มนต์เสน่ห์แห่งการเที่ยว Backpack คือเราจะไปไหนก็ได้ตามใจเรา ไม่ง้อทัวร์ ไม่กำหนดเวลา
บาน่าฮิลล์ -> ฮอยอัน -> ดานัง
ก่อนอื่นต้องขอบอกเลยครับว่าเวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่อยากไปมาก เนื่องจากเราเป็นสายกิน ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปกินอาหารพื้นเมืองของเวียดนามแท้ๆให้ได้ หลังจากอ่านรีวิวเที่ยวเวียดนามจากหลายๆที่แล้ว พร้อมกับการรบเร้าของคุณแฟน ในที่สุดก็ต้องลงเอยที่ดานัง เวียดนามกลาง ผมเชื่อว่าหลายคนคงกังวลพอสมควรกับการไปเที่ยวเวียดนาม ทั้งเรื่องโดนโกง โดนขโมยของ โดนกรีดกระเป๋าบ้าง กังวลเรื่องภาษาบ้าง และแน่นอน ผมก็กังวล ดังนั้นการตัดหรือลดปัญหาพวกนี้คือการวางแผนการเดินทางให้ดีแค่นั้นครับ เริ่มวางแผนการเที่ยวก่อนเลย
แผนการคือ
1. วันที่ 1 เดินทาง ลงเครื่องที่สนามบิน(ถึงสนามบิน 12:30) ต่อรถจากสนามบินไปบาน่าฮิลล์(ถึงบาน่าฮิลล์ 14:30)
พักที่ Mercure บาน่าฮิล์ 1 คืน
2. วันที่ 2 ลงจากบาน่าฮิลล์ช่วงบ่าย(13:00) นั่ง Taxi ตรงไปฮอยอัน(ถึงฮอยอัน 15:20)
พักที่ Royal riverside ฮอยอัน 1 คืน
3. วันที่ 3 นั่ง Taxi จากฮอยอัน(15:30) ไปดานัง(ถึงดานัง 16:30 โดยประมาณ)
พักที่ The Blossom City ดานัง 1 คืน
4. วันที่ 4 เที่ยวในเมืองดานังเต็มวัน เดินทางไปสนามบิน 15:30 จากนั้นก็เป็นอาณาจักร Duty Free จุดนี้ใช้เงินเยอะสุด ฮาาาาา รอเครื่องออก 18:50
สรุป 4 วัน 3 คืน
แผนต่อไปคือการเลือกวัน
ปัจจัยหลักในการเลือกวันของผมคือ
1. เลือกวันที่ตั๋วเครื่องบินราคาถูก โดยสายการบิน AirAsia
2. เลือกวันที่ราคาที่พักราคาถูก
สรุปก็ได้วันที่ 3-6 กุมพาพันธ์ ครบ 4 วัน 3 คือ ตรงกับช่วงตรุษจีน และวันชาติเวียดนาม พอดี และเป็นช่วงที่อากาศหนาวที่ดานัง
ส่วนเรื่องที่กังวลว่าจะโดนโกง
1. ผมเลือกใช้การเดินทางระหว่างสถานที่ด้วยบริการ Grab ที่หลายๆคนแนะนำมา ตัดปัญหาได้เยอะครับ ค่าโดยสารตรงตาม App ไม่มีโกง บริการดี เปิด/ปิดประตูรถให้ด้วยราวกับเราเป็นเจ้านาย แถมมีเงินทอนด้วย(
ส่วนใหญ่ Taxi ที่เวียดนามจะไม่ทอน เห็นหลายคนเจอมา) และที่สำคัญ Grab เยอะมาก เรียกไม่เกิน 2 นาทีมาถึงเลย และเด็ดสุดคือรถที่เรียกนี่จอดอยู่ข้างๆตรงที่เรียกเลย คนขับบางคนพูกภาษาอังกฤษไม่เป็น แต่แปลกที่สื่อสารกันได้ด้วย
2. บางครั้งก็ไม่ใช้ Grab โดยให้ทางโรงแรมเรียก Taxi ให้ โดยเป็นของบริษัท VINASUN Taxi อันนี้รูดบัตรได้ด้วย แต่ผมเลือกใช้เงินสดมากกว่า วิ่งตามมิเตอร์ และของบริษัทนี้เค้าเปิด Map ให้เราดูด้วยว่าจะไปทางไหน จัดเจน ปลอดภัย ไม่โดนโกง
3. การเดินทางเที่ยวในเมือง ผมเลือกที่จะพักใกล้สถานที่เที่ยว และแน่นอน เดินคือทางเลือกที่ดีที่สุดครับ ได้ดูวิว ดูบ้านเมือง จริงๆก็ไม่ต่างจากบ้านเรานัก แต่ที่ดีกว่าคือรถไม่ติดเลย ไม่มีเสียงเด็กแว๊น แต่เสียงแตรจะดังหน่อย ผมคิดว่าเพราะเสียงแตรจึงทำให้เกิดอุบัติเหตุบนถนนน้อยมาก แต่ถ้าเป้นบ้านเรานะ เสียงแตรอาจจะลดอุบัติเหตุบนถนนได้เช่นกัน แต่จะเกินเหตุทะเลาะวิวาทและฆาตกรรมสูงขึ้นแทนก็เป็นได้
4.
กลัวโดนล้วงกระเป๋า กรีดกระเป๋า Passport หาย บอกเลยว่ากลัวมาก อันหลังสุด เลยจัดการด้วยการถ่ายรูป Passport และเอกสารที่สำคัญไว้ที่มือถือ และส่งเข้า E-Mail ไว้ จัดหากระเป๋าคาดอกคนละใบกับแฟน เอาชนิดป้องกันการกรีดได้(แต่เอาจริงๆก็ป้องกันไม่ได้ 100% หรอก ผมลองกรีดดูแล้วขาดเหมือนเดิม เลยต้องระวังเอา) ถ่ายสำเนาเอกสารสำคัญไว้ในกระเป๋าเดินทางคนละใบ โดยเฉพาะเอกสารระบุตัวตนของเรา(บางคนอาจมองว่าวิตกจริต แต่ระวังไว้ครับไม่เสียหาย เพราะถ้าไม่โดนขโมยเราก็ทำหายซะเอง ฮ่าาาๆๆๆๆ)
5.
การแลกเงิน และค่าเงิน หลายๆคนแนะนำว่าให้แลกเป็นเงิน สกุลเวียดนาม(VND = เวียดนามดอง) และ US Dollar ไปด้วย ผมก็จัดไปตามนั้นครับ แบ่งอัตราส่วน 70:30 เป็นเงินเวียดนาม 70% เป็นเงิน US Dollar 30% ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราตอนนั้นก็อยู่ที่ 1000VND = 1.49THB / 1USD = 31.62THB เงินสดเก็บไว้ใช้ในตลาดหรือค่ารถค่าเดินทาง ส่วนร้านอาหารบางร้านใช้บัตรเครดิตแทนครับ (คหสต คือถ้าใช้บัตรในสกุลเงินต่างประเทศจะได้เรทอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีกว่า และสิ่งที่ตามมาก็คือ คะแนนบัตรแครดิตเพียบ x4 เลย ก็จัดสิครับ รูดจนไม่อยากคิดเลยว่ากลับมาจะใช้หนี้บัตรยังไงหมด ฮ่าๆๆๆๆ)
6.
เรื่องภาษา แรกๆก็กังวลครับ เพราะภาษาอังกฤษก็งูๆปลาๆ อาศัยแค่ว่า
ถามทางเป็น สั่งอาหารกินได้ ไม่อดตาย ไม่หลงทาง ก็พอแล้ว ถ้าไปลาวยังพอคุยกันรู้เรื่อง แต่ที่นี่ค่อนข้างดีครับ อาจเพราะเป็นเมืองท่องเที่ยวด้วย พ่อค้าแม่ค้าชาวบ้านบางคนพูดภาษาอังกฤษไม่เป็นเวลาเราจะซื้ออะไร เค้าจะเอาสินค้าให้ดู แล้วก็เอาเงินมาโชว์ว่าเท่าไหร่ อย่างเช่น 3 ชิ้น ราคา 20,000VND เค้าก็จะโชว์ 3 ชิ้น พร้อมกับแบงค์ 20,000VND ให้เราดู แค่นี้กฺปิดการขายได้แล้วครับ หรือถ้าเราอยากต่อรองเราอาจจะโชว์ 4 นิ้ว กับเงิน 20,000VND ก็ได้ หมายถึงขอเป็น 4 ชิ้น 20,000VND ได้มั๊ย ประมาณนี้ (เป็นการเจรจาธุรกิจที่เงียบ และได้ผลจริงๆครับ ฮ่าๆๆๆๆ ทำบ่อยมาก)
7.
App ที่ขาดไม่ได้เลยตอนไปเที่ยวคือ Grab, TripAdvisor, Google Map, หรือ Map ใน iPhone ก็ได้ครับ พอพูดถึง App ก็ขาดไม่ได้เลยที่จะต้องหาเน็ตมาใช้กับ App ตามในข้อต่อไปเลยครับ
8.
Internet โดยปกติที่เวียดนามจะมี Public Internet ให้ใช้ฟรีอยู่แล้วครับ ทั้งในสนามบิน โรงแรม ร้านกาแฟ แต่ๆๆๆๆๆๆ เดี๋ยวก่อน ถ้าเราไม่ได้อยู่ในที่เหล่านั้นจะทำไง หลายครั้งที่ไปต่างประเทศผมจะเลือกเช่า Pocket WiFi ไม่ก็เปิด Roaming แต่พอมองค่าใช้จ่ายแล้ว ผมเลือกที่จะไปซื้อ SIM ที่เวียดนามครับ Internet Unlimited โทรได้ด้วย แถมเร็วมาก ราคาต่างกับ Pocket WiFi หรือเปิด Roaming แบบหาร 3 เลย เพราะ SIM ที่นั่นใช้ได้ 8 วัน ในราคา 180,000VND หรือเท่ากับ 269THB เท่านั้น และไปกัน 2 คนสามารถแยกกันใช้ได้ แต่ถ้าเป้น Pocket WiFi นี่ห่างกันไม่ได้เลย เดี๋ยวสัญญาณหลุด ค่ายมือถือที่ผมเลือกจะเป็น Vinaphone ซื้อที่สนามบินเลยครับ มีสาวสวยๆ คอยเปลี่ยน SIM ให้เลย ก่อนซื้อยิ้มหวานๆให้ซะหน่อยก็อาจจะได้ SIM โทรฟรีในราคา Data Only ฮ่าๆๆๆๆๆ
9. เรื่องการเข้า ตม. ที่เวียดนาม คนไทยเราไม่ต้องเขียนใบ ตม. นะครับ ถือ Passport เดินดุ่ยๆ จูงมือกันเข้าแถวได้เลย ตม. ที่นี่ทำงานเร็วมาก มาเจ้าหน้าที่มาคอยจัดคิว ป้องกันการแซงคิวให้ด้วย ผมกับแฟนต่อแถวได้คิวที่น่าจะ 20 กว่า แต่รอไม่ถึง 10 นาที ผ่าน ตม. มาได้ก็ตรงดิ่งไปหาซื้อ SIM ก่อนเลยครับ เอาไว้เรียก Grab
10.
การถ่ายรูป ที่ต้องระวัง มีบางที่ บางร้าน บางคน เค้าห้ามถ่ายรูปนะครับโดยเฉพาะที่ฮอยอัน บางร้านห้ามถ่ายรูปจริงๆ มีป้ายบอกชัดเจน ผมก็ไม่ถ่ายเลย กลัวจะวุ่นวายเป็นเรื่องใหญ่ เคารพกติกาเป็นดีที่สุด
ร่ายยาวมานานแล้ว ก็มีรูปมารีวิวนิดหน่อยครับ
จากสนามบินมาก็เรียก Grab เลยครับ ตรงมาที่ Mercure French Village Bana Hill ค่าโดยสาร 293,000VND


จุด Check-in มี 2 ที่ครับ เชิงเขากับบนเขา ส่วนค่ากระเช้าต้องจ่ายเพิ่มครับ คนละ 400,000VND ก็ประมาณ 600THB
ขึ้นมาเราจะเจอกับวงเวียนลูกโลกก่อนเลยครับ

บรรยากาศ สไตล์ยุโรป

อากาศเย็นสบายมากครับ

คืนนี้พักที่ Mercure French Village Bana hill จองผ่าน Agoda หรือถ้าเป็นสมาชิก Accor Plus ก็จะได้ราคาถูกลงไปอีกครับ

สิ่งนี้เลยที่ต้องการ นิสัยส่วนตัวเลย 555 ชอบสะสม บาร์ทเซ็ตโรงแรม จนตอนนี้ได้เต็มตู้แล้ว ฮ่าาาๆๆๆ

ดูบรรยากาศห้องพักกันหน่อย ผมโชคดีที่ได้ห้องที่มีระเบียง และดูเหมือนจะเป้นห้องเดียวที่มีระเบียงด้วยสิ จิบเบียร์เย็นๆ สัมผัสอากาศหนาว (เอ๊ะ!!! มันเข้ากันมั๊ยอ่ะ)

กลางวันคนจะเยอะมาก ถ้าจะมาแนะนำให้พักบน บาน่าฮิลล์ อย่างน้อย 1 คืนครับ ถ้าจะให้ดี 2 คืนไปเลย(แอบเสียดายลางานได้แค่นี้ ฮาๆๆๆๆ) สำหรับใครที่เที่ยวแบบไปกลับนี่บอกเลยว่าจะพลาดวิวสวยๆ ยามเช้า และยามค่ำคืนครับ

บรรยากาศยามเย็น หลังจาก Check-In ที่พักเสร็จ เราก็มีภาระกินตระเวนถ่ายรูปเลยครับ

เชรดโด้!!! นี่มันยุโรปแห่งเอเชียชัดๆ

เรามาดูบรรยากาศยามค่ำคืนบ้างครับ อากาศเย็น ณ ตอนนั้นก็อยู่ที่ 12 องศาเห็นทะเลหมอกได้ชัดเจนมาก

ลืมบอกไปครับว่าจ่ายค่ากระเช้าขึ้นมาแล้ว จะมีเครื่องเล่นใน Fantasy Park ให้เล่นฟรีเลย ผมก็จัดไปเลยสิครับ 2-3 รอบเลย แรกๆก็กลัว หลังๆเริ่มสนุก แต่ขอบอกว่าคิวยาวมาก

มาชมบรรยากาศยามเช้ากันต่อเลยครับ

[img]
https://f.ptcdn.info/371/062/000/pmjy8l9yqy3rw7kR99z-o.jpg[/
[CR] เที่ยวเวียดนาม ต้องมนต์เสน่ห์ดานัง หลงรักบาน่าฮิลล์ เดินชิลล์ที่ฮอยอัน วางแผนเดินทางอันแยบยล ไม่น่ากลัวอย่างที่หลายคนคิด
บาน่าฮิลล์ -> ฮอยอัน -> ดานัง
ก่อนอื่นต้องขอบอกเลยครับว่าเวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่อยากไปมาก เนื่องจากเราเป็นสายกิน ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปกินอาหารพื้นเมืองของเวียดนามแท้ๆให้ได้ หลังจากอ่านรีวิวเที่ยวเวียดนามจากหลายๆที่แล้ว พร้อมกับการรบเร้าของคุณแฟน ในที่สุดก็ต้องลงเอยที่ดานัง เวียดนามกลาง ผมเชื่อว่าหลายคนคงกังวลพอสมควรกับการไปเที่ยวเวียดนาม ทั้งเรื่องโดนโกง โดนขโมยของ โดนกรีดกระเป๋าบ้าง กังวลเรื่องภาษาบ้าง และแน่นอน ผมก็กังวล ดังนั้นการตัดหรือลดปัญหาพวกนี้คือการวางแผนการเดินทางให้ดีแค่นั้นครับ เริ่มวางแผนการเที่ยวก่อนเลย
แผนการคือ
1. วันที่ 1 เดินทาง ลงเครื่องที่สนามบิน(ถึงสนามบิน 12:30) ต่อรถจากสนามบินไปบาน่าฮิลล์(ถึงบาน่าฮิลล์ 14:30) พักที่ Mercure บาน่าฮิล์ 1 คืน
2. วันที่ 2 ลงจากบาน่าฮิลล์ช่วงบ่าย(13:00) นั่ง Taxi ตรงไปฮอยอัน(ถึงฮอยอัน 15:20) พักที่ Royal riverside ฮอยอัน 1 คืน
3. วันที่ 3 นั่ง Taxi จากฮอยอัน(15:30) ไปดานัง(ถึงดานัง 16:30 โดยประมาณ) พักที่ The Blossom City ดานัง 1 คืน
4. วันที่ 4 เที่ยวในเมืองดานังเต็มวัน เดินทางไปสนามบิน 15:30 จากนั้นก็เป็นอาณาจักร Duty Free จุดนี้ใช้เงินเยอะสุด ฮาาาาา รอเครื่องออก 18:50
สรุป 4 วัน 3 คืน
แผนต่อไปคือการเลือกวัน
ปัจจัยหลักในการเลือกวันของผมคือ
1. เลือกวันที่ตั๋วเครื่องบินราคาถูก โดยสายการบิน AirAsia
2. เลือกวันที่ราคาที่พักราคาถูก
สรุปก็ได้วันที่ 3-6 กุมพาพันธ์ ครบ 4 วัน 3 คือ ตรงกับช่วงตรุษจีน และวันชาติเวียดนาม พอดี และเป็นช่วงที่อากาศหนาวที่ดานัง
ส่วนเรื่องที่กังวลว่าจะโดนโกง
1. ผมเลือกใช้การเดินทางระหว่างสถานที่ด้วยบริการ Grab ที่หลายๆคนแนะนำมา ตัดปัญหาได้เยอะครับ ค่าโดยสารตรงตาม App ไม่มีโกง บริการดี เปิด/ปิดประตูรถให้ด้วยราวกับเราเป็นเจ้านาย แถมมีเงินทอนด้วย(ส่วนใหญ่ Taxi ที่เวียดนามจะไม่ทอน เห็นหลายคนเจอมา) และที่สำคัญ Grab เยอะมาก เรียกไม่เกิน 2 นาทีมาถึงเลย และเด็ดสุดคือรถที่เรียกนี่จอดอยู่ข้างๆตรงที่เรียกเลย คนขับบางคนพูกภาษาอังกฤษไม่เป็น แต่แปลกที่สื่อสารกันได้ด้วย
2. บางครั้งก็ไม่ใช้ Grab โดยให้ทางโรงแรมเรียก Taxi ให้ โดยเป็นของบริษัท VINASUN Taxi อันนี้รูดบัตรได้ด้วย แต่ผมเลือกใช้เงินสดมากกว่า วิ่งตามมิเตอร์ และของบริษัทนี้เค้าเปิด Map ให้เราดูด้วยว่าจะไปทางไหน จัดเจน ปลอดภัย ไม่โดนโกง
3. การเดินทางเที่ยวในเมือง ผมเลือกที่จะพักใกล้สถานที่เที่ยว และแน่นอน เดินคือทางเลือกที่ดีที่สุดครับ ได้ดูวิว ดูบ้านเมือง จริงๆก็ไม่ต่างจากบ้านเรานัก แต่ที่ดีกว่าคือรถไม่ติดเลย ไม่มีเสียงเด็กแว๊น แต่เสียงแตรจะดังหน่อย ผมคิดว่าเพราะเสียงแตรจึงทำให้เกิดอุบัติเหตุบนถนนน้อยมาก แต่ถ้าเป้นบ้านเรานะ เสียงแตรอาจจะลดอุบัติเหตุบนถนนได้เช่นกัน แต่จะเกินเหตุทะเลาะวิวาทและฆาตกรรมสูงขึ้นแทนก็เป็นได้
4. กลัวโดนล้วงกระเป๋า กรีดกระเป๋า Passport หาย บอกเลยว่ากลัวมาก อันหลังสุด เลยจัดการด้วยการถ่ายรูป Passport และเอกสารที่สำคัญไว้ที่มือถือ และส่งเข้า E-Mail ไว้ จัดหากระเป๋าคาดอกคนละใบกับแฟน เอาชนิดป้องกันการกรีดได้(แต่เอาจริงๆก็ป้องกันไม่ได้ 100% หรอก ผมลองกรีดดูแล้วขาดเหมือนเดิม เลยต้องระวังเอา) ถ่ายสำเนาเอกสารสำคัญไว้ในกระเป๋าเดินทางคนละใบ โดยเฉพาะเอกสารระบุตัวตนของเรา(บางคนอาจมองว่าวิตกจริต แต่ระวังไว้ครับไม่เสียหาย เพราะถ้าไม่โดนขโมยเราก็ทำหายซะเอง ฮ่าาาๆๆๆๆ)
5. การแลกเงิน และค่าเงิน หลายๆคนแนะนำว่าให้แลกเป็นเงิน สกุลเวียดนาม(VND = เวียดนามดอง) และ US Dollar ไปด้วย ผมก็จัดไปตามนั้นครับ แบ่งอัตราส่วน 70:30 เป็นเงินเวียดนาม 70% เป็นเงิน US Dollar 30% ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราตอนนั้นก็อยู่ที่ 1000VND = 1.49THB / 1USD = 31.62THB เงินสดเก็บไว้ใช้ในตลาดหรือค่ารถค่าเดินทาง ส่วนร้านอาหารบางร้านใช้บัตรเครดิตแทนครับ (คหสต คือถ้าใช้บัตรในสกุลเงินต่างประเทศจะได้เรทอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีกว่า และสิ่งที่ตามมาก็คือ คะแนนบัตรแครดิตเพียบ x4 เลย ก็จัดสิครับ รูดจนไม่อยากคิดเลยว่ากลับมาจะใช้หนี้บัตรยังไงหมด ฮ่าๆๆๆๆ)
6. เรื่องภาษา แรกๆก็กังวลครับ เพราะภาษาอังกฤษก็งูๆปลาๆ อาศัยแค่ว่า ถามทางเป็น สั่งอาหารกินได้ ไม่อดตาย ไม่หลงทาง ก็พอแล้ว ถ้าไปลาวยังพอคุยกันรู้เรื่อง แต่ที่นี่ค่อนข้างดีครับ อาจเพราะเป็นเมืองท่องเที่ยวด้วย พ่อค้าแม่ค้าชาวบ้านบางคนพูดภาษาอังกฤษไม่เป็นเวลาเราจะซื้ออะไร เค้าจะเอาสินค้าให้ดู แล้วก็เอาเงินมาโชว์ว่าเท่าไหร่ อย่างเช่น 3 ชิ้น ราคา 20,000VND เค้าก็จะโชว์ 3 ชิ้น พร้อมกับแบงค์ 20,000VND ให้เราดู แค่นี้กฺปิดการขายได้แล้วครับ หรือถ้าเราอยากต่อรองเราอาจจะโชว์ 4 นิ้ว กับเงิน 20,000VND ก็ได้ หมายถึงขอเป็น 4 ชิ้น 20,000VND ได้มั๊ย ประมาณนี้ (เป็นการเจรจาธุรกิจที่เงียบ และได้ผลจริงๆครับ ฮ่าๆๆๆๆ ทำบ่อยมาก)
7. App ที่ขาดไม่ได้เลยตอนไปเที่ยวคือ Grab, TripAdvisor, Google Map, หรือ Map ใน iPhone ก็ได้ครับ พอพูดถึง App ก็ขาดไม่ได้เลยที่จะต้องหาเน็ตมาใช้กับ App ตามในข้อต่อไปเลยครับ
8. Internet โดยปกติที่เวียดนามจะมี Public Internet ให้ใช้ฟรีอยู่แล้วครับ ทั้งในสนามบิน โรงแรม ร้านกาแฟ แต่ๆๆๆๆๆๆ เดี๋ยวก่อน ถ้าเราไม่ได้อยู่ในที่เหล่านั้นจะทำไง หลายครั้งที่ไปต่างประเทศผมจะเลือกเช่า Pocket WiFi ไม่ก็เปิด Roaming แต่พอมองค่าใช้จ่ายแล้ว ผมเลือกที่จะไปซื้อ SIM ที่เวียดนามครับ Internet Unlimited โทรได้ด้วย แถมเร็วมาก ราคาต่างกับ Pocket WiFi หรือเปิด Roaming แบบหาร 3 เลย เพราะ SIM ที่นั่นใช้ได้ 8 วัน ในราคา 180,000VND หรือเท่ากับ 269THB เท่านั้น และไปกัน 2 คนสามารถแยกกันใช้ได้ แต่ถ้าเป้น Pocket WiFi นี่ห่างกันไม่ได้เลย เดี๋ยวสัญญาณหลุด ค่ายมือถือที่ผมเลือกจะเป็น Vinaphone ซื้อที่สนามบินเลยครับ มีสาวสวยๆ คอยเปลี่ยน SIM ให้เลย ก่อนซื้อยิ้มหวานๆให้ซะหน่อยก็อาจจะได้ SIM โทรฟรีในราคา Data Only ฮ่าๆๆๆๆๆ
9. เรื่องการเข้า ตม. ที่เวียดนาม คนไทยเราไม่ต้องเขียนใบ ตม. นะครับ ถือ Passport เดินดุ่ยๆ จูงมือกันเข้าแถวได้เลย ตม. ที่นี่ทำงานเร็วมาก มาเจ้าหน้าที่มาคอยจัดคิว ป้องกันการแซงคิวให้ด้วย ผมกับแฟนต่อแถวได้คิวที่น่าจะ 20 กว่า แต่รอไม่ถึง 10 นาที ผ่าน ตม. มาได้ก็ตรงดิ่งไปหาซื้อ SIM ก่อนเลยครับ เอาไว้เรียก Grab
10. การถ่ายรูป ที่ต้องระวัง มีบางที่ บางร้าน บางคน เค้าห้ามถ่ายรูปนะครับโดยเฉพาะที่ฮอยอัน บางร้านห้ามถ่ายรูปจริงๆ มีป้ายบอกชัดเจน ผมก็ไม่ถ่ายเลย กลัวจะวุ่นวายเป็นเรื่องใหญ่ เคารพกติกาเป็นดีที่สุด
ร่ายยาวมานานแล้ว ก็มีรูปมารีวิวนิดหน่อยครับ
จากสนามบินมาก็เรียก Grab เลยครับ ตรงมาที่ Mercure French Village Bana Hill ค่าโดยสาร 293,000VND
จุด Check-in มี 2 ที่ครับ เชิงเขากับบนเขา ส่วนค่ากระเช้าต้องจ่ายเพิ่มครับ คนละ 400,000VND ก็ประมาณ 600THB
ขึ้นมาเราจะเจอกับวงเวียนลูกโลกก่อนเลยครับ
บรรยากาศ สไตล์ยุโรป
อากาศเย็นสบายมากครับ
คืนนี้พักที่ Mercure French Village Bana hill จองผ่าน Agoda หรือถ้าเป็นสมาชิก Accor Plus ก็จะได้ราคาถูกลงไปอีกครับ
สิ่งนี้เลยที่ต้องการ นิสัยส่วนตัวเลย 555 ชอบสะสม บาร์ทเซ็ตโรงแรม จนตอนนี้ได้เต็มตู้แล้ว ฮ่าาาๆๆๆ
ดูบรรยากาศห้องพักกันหน่อย ผมโชคดีที่ได้ห้องที่มีระเบียง และดูเหมือนจะเป้นห้องเดียวที่มีระเบียงด้วยสิ จิบเบียร์เย็นๆ สัมผัสอากาศหนาว (เอ๊ะ!!! มันเข้ากันมั๊ยอ่ะ)
กลางวันคนจะเยอะมาก ถ้าจะมาแนะนำให้พักบน บาน่าฮิลล์ อย่างน้อย 1 คืนครับ ถ้าจะให้ดี 2 คืนไปเลย(แอบเสียดายลางานได้แค่นี้ ฮาๆๆๆๆ) สำหรับใครที่เที่ยวแบบไปกลับนี่บอกเลยว่าจะพลาดวิวสวยๆ ยามเช้า และยามค่ำคืนครับ
บรรยากาศยามเย็น หลังจาก Check-In ที่พักเสร็จ เราก็มีภาระกินตระเวนถ่ายรูปเลยครับ
เชรดโด้!!! นี่มันยุโรปแห่งเอเชียชัดๆ
เรามาดูบรรยากาศยามค่ำคืนบ้างครับ อากาศเย็น ณ ตอนนั้นก็อยู่ที่ 12 องศาเห็นทะเลหมอกได้ชัดเจนมาก
ลืมบอกไปครับว่าจ่ายค่ากระเช้าขึ้นมาแล้ว จะมีเครื่องเล่นใน Fantasy Park ให้เล่นฟรีเลย ผมก็จัดไปเลยสิครับ 2-3 รอบเลย แรกๆก็กลัว หลังๆเริ่มสนุก แต่ขอบอกว่าคิวยาวมาก
มาชมบรรยากาศยามเช้ากันต่อเลยครับ
[img]https://f.ptcdn.info/371/062/000/pmjy8l9yqy3rw7kR99z-o.jpg[/
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้