อาจจะเขียนอธิบายไม่เก่ง ต้องขออภัยล่วงหน้าครับ รายละเอียดดังนี้ครับ
เมื่อวันที่ 25/1/62 ผมขับรถเก๋งกลับจากงานศพแม่ยายมากับภรรยา ลูกอายุ 2 ขวบและญาติอีก 2 คนเดินทางจากศรีสะเกษ จะเข้า กทม.เวลา 14.00 น. ขับมาถึงแถวๆ อำเภอลำทะเมนชัย จังหวัดนครราชสีมา ด้วยความเร็ว 90 กม./ชม. มาถึงจุดเกิดเหตุเป็นถนน 2 เลนรถวิ่งสวนกันได้ มีคนลงจากรถทัวร์โดยสารฝั่งเลนที่สวนทางกับผม แล้วเดินอ้อมหลังรถทัวร์ข้ามถนนทันที โดยที่รถทัวร์ยังบังอยู่ จึงเกิดอุบัติเหตุรถผมชนคนที่ข้ามถนน จนได้รับบาดเจ็บ
หลังเกิดเหตุผมลงไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ขอความช่วยเหลือให้คนแถวนั้นโทรเรียกรถพยาบาลมาพาคนเจ็บไปโรงพยาบาลลำทะเมนชัย ส่วนผมก็รอมอบตัวกับตำรวจ และได้ติดต่อประกัน(ชั้น1)ของผมให้ทราบเรื่อง และหลังจากจบเรื่องที่โรงพัก ก่อนกลับในเย็นวันนั้น ผมก็ได้เข้าไปเยี่ยมคนเจ็บที่โรงพยาบาล
คนเจ็บรักษาตัวในโรงพยาบาล 2 วัน ก็กลับไปพักที่บ้าน ไม่มีกระดูกส่วนไหนหัก สแกนสมอง เอกซเรย์ช่องท้องแล้ว ไม่พบอาการผิดปกติอะไร มีบาดแผลเล็กน้อยที่หัวและแผลถลอกที่แขนอีกหน่อย หมอออกใบรับรองแพทย์ ให้หยุดงาน 3 สัปดาห์
วันที่ 27/1/62 ผม ประกันและคนเจ็บ เจรจากันที่ สน. ลำทะเมนชัย ค่ารักษาพยาบาล พรบ.รับผิดชอบให้ทั้งหมด คนเจ็บเรียกค่าทำขวัญมา 40,000 บาท ให้ประกันผมไปพิจารณา ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาขับรถโดยประมาท ทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บกับผม เบื้องต้นมีโทษปรับ 500 บาท โดยจะปรับเมื่อคนเจ็บได้รับเงินเรียบร้อย และเป็นอันจบคดีได้ ในวันที่เจรจาคนเจ็บและญาติพูดคุยดี ยอมรับว่าเค้าเอง ที่วิ่งข้ามถนนโดยไม่ดูรถ ทีแรกไม่ได้ระบุจำนวนเงิน บอกว่าแล้วแต่จะให้ แต่ทางผมกับประกันให่เค้าเป็นฝ่ายระบุมาก่อน เพื่อส่งเรื่องให้ประกันพิจารณา และวันนั้นผมได้มอบเงิน 1,000 บาทเพื่อเป็นการช่วยเหลือค่าเดินทางเล็กน้อย
แต่ปรากฎว่าวันที่ 2/2/62 ที่ผ่านมาประกันแจ้งว่าจ่ายให้ได้แค่ 10,000 บาทตามใบรับรองแพทย์ 20 วัน วันละ 400 (ตามค่าแรงคนเจ็บ)บวกค่าชดเชยอีก รวมเป็น 10,000 บาท ทางคนเจ็บไม่ยอม จึงมีการนัดเจรจากันใหม่
ในส่วนของผมเองมีกำลังที่จะจ่ายสมทบกับประกันได้ไม่เกิน 5,000 และส่วนตัวผมเคยคิดไว้ว่า 20,000 เป็นตัวเลขที่เหมาะสม สมมุติถ้าประกันยอมจ่าย 15,000
ที่กังวลคือถ้าทางคนเจ็บไม่ยอมและยืนยัน 40,000 ถ้าต้องถึงศาล ผมควรทำไงดีครับ และผลคดีจะออกทางไหนบ้าง ตอนนี้เริ่มเครียดแล้วครับ ในระหว่างนี้ครอบครัวผมก็ลำบากครับ เพราะไม่มีรถใช้ในการออกไปทำงานและรับส่งลูกไปโรงเรียน ต้องเสียค่าแท็กซี่มากกว่าค่าน้ำมันรถที่เคยจ่ายเอง เพราะลูกยังเล็กมากไม่กล้าพานั่งวินมอไซต์ไกลๆ
ขอคำปรึกษาอุบัติเหตุชนคนบาดเจ็บครับ
เมื่อวันที่ 25/1/62 ผมขับรถเก๋งกลับจากงานศพแม่ยายมากับภรรยา ลูกอายุ 2 ขวบและญาติอีก 2 คนเดินทางจากศรีสะเกษ จะเข้า กทม.เวลา 14.00 น. ขับมาถึงแถวๆ อำเภอลำทะเมนชัย จังหวัดนครราชสีมา ด้วยความเร็ว 90 กม./ชม. มาถึงจุดเกิดเหตุเป็นถนน 2 เลนรถวิ่งสวนกันได้ มีคนลงจากรถทัวร์โดยสารฝั่งเลนที่สวนทางกับผม แล้วเดินอ้อมหลังรถทัวร์ข้ามถนนทันที โดยที่รถทัวร์ยังบังอยู่ จึงเกิดอุบัติเหตุรถผมชนคนที่ข้ามถนน จนได้รับบาดเจ็บ
หลังเกิดเหตุผมลงไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ขอความช่วยเหลือให้คนแถวนั้นโทรเรียกรถพยาบาลมาพาคนเจ็บไปโรงพยาบาลลำทะเมนชัย ส่วนผมก็รอมอบตัวกับตำรวจ และได้ติดต่อประกัน(ชั้น1)ของผมให้ทราบเรื่อง และหลังจากจบเรื่องที่โรงพัก ก่อนกลับในเย็นวันนั้น ผมก็ได้เข้าไปเยี่ยมคนเจ็บที่โรงพยาบาล
คนเจ็บรักษาตัวในโรงพยาบาล 2 วัน ก็กลับไปพักที่บ้าน ไม่มีกระดูกส่วนไหนหัก สแกนสมอง เอกซเรย์ช่องท้องแล้ว ไม่พบอาการผิดปกติอะไร มีบาดแผลเล็กน้อยที่หัวและแผลถลอกที่แขนอีกหน่อย หมอออกใบรับรองแพทย์ ให้หยุดงาน 3 สัปดาห์
วันที่ 27/1/62 ผม ประกันและคนเจ็บ เจรจากันที่ สน. ลำทะเมนชัย ค่ารักษาพยาบาล พรบ.รับผิดชอบให้ทั้งหมด คนเจ็บเรียกค่าทำขวัญมา 40,000 บาท ให้ประกันผมไปพิจารณา ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาขับรถโดยประมาท ทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บกับผม เบื้องต้นมีโทษปรับ 500 บาท โดยจะปรับเมื่อคนเจ็บได้รับเงินเรียบร้อย และเป็นอันจบคดีได้ ในวันที่เจรจาคนเจ็บและญาติพูดคุยดี ยอมรับว่าเค้าเอง ที่วิ่งข้ามถนนโดยไม่ดูรถ ทีแรกไม่ได้ระบุจำนวนเงิน บอกว่าแล้วแต่จะให้ แต่ทางผมกับประกันให่เค้าเป็นฝ่ายระบุมาก่อน เพื่อส่งเรื่องให้ประกันพิจารณา และวันนั้นผมได้มอบเงิน 1,000 บาทเพื่อเป็นการช่วยเหลือค่าเดินทางเล็กน้อย
แต่ปรากฎว่าวันที่ 2/2/62 ที่ผ่านมาประกันแจ้งว่าจ่ายให้ได้แค่ 10,000 บาทตามใบรับรองแพทย์ 20 วัน วันละ 400 (ตามค่าแรงคนเจ็บ)บวกค่าชดเชยอีก รวมเป็น 10,000 บาท ทางคนเจ็บไม่ยอม จึงมีการนัดเจรจากันใหม่
ในส่วนของผมเองมีกำลังที่จะจ่ายสมทบกับประกันได้ไม่เกิน 5,000 และส่วนตัวผมเคยคิดไว้ว่า 20,000 เป็นตัวเลขที่เหมาะสม สมมุติถ้าประกันยอมจ่าย 15,000
ที่กังวลคือถ้าทางคนเจ็บไม่ยอมและยืนยัน 40,000 ถ้าต้องถึงศาล ผมควรทำไงดีครับ และผลคดีจะออกทางไหนบ้าง ตอนนี้เริ่มเครียดแล้วครับ ในระหว่างนี้ครอบครัวผมก็ลำบากครับ เพราะไม่มีรถใช้ในการออกไปทำงานและรับส่งลูกไปโรงเรียน ต้องเสียค่าแท็กซี่มากกว่าค่าน้ำมันรถที่เคยจ่ายเอง เพราะลูกยังเล็กมากไม่กล้าพานั่งวินมอไซต์ไกลๆ