ที่เป็นข่าวดังอยู่ตอนนี้ ตามความเห็นของ จขกท สิ่งที่ ประเทศไทยควรทำคือการ PNG นักการทูตคนที่สร้างเรื่องให้ประเทศเราต้องตามแก้ปัญหาให้ตัวเขาเองอยู่ ฟังดูโหดๆ สายเหยี่ยวไปหน่อยนะคะ แต่มีเหตุผล
1. นักการทูตคนนี้ทำผิดมารยาททางการทูตอย่างรุนแรงโดยมี "ความพยายาม" ในการละเมิดอำนาจอธิปไตยทางศาลของประเทศไทย
2. ปัญหาทั้งหมดเริ่มต้นจากการทำงานผิดพลาดของท่านเอง ท่านจึงมีส่วนรับผิดชอบโดยตรงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
3. เราเชื่อว่านักการทูตท่านนี้ไม่ใช่นักการทูตคนแรกที่โดนทางการไทย PNG โดยประเทศต้นทางนักการทูตที่เคยโดน PNG ก็ยังส่งเอกอัครราชทูตมาประจำเช่นเดิม ดังนั้นการ PNG นักการทูตท่านนี้จึงไม่ใช่การส่งสัญญาณในการลดระดับทางการทูต หรือการตัดสัมพันธ์ทางการทูตแต่อย่างใด
4. การ PNG นักการทูตคนนี้จะให้ผลเช่นเดียวกับการสั่งย้ายนายตำรวจ หรือทหารที่เกี่ยวข้องในคดีต่างๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อไม่ให้เสียรูปคดีนั่นเอง ดังนั้นเราจึงต้องแจ้งเหตุผลให้ทางประเทศต้นสังกัดเข้าใจ เพราะเราไม่ต้องการให้นักการทูตท่านนี้มากดดันการทำงานของศาลไทย
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1. เป็นการส่งสัญญาณไปถึงประเทศต้นทางเพื่อการปรับท่าทีที่แสดงออกต่อประเทศไทย เพื่อให้คำนึงถึงมารยาทที่ควรมีในการระหว่างประเทศ ซึ่งการเมืองระหว่างประเทศ อำนาจอธิปไตยของแต่ละรัฐพึงได้รับความเคารพสูงสุด
2. เป็นการส่งสัญญาณให้กับประเทศอื่นๆว่า ประเทศไทยไม่ยอมรับการละเมิดอำนาจอธิปไตย ไม่ว่าทางใดๆจากภายนอก
3. เมื่อมีการ PNG นักการทูต จะเป็นโอกาสในการชี้แจงให้ต่างประเทศเข้าใจถึงเหตุผล ที่มาที่ไปของเหตุการณ์ และความจำเป็นที่เราต้องทำ ซึ่งจะส่งผลให้ต่างประเทศมีความเข้าใจเหตุการณ์และปรับทัศนคติต่อประเทศไทยให้ตรงกับความเป็นจริง
4. จะส่งผลดีในระยะยาวกับท่าทีของต่างประเทศในการแสดงออกต่อประเทศไทย และเป็นการแสดงจุดยืนว่าประเทศไทยพร้อมที่จะทำตามกฎหมายระหว่างประเทศ และยึดตัวบทกฎหมายเป็นหลักโดยไม่สนอิทธิพลใดๆ เพราะฉะนั้นจึงควรพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนจะปล่อยให้ความผิดพลาดอย่างไร้ความรับผิดชอบแบบนี้เกิดขึ้น เพราะประเทศไทยพร้อมทำตามกฎหมายถึงแม้ผลที่ออกมาจะไม่เป็นที่พอใจของท่านก็ตาม
ซึ่งเราเชื่อว่าหากมีการ PNG นักการทูตท่านนี้จริง ท่าทีของทางประเทศต้นสังกัดจะมีท่าทีอ่อนลงมากกว่าจะแข็งกร้าวขึ้น เพราะเมื่อเปรียบเทียบผลได้และผลเสียแล้ว ประเทศต้นสังกัดของนักการทูตท่านนี้จะเสียมากกว่าได้ เพราะปัญหาต้นทางได้เกิดจากทางนักการทูตท่านนี้เอง เป็นความผิดพลาดในกระบวนการทำงาน และทางการไทยเพียงแค่ทำตามกฎหมายที่เป็นอยู่เท่านั้น และผลที่ออกมาตอนนี้คดีที่เกิดขึ้นเป็นคดีอาญา เข้าข่ายกฎหมายการส่งผู้ร้ายข้ามแดน และเมื่อเปรียบเทียบกับท่าทีของนักการทูตอีกประเทศคู่ขัดแย้งนั้น ดูมีท่าทีที่เหมาะสมกว่าอย่างเห็นได้ชัด เพราะการออกแถลงการณ์ได้มีการกระทำผ่านกระทรวงการต่างประเทศของประเทศต้นทางอย่างเป็นทางการถึงเหตุผลในการต้องการตัวนายคนนี้ แต่นักการทูตท่านนี้ได้ออกแถลงผ่านทวิตเตอร์(หรือเฟสบุค เราไม่แน่ใจ) ถึงการยอมรับในข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีการแถลงการณ์ถึงการยอมรับความผิดพลาด อย่างเป็นทางการจากกระทรวงการต่างประเทศของนักการทูตดังกล่าว ซึ่งผลที่ได้จะออกไปทางไหน ศาลไทยควรจะมีอำนาจเต็มในการไต่สวนโดยขึ้นอยู่กับว่าหลักฐานฝ่ายไหนชัดเจนกว่ากันโดยปราศจากอิทธิพลแทรกแซงจากภายนอก
ปล. อยากขอความรู้จากนักกฎหมายด้วยค่ะ ว่าศาลไทยยังมีสิทธิ์พิจารณาคดีที่ตัดสินแล้วจากต่างประเทศหรือไม่ หรือเรามีสิทธิ์แค่ส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปให้เท่านั้น เรางงนิดหน่อย ในเมื่อเป็นคดีอาญาจากต่างประเทศที่มีหมายจับอยู่แล้ว ทางการไทยน่าจะมีสิทธิ์แค่การควบคุมตัวไว้รอส่งอย่างเดียว แต่ทำไมต้องมาขึ้นศาลอีกคะ
การ PNG นักการทูตในกรณีนี้ถือว่าเหมาะสมหรือไม่คะ
1. นักการทูตคนนี้ทำผิดมารยาททางการทูตอย่างรุนแรงโดยมี "ความพยายาม" ในการละเมิดอำนาจอธิปไตยทางศาลของประเทศไทย
2. ปัญหาทั้งหมดเริ่มต้นจากการทำงานผิดพลาดของท่านเอง ท่านจึงมีส่วนรับผิดชอบโดยตรงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
3. เราเชื่อว่านักการทูตท่านนี้ไม่ใช่นักการทูตคนแรกที่โดนทางการไทย PNG โดยประเทศต้นทางนักการทูตที่เคยโดน PNG ก็ยังส่งเอกอัครราชทูตมาประจำเช่นเดิม ดังนั้นการ PNG นักการทูตท่านนี้จึงไม่ใช่การส่งสัญญาณในการลดระดับทางการทูต หรือการตัดสัมพันธ์ทางการทูตแต่อย่างใด
4. การ PNG นักการทูตคนนี้จะให้ผลเช่นเดียวกับการสั่งย้ายนายตำรวจ หรือทหารที่เกี่ยวข้องในคดีต่างๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อไม่ให้เสียรูปคดีนั่นเอง ดังนั้นเราจึงต้องแจ้งเหตุผลให้ทางประเทศต้นสังกัดเข้าใจ เพราะเราไม่ต้องการให้นักการทูตท่านนี้มากดดันการทำงานของศาลไทย
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1. เป็นการส่งสัญญาณไปถึงประเทศต้นทางเพื่อการปรับท่าทีที่แสดงออกต่อประเทศไทย เพื่อให้คำนึงถึงมารยาทที่ควรมีในการระหว่างประเทศ ซึ่งการเมืองระหว่างประเทศ อำนาจอธิปไตยของแต่ละรัฐพึงได้รับความเคารพสูงสุด
2. เป็นการส่งสัญญาณให้กับประเทศอื่นๆว่า ประเทศไทยไม่ยอมรับการละเมิดอำนาจอธิปไตย ไม่ว่าทางใดๆจากภายนอก
3. เมื่อมีการ PNG นักการทูต จะเป็นโอกาสในการชี้แจงให้ต่างประเทศเข้าใจถึงเหตุผล ที่มาที่ไปของเหตุการณ์ และความจำเป็นที่เราต้องทำ ซึ่งจะส่งผลให้ต่างประเทศมีความเข้าใจเหตุการณ์และปรับทัศนคติต่อประเทศไทยให้ตรงกับความเป็นจริง
4. จะส่งผลดีในระยะยาวกับท่าทีของต่างประเทศในการแสดงออกต่อประเทศไทย และเป็นการแสดงจุดยืนว่าประเทศไทยพร้อมที่จะทำตามกฎหมายระหว่างประเทศ และยึดตัวบทกฎหมายเป็นหลักโดยไม่สนอิทธิพลใดๆ เพราะฉะนั้นจึงควรพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนจะปล่อยให้ความผิดพลาดอย่างไร้ความรับผิดชอบแบบนี้เกิดขึ้น เพราะประเทศไทยพร้อมทำตามกฎหมายถึงแม้ผลที่ออกมาจะไม่เป็นที่พอใจของท่านก็ตาม
ซึ่งเราเชื่อว่าหากมีการ PNG นักการทูตท่านนี้จริง ท่าทีของทางประเทศต้นสังกัดจะมีท่าทีอ่อนลงมากกว่าจะแข็งกร้าวขึ้น เพราะเมื่อเปรียบเทียบผลได้และผลเสียแล้ว ประเทศต้นสังกัดของนักการทูตท่านนี้จะเสียมากกว่าได้ เพราะปัญหาต้นทางได้เกิดจากทางนักการทูตท่านนี้เอง เป็นความผิดพลาดในกระบวนการทำงาน และทางการไทยเพียงแค่ทำตามกฎหมายที่เป็นอยู่เท่านั้น และผลที่ออกมาตอนนี้คดีที่เกิดขึ้นเป็นคดีอาญา เข้าข่ายกฎหมายการส่งผู้ร้ายข้ามแดน และเมื่อเปรียบเทียบกับท่าทีของนักการทูตอีกประเทศคู่ขัดแย้งนั้น ดูมีท่าทีที่เหมาะสมกว่าอย่างเห็นได้ชัด เพราะการออกแถลงการณ์ได้มีการกระทำผ่านกระทรวงการต่างประเทศของประเทศต้นทางอย่างเป็นทางการถึงเหตุผลในการต้องการตัวนายคนนี้ แต่นักการทูตท่านนี้ได้ออกแถลงผ่านทวิตเตอร์(หรือเฟสบุค เราไม่แน่ใจ) ถึงการยอมรับในข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีการแถลงการณ์ถึงการยอมรับความผิดพลาด อย่างเป็นทางการจากกระทรวงการต่างประเทศของนักการทูตดังกล่าว ซึ่งผลที่ได้จะออกไปทางไหน ศาลไทยควรจะมีอำนาจเต็มในการไต่สวนโดยขึ้นอยู่กับว่าหลักฐานฝ่ายไหนชัดเจนกว่ากันโดยปราศจากอิทธิพลแทรกแซงจากภายนอก
ปล. อยากขอความรู้จากนักกฎหมายด้วยค่ะ ว่าศาลไทยยังมีสิทธิ์พิจารณาคดีที่ตัดสินแล้วจากต่างประเทศหรือไม่ หรือเรามีสิทธิ์แค่ส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปให้เท่านั้น เรางงนิดหน่อย ในเมื่อเป็นคดีอาญาจากต่างประเทศที่มีหมายจับอยู่แล้ว ทางการไทยน่าจะมีสิทธิ์แค่การควบคุมตัวไว้รอส่งอย่างเดียว แต่ทำไมต้องมาขึ้นศาลอีกคะ