สวัสดีคับ

ช่วงเกริ่นใครที่เข้ามาอ่านรีวิวก้ข้ามตรงนี้ไปได้เบย
ตอนแรกปีใหม่นี้ก้กะจะพักผ่อนอยุที่กรุงเทพนี่แหละฮะ แต่พอดีตอนต้นเดือนธันวาคุณพ่อมาชวนไปต่างประเทศช่วงปีใหม่ (ดาฟัคเหลือเดือนเดียวเองมาบอกไรตอนนี้ )
ด้วยความที่ชอบไปเที่ยวญี่ปุ่นบวกไม่ชอบอากาศหนาวเลยเลือกไปคิวชูกัน (ความคิด:น่าจะอากาศไม่หนาวจนเกินไป ความจิง:โฮลี่ชิทเกือบติดลบจ้า )
แต่เราไม่เคยไปคิวชูเลยไม่น่าจะวางแพลนทัน โชคดีมีเพื่อนที่ชอบไปเที่ยวญี่ปุ่น เลยลองไปถามมันดูว่าเอาไงดี เพื่อนก้เลยแนะนำว่าให้ลองไปติดต่อเพจ MeTrip ดู
เราก้ลองไปขอให้เค้าจัดทริปคิวชูให้ หลังจากคุยรายละเอียดกันประมาณ 1 อาทิดเค้าก้ติดต่อกลับมาพร้อมกับแพลน 7 วัน 6 คืน พร้อมด้วยค่าบริการเล็กน้อย (ทำไมง่ายจัง )
โดยในตัวแพลนจะมีตารางแวลา ข้อมูลการเดินทาง ที่เที่ยว และค่าใช้จ่ายต่างๆในทริปตามนี้

สรุปปีใหม่ที่ผ่านมาก้เลยได้ไปเที่ยวคิวชูกะคุณพ่อ

ตัดเข้าสู่ช่วงรีวิว
กระทู้ถัดไป
วันที่ 2 : https://pantip.com/topic/38527299
วันที่ 3 : https://pantip.com/topic/38529662
วันที่ 4 : https://pantip.com/topic/38534288
วันที่ 5 : https://pantip.com/topic/38537324
วันที่ 6+7 : https://pantip.com/topic/38539710

หลังจากนอนหลับๆตื่นๆบนเครื่องบินมาประมาณ 5 ชั่วโมง ก้เดินทางมาถึงสนามบินฟุกุโอกะ จากแพลนเค้าเผื่อเวลาตรง ตม ให้เปนชั่วโมงแต่ ตม วันนั้นคนน้อยมากเลยใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงก้ออกมาข้างนอกได้แล้ว
สรุปออกมาเร็วกว่าแพลนเปนชั่วโมง (จะรอดมั้ยเนี่ย ) โอเคลองทำตามแพลนต่อไปดูก่อน
ลำดับถัดไปก้มาหาซื้อตั๋วพาสที่ใช้เดินทางในฟุกุโอกะซึ่งสามารถซื้อได้ที่บริเวณรถบัสตรงตามข้อมูลที่ได้รับมา พอซื้อมาเส็ดก้ต้องมาขูดวันเดือนปีที่เราจะใช้ตามรูปด้านล่างเลย (นอกจากจะได้พาสแล้วเค้ายังให้คูปองไปใช้ตามแหล่งท่องเที่ยวในเมืองอีกด้วย)
หลังจากนั้นเราก้มายืนรอรถบัส ระหว่างรอก้เปิดคูปองดูฆ่าเวลาว่าเอาไปใช้ที่ไหนได้บ้าง ปรากฎมีคูปอง 500 เยน ใช้ได้ที่ Canal City ซึ่งตามแพลนจะไปเย็นนี้พอดี (ลัคกี้ยังไม่โยนทิ้ง ได้ 500 เยนไปกินหนมเย้ )
รถบัสคันแรกที่มาไม่ได้ขึ้นพราะมีคนมารอเยอะมาก เลยต้องรออีกประมาณ 20 กว่านาทีกว่าจะได้ขึ้น ซึ่งรถที่เค้ามีให้ก้ไม่ได้เหมาะกะการเปนรถรับส่งสนามบินเล้ยยย (ไม่มีที่เก็บกระเป๋าให้) เราเลยต้องเอากระเป๋ามากอดไว้ตลอดการเดินทาง
นั่งประมาณ 15 นาทีก้มาถึงสถานีรถบัส Hakata หลังจากนั้นก้เดินมาที่สถานีรถไฟที่อยุติดกับสถานีรถบัสเลยเพื่อมารับตั๋ว JR Pass ของคิวชูและจองรถไฟในทริปให้เรียบร้อย เส็ดแล้วก้เดินต่ออีกนิดหน่อยเพื่อไปฝากกระเป๋าที่ที่พัก และแล้วในที่สุดเราก้จะได้เริ่มเที่ยวกันจิงๆจังๆซะที

ที่แรกที่ไปคือวัด Tochoji ซึ่งอยุในระยะที่สามารถเดินไปได้จากโรงแรม

จากข้อมูลของ MeTrip วัดนี้มีพระพุทธรูปไม้ท่านั่งที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เราก้พยายามเดินหาว่ามันอยุตรงไหน หลังจากเดินวนหาแทบทุกซอกทุกมุม สรุปตั้งอยุชั้นสองขรับ (ของใหญ่ๆยังอุดส่ายกไปไว้ชั้นบน )
ขึ้นไปถึงจะมีป้ายบอกให้จ่ายค่าเข้าชม 50 เยน (โอเคไหนๆก้มาถึงตรงนี้ละ 15 บาทจ่ายๆไป) ซึ่งบอกเลยว่าคุ้มค่า 50 เยนมาก บรรยากาศในห้องและพระพุทธรูปรุสึกขลังมากๆ ใครมีเวลาก้ลองแวะไปชมกันได้นะ (ไม่มีรูปเพราะเค้าห้ามถ่าย)

ต่อมาก้เดินไปศาลเจ้า Kushida ที่อยุไม่ไกลจากที่แรกนัก

ตามข้อมูลที่ได้มาศาลเจ้านี้ดูเหมือนจะให้พรด้านการงาน เราก้เลยไปต่อคิวขอพรเรื่องการงานซะหน่อย ระหว่างต่อคิวก้พยายามดูว่าคนญี่ปุ่นเค้าขอพรกันยังไงนะ โอ้โหจะขั้นตอนเยอะไปไหนเนี่ย มีทั้งสั่นกระดิ่ง โยนเหรียญ โค้ง ปรบมือ เยอะแยะไปหมด (หวังว่าที่ทำไปจะถูกนะ 555)

หลังจากขอพรเส็ดเรียบร้อยแล้วเดินต่ออีกนิดนึงก้จะถึงร้านอาหารเที่ยงตามในแพลน โดยเรามาถึงเวลาก่อนร้านเปิดประมาณครึ่งชั่วโมง ซึ่งตอนที่เราไปถึงก้มีคนมาต่อคิวรอแล้ว (โอ้โหท่าจะอร่อย) ดูเวลาแล้วทำเวลาได้เร็วกว่าแพลนอยุพอสมควรเลยตัดสินใจที่จะรอกินร้านนี้  โดยร้านนี้จะขายโซบะเปนอาหารหลักและทางร้านไม่มีเมนูภาษาอังกิด เราก้เลยเปิดรูปอาหารบน TabeLog มาชี้ให้ดูว่าจะกินอันนี้ ซึ่งเมนูที่เราเลือกก้คือโซบะเทมปุระ ราคา 1650 เยน
ปกติไม่ค่อยกินเส้นโซบะเลยไม่ค่อยรู้ว่าร้านนี้เค้าทำอร่อยป่าว แต่บอกได้เลยว่าเทมปุระโคดอร่อยเลย แป้งหนากำลังดี พึ่งทอดเส็ดใหม่ๆ กุ้งหวานอร่อย ไม่ต้องมีน้ำจิ้มยังอร่อย เพอเฟคโตะ เสียดายมีไม่กี่ชิ้น กินเส็ดแล้วเดินมาหน้าร้านยังมีคนรอคิวอยุเลย (โชคดีนะเนี่ยที่มาถึงเร็ว)

พอเติมพลังกับอาหารเที่ยงเส็ดก้ไปต่อกันที่สวนสาธารณะ Ohori

ในแพลนให้ใช้เวลาอยุในสวนชั่วโมงนึง แต่พอเดินทางที่ตัดใจกลางสวนไปดูศาลากลางน้ำก้ไม่มีไรจะให้เดินดูละเพราะจากที่มองซ้ายขวาระหว่างเดินไป ที่เหลือมันก้เหมือนสวนทั่วๆไปอะ หลังเดินตัดกลางสวนเส็ดก้เลยตัดสินใจไปต่อที่ต่อไปเลยจะได้มีเวลาช้อปปิ้งเหลือเยอะๆ 55

พอเดินออกทางด้านทิศใต้ของสวนแล้วต่ออีกนิดหน่อยก้จะเหนทางเข้าศาลเจ้า Gokoku ที่มีประตู Tori ที่ทำจากไม้ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น (ทำไมเกาะนี้มันมีอะไรใหญ่ๆเยอะจัง )

เดินผ่านประตูมาเล็กน้อยก้จะเจอศาลเจ้าขนาดใหญ่ตั้งอยุกลางที่โล่ง (มีคนมาถ่าย Pre Wedding ด้วยอิจฉาโว้ยยย)
ชมศาลเจ้าจนพอใจแล้วก้มาขึ้นรถบัสกลับไปแถวสถานี Hakata เพื่อไปเดินเล่นในห้าง Yodobashi ตามคำเรียกร้องของคุณพ่อ
พอเดินดูเครื่องใช้ไฟฟ้าจนหนำใจแล้วก้มานั่งรถบัสไปต่อกันที่ห้าง Canal City ที่อยุไม่ไกลกันมาก (ในแพลนให้เดินเพราะใช้เวลาน้อยกว่าแต่เราเหนว่าทำเวลาได้เร็วกว่าในแพลนเยอะแล้วบวกขี้เกียจเดินเลยใช้รถบัสละกัน 555)

ตอนที่มาถึง Canal City เปนเวลาเกือบจะ 5 โมงเย็นแล้ว เราเลยเดินไปรอดูน้ำพุเต้นระบำที่จะมีขึ้นทุกๆครึ่งชั่วโมงก่อน ซึ่งก้เปนโชว์ที่มีสีสันสดใสสวนงามใช้ได้เลย
พอดูจบเค้าก้บอกว่าจะมีการแสดงพิเศษรอบหกโมงเย็นกับหนึ่งทุ่ม เราก้เลยตัดสินใจที่จะเดินเล่นรอดูโชว์สองรอบนี้ก่อนไปกินข้าวเย็น
สำหรับใครที่ได้คูปองมาตอนซื้อพาสก้อย่าลืมเอามาแลกคูปอง 500 เยนได้ที่ Information Center ของ Canal City น้า (อยุแถวโชว์น้ำพุชั้นหนึ่ง) โดยเราก้ได้นำคูปองนี้ไปซื้อเครปมากินเล่น (ของฟรีนี่อร่อยจิงๆ 555)
หลังจากเดินเล่นจนเกือบจะหกโมงก้กลับไปรอตรงบริเวณโชว์น้ำพุ แต่รอบนี้มีคนมารอดูเยอะกว่ารอบแรกมากเนื่องด้วยเปนโชว์พิเศษที่มีเฉพาะช่วงนี้ (ไม่เหลือทำเลดีๆให้ดูเลยอะ ) รอบนี้เปนโชว์ Godzilla ถล่มเมืองโดยมีการเล่นกะพื้นหหลังที่เปนตัวโรงแรมได้อย่างลงตัว และในตอนจบมีเล่นกับคนดูด้วยโดยให้โหลดแอปมาสู้กะ Godzilla แต่พอดีเราอัดคลิปอยุเลยไม่ได้โหลด พอเกมเริ่มก้เหนหลอดเลือดของ Godzilla และมีลำแสงระดมยิงใส่รัวๆ แต่เลือดเจือกไม่ลดเลยโคดขี้โกง (สงสัยคนจะร่วมเล่นน้อยไป) จนสุดท้ายก้ไม่สามารถปราบ Godzilla ได้เปนอันต้องแพ้ปาย
ไปเดินเล่นต่ออีกสักพัก ก้กลับมาดูโชว์อีกรอบ โดยรอบนี้จะเกี่ยวกับ OnePiece โดยมีธีมเปนเกาะเงือก ซึ่งก้ไม่มีไรให้ประทับใจเท่าไร (คงเพราะทำสู้ GodZilla ไม่ได้)
เสียดายโชว์พวกนี้เราถ่ายมาเปนวิดีโอไฟล์มันใหญ่ไปขี้เกียจอัปลงยูทูป ใครอยากดูก้ลองไปหาๆกันเอาเองนะ 555

จบจากดูโชว์ก้เดินข้ามถนนไปอีกฝั่งนึงของห้างก้จะพบกับถนนคนเดิน Yatai ซึ่งเปนที่ที่เราจะมากินข้าวเย็นกัน
มื้อเย็นวันนี้เราเลือกที่จะกินราเม็ง ซึ่งสำหรับท่านที่เคยกิน Ippudo ก้คงจะรุสึกว่าเส้นมันไม่เหมือน Hachiban เพราะมันเปนราเม็งแบบ Hakata นั่นเอง โดยการที่เรามาถึงถิ่นแล้วไม่ลองกิน Hakata Ramen ก้คงจะเปนอะไรที่ผิดมากใช่ไหมละทุกคน (ความจิง:หลังจากเดินส่องหลายๆร้านก้ตัดสินใจกินร้านที่มันมีภาษาอังกิดเขียนอยุเพราะกลัวสื่อสารกะคนขายไม่รุเรื่อง 555 โชคดีที่ร้านนี้ขายราเม็ง)
หลังจากกินข้าวเย็นเส็ดก้ได้เวลานั่งบัสกลับโรงแรมเพื่อพักผ่อนรอไปเค้าดาวน์ที่ Bayside Place Hakata
เนื่องด้วยความเหนื่อยล้าจากการเที่ยวมาทั้งวันทำให้พยายามหาเวลาที่ช้าที่สุดที่ต้องออกจากโรงแรมเพื่อไปเค้าดาว แต่พอไปจิงเจือกไปไม่ทัน ได้แต่มองรถไฟค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากชานชาลาไปจากตีนบันได
ณ จุดนั้นคือถ้าอยากไปเค้าดาวให้ทันต้องนั่งแท็กซี่ไม่ก้วิ่งไป โอเคไหนๆก้แหกขี้ตาตื่นมาละไปซะหน่อย แท็กซี่ละกันไม่ไกลมากไม่น่าแพง เราเลยตัดสินใจโบกแท็กซี่ไป (ประตูรถเปิดเองได้ด้วยอะสุโค่ยยย) นั่งไปเจือกรถติดอีกจะทันมั้ยเนี่ย

ตอนไปถึงนี่แบบเหลืออีกนาทีเดียวเองมั้ง เดินเข้างานไปแปปเดียวเริ่มนับเค้าดาวเลยจ้า พอจบเค้าดาวก้มีปล่อยลูกโป่งและจุดพลุเล็กน้อย (ในอนิเมะที่มีฉากพลุสวยๆนี่คนละเรื่องกับความเปนจิงเล้ยยย หรือเพราะตรงนี้มันบ้านนอกหว่า?)
พอพลุจบคนก้เริ่มกลูกันออกมาแย่งแท็กซี่กัน เราก้เลยต้องเดินออกห่างจากฝูงชนไปซักระยะกว่าจะเรียกแท็กซี่กลับมาที่โรงแรมได้ สรุปไปกลับหมดไปประมาณ 3000 เยน ก้คิดซะว่าซักครั้งในชีวิตได้เค้าดาวต่างประเทศ (คุ้มมั้ยเนี่ย )
และแล้วก้จบไปกับวันแรกกับอีกนิดหน่อย

ต่อกันที่วันที่ 2 : https://pantip.com/topic/38527299