🎶🎵🎼 THE SUMMER GLOVES 2019 : เกมถุงมือ ภาคฤดูร้อน 2019 <ถุงมือเรื่องสั้น> #2 "เพลงของพ่อ" โดย "ถุงมือปลายเข็ม" 🎼🎵🎶

กระทู้คำถาม


แล้วก็มาถึง "ถุงมือเรื่องสั้น" เรื่องที่สอง...ประจำสัปดาห์ที่สอง เดือนสอง (ตองเลยฮิ!)

เป็นเรื่องที่แสดงให้เห็นถึง "แก๊ป" คือ ความห่างกันระหว่างวัยของสาววัยรุ่นคนหนึ่งผู้คลั่งไคล้ศิลปินดนตรีร่วมสมัย ซึ่งห่างไกลกับรูปแบบศิลปินคนโปรด/เพลงโปรดของพ่อแม่ของเธอ ราวฟ้ากับเหว และเธอพยายามเอาศิลปินทั้งไทยและเกาหลีที่โปรดปรานข่มเอาชนะเพลงและศิลปินของพ่อและแม่ ซึ่งท่านทั้งสองก็ไม่ว่ากระไรตามใจเธอ แต่ก็ต้องมีเรื่องบาดหมางใจจากการที่เธอหนีเรียนกับเพื่อนไปดูคอนเสิร์ต แล้วหลังจากนั้นก็หาทางแยกกันอยู่ เบื่อพ่อกับแม่เต็มทนละ เฮ่อ......

เรื่องราว...จะจบลงอย่างไร เชิญติดตามอ่านกันครับ แล้วค่อยหาตัวคนเขียนกันน่อ...
^^



“พ่อปิดเพลงเถอะ หนูไม่ชอบ”

       ฉันร้องบอกพ่อด้วยความรู้สึกหงุดหงิด เมื่อได้ยินเสียงเพลงโบราณ ดังออกมาให้ได้ยินตั้งแต่ยังเดินไม่ถึงประตูรั้วเสียด้วยซ้ำ นักเรียนเหน็ดเหนื่อยจากการเรียนมาทั้งวัน ต้องการพักสมอง ไม่ใช่มาได้ยินได้ฟังเสียงอันน่ารำคาญที่พ่อบอกว่ามันเป็นเพลง ซึ่งฟังยังไงก็ไม่เห็นมีความไพเราะเอาเสียเลย

       สำหรับเด็กวัยมัธยมต้นอย่างฉัน เพลงที่ฟังไพเราะเพราะพริ้งจะต้องเป็นเพลงของนักร้องวัยรุ่นหน้าตาหล่อเหลาแบบดาราเกาหลี จังหวะสนุกสนานเร้าใจลีลาท่าเต้นสวยงาม เพื่อนๆของฉันก็พากันชื่นชอบด้วยกันทั้งนั้น หลายคนตั้งหน้าตั้งตาเก็บเงินเป็นการใหญ่ ความฝันที่ว่าวันหนึ่งจะไปดูคอนเสิร์ตของนักร้องในดวงใจให้ได้ หลายคนสะสมรูปภาพดารานักร้องเหล่านั้นไว้ราวเป็นของมีค่า  คนสวยคนหล่อใครๆ ก็ชอบ พวกเราพากันเสียใจที่ไม่ได้ไปเกิดอยู่ประเทศเกาหลีที่เต็มไปด้วยหนุ่มสาวหน้าตาดี

       หลายครั้งที่ฉันรู้สึกอับอายเวลาพวกเพื่อนมาเยี่ยมบ้าน เพราะเสียงเพลงอันแสนเชยของพ่อ มันฟังแล้วไร้รสนิยม ฉันเคยเห็นพ่อนั่งใช้ผ้าสะอาดบรรจงเช็ดถูเครื่องเล่นเพลงที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร แผ่นเสียงขนาดใหญ่กว่าจานข้าว ท่าทางทะนุถนอมยิ่งกว่าไข่ในหิน

       “พ่อฟังเพลงอะไรก็ไม่รู้ โบราณ ไม่เห็นจะเพราะ ปิดเถอะพ่อ” หลายครั้งที่ฉันพูดทำนองนี้กับพ่อ แล้วเปิดเพลงที่ฉันชอบจากโทรศัพท์ให้พ่อฟังและดูท่าเต้น ท่านได้แต่ยิ้มๆ ไม่พูดว่าอะไร แต่พ่อก็ตามใจฉันเสมอ เมื่อฉันบอกว่าไม่ชอบฟัง พ่อก็จะปิดเครื่องเสียงโบราณ แล้วหันไปทำอย่างอื่นแทน

       เห็นเครื่องเสียงของพ่อแล้วก็อดแปลกใจไม่ได้ ว่าพ่อไปชอบฟังเพลงแบบนั้นได้ยังไง เวลาจะเล่นเพลงก็ดูท่าทางยุ่งยากลำบากเหลือเกิน กว่าจะหยิบแผ่นเสียงเกือบเท่ากระด้งออกมาจากซอง วางลงไปบนเครื่องเล่นอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็จะมีเสียงร้องที่ฟังแล้วแสนโบราณดังออกมาจากตู้ลำโพงขนาดใหญ่ที่แสนเกะกะบ้าน จังหวะของเพลงเชื่องช้าเนิบนาบ เสียงทุ้มเสียงแหลมก็ไม่สดใสเร้าใจ ทำให้ฉันประสาทเสีย แต่พ่อก็ชอบที่จะเปิดฟัง

       คอยดูเถอะ จะเอาไปขายให้คนรับซื้อของเก่าเสียให้เข็ด ฉันนึกในใจ

       “พ่อฟังเพลงอะไรของเค้านะแม่” ฉันแคยถามแม่ ท่านเองก็ดูเหมือนจะชอบเพลงที่คุณพ่อเปิดเหมือนกัน

       “อ้อ เพลงเก่านะลูก”  แม่ตอบด้วยสีหน้ายิ้มๆ สงสัยมีความหลังกับการฟังเพลงพวกนี้แน่เลย

      “ลูกคงไม่รู้จักหรอก สุเทพ วงศ์กำแหง  ชรินทร์ นันทนาคร  สวลี ผกาพันธุ์ นริศ อารีย์  ทูล ทองใจ นักร้องเก่งๆ กันทั้งนั้น”

       “ไม่เห็นจะเพราะตรงไหนเลยนะแม่” ฉันค้านขึ้นมาก่อนแม่จะพูดจบเสียด้วยซ้ำ “หนูว่าพ่อกับแม่จะต้องเปลี่ยนมาฟังแบบที่พวกหนูฟังบ้าง จะได้ทันโลกไม่อายเขา  นี่ๆๆ แม่ลองฟังดู “ ว่าพลางฉันหยิบมือถือราคาหมื่นกว่าบาทเปิดคลิปเพลงจากวงบิกแบงศิลปินบอยแบนจากประเทศเกาหลีใต้ให้แม่ฟัง แน่นอนว่าฉันเลือกเพลง Lies สุดโปรดของฉัน แล้วอธิบายคุณสมบัติของวงบิกแบงให้แม่ฟังอย่างภาคภูมิใจ

       “เป็นวงดังสุดๆ เชียวนะแม่ สมาชิกของวงหล่อๆกันทั้งนั้น เพลงนี้ติดอันดับ 1 ในชาร์ตเพลงตั้ง 7 สัปดาห์ติดต่อกันเลยละ แถมได้รับ รางวัลเอ็มเน็ต อาเซียน มิวสิก อวอร์ดส และรางวัลอีกตั้งมากมาย ถ้าแม่ไม่ชอบเกาหลีก็ยังมีวงไทยนะแม่   บิกแอส ลาบานูน  รูม39 หรือ บอดี้สแลม ก็มีนะแม่ หนูว่านะ พ่อกับแม่หัดฟังบ้างก็ดี เวลาเพื่อนมาบ้านจะรู้ว่าบ้านเราไม่เชย”

       แม่ได้แต่ยิ้มเช่นเคยไม่แสดงความเห็นอย่างไร ก็พอจะรู้เหมือนกันละว่าแม่ถนอมน้ำใจของฉัน  เพราะหลังจากนั้น เวลากับบ้านเย็นๆ ก็มักจะได้ยินบทเพลงโบราณแว่วออกมาจากหลังบ้านเสมอ บางครั้งมีแม่ไปยืนฟังอยู่ด้วย  

       อ้อ ฉันลืมบอกไปว่า พ่อได้ย้ายชุดเครื่องเสียงแสนเชยจากห้องนั่งเล่นไปเก็บไว้ที่ห้องเล็กหลังบ้าน เอาไว้ฟังเบาๆคนเดียว  คงไม่อยากมาเปิดแข่งกับเพลงของฉันนั่นเอง เพราะหลังจากอ้อนพ่อให้ชื้อชุดลำโพงเสียงดีราคาแพงมาชุดหนึ่ง ฉันก็เก็บลำโพงชุดนั้นชึ้นห้องนอนส่วนตัว และแน่นอนว่าฉันต้องเปิดเพลงโปรดเสียงดังสนั่นจนดังลั่นมาถึงห้องนั่งเล่น ฉันเลือกเวลาเปิดเพลงดังๆ ให้เป็นเวลาที่พ่อกำลังเปิดเพลงโบราณของท่านนั่นละ  ดูสิว่าเพลงของใครจะดีจะดังกว่า แล้วสุดท้าย ชัยชนะก็ต้องเป็นของฉัน  เพลงโบราณเชื่องช้าหรือจะมาสู้เพลงจังหวะเต้นสุดคึกทันสมัยได้ สุดท้ายเสียงเสียงโบราณก็เงียบเสียงไป

       ความฝันของกลุ่มนักเรียนมัธยมต้นอย่างกลุ่มของฉัน อยากจะเป็นนักร้องนักเต้นมืออาชีพ มีแฟนเป็นนักร้องวัยรุ่นวงดัง และจะต้องไปดูคอนเสิร์ตของวงโปรดให้ได้สักครั้งในชีวิต จะบินข้ามน้ำไปดูวงเกาหลีก็เกินความสามารถวัยอย่างพวกเรา จึงเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นวงของไทย ซึ่งก็มีมากมาย โดยเฉพาะวง อันดับไทยหนึ่งในดวงใจอย่างบอดี้สแลม วงที่ชื่อของวงที่มาจากคำว่า การทุ่มตัว ไม่ว่าจะทุ่มตัวหรือทุ่มหัวใจกลุ่มของฉันก็ไม่ว่า แต่การไปดูคอนเสิร์ตในเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเราอยู่นอกเมืองเดินทางค่อนข้างลำบาก

       และแล้วความฝันของฉันก็เริ่มทำท่าเป็นจริง เมื่อบอดี้สแลมประกาศผ่านสื่อต่างๆ ว่าจะมาเปิดการแสดงในหอประชุมของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งตามคำเรียกร้องของแฟนๆ ท่าทางพอไปไหว พวกเราอยากฟังอยากดูการแสดงดนตรีของพวกเขา เพลงงมงาย ปลายทาง ปลิดปลิว  ชีวิตที่ฉันเหลืออยู่  และอื่นๆอีกหลาย ๆ เพลง จะมีความสุขขนาดไหน ถ้าได้ฟังเพลงจากการแสดงคนตรีแบบสดๆ ต่อหน้าต่อตามันเป็นความฝันของเด็ก แต่ก็มีความหมายและความมุ่งมั่นที่จะไปให้ถึงความฝัน

       กลุ่มพวกเรามีด้วยกันทั้งหมดห้าคน นัดหมายกันว่าวันพฤหัสจะออกจากบ้านพร้อมกับกระเป๋านักเรียนที่ไม่มีตำราสมุดหนังสือ แต่มีรองเท้าเสื้อผ้าที่คิดว่าสวยที่สุดบรรจุแทน ไปหาที่เปลี่ยนเครื่องแต่งตัวเอาแถวงาน การแสดงดนตรีเริ่มต้นช่วงบ่าย เลิกเย็น พวกเราก็กลับบ้าน คงจะมืดค่ำไปบ้างก็ค่อยหาเรื่องแก้ตัว เตรียมภาพถ่ายของวงบอดี้สแลมเพื่อที่จะได้ขอลายเซ็น ขอเบอร์โทรศัพท์ของพวกพี่ๆ เผลอๆ ถ้าพวกพี่เกิดมาหลงรักพวกเรา ชวนไปเป็นนักร้องเป็นแดนเซอร์จนโด่งดัง ก็เท่ากับหนูตกถังข้าวสารใหญ่

       เมื่อถึงเวลานัดหมาย พวกเรานัดพบกันที่ป้ายรถประจำทาง รวมทีมกันได้ก็มุ่งหน้าสู่เป้าหมายทันที พร้อมกับเงินเก็บทั้งหมดที่แคะออกมาจากกระปุกออมสิน ไม่มีความคิดว่าอะไรถูกอะไรผิด ทุกคนคิดเพียงว่าจะต้องไปเจอหน้าพี่ตูน ไปจับมือ กระโดดกอด หรืออะไรก็ได้ที่คิดออกในช่วงเวลานั้น

       พวกเราเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวกันในห้องน้ำ ในงานเต็มไปด้วยวัยรุ่นทั้งตอนต้นตอนปลายตอนมหาลัย แต่งตัวสวยๆ กันเต็มไปหมด ไม่ต้องทายก็พอจะเดาออกว่าพวกคนเหล่านี้ก็คงจะหนีเรียนมาเหมือนกัน ก็มีบ้างที่ยังอยู่ในชุดนักศึกษา แต่พอการแสดงดนตรีเริ่มต้นขึ้นพวกเราก็เริ่มรู้ว่าความฝันไม่ได้สวยงามอย่างที่หวัง การจะบุกฝ่าด่านรุ่นพี่ไปหานักร้องนักดนตรีคนโปรดเป็นเองยากเสียแล้ว สาวๆ ในงานกรี๊ดกันโลกแตกแย่งกันไปหน้าเวที พวกเราล้มลุกคลุกคลานไปมาอยู่ในงาน ตะลุยไปไม่ถึงขอบเวที ฝันสวยงามกลับกลายเป็นฝันร้าย โทรศัพท์มือถือของฉันหล่นหายในความชุลมุนวุ่นวาย ไม่มีโอกาสเข้าใกล้สมาชิกวงในฝัน

       แน่นอนว่าทางโรงเรียนจับได้ว่าพวกเราพากันหนีเที่ยว หมู่บ้านของพวกเราไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย ข่าวลือกันไปทั้งหมู่บ้านเกี่ยวกับวีรกรรมของเด็กหนีเรียนไปดูดนตรี พ่อกับแม่ถูกทางโรงเรียนเชิญตัวไปพบเพื่อรับรู้ปัญหา ฉันและพรรคพวกอับอายแทบแทรกแผ่นดินหนีกับการถูกทำทัณฑ์บน

       แม่ดุว่าฉันเป็นการใหญ่ ส่วนพ่อเงียบเฉย ฉันรู้ว่าท่านเสียใจ

       แต่จะว่าฉันผิดก็ไม่ได้ พวกเราไม่ได้ทำร้ายใคร  เพียงแต่อยากทำตามความฝัน อยากเดินทางสู่เส้นทางดวงดาวเป็นนักร้องนักเต้น เหตุการณ์ครั้งนั้นฝังลึกอยู่ในใจตลอดมา สร้างรอยร้าวเล็กๆระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ ฉันลาป่วยไปทั้งอาทิตย์เก็บตัวเงียบอยู่ในห้อง ทบทวนความผิดพลาดของตัวเอง  แต่สิ่งที่ย่ำแย่คือฉันไม่มีโทรศัพท์ไว้ดูคลิปวิดีโอนักร้องคนโปรด ไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนๆ จะบากหน้าไปขอให้พ่อแม่ซื้อเครื่องใหม่ก็ยังเข้าหน้าไม่ติด และที่สำคัญคือต้องทนฟังเสียงแม่บ่นฟังจนเบื่อ ทั้งยังต้องทนฟังเพลงโบราณที่แว่วดังมาให้ได้ยินเป็นครั้งคราวจากหลังบ้าน มันทรมานบาดความรู้สึกจนต้องนอนอุดหู คิดในใจว่ามีโอกาสจะเอาแผ่นเสียงคร่ำครึพวกนั้นไปทิ้งลงน้ำเสียให้หมด

       เทอมต่อมาฉันขอย้ายไปอยู่กับป้าในเมือง โดยให้เหตุผลว่าใกล้สถานการศึกษาใหญ่โตมีคุณภาพมากกว่าโรงเรียนห่างไกลความเจริญ พ่อแม่ทนการรบเร้าของฉันไม่ได้ก็ต้องยินยอมในที่สุด พวกท่านคงไม่เหงาเพราะยังมีน้องๆ อีกสองคนเป็นเพื่อน ที่สำคัญฉันจะได้หนีเสียงเพลงโบราณของพ่อและเสียงบ่นของแม่เสียที และที่สำคัญโอกาสจะก้าวสู่ความเป็นดารานักร้องหรือแดนเซอร์มีมากกว่า ฉันจะต้องไล่ตามฝันให้ถึงที่สุด

(มีต่อครับ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่