อย่างที่ทราบกันดีสัปดาห์ที่ผ่านมาหนังเรื่องgirls dont cry ได้บินไปฉายที่เทศกาลหนังยุโรปซึ่งผลตอบรับดีมาก และนี่เป็นอีก1รีวิวโดยโอตะชาวยุโรปครับ แปลไทยโดนเพจ "เรื่องเล่าชาว48"
ด้วยความที่รอบนี้พวกเค้าพูดถึง GDC และ BNK48 ยาวมากนะครับ ผมไม่มีเวลาทำซับยาวเป็นชั่วโมงจริงๆ ก็ขออนุญาตแปลสรุปมาให้เลยครับ แต่รับรองว่าได้พยายามที่จะเก็บสาระสำคัญๆ ทั้งหมดไว้ให้ครบถ้วนที่สุดครับ ถ้าท่านใดเห็นว่าตกหล่นตรงไหนแจ้งได้นะครับ
48Talk Ep.128
ผู้ร่วมรายการวันนี้ได้แก่ RageBallie / DXTakamina / DerekVasconi และ Colin Janssen
ก่อนอื่นเรจขอบคุณแฟนๆ จำนวนมากที่เข้ามาชมคลิปที่แล้ว (ตั้งแต่ผมตามคลิปทีมนี้มาประมาณ 2 ปี ค่าเฉลี่ยการชมคลิปของทีมนี้อยู่ที่ประมาณ 500-1500 วิว แต่หลังจากผมแปลคลิปเลือกตั้ง BNK48 มาลง ยอดพุ่งทะลุไปถึง 5,500 วิว) โดยเฉพาะแฟนๆ จากประเทศไทย
สัปดาห์ที่ผ่านมาทีม 48Talk ไปร่วมชม GDC และเซอร์ไพรส์ที่ได้เจอคุณเต๋อผู้กำกับ GDC มีการพูดคุยกัน ถามถึงความเห็นต่อ GDC
DX : เยี่ยมมาก ผมประทับใจ ได้ชมบทสัมภาษณ์ที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน โดยรวมภาพยนตร์ทำได้ดีมาก
Rage : บอกว่าคุณเต๋อมาถามพวกเขาเกี่ยวกับโอชิใน BNK48 แต่พวกเขาเองก็ลากมาเกี่ยวข้องกับ AKB48 จนได้ (ทีมนี้เป็นแฟน AKB48)
Derek : ขำมากที่เพื่อนๆ ที่ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับ AKB48 ทั้งๆ ที่คุณเต๋อถามเกี่ยวกับ BNK48
- เรจและทุกคนมีความเห็นตรงกันว่า การได้ชม GDC ทำให้พวกเขาเข้าใจได้เลยว่าทำไมเฌอปรางถึงชนะการเลือกตั้งถล่มทลาย
- โคลินเองก็บอกว่าเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเจนนิสถึงได้ที่ 2 แม้เขาจะยืนยันว่าโดยส่วนตัว เจนนิสยังไม่โดดเด่นขนาดนั้น แต่ก็เข้าใจได้จากใน GDC และข้อมูลที่แฟนๆ คนไทยส่งเข้าไปให้เค้า
- เรจเล่าให้ฟังว่าพวกเขาตื่นเต้นที่ได้เข้าไปชม GDC ในขณะที่ผู้ชมส่วนใหญ่ ไม่ได้รู้อะไรมากเกี่ยวกับ 48Group ทำให้พวกเขาเป็นคนกลุ่มเล็กๆ ที่ตื่นเต้นเวลาได้เห็นเมมเบอร์ที่รู้จักให้สัมภาษณ์ ได้เห็นช็อตที่อยากเห็นเบื้องหลัง BNK48 จนทำให้ผู้ชมคนอื่นๆ ที่ไม่อินกับหนังมีแอบรำคาญบ่นพวกเขาด้วย 555 ซึ่งพวกเขาก็บอกว่าช่วยไม่ได้ มันสนุกนี่นา
- โคลินและ DX ชื่นชมที่เต๋อเข้าไปคลุกคลีกับเมมเบอร์หลายเดือนเพื่อสร้างความคุ้นเคย เพื่อให้เมมเบอร์เปิดใจ กล้าพูดมากยิ่งขึ้น
- เรจสนใจประเด็นที่เฌอปรางยอมเลิกกับแฟนเพื่อเข้าวง เฌอปรางดูเข้มแข็ง ดูผ่านชีวิตและประสบการณ์มามาก ในขณะที่คนอื่นร้องไห้ไม่เข้าใจสถานการณ์ แต่เฌอปรางดูเข้าใจโลก เข้าใจสาเหตุและที่มาของปัญหา
- โคลินพูดถึงเฌอปรางในมุมที่เธอรู้ตัวว่า เธออยู่ในจุดที่ร้องไห้ก็ไม่มีใครช่วยเธอได้ เพราะเธออยู่ในจุดที่สูงสุดในวง ต้องเข้มแข็งและพยายามช่วยตัวเองให้มาก
- โคลินพูดถึงสถานการณ์ตอนผ่านซิงเกิ้ลแรก ที่ทุกอย่างดูแย่ไปหมด แสดงในมอลล์ก็ไม่มีคนดู เรจเปรียบเทียบให้เห็นว่านี่เหมือนกับสถานกาณ์ของ AKB48 ในยุคแรกๆ ที่ถึงขั้นต้องแจกตั๋วฟรี เพียงเพื่อขอให้มีผู้ชม
- จนมาถึงตอนที่ BNK48 ออกซิงเกิ้ลที่ 2 ที่ทำให้พวกเธอโด่งดัง ทีมพูดถึงว่าตอนเพลงคุ้กกี้เสี่ยงทายดังขึ้นในโรง พวกเขาทุกคนพร้อมใจกันเต้นโอนิกิริ (ทำไปได้ 555) จนคงข้างๆ งง
- ทีมพูดถึงความต่างระหว่างเซ็มบัตสึ กับคนที่ไม่ติด เงินเดือนเท่ากัน แต่คนที่ติดเซ็มฯ มีโอกาสได้รับงานนอก มีรายได้เพิ่มมากกว่า มีชื่อเสียงมากกว่า พูดถึงเปี่ยมที่สอนเพื่อนเต้นคุ้กกี้เสี่ยงทายในโรงเรียน โดยที่รุ่นพี่หลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเปี่ยมอยู่ใน BNK48 ด้วย
- เรจพูดถึงฉากงานจับมือ ที่มีคนมาร่วมเป็นจำนวนมาก จนคนในโรงภาพยนตร์ฮือฮา แต่สำหรับพวกเขา คุ้นเคยดีกับภาพคนจำนวนมากมาจับมือเมมเบอร์ พูดถึงความสำคัญของงานจับมือ ไม่ใช่เพียงแค่แฟนเซอร์วิส แต่เป็นโอกาสของเมมเบอร์ที่ไม่ดัง ได้ทำความรู้จักและทำตัวให้แฟนๆ รู้จัก พูดถึงแนทเธอรีนที่สร้างฐานแฟนๆ ผ่านทางกีฬาฟุตบอล
- พูดถึงฉากจบเมื่อเพลงจบการศึกษาอย่าง Sakura no Hanabiratachi ดังขึ้น End Credits ขึ้นมา ผู้ชมคนอื่นๆ ปรบมือแล้วเริ่มเดินออก ในขณะที่ทีมยังคงนั่งรอช่วง Q & A กับผู้กำกับอยู่ ทุกคนลุ้นให้มีภาพขึ้นมาอีกเหมือนหนังมาร์เวล ที่จะมีฉากพิเศษเสมอๆ (โคลินเล่นมุกว่ามันต้องมีทานอสออกมาแน่ๆ) สุดท้ายก็มีฟุทเตจ BNK48 รุ่น 2 มานั่งสัมภาษณ์จริงๆ
- เรจแนะนำว่า GDC เป็นสารคดีที่ทุกคนควรหามาดู และคนดูในงานวันนั้นก็ไม่เห็นว่ามีใครที่ตำหนิว่าหนังแย่ แถมหลายๆ คนยังสงสัยและอยากทำความเข้าใจกับระบบของไอดอล 48Group ด้วย
- พอหนังฉายจบ จะมีช่วงพิธีกรเชิญคุณเต๋อขึ้นบนเวทีเพื่อให้ผู้ชมได้ถามคำถาม ซึ่งเรจถามว่า เสียใจหรือไม่ ที่หนังจบไปตั้งแต่ปี 2018 (ก่อนมีอีเวนท์ใหญ่) ซึ่งคำถามนี้พิธีกรไม่เข้าใจ (เนื่องจากไม่รู้รายละเอียด) แต่คุณเต๋อเข้าใจ เพราะถ้ารอก็อาจมีฉากเรื่องเลือกตั้งเพิ่มเข้าไปในหนัง แล้วคุณเต๋อก็อธิบายเรื่องเกี่ยวกับการเลือกตั้งของ BNK48 ในโรงภาพยนตร์นั้น ทำเอาผู้ชมงงกันเป็นแถว 555
- โคลินบอกว่าเอาจริงๆ แล้ว เท่าที่เค้าติดตาม BNK48 มา เค้ารู้สึกว่าแฟนๆ ในไทย ระหว่างหญิง-ชาย มีจำนวนมากพอๆ กัน แม้แต่ในงานเลือกตั้งกับคอนเสิร์ต Asia Fest ที่ผ่านมา เค้าก็ได้ยินเสียงเชียร์ผู้หญิงมากกว่าผู้ชายด้วยซ้ำไป
- มีการเปรียบเทียบประโยคที่ปูเป้พูด ว่าติดเซ็มทั้งที ได้ออก MV แค่ 2 วินาที กับทาเคอุจิ มิยูของ AKB48 ใน MV No Way Man ล่าสุด ว่างมองหายังไงก็ไม่เจอ
- ทีม 48Talk พยายามถามคุณเต๋อว่าโอชิใคร แต่คุณเต๋อบอกว่า เค้าทำงานกับทุกคน สนิทเหมือนพี่น้อง ก็เลยเชียร์ทุกคน ทีมก็เลยบอกว่าคุณเต๋อ DD นี่เอง แต่โคลินบอกว่ามีข้อมูลที่เชื่อถือได้ว่า คุณเต๋อโอชิเจนนิส
- ดีเรค บอกว่าเป็นปกติที่คุณเต๋อจะบอกไม่ได้ว่าโอชิใคร เพราะจะทำให้คนดูมองงานคุณเต๋อในมุมที่แตกต่าง อาจจะโดนหาว่าเข้าข้างโอชิตัวเอง คล้ายๆ กรณีของตากล้องรายการ AKBingo! ที่มักจะจับภาพโอชิของตัวเองมากกว่า จนแฟนๆ เมมเบอร์คนอื่นต่อว่าได้
- หลังจากนั้นจะเป็นช่วงดีเรคชื่นชมคนไทย ยินดีที่มีคนคอมเมนต์มากมาย แม้จะเป็นภาษาไทยเค้าก็ยินดี แต่ไม่อยากให้มีการว่าใครในคอมเมนต์ หรือเปรียบเทียบกับ Kpop หรือมีการถกเถียงกันด้วยคำพูดไม่ดี อยากให้บรรยากาศการพูดคุยเป็นไปด้วยดี และถ้ามีโอกาส ทีม 48Talk ก็อยากมาที่ประเทศไทยด้วย
- เรจให้ทรรศนะที่น่าสนใจมากครับในช่วงท้าย ว่า ณ ขณะนี้ BNK48 สำหรับเค้าแล้ว ไม่ใช่แค่แบ็คกราวด์ หรือภาพเบื้องหลังของ AKB48 อีกต่อไป ทุกสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับ BNK48 ในตอนนี้ ทำให้เค้าหวนนึกถึงเส้นทางของ AKB48 ที่กำลังจะก้าวไปสู่ความยิ่งใหญ่ เรจบอกว่าจุดสูงสุดของ AKB48 คือปี 2011-2012 ในตอนนี้สำหรับเค้าแล้ว ปี 2018 ของ BNK48 คล้ายกับปี 2011 ของ AKB48 มาก ซึ่งนั่นหมายถึง BNK48 เองก็กำลังก้าวไปสู่จุดสูงสุดเช่นเดียวกัน
- ทีม 48Talk แปลกใจที่คอมเมนต์ส่วนใหญ่ของชาวไทย ไม่พอใจในการบริหารงานของ BNK48 อฟช. ทั้งๆ ที่พวกเค้าเองก็รู้สึกว่า อฟช. ของเราสามารถพาวงขึ้นมาถึงได้ยังจุดที่เรียกว่าประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม โดยเฉพาะจ็อบซัง ที่ในการประกาศเซ็มบัตสึ หลายครั้งถึงกับร้องไห้ตามเมมเบอร์ ซึ่งนั่นหมายถึงความผูกพันระหว่างผู้บริหารกับเมมเบอร์
- แถมท้ายด้วยโคลินกับเรจที่บอกว่าสิ่งที่จะตามมาหลัง BNK48 ขึ้นถึงจุดสูงสุดก็คงไม่ต่างกับ AKB48 นั่นคือเมมเบอร์ที่มีชื่อเสียงก็จะเริ่มอิ่มตัวและจบการศึกษาจากวงไป ขอให้ทุกคนเฝ้าติดตามต่อไป
รีวิวgirls dont cry จากแก๊งฝรั่งยุโรป 48talk ฉบับแปลไทย
ด้วยความที่รอบนี้พวกเค้าพูดถึง GDC และ BNK48 ยาวมากนะครับ ผมไม่มีเวลาทำซับยาวเป็นชั่วโมงจริงๆ ก็ขออนุญาตแปลสรุปมาให้เลยครับ แต่รับรองว่าได้พยายามที่จะเก็บสาระสำคัญๆ ทั้งหมดไว้ให้ครบถ้วนที่สุดครับ ถ้าท่านใดเห็นว่าตกหล่นตรงไหนแจ้งได้นะครับ
48Talk Ep.128
ผู้ร่วมรายการวันนี้ได้แก่ RageBallie / DXTakamina / DerekVasconi และ Colin Janssen
ก่อนอื่นเรจขอบคุณแฟนๆ จำนวนมากที่เข้ามาชมคลิปที่แล้ว (ตั้งแต่ผมตามคลิปทีมนี้มาประมาณ 2 ปี ค่าเฉลี่ยการชมคลิปของทีมนี้อยู่ที่ประมาณ 500-1500 วิว แต่หลังจากผมแปลคลิปเลือกตั้ง BNK48 มาลง ยอดพุ่งทะลุไปถึง 5,500 วิว) โดยเฉพาะแฟนๆ จากประเทศไทย
สัปดาห์ที่ผ่านมาทีม 48Talk ไปร่วมชม GDC และเซอร์ไพรส์ที่ได้เจอคุณเต๋อผู้กำกับ GDC มีการพูดคุยกัน ถามถึงความเห็นต่อ GDC
DX : เยี่ยมมาก ผมประทับใจ ได้ชมบทสัมภาษณ์ที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน โดยรวมภาพยนตร์ทำได้ดีมาก
Rage : บอกว่าคุณเต๋อมาถามพวกเขาเกี่ยวกับโอชิใน BNK48 แต่พวกเขาเองก็ลากมาเกี่ยวข้องกับ AKB48 จนได้ (ทีมนี้เป็นแฟน AKB48)
Derek : ขำมากที่เพื่อนๆ ที่ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับ AKB48 ทั้งๆ ที่คุณเต๋อถามเกี่ยวกับ BNK48
- เรจและทุกคนมีความเห็นตรงกันว่า การได้ชม GDC ทำให้พวกเขาเข้าใจได้เลยว่าทำไมเฌอปรางถึงชนะการเลือกตั้งถล่มทลาย
- โคลินเองก็บอกว่าเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเจนนิสถึงได้ที่ 2 แม้เขาจะยืนยันว่าโดยส่วนตัว เจนนิสยังไม่โดดเด่นขนาดนั้น แต่ก็เข้าใจได้จากใน GDC และข้อมูลที่แฟนๆ คนไทยส่งเข้าไปให้เค้า
- เรจเล่าให้ฟังว่าพวกเขาตื่นเต้นที่ได้เข้าไปชม GDC ในขณะที่ผู้ชมส่วนใหญ่ ไม่ได้รู้อะไรมากเกี่ยวกับ 48Group ทำให้พวกเขาเป็นคนกลุ่มเล็กๆ ที่ตื่นเต้นเวลาได้เห็นเมมเบอร์ที่รู้จักให้สัมภาษณ์ ได้เห็นช็อตที่อยากเห็นเบื้องหลัง BNK48 จนทำให้ผู้ชมคนอื่นๆ ที่ไม่อินกับหนังมีแอบรำคาญบ่นพวกเขาด้วย 555 ซึ่งพวกเขาก็บอกว่าช่วยไม่ได้ มันสนุกนี่นา
- โคลินและ DX ชื่นชมที่เต๋อเข้าไปคลุกคลีกับเมมเบอร์หลายเดือนเพื่อสร้างความคุ้นเคย เพื่อให้เมมเบอร์เปิดใจ กล้าพูดมากยิ่งขึ้น
- เรจสนใจประเด็นที่เฌอปรางยอมเลิกกับแฟนเพื่อเข้าวง เฌอปรางดูเข้มแข็ง ดูผ่านชีวิตและประสบการณ์มามาก ในขณะที่คนอื่นร้องไห้ไม่เข้าใจสถานการณ์ แต่เฌอปรางดูเข้าใจโลก เข้าใจสาเหตุและที่มาของปัญหา
- โคลินพูดถึงเฌอปรางในมุมที่เธอรู้ตัวว่า เธออยู่ในจุดที่ร้องไห้ก็ไม่มีใครช่วยเธอได้ เพราะเธออยู่ในจุดที่สูงสุดในวง ต้องเข้มแข็งและพยายามช่วยตัวเองให้มาก
- โคลินพูดถึงสถานการณ์ตอนผ่านซิงเกิ้ลแรก ที่ทุกอย่างดูแย่ไปหมด แสดงในมอลล์ก็ไม่มีคนดู เรจเปรียบเทียบให้เห็นว่านี่เหมือนกับสถานกาณ์ของ AKB48 ในยุคแรกๆ ที่ถึงขั้นต้องแจกตั๋วฟรี เพียงเพื่อขอให้มีผู้ชม
- จนมาถึงตอนที่ BNK48 ออกซิงเกิ้ลที่ 2 ที่ทำให้พวกเธอโด่งดัง ทีมพูดถึงว่าตอนเพลงคุ้กกี้เสี่ยงทายดังขึ้นในโรง พวกเขาทุกคนพร้อมใจกันเต้นโอนิกิริ (ทำไปได้ 555) จนคงข้างๆ งง
- ทีมพูดถึงความต่างระหว่างเซ็มบัตสึ กับคนที่ไม่ติด เงินเดือนเท่ากัน แต่คนที่ติดเซ็มฯ มีโอกาสได้รับงานนอก มีรายได้เพิ่มมากกว่า มีชื่อเสียงมากกว่า พูดถึงเปี่ยมที่สอนเพื่อนเต้นคุ้กกี้เสี่ยงทายในโรงเรียน โดยที่รุ่นพี่หลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเปี่ยมอยู่ใน BNK48 ด้วย
- เรจพูดถึงฉากงานจับมือ ที่มีคนมาร่วมเป็นจำนวนมาก จนคนในโรงภาพยนตร์ฮือฮา แต่สำหรับพวกเขา คุ้นเคยดีกับภาพคนจำนวนมากมาจับมือเมมเบอร์ พูดถึงความสำคัญของงานจับมือ ไม่ใช่เพียงแค่แฟนเซอร์วิส แต่เป็นโอกาสของเมมเบอร์ที่ไม่ดัง ได้ทำความรู้จักและทำตัวให้แฟนๆ รู้จัก พูดถึงแนทเธอรีนที่สร้างฐานแฟนๆ ผ่านทางกีฬาฟุตบอล
- พูดถึงฉากจบเมื่อเพลงจบการศึกษาอย่าง Sakura no Hanabiratachi ดังขึ้น End Credits ขึ้นมา ผู้ชมคนอื่นๆ ปรบมือแล้วเริ่มเดินออก ในขณะที่ทีมยังคงนั่งรอช่วง Q & A กับผู้กำกับอยู่ ทุกคนลุ้นให้มีภาพขึ้นมาอีกเหมือนหนังมาร์เวล ที่จะมีฉากพิเศษเสมอๆ (โคลินเล่นมุกว่ามันต้องมีทานอสออกมาแน่ๆ) สุดท้ายก็มีฟุทเตจ BNK48 รุ่น 2 มานั่งสัมภาษณ์จริงๆ
- เรจแนะนำว่า GDC เป็นสารคดีที่ทุกคนควรหามาดู และคนดูในงานวันนั้นก็ไม่เห็นว่ามีใครที่ตำหนิว่าหนังแย่ แถมหลายๆ คนยังสงสัยและอยากทำความเข้าใจกับระบบของไอดอล 48Group ด้วย
- พอหนังฉายจบ จะมีช่วงพิธีกรเชิญคุณเต๋อขึ้นบนเวทีเพื่อให้ผู้ชมได้ถามคำถาม ซึ่งเรจถามว่า เสียใจหรือไม่ ที่หนังจบไปตั้งแต่ปี 2018 (ก่อนมีอีเวนท์ใหญ่) ซึ่งคำถามนี้พิธีกรไม่เข้าใจ (เนื่องจากไม่รู้รายละเอียด) แต่คุณเต๋อเข้าใจ เพราะถ้ารอก็อาจมีฉากเรื่องเลือกตั้งเพิ่มเข้าไปในหนัง แล้วคุณเต๋อก็อธิบายเรื่องเกี่ยวกับการเลือกตั้งของ BNK48 ในโรงภาพยนตร์นั้น ทำเอาผู้ชมงงกันเป็นแถว 555
- โคลินบอกว่าเอาจริงๆ แล้ว เท่าที่เค้าติดตาม BNK48 มา เค้ารู้สึกว่าแฟนๆ ในไทย ระหว่างหญิง-ชาย มีจำนวนมากพอๆ กัน แม้แต่ในงานเลือกตั้งกับคอนเสิร์ต Asia Fest ที่ผ่านมา เค้าก็ได้ยินเสียงเชียร์ผู้หญิงมากกว่าผู้ชายด้วยซ้ำไป
- มีการเปรียบเทียบประโยคที่ปูเป้พูด ว่าติดเซ็มทั้งที ได้ออก MV แค่ 2 วินาที กับทาเคอุจิ มิยูของ AKB48 ใน MV No Way Man ล่าสุด ว่างมองหายังไงก็ไม่เจอ
- ทีม 48Talk พยายามถามคุณเต๋อว่าโอชิใคร แต่คุณเต๋อบอกว่า เค้าทำงานกับทุกคน สนิทเหมือนพี่น้อง ก็เลยเชียร์ทุกคน ทีมก็เลยบอกว่าคุณเต๋อ DD นี่เอง แต่โคลินบอกว่ามีข้อมูลที่เชื่อถือได้ว่า คุณเต๋อโอชิเจนนิส
- ดีเรค บอกว่าเป็นปกติที่คุณเต๋อจะบอกไม่ได้ว่าโอชิใคร เพราะจะทำให้คนดูมองงานคุณเต๋อในมุมที่แตกต่าง อาจจะโดนหาว่าเข้าข้างโอชิตัวเอง คล้ายๆ กรณีของตากล้องรายการ AKBingo! ที่มักจะจับภาพโอชิของตัวเองมากกว่า จนแฟนๆ เมมเบอร์คนอื่นต่อว่าได้
- หลังจากนั้นจะเป็นช่วงดีเรคชื่นชมคนไทย ยินดีที่มีคนคอมเมนต์มากมาย แม้จะเป็นภาษาไทยเค้าก็ยินดี แต่ไม่อยากให้มีการว่าใครในคอมเมนต์ หรือเปรียบเทียบกับ Kpop หรือมีการถกเถียงกันด้วยคำพูดไม่ดี อยากให้บรรยากาศการพูดคุยเป็นไปด้วยดี และถ้ามีโอกาส ทีม 48Talk ก็อยากมาที่ประเทศไทยด้วย
- เรจให้ทรรศนะที่น่าสนใจมากครับในช่วงท้าย ว่า ณ ขณะนี้ BNK48 สำหรับเค้าแล้ว ไม่ใช่แค่แบ็คกราวด์ หรือภาพเบื้องหลังของ AKB48 อีกต่อไป ทุกสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับ BNK48 ในตอนนี้ ทำให้เค้าหวนนึกถึงเส้นทางของ AKB48 ที่กำลังจะก้าวไปสู่ความยิ่งใหญ่ เรจบอกว่าจุดสูงสุดของ AKB48 คือปี 2011-2012 ในตอนนี้สำหรับเค้าแล้ว ปี 2018 ของ BNK48 คล้ายกับปี 2011 ของ AKB48 มาก ซึ่งนั่นหมายถึง BNK48 เองก็กำลังก้าวไปสู่จุดสูงสุดเช่นเดียวกัน
- ทีม 48Talk แปลกใจที่คอมเมนต์ส่วนใหญ่ของชาวไทย ไม่พอใจในการบริหารงานของ BNK48 อฟช. ทั้งๆ ที่พวกเค้าเองก็รู้สึกว่า อฟช. ของเราสามารถพาวงขึ้นมาถึงได้ยังจุดที่เรียกว่าประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม โดยเฉพาะจ็อบซัง ที่ในการประกาศเซ็มบัตสึ หลายครั้งถึงกับร้องไห้ตามเมมเบอร์ ซึ่งนั่นหมายถึงความผูกพันระหว่างผู้บริหารกับเมมเบอร์
- แถมท้ายด้วยโคลินกับเรจที่บอกว่าสิ่งที่จะตามมาหลัง BNK48 ขึ้นถึงจุดสูงสุดก็คงไม่ต่างกับ AKB48 นั่นคือเมมเบอร์ที่มีชื่อเสียงก็จะเริ่มอิ่มตัวและจบการศึกษาจากวงไป ขอให้ทุกคนเฝ้าติดตามต่อไป