
ถ้าประเทศไทยจะมีตำนานผีของแม่นาคพระโขนงที่ทั้งหลอน ทั้งเศร้า และถูกนำมาทำเป็นละครและภาพยนตร์มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ของญี่ปุ่นก็มีเหมือนกันค่ะ เป็นเรื่องจริงที่โด่งดังของผีโออิวะ ที่ถูกนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์อยู่บ่อยครั้ง จนเรื่องเล่าเพี้ยนไปหลายๆ แบบ เป็นผีญี่ปุ่นที่น่าสงสาร จากความรักที่ไม่สมหวัง จนนำมาสู่การแก้แค้นและการหลอกหลอน
ผีแม่นาคของญี่ปุ่นนั้นได้รับการกล่าวขานอย่างแพร่หลายในญี่ปุ่น จากบทละครเรื่อง “โทไคโด ยสสึยะ ไคดัน” หรือ “เรื่องผีในยสสึยะ” ซึ่งเขียนโดยทซึรุยะ นัมโบกุ
“โออิวะซัง” เป็นหญิงสาวที่มีชีวิตอยู่ในช่วงสมัยเอโดะ หรือประมาณ 200 ถึง 300 ปีที่แล้ว เธอเกิดในตระกลูผู้ดี มีเงินมีทอง ใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย เธอมีรูปโฉมงดงาม จนใครเห็นก็หลงรัก แต่นางไม่เคยสนใจใครเลย ( บางตำนานก็ว่าเธอมีรูปร่างอัปลักษณ์ไร้ชายใดมาสนใจ )
จนมาพบกับ อิเอม่อน” ซามูไรผู้ยากจน ใครๆ ต่างก็อิจฉาคนคู่นี้ โดยหารู้ไม่ว่าซามูไรคนนี้ เพียงแค่หวังในทรัพย์สินเงินทองของตระกูลของเธอเท่านั้น ทั้งคู่ใช้ชีวิตผ่านไปโดยดูเหมือนราบรื่น แต่อยู่มาวันหนึ่งโออิวะเกิดล้มป่วยลง
โดยฝ่ายสามีก็ตามหาหมอหรือหายามารักษาต่างๆนาๆ แต่จนแล้วจนรอดโออิวะก็ไม่หายสักที ดั่งโชคชะตะกลั่นแกล้งโออิวะ ซามุไรหนุ่มเริ่มที่จะเหนื่อยกับการต้องมาดูแลคนป่วยอย่างเธอ วันหนึ่งเจ้าซามูไรคนนี้ได้ไปพบรักกับสาวคนใหม่ “โออุเมะ” ซึ่งเธอเป็นลูกเศรษฐีในเมืองเดียวกัน พวกเขาทั้งสองวางแผนจะแต่งงานกัน แต่ติดที่อิเอม่อนมีภรรยาอยู่แล้ว อิเอมอนจึงได้วางแผนกับตาของ โออุเมะ โดยเอายาพิษชนิดอ่อนๆให้โออิวะกินทุกวันๆโดยที่เธอไม่รู้ตัว แต่หารู้ไม่ว่ายานั่นคือยาพิษ ที่ค่อยๆบั่นทอนร่างกายเธอให้อ่อนแอลงทุกวัน และที่สำคัญฤทธิ์จากการดื่มยาพิษเป็นเวลานาน ทำให้ใบหน้าครึ่งซีกของเธอ เริ่มเพี้ยนและเป็นแผล และเริ่มเสียโฉมลงเรื่อยๆ โดยที่เธอไม่ได้ระแคะระคายในการกระทำของสามีเธอเลย และที่สำคัญกว่านั้นเธอก็ได้ตั้งครรภ์อยู่ด้วย วันหนึ่งในขณะที่โออิวะนอนล้มป่วยในห้อง สามีเธอได้พาเมียใหม่มาที่บ้าน โออิวะเกิดเอะใจ จึงได้ลากสังขารที่ป่วย แอบไปส่องดูข้างประตู ในที่สุดเธอก็เห็นภาพบาดตาบาดใจ เธอทรุดลงต่อหน้าชู้รักและสามีของเธอ พร้อมทั้งคร่ำครวญว่า “เจ้าทรยศข้า เข้าทรยศข้า” สามีของเธอตกใจ และประกอบกับความคิดที่คิดจะฆ่าเธอทิ้งอยู่แล้ว ทันใดนั้นเจ้าซามุไรชั่วใช้ดาบฟันที่ร่างของโออิวะตายอย่างอนาถ และทรมาน สามีของโออิวะ กลัวจะถูกชาวบ้านครหา ว่าฆ่าเมียเพื่อไปเสวยสุขกับหญิงอื่น จึงสร้างเรื่องว่าโออิวะนั้นเป็นชู้กับชายรับใช้ในบ้าน และได้ฆ่าชายคนนั้นตามไปและผูกมัดกับประตูพร้อมกับโออิวะเอาไปทิ้งแม่น้ำ แต่ทว่า….หลังจากนั้นไม่กี่วัน อิเอม่อน เริ่มนอนไม่หลับ จิตใจเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว และมีอยู่คืนหนึ่ง เขาได้สะดุ้งตื่นมากลางดึกเหตุเพราะได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น อิเอม่อนจึงเดินไปจุดตะเกียงเพื่อที่จะหาต้นตอของเสียงว่ามีใครมานั่งร้องไห้ในเวลาดึกเช่นนี้ แต่ทันใดที่ไฟสว่างขึ้น อิเอม่อน ค่อยๆแหงนหน้ามองขึ้นด้านบนเพดานตามเสียงร้องนั่น
ภาพที่เขาได้เห็นคือ โออิวะถูกตรึงติดกับประตูห้อยต่องแต่งด้านบนแปะอยู่บนเพดาน สติของอิเอม่อนตะเลิดอย่างสุดขีด พยายามที่จะใช้ดาบฟันร่างนั้นอย่างสะเปะสะปะ แต่ทว่า…ดาบนั้นกลับแกว่งไปโดนศรีษะของภรรยาใหม่ตายอย่างน่าสยดสยอง เขาตกใจวิ่งเสียสติไปบ้านพ่อตา แต่ในระหว่างที่วิ่งไปนั้น โคมไฟข้างทางกลับกลายเป็นหน้าชายคนรับใช้ที่ถูกเขาฆ่าและใส่ร้ายว่าเป็นชู้กับเมียตัวเอง และหน้าโออิวะ เขาจึงใช้ดาบฟันโคมไฟนั้น แต่ทว่า….โคมไฟที่เค้าเห็นคือพ่อตาของเค้านั่นเอง
ณ ตอนนั้นสติของเขาหายไปหมดสิ้น เค้าหนีไปในป่า คลุ้มคลั่งเพราะไปทางไหนก็เจอแต่โคมไฟหน้าโออิวะตามหลอกหลอนทุกทิศทาง จนตอนเช้าหลังจากหลับไปเพราะหมดแรงและตื่นขึ้นมา เขาได้ไปตกปลากินเพื่อประทังความหิวที่ลำธารแห่งหนึ่ง แต่เบ็ดเจ้ากรรมดันไปเกาะเอาประตูที่ตรึงร่างโออิวะเอาไว้ เค้าตกใจร้องวิ่งไปทั่วเมือง และสารภาพผิดว่าฆ่าโออิวะ จนพี่ชายของโออิวะมาได้ยินเข้า จึงฆ่าเจ้าซามูไรอิเอม่อนทิ้งเสีย เหตุการณ์ที่น่าแปลกคือ คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของเธอล้วนจบชีวิตลงทั้งสิ้น ซึ่งถือว่าเธอได้แก้แค้นจนหมด
ปัจจุบันดวงวิญญาณของโออิวะได้ถูกสถิตไว้ที่ศาลเจ้าโทมิยะ ในเขตยสสึยะ กรุงโตเกียว ว่ากันว่าศาลเจ้าแห่งนี้ขึ้นชื่อในเรื่องความรักมากเลยนะเออ หากใครอยากบนบานเรื่องความรักลองไปที่ศาลนี้ดูก็ได้ ไม่แน่นะคุณอาจจะได้เจอวิญญาณของ “โออิวะ” ก็เป็นได้
ตามตำนานนั้น โออิวะเสียชีวิตเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2179 และมีศาลชื่อโออิวะ ทามิยะ จินจะ (Oiwa Tamiya Jinja) อยู่ในกรุงโตเกียว ทุกครั้งที่มีการสร้างภาพยนตร์ ทีมผู้สร้างและนักแสดงจะต้องไปกราบไหว้ที่ศาลเพื่อแสดงความเคารพต่อโออิวะและขอให้การถ่ายทำสำเร็จราบรื่น
ตำนานโออิวะ แม่นาคฉบับญี่ปุ่น ผีที่น่าสงสารที่สุดในประวัติศาสตร์
ถ้าประเทศไทยจะมีตำนานผีของแม่นาคพระโขนงที่ทั้งหลอน ทั้งเศร้า และถูกนำมาทำเป็นละครและภาพยนตร์มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ของญี่ปุ่นก็มีเหมือนกันค่ะ เป็นเรื่องจริงที่โด่งดังของผีโออิวะ ที่ถูกนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์อยู่บ่อยครั้ง จนเรื่องเล่าเพี้ยนไปหลายๆ แบบ เป็นผีญี่ปุ่นที่น่าสงสาร จากความรักที่ไม่สมหวัง จนนำมาสู่การแก้แค้นและการหลอกหลอน
ผีแม่นาคของญี่ปุ่นนั้นได้รับการกล่าวขานอย่างแพร่หลายในญี่ปุ่น จากบทละครเรื่อง “โทไคโด ยสสึยะ ไคดัน” หรือ “เรื่องผีในยสสึยะ” ซึ่งเขียนโดยทซึรุยะ นัมโบกุ
“โออิวะซัง” เป็นหญิงสาวที่มีชีวิตอยู่ในช่วงสมัยเอโดะ หรือประมาณ 200 ถึง 300 ปีที่แล้ว เธอเกิดในตระกลูผู้ดี มีเงินมีทอง ใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย เธอมีรูปโฉมงดงาม จนใครเห็นก็หลงรัก แต่นางไม่เคยสนใจใครเลย ( บางตำนานก็ว่าเธอมีรูปร่างอัปลักษณ์ไร้ชายใดมาสนใจ )
จนมาพบกับ อิเอม่อน” ซามูไรผู้ยากจน ใครๆ ต่างก็อิจฉาคนคู่นี้ โดยหารู้ไม่ว่าซามูไรคนนี้ เพียงแค่หวังในทรัพย์สินเงินทองของตระกูลของเธอเท่านั้น ทั้งคู่ใช้ชีวิตผ่านไปโดยดูเหมือนราบรื่น แต่อยู่มาวันหนึ่งโออิวะเกิดล้มป่วยลง
โดยฝ่ายสามีก็ตามหาหมอหรือหายามารักษาต่างๆนาๆ แต่จนแล้วจนรอดโออิวะก็ไม่หายสักที ดั่งโชคชะตะกลั่นแกล้งโออิวะ ซามุไรหนุ่มเริ่มที่จะเหนื่อยกับการต้องมาดูแลคนป่วยอย่างเธอ วันหนึ่งเจ้าซามูไรคนนี้ได้ไปพบรักกับสาวคนใหม่ “โออุเมะ” ซึ่งเธอเป็นลูกเศรษฐีในเมืองเดียวกัน พวกเขาทั้งสองวางแผนจะแต่งงานกัน แต่ติดที่อิเอม่อนมีภรรยาอยู่แล้ว อิเอมอนจึงได้วางแผนกับตาของ โออุเมะ โดยเอายาพิษชนิดอ่อนๆให้โออิวะกินทุกวันๆโดยที่เธอไม่รู้ตัว แต่หารู้ไม่ว่ายานั่นคือยาพิษ ที่ค่อยๆบั่นทอนร่างกายเธอให้อ่อนแอลงทุกวัน และที่สำคัญฤทธิ์จากการดื่มยาพิษเป็นเวลานาน ทำให้ใบหน้าครึ่งซีกของเธอ เริ่มเพี้ยนและเป็นแผล และเริ่มเสียโฉมลงเรื่อยๆ โดยที่เธอไม่ได้ระแคะระคายในการกระทำของสามีเธอเลย และที่สำคัญกว่านั้นเธอก็ได้ตั้งครรภ์อยู่ด้วย วันหนึ่งในขณะที่โออิวะนอนล้มป่วยในห้อง สามีเธอได้พาเมียใหม่มาที่บ้าน โออิวะเกิดเอะใจ จึงได้ลากสังขารที่ป่วย แอบไปส่องดูข้างประตู ในที่สุดเธอก็เห็นภาพบาดตาบาดใจ เธอทรุดลงต่อหน้าชู้รักและสามีของเธอ พร้อมทั้งคร่ำครวญว่า “เจ้าทรยศข้า เข้าทรยศข้า” สามีของเธอตกใจ และประกอบกับความคิดที่คิดจะฆ่าเธอทิ้งอยู่แล้ว ทันใดนั้นเจ้าซามุไรชั่วใช้ดาบฟันที่ร่างของโออิวะตายอย่างอนาถ และทรมาน สามีของโออิวะ กลัวจะถูกชาวบ้านครหา ว่าฆ่าเมียเพื่อไปเสวยสุขกับหญิงอื่น จึงสร้างเรื่องว่าโออิวะนั้นเป็นชู้กับชายรับใช้ในบ้าน และได้ฆ่าชายคนนั้นตามไปและผูกมัดกับประตูพร้อมกับโออิวะเอาไปทิ้งแม่น้ำ แต่ทว่า….หลังจากนั้นไม่กี่วัน อิเอม่อน เริ่มนอนไม่หลับ จิตใจเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว และมีอยู่คืนหนึ่ง เขาได้สะดุ้งตื่นมากลางดึกเหตุเพราะได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น อิเอม่อนจึงเดินไปจุดตะเกียงเพื่อที่จะหาต้นตอของเสียงว่ามีใครมานั่งร้องไห้ในเวลาดึกเช่นนี้ แต่ทันใดที่ไฟสว่างขึ้น อิเอม่อน ค่อยๆแหงนหน้ามองขึ้นด้านบนเพดานตามเสียงร้องนั่น
ภาพที่เขาได้เห็นคือ โออิวะถูกตรึงติดกับประตูห้อยต่องแต่งด้านบนแปะอยู่บนเพดาน สติของอิเอม่อนตะเลิดอย่างสุดขีด พยายามที่จะใช้ดาบฟันร่างนั้นอย่างสะเปะสะปะ แต่ทว่า…ดาบนั้นกลับแกว่งไปโดนศรีษะของภรรยาใหม่ตายอย่างน่าสยดสยอง เขาตกใจวิ่งเสียสติไปบ้านพ่อตา แต่ในระหว่างที่วิ่งไปนั้น โคมไฟข้างทางกลับกลายเป็นหน้าชายคนรับใช้ที่ถูกเขาฆ่าและใส่ร้ายว่าเป็นชู้กับเมียตัวเอง และหน้าโออิวะ เขาจึงใช้ดาบฟันโคมไฟนั้น แต่ทว่า….โคมไฟที่เค้าเห็นคือพ่อตาของเค้านั่นเอง
ณ ตอนนั้นสติของเขาหายไปหมดสิ้น เค้าหนีไปในป่า คลุ้มคลั่งเพราะไปทางไหนก็เจอแต่โคมไฟหน้าโออิวะตามหลอกหลอนทุกทิศทาง จนตอนเช้าหลังจากหลับไปเพราะหมดแรงและตื่นขึ้นมา เขาได้ไปตกปลากินเพื่อประทังความหิวที่ลำธารแห่งหนึ่ง แต่เบ็ดเจ้ากรรมดันไปเกาะเอาประตูที่ตรึงร่างโออิวะเอาไว้ เค้าตกใจร้องวิ่งไปทั่วเมือง และสารภาพผิดว่าฆ่าโออิวะ จนพี่ชายของโออิวะมาได้ยินเข้า จึงฆ่าเจ้าซามูไรอิเอม่อนทิ้งเสีย เหตุการณ์ที่น่าแปลกคือ คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของเธอล้วนจบชีวิตลงทั้งสิ้น ซึ่งถือว่าเธอได้แก้แค้นจนหมด
ปัจจุบันดวงวิญญาณของโออิวะได้ถูกสถิตไว้ที่ศาลเจ้าโทมิยะ ในเขตยสสึยะ กรุงโตเกียว ว่ากันว่าศาลเจ้าแห่งนี้ขึ้นชื่อในเรื่องความรักมากเลยนะเออ หากใครอยากบนบานเรื่องความรักลองไปที่ศาลนี้ดูก็ได้ ไม่แน่นะคุณอาจจะได้เจอวิญญาณของ “โออิวะ” ก็เป็นได้
ตามตำนานนั้น โออิวะเสียชีวิตเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2179 และมีศาลชื่อโออิวะ ทามิยะ จินจะ (Oiwa Tamiya Jinja) อยู่ในกรุงโตเกียว ทุกครั้งที่มีการสร้างภาพยนตร์ ทีมผู้สร้างและนักแสดงจะต้องไปกราบไหว้ที่ศาลเพื่อแสดงความเคารพต่อโออิวะและขอให้การถ่ายทำสำเร็จราบรื่น