เช้าวันหยุดวันหนึ่ง ในหมู่บ้านมีการตั้งวงเปรียบมวยกัน อยู่ใกล้ๆบ้านป้าผม ผู้ใหญ่จะให้เด็กที่ใจกล้าสมัครใจมาสวมนวม แล้วชกกัน ส่วนผมยืนดูได้สักพักหนึ่ง ผมก็นึกอยากจะลองชกบ้าง จึงขอนวมพี่คนคุม เป็นนวมสีน้ำเงิน ผมสวมนวมเสร็จ ฝั่งนวมสีแดง ตัวไล่เลี่ยกลับผมเลย กำลังจะเริ่มชก เดินเข้าหากัน ป้าของผมตะโกนมาแต่ไกล “หยุดเดี๋ยวนี้” ทุกคนหยุดชะงักแล้วหันไปมอง ป้าเดินเข้ามาจับมือผม ถอดนวมออก แล้วดุผม “มาทำอะไรแถวนี้ กลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย เดี๋ยวจะตีเลย” ผมเดินคอตกกลับบ้าน โดนป้าสกัดดาวรุ่ง ป้าพาไปหาตาที่บ้าน ป้าฟ้องตาว่า “พ่อไม่ดูหลานเลย มันจะไปชกมวยกับเขา เดี๋ยวปากแตก หน้าแหกมา ใครจะพาไปหาหมอ” ตาผมยิ้มแล้วหัวเราะ ไม่ได้พูดอะไร ป้าดุผมว่าอย่าให้เห็นไปอีกนะ จะตีให้เลย ผมก็เข้าใจว่าป้าคงเป็นห่วงผม และมาดูแลผมแทนยายผมนั้นแหละ เพราะช่วงนั้นผมว่างก็จะไปเล่นบ้านป้าบ่อย ไปเล่นกับหลานป้าที่อายุน้อยกว่าผม 3 ปี แล้วก็ไปดูป้าเลี้ยงหนอนใบหม่อน ที่จะพัฒนาไปเป็นดักแด้ แล้วเอามาทำผ้าไหม ป้าผมปลูกต้นใบหม่อนเอง มีเครื่องทอผ้าไหมเองจากมือทุกกระบวนการ สมัยนี้ไม่มีแล้วครับเพราะป้าผมก็เสียไปนานแล้ว ลูกหลานก็ไม่ได้ทำต่อ
กิจกรรมวันหยุดของผมยังไม่จบ ผมจะเดินเล่นกับเพื่อนๆรอบหมู่บ้าน บางทีก็เล่นลูกแก้วกัน ผมมีลูกแก้วเต็มกระเป๋ากางเกงสองข้างเลย ผมดีดลูกแก้วแม่นมาก เพื่อนคนไหนมาแข่งด้วยเสร็จผมหมด รวมถึงหนังยางที่เต็มสองแขนของผม ผมกลายเป็นเซียนลูกแก้วกับหนังยางไปเลย สมัยนั้นป้าผมจะให้เด็กไปเก็บนุ่นมาแลกหนังยาง ผมกับเพื่อนๆก็จะไปปีนต้นนุ่นเพื่อเก็บลูกนุ่นกันมาแลกหนังยาง มาคิดตอนนี้ก็ตลกเหมือนกันเอาลูกแก้วกับหนังยางไปทำอะไรเยอะแยะ
บางวันผมกับเพื่อนๆก็จะมีหนังสติ๊กคนละอัน ของผมนั้นตาทำให้จากไม้ต้นมะขาม พวกผมก็จะเดินเข้า ไปในป่า ในไร่ ตามล่า
กระปอมหรือกิ้งก่า และแย้ เพื่อมาทำ ผัดเผ็ดกินกัน เราจะนัดกันล่วงหน้าออกแต่เช้าวันหยุด กลับมาอีกทีก็เกือบเที่ยง เราจะเดินออกจากหมู่บ้านไปในป่าในไร่ไม่ไกลมาก พวกผมจะมีประมาณ 4-5 คน ความแม่นในการยิงหนังสติ๊กของพวกเราก็จะสูสีกัน เราจะซ้อมยิงกระป๋องกันในหมู่บ้านเป็นประจำ ก่อนจะไปเราจะเตรียมขนม เตรียมน้ำติดตัวไปด้วย แล้วมีเสียมเล็กๆไว้ขุดรูแย้ แย้มันจะทำรูลงไปในดิน มันจะมีรูเข้าออก ถ้าเราขุดอีกรู มันก็จะไปออกอีกรู เราให้คนนึงขุดอีกรู อีกรูเราจะคอยดักจับมัน แย้มันจะวิ่งเร็วมาก เพราะฉะนั้นเราจะไม่ปล่อยให้มันออกจากรูได้ เราจะเทน้ำลงไปสวนทางกับรูที่ขุด ถ้ามันวิ่งออกมาเราจะกระจายกำลังจับมัน ทุกวิธีครับ บางวิธีอาจจะรุนแรงไม่ขอเล่าถึงนะครับ ขอเซนเซอร์ แต่ต้องจับที่หัวมันนะครับมันจะกัดเราได้ ส่วนการจับกิ้งก่าของพวกเราจะใช้หนังสติ๊กครับ พวกเราจะเดินดูตามต้นไม้ มันจะชอบเกาะตามต้นไม้แล้วพยักหัวมองเรา กิ้งก่าหัวน้ำเงินจะเจอยาก หัวแดง หัวเขียวจะมีเยอะ วันหนึ่งเราเดินไปตามคันนา เจอกิ้งก่าหัวน้ำเงินเกาะอยู่ที่ลำต้นไม้ใหญ่ ห่างจากพวกเราประมาณ 10 เมตร เพื่อนผมเป็นคนเห็น แล้วบอกหยุด พวกดูไอ้หัวน้ำเงิน พวกเรายืนเรียงหน้ากระดานมองมัน มันทำหน้าเหมือนท้าทายเรา มันพยักหัวมองมาที่เรา หน้าตามันดูหยิ่งยโสมาก พวกเราบรรจุกระสุนพร้อมกัน แล้วทุกคนง้างหนังสติ๊กพร้อมใจกันเล็งไปที่หัวมัน เพราะหัวกิ้งก่าเป็นเป้าที่ใหญ่ที่สุดในตัวมัน ยิงโดนทีเดียวทำให้มันล่วงได้ และเราต้องยิงพร้อมกันเพราะถ้ายิงทีละคน ถ้าพลาดมันอาจจะหนีไปได้ คนอื่นจะยิงไม่ทัน เรายิงลูกกระสุนที่ทำจากดินเหนียวปั้นกลมๆจนแห้งและแข็งมาก ลูกกระสุนทั้ง 5 คนพุ่งตรงไปยังเจ้ากิ้งก่าผู้โชคร้าย ร่วงจากต้นไม้หล่นลงนอนสงบอยู่บนพื้นดิน เราไม่ได้สนใจว่าใครเป็นคนยิงโดน พวกเราไม่ได้มาแข่งกันล่าสัตว์เพื่อความสนุก แต่เรามาล่าเพื่อนำกลับไปทำเป็นอาหารกิน คนบ้านนอกส่วนใหญ่จะไม่ค่อยซื้อเนื้อสัตว์กิน ถ้าไม่มีการจัดงานใหญ่ในหมู่บ้าน เช่น งานแต่ง งานบวช
คนบ้านนอกสมัยนั้นจะหาอาหารตามธรรมชาติกิน วันนี้เราได้ทั้งแย้ ทั้งกิ้งก่าหลายตัว เราใส่ไว้ในข้องที่ทำจากไม้
อีกหนึ่งเหตุการณ์ล่าสัตว์กับเพื่อน ที่ผมยังจำไม่ลืม เราเดินไปเจอต้นไม้ใหญ่สูงมาก เจองูเขียวตัวใหญ่เกาะอยู่บนกิ่งไม้ สูงประมาณหลังคาบ้านสองชั้น พวกเราเงยหน้ามองขึ้นไปพร้อมกัน มันกำลังรัดกิ้งก่าสีเขียวตัวใหญ่ กำลังจะอ้าปากงับหัวกิ้งก่า พวกเราไม่รอช้าใส่กระสุน ระดมยิงหนังสติ๊กไปที่งูเขียว เราหมดกระสุนไปหลายลูกเลย ยิงจนเหนื่อยโดนบ้างไม่โดนบ้าง เพราะงูมันอยู่สูง สุดท้ายความพยายามของพวกเราก็สำเร็จ งูและกิ้งก่าตกลงมาทั้งคู่ และมันทั้งคู่ก็กลายมาเป็นอาหารมื้อเที่ยงของพวกเรา เรากลับไปถึงหมู่บ้านก่อนเที่ยง เอาสัตว์ที่เราล่าได้ ไปรวมกันที่บ้านรุ่นพี่คนหนึ่งเป็นพี่ชายของเพื่อน เขาจะเก่งเรื่องทำอาหารป่า พี่จัดการทุกอย่างทำผัดเผ็ดให้เรากินกับข้าว เป็นอาหารมื้อเที่ยงที่พวกเรากินกันอย่างอร่อย หลังจากใช้เวลาออกไปล่ามาครึ่งวัน จากนั้นเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
ส่วนผมก็เดินไปหาตาที่นาข้าว ไปนอนเล่นที่เถียงนา (เป็นห้างนาทำจากไม้มีหลังคายกใต้ถุนสูง) ในตอนกลางวันใต้ร่มต้นตาล ลมเย็นหลับสบายสักตื่น ตื่นมาตอน 4 โมงเย็น ลูกชายป้าผมอยู่ที่นาติดกัน มาชวนผมไปเล่นน้ำในหนองน้ำธรรมชาติกับพวกพี่ๆที่เป็นญาติกัน ผมจะเด็กที่สุด หนองน้ำแหล่งนี้จะเป็นแหล่งน้ำหลักที่ชาวบ้านจะนำสัตว์ต่างๆ มากินน้ำ อาบน้ำ ชาวบ้านจะมาตักน้ำไปใช้อาบ ใช้ทำการเกษตร และหาสัตว์น้ำในหนองน้ำแห่งนี้ ผมว่ายน้ำเป็นเพราะเล่นน้ำในหนองน้ำแห่งนี้ มีวันหนึ่งพี่ชายจะให้ผมขี่หลังเดินออกไปจากฝั่งประมาณ 5 เมตร พี่ยืนได้แต่ผมว่ายน้ำไม่เป็น และยืนไม่ถึง พี่ปล่อยผมไว้กลางน้ำ และว่ายหนีผมเข้าฝั่ง ผมกลัวมากพยายามตีขาและตีมือ จนตัวผมลอยว่ายน้ำเข้าฝั่งได้ ผมโกรธพี่แต่ผมก็ดีใจที่ว่ายน้ำเป็น ถ้าผมจมพี่คงไปช่วยแน่นอนเพราะห่างฝั่งไม่มาก จากนั้นผมก็เลยว่ายน้ำเป็น เล่นน้ำกับพวกพี่ๆได้อย่างสนุกสนาน
ในบางคืนกลางหมู่บ้านจะมีสนามเป็นลานกว้าง จะมีหนังกลางแปลงหรือชาวบ้านเรียกว่าหนังขายยามาฉาย บางครั้งก็ฉายให้ดูฟรี บางครั้งก็เอาผ้าสูงๆทำเป็นกำแพงล้อมแล้วเก็บค่าตั๋ว ผมไม่มีตังซื้อตั๋วเข้าไปดู ผมก็แอบมุดผ้าใบเข้าไปดูเนียนๆเลย บางครั้งมุดเข้าไปเขาเห็น ก็รีบมุดกลับวิ่งหนีกลับบ้านเลย นี่แหละกิจกรรมวันหยุดที่ผมพอจะจำได้บ้าง ในช่วงเวลานั้น......(โปรดติดตามตอนต่อไป)
ใกล้จันทร์
รอแสงตะวันส่องมาที่ฉัน EP 7 วันหยุดเด็กบ้านนอกสุดหรรษา "
กิจกรรมวันหยุดของผมยังไม่จบ ผมจะเดินเล่นกับเพื่อนๆรอบหมู่บ้าน บางทีก็เล่นลูกแก้วกัน ผมมีลูกแก้วเต็มกระเป๋ากางเกงสองข้างเลย ผมดีดลูกแก้วแม่นมาก เพื่อนคนไหนมาแข่งด้วยเสร็จผมหมด รวมถึงหนังยางที่เต็มสองแขนของผม ผมกลายเป็นเซียนลูกแก้วกับหนังยางไปเลย สมัยนั้นป้าผมจะให้เด็กไปเก็บนุ่นมาแลกหนังยาง ผมกับเพื่อนๆก็จะไปปีนต้นนุ่นเพื่อเก็บลูกนุ่นกันมาแลกหนังยาง มาคิดตอนนี้ก็ตลกเหมือนกันเอาลูกแก้วกับหนังยางไปทำอะไรเยอะแยะ
บางวันผมกับเพื่อนๆก็จะมีหนังสติ๊กคนละอัน ของผมนั้นตาทำให้จากไม้ต้นมะขาม พวกผมก็จะเดินเข้า ไปในป่า ในไร่ ตามล่า
กระปอมหรือกิ้งก่า และแย้ เพื่อมาทำ ผัดเผ็ดกินกัน เราจะนัดกันล่วงหน้าออกแต่เช้าวันหยุด กลับมาอีกทีก็เกือบเที่ยง เราจะเดินออกจากหมู่บ้านไปในป่าในไร่ไม่ไกลมาก พวกผมจะมีประมาณ 4-5 คน ความแม่นในการยิงหนังสติ๊กของพวกเราก็จะสูสีกัน เราจะซ้อมยิงกระป๋องกันในหมู่บ้านเป็นประจำ ก่อนจะไปเราจะเตรียมขนม เตรียมน้ำติดตัวไปด้วย แล้วมีเสียมเล็กๆไว้ขุดรูแย้ แย้มันจะทำรูลงไปในดิน มันจะมีรูเข้าออก ถ้าเราขุดอีกรู มันก็จะไปออกอีกรู เราให้คนนึงขุดอีกรู อีกรูเราจะคอยดักจับมัน แย้มันจะวิ่งเร็วมาก เพราะฉะนั้นเราจะไม่ปล่อยให้มันออกจากรูได้ เราจะเทน้ำลงไปสวนทางกับรูที่ขุด ถ้ามันวิ่งออกมาเราจะกระจายกำลังจับมัน ทุกวิธีครับ บางวิธีอาจจะรุนแรงไม่ขอเล่าถึงนะครับ ขอเซนเซอร์ แต่ต้องจับที่หัวมันนะครับมันจะกัดเราได้ ส่วนการจับกิ้งก่าของพวกเราจะใช้หนังสติ๊กครับ พวกเราจะเดินดูตามต้นไม้ มันจะชอบเกาะตามต้นไม้แล้วพยักหัวมองเรา กิ้งก่าหัวน้ำเงินจะเจอยาก หัวแดง หัวเขียวจะมีเยอะ วันหนึ่งเราเดินไปตามคันนา เจอกิ้งก่าหัวน้ำเงินเกาะอยู่ที่ลำต้นไม้ใหญ่ ห่างจากพวกเราประมาณ 10 เมตร เพื่อนผมเป็นคนเห็น แล้วบอกหยุด พวกดูไอ้หัวน้ำเงิน พวกเรายืนเรียงหน้ากระดานมองมัน มันทำหน้าเหมือนท้าทายเรา มันพยักหัวมองมาที่เรา หน้าตามันดูหยิ่งยโสมาก พวกเราบรรจุกระสุนพร้อมกัน แล้วทุกคนง้างหนังสติ๊กพร้อมใจกันเล็งไปที่หัวมัน เพราะหัวกิ้งก่าเป็นเป้าที่ใหญ่ที่สุดในตัวมัน ยิงโดนทีเดียวทำให้มันล่วงได้ และเราต้องยิงพร้อมกันเพราะถ้ายิงทีละคน ถ้าพลาดมันอาจจะหนีไปได้ คนอื่นจะยิงไม่ทัน เรายิงลูกกระสุนที่ทำจากดินเหนียวปั้นกลมๆจนแห้งและแข็งมาก ลูกกระสุนทั้ง 5 คนพุ่งตรงไปยังเจ้ากิ้งก่าผู้โชคร้าย ร่วงจากต้นไม้หล่นลงนอนสงบอยู่บนพื้นดิน เราไม่ได้สนใจว่าใครเป็นคนยิงโดน พวกเราไม่ได้มาแข่งกันล่าสัตว์เพื่อความสนุก แต่เรามาล่าเพื่อนำกลับไปทำเป็นอาหารกิน คนบ้านนอกส่วนใหญ่จะไม่ค่อยซื้อเนื้อสัตว์กิน ถ้าไม่มีการจัดงานใหญ่ในหมู่บ้าน เช่น งานแต่ง งานบวช
คนบ้านนอกสมัยนั้นจะหาอาหารตามธรรมชาติกิน วันนี้เราได้ทั้งแย้ ทั้งกิ้งก่าหลายตัว เราใส่ไว้ในข้องที่ทำจากไม้
อีกหนึ่งเหตุการณ์ล่าสัตว์กับเพื่อน ที่ผมยังจำไม่ลืม เราเดินไปเจอต้นไม้ใหญ่สูงมาก เจองูเขียวตัวใหญ่เกาะอยู่บนกิ่งไม้ สูงประมาณหลังคาบ้านสองชั้น พวกเราเงยหน้ามองขึ้นไปพร้อมกัน มันกำลังรัดกิ้งก่าสีเขียวตัวใหญ่ กำลังจะอ้าปากงับหัวกิ้งก่า พวกเราไม่รอช้าใส่กระสุน ระดมยิงหนังสติ๊กไปที่งูเขียว เราหมดกระสุนไปหลายลูกเลย ยิงจนเหนื่อยโดนบ้างไม่โดนบ้าง เพราะงูมันอยู่สูง สุดท้ายความพยายามของพวกเราก็สำเร็จ งูและกิ้งก่าตกลงมาทั้งคู่ และมันทั้งคู่ก็กลายมาเป็นอาหารมื้อเที่ยงของพวกเรา เรากลับไปถึงหมู่บ้านก่อนเที่ยง เอาสัตว์ที่เราล่าได้ ไปรวมกันที่บ้านรุ่นพี่คนหนึ่งเป็นพี่ชายของเพื่อน เขาจะเก่งเรื่องทำอาหารป่า พี่จัดการทุกอย่างทำผัดเผ็ดให้เรากินกับข้าว เป็นอาหารมื้อเที่ยงที่พวกเรากินกันอย่างอร่อย หลังจากใช้เวลาออกไปล่ามาครึ่งวัน จากนั้นเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
ส่วนผมก็เดินไปหาตาที่นาข้าว ไปนอนเล่นที่เถียงนา (เป็นห้างนาทำจากไม้มีหลังคายกใต้ถุนสูง) ในตอนกลางวันใต้ร่มต้นตาล ลมเย็นหลับสบายสักตื่น ตื่นมาตอน 4 โมงเย็น ลูกชายป้าผมอยู่ที่นาติดกัน มาชวนผมไปเล่นน้ำในหนองน้ำธรรมชาติกับพวกพี่ๆที่เป็นญาติกัน ผมจะเด็กที่สุด หนองน้ำแหล่งนี้จะเป็นแหล่งน้ำหลักที่ชาวบ้านจะนำสัตว์ต่างๆ มากินน้ำ อาบน้ำ ชาวบ้านจะมาตักน้ำไปใช้อาบ ใช้ทำการเกษตร และหาสัตว์น้ำในหนองน้ำแห่งนี้ ผมว่ายน้ำเป็นเพราะเล่นน้ำในหนองน้ำแห่งนี้ มีวันหนึ่งพี่ชายจะให้ผมขี่หลังเดินออกไปจากฝั่งประมาณ 5 เมตร พี่ยืนได้แต่ผมว่ายน้ำไม่เป็น และยืนไม่ถึง พี่ปล่อยผมไว้กลางน้ำ และว่ายหนีผมเข้าฝั่ง ผมกลัวมากพยายามตีขาและตีมือ จนตัวผมลอยว่ายน้ำเข้าฝั่งได้ ผมโกรธพี่แต่ผมก็ดีใจที่ว่ายน้ำเป็น ถ้าผมจมพี่คงไปช่วยแน่นอนเพราะห่างฝั่งไม่มาก จากนั้นผมก็เลยว่ายน้ำเป็น เล่นน้ำกับพวกพี่ๆได้อย่างสนุกสนาน
ในบางคืนกลางหมู่บ้านจะมีสนามเป็นลานกว้าง จะมีหนังกลางแปลงหรือชาวบ้านเรียกว่าหนังขายยามาฉาย บางครั้งก็ฉายให้ดูฟรี บางครั้งก็เอาผ้าสูงๆทำเป็นกำแพงล้อมแล้วเก็บค่าตั๋ว ผมไม่มีตังซื้อตั๋วเข้าไปดู ผมก็แอบมุดผ้าใบเข้าไปดูเนียนๆเลย บางครั้งมุดเข้าไปเขาเห็น ก็รีบมุดกลับวิ่งหนีกลับบ้านเลย นี่แหละกิจกรรมวันหยุดที่ผมพอจะจำได้บ้าง ในช่วงเวลานั้น......(โปรดติดตามตอนต่อไป)
ใกล้จันทร์