ้นมาบ้าง เพราะตอนนี้ไม่ใช่แค่สมาชิกในวงต้องแข่งกันเองเท่านั้น แต่คู่แข่งภายนอกก็มาแรงไม่แพ้กัน ก็คงต้องรอดูว่าทาง BNK จะรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร ปี 2019 นี้ยังจะเป็นปีทองของวงอีกมั้ย หรือจะมีวงอื่นอยู่ๆเกิด "สภาวะคุกกี้" แซงทางโค้งยึดตำแหน่งไปแทน นับว่าเป็นปีที่คาดว่าจะได้เห็นอะไรสนุกๆอีกมากมายสำหรับวงการไอดอลไทย
จบไปแล้วกับงานรวมไอดอล IDOL EXPO ก้าวต่อไปของวงการไอดอล และก้าวต่อไปของ BNK
ปรากฏการณ์ความดังของ BNK นี้ ทำให้ผมนึกถึงยุคน้ำชาเขียวหรือสาหร่ายแผ่นทอดกรอบเฟื่องฟู ที่เป็นธุรกิจใหม่ที่อยู่ๆก็ฮิตติดลมบน เช่นน้ำชาเขียวยี่ห้อหนึ่งที่ฮิตซะจนแย่งส่วนแบ่งการตลาดจากน้ำอัดลมมาได้ และเป็นธรรมาดาของโลก พอสินค้าประเภทไหนเริ่มขายดีได้รับความนิยม แล้วครองตลาดแต่เพียงเจ้าเดียว สิ่งที่ตามมาคือคู่แข่งที่จะมาขอส่วนแบ่งทางการตลาด เพราะนักลงทุนทั้งหลาย เมื่อเห็นจำนวนเม็ดเงินสะพัดแบบนี้ย่อมไม่อยู่เฉยตามวิสัย
แน่นอนครับกฏข้อนี้ ใช้กับวงการไอดอลได้เช่นกัน จากวงไอดอลที่หลายคนมองว่าไม่น่าจะรอด (ก็เกือบๆไปเหมือนกัน) ไม่น่าประสบความสำเร็จ แต่กลับหักปากกาเซียนหลายสำนัก ดังจนไม่รู้จะดังยังไง ทำเงินได้เยอะแล้วเยอะอีก สิ่งที่ตามมาก็คือวงคู่แข่งที่จะมาส่วนแบ่งทางการตลาดตรงนี้เช่นเดียวกับสินค้าอื่นๆตามกฏของโลกใบนี้
แต่ความดีงาม จนถึงขั้นต้องของชมคือ วงอื่นๆที่เกิดตามมานั้น ไม่ได้แค่หลับหูหลับตาก๊อป BNK48 มาทั้งหมด แต่ล่ะวงทำการตลาดมาดี มีจุดแข็งในแนวทางของตัวเอง เช่นแนวดนตรี แนวเพลง ท่าเต้น หรือแม้แต่กิจกรรมบางอย่างที่ต้องบอกว่า BNK ไม่ใช่วงไอดอลที่เข้าถึงได้ง่ายตามคอนเซ็ปที่เคยบอกเรามาแต่เริ่มแล้ว เสียเงินน้อยกว่า(มั้ง) แต่ได้ใกล้ชิดและเป็นกันเองมากกว่า แน่นอนว่ารวมไปถึงการเล่น SNS กับแฟนคลับ ซึ่งบอกได้เลยว่า BNK ดูกลายเป็นวงเข้าถึงยากไปในทันที
ความแตกต่างตรงนี้อาจเพราะ BNK อย่างไรก็คือวงน้องสาวของ AKB กฏข้อบังคับต่างๆบางทีก็เหมือนรัดคอตัวเองไป ซึ่งต่างจากวงอื่นที่มีความเป็นเอกเทศของตัวเอง มีความยืดหยุ่นสูงกว่า ทั้งในด้านกิจกรรมและงานเพลง ที่วงอื่นสามารถแต่งเองได้อย่างอิสระ แต่ทางนี้ยังต้องแปลเพลง และแถมยังทำซาวด์เองใหม่ไม่ได้ จนแฟนคลับหลายคนที่เคยคุยกันก็เริ่มปลงๆเรื่องเพลงไปแล้ว ถ้าปล่อยไว้แบบนี้คงแย่เข้าซักวัน
แต่มองอีกมุมก็นับเป็นข้อดี ที่ BNK จะได้แอคทีฟตัวเองขึ้นมาบ้าง เพราะตอนนี้ไม่ใช่แค่สมาชิกในวงต้องแข่งกันเองเท่านั้น แต่คู่แข่งภายนอกก็มาแรงไม่แพ้กัน ก็คงต้องรอดูว่าทาง BNK จะรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร ปี 2019 นี้ยังจะเป็นปีทองของวงอีกมั้ย หรือจะมีวงอื่นอยู่ๆเกิด "สภาวะคุกกี้" แซงทางโค้งยึดตำแหน่งไปแทน นับว่าเป็นปีที่คาดว่าจะได้เห็นอะไรสนุกๆอีกมากมายสำหรับวงการไอดอลไทย