เรื่องมีอยู่ว่า…เรากับแฟนคบกันมาได้ 2 ปีกว่า เป็นวัยทำงานแล้วทั้งคู่ เราเด็กกว่าเขาอยู่ 3 ปี ผช. มีการงานที่มั่นคง ขรก. ส่วนเราพนักงานบริษัท แน่นอนเรื่องรายได้เราสูงกว่าเขามาก แต่ภาษีสังคมของเขาสูงกว่า เลยทำให้เรารู้สึกว่า “เรื่องเงินต้องคุยกันให้เคลียร์” เพราะไม่อยากทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้ เราเลยตัดสินใจทำกองกลาง เพื่อใช้กินเที่ยวและสำหรับเรื่องที่ต้องใช่ร่วมกัน เราให้เขาเลือกว่า ไว้จะออมกองกลางเดือนละเท่าไหร่ เราก็จะออมเท่าเขา เพื่อไม่ให้ฝ่ายใดคิดมาก ก็ดูเหมือนจะดีใช่มั้ยคะ แต่พอเงินมันเริ่มมากขึ้น กลายเป็นกองกลางนี้ส่วนใหญ่ลงกับของเขา เช่น ขอเอาไปช่วยเรื่องรถ เราก็คิดในแง่ดี เออ เวลาไปไหนที่เป็นธุระเรา เขาก็ขับให้ แต่ค่าน้ำมันตูก็เติมจ้า…(ความในใจ รถก็เงินที่บ้านซื้อให้ยังจะไม่พอใช้อีก) และก็มีแบบนี้อีกแนวให้ช่วยออกก่อนแล้วใช้คืน เออถ้าจะมีเกียรติแต่ไม่มีกินจะไหวมั้ยเนี่ย และหลังจาก ผช.กำลังจะใช้เงินคืนให้หมด เราก็เริ่มคุยกับเขาเรื่องของเรา บางคนอาจมองว่า เร่งรัดผช เรื่องนี้เร็วไปมั้ย บอกเลยค่ะว่า 2ปีกว่า ไม่เคยเจอหน้าพ่อหน้าแม่เขาเลย พอถามถึงก็มักจะหงุดหงิด หาว่าเหนื่อยงาน แล้วยังจะเจอเรื่องนี้อีก…เอ้าถามไม่ได้ไง๊ ผช รู้จักพ่อแม่ฝ่ายเราหมดและพ่อแม่เราก็ไม่ได้ติดอะไร ชีวิตตัวเองจัดการเอง แต่อีกฝ่ายเหมือนไม่อยากรู้จักเราซะงั้น จะว่าเราไม่เหมาะกับลูกเขาหรอ การงานไม่มั่นคง แต่ทุกวันก็ดูจะเป็นนารีอุปถัมภ์ มีใครเจอเหตุการณ์แบบเราบ้างรึเปล่า จัดการความรู้สึกตัวเองยังไงมาแชร์ให้ฟังได้นะคะ
ปล. มันมีเหตุให้คิดเพราะเราเป็นคนที่เห็นถึงความสำคัญของเงินที่ใช้เพราะมันแลกมาด้วยความเหนื่อยของเรา เคยไปเที่ยวกับเพื่อนฝ่ายผช แชร์ค่าเที่ยวกัน เรามีน่าที่ไปอย่างเดียว จัดอะไรยังไงไม่รู้หรอก สิ่งที่ทำให้ปี๊ดแตกคือ เอาเงินไปซื้อน้ำเมา ในนั้นมีเงินตูค่ะ ตูไม่แดรกกกก เข้าขั้นเกลียดสุด เลยไม่อยากไปเที่ยวแบบนั้นอีกเลย เงินหามาไม่ได้เอามาลงขวด
เคยกำลังคบกับใครแล้วรู้สึกว่าถูกหลอกให้เปย์มั้ย?
ปล. มันมีเหตุให้คิดเพราะเราเป็นคนที่เห็นถึงความสำคัญของเงินที่ใช้เพราะมันแลกมาด้วยความเหนื่อยของเรา เคยไปเที่ยวกับเพื่อนฝ่ายผช แชร์ค่าเที่ยวกัน เรามีน่าที่ไปอย่างเดียว จัดอะไรยังไงไม่รู้หรอก สิ่งที่ทำให้ปี๊ดแตกคือ เอาเงินไปซื้อน้ำเมา ในนั้นมีเงินตูค่ะ ตูไม่แดรกกกก เข้าขั้นเกลียดสุด เลยไม่อยากไปเที่ยวแบบนั้นอีกเลย เงินหามาไม่ได้เอามาลงขวด