ก็เป็นกระทู้แรกที่เขียนนะครับมีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยไว้ก่อน ทริปนี้เราออกเดินทางไปวันที่ 5 มกราคม 2562 (21.50 น.) กลับถึงกทม. วันที่ 12 มกราคม (06.00 น.) ทริปนี้เราไปกัน 2 คน ตั้งงบไว้คนละ 7,000 บาทรวมทุกอย่างแล้ว (2 คน = 14,000 บาท) ซึ่งในช่วงที่เราเดินทางอัตราแลกเปลี่ยนเงิน 1 บาท = 267 - 268 กีบ (K)
วันที่ 5 ม.ค.
- เราเดินทางกันด้วยรถทัวร์นครชัยแอร์ ชั้น gold class vip กรุงเทพ(หมอชิต)-อุดรธานี ออกเดินทางเวลา 21.50 น. ราคาคนละ 454 บาท
วันที่ 6 ม.ค.
- ถึงสถานีขนส่งอุดรแห่งที่ 1 เวลาประมาณตี 5.30 น. หลังจากนั้นก็รอซื้อตั๋วรถทัวร์ อุดร-เวียงจันทน์ ซึ่งเปิดให้ซื้อตั๋วเวลาประมาณ 7 โมง ราคาคนละ 80 บาท
- ประมาณ 8 โมงขึ้นรถทัวร์ไปเวียงจันทน์
ระหว่างทางจะผ่านด่านขาออกของไทยและขาเข้าของลาว โดยจะสามารถแลกเงินกีบได้ที่ด่านฝั่งลาว เราแลกเงินไป 5,000 บาท = 1,335,000 K (1 บาท = 267 K) ซึ่งฝั่งลาวต้องเสียค่าผ่านด่านคนละ 10,000 K
ถือเงินเป็นตั้งกันเลยทีเดียว
- ถึงเวียงจันทน์ประมาณ 10.30 น. ที่ขนส่งตลาดเช้าจะมีรถเมล์ผ่านหลายสายจะคล้ายๆอนุเสาวรีย์ชัยบ้านเรา ตอนเราลงรถจะเจอวินสามล้อรายล้อมเราจะพาเราไปนู่นไปนี่เราควรจะไม่สนใจแล้วหาซิมก่อน ซึ่งเราซื้อซิมของ unitel ราคา 50,000 K package net sim 5G ใช้ได้ 4 วัน ร้านจะอยู่ทางฝั่งตรงข้ามจุดลงรถ
- จากนั้นก็ไปซื้อตั๋วรถนอน เวียงจันทน์-หลวงพระบาง ราคาคนละ 150,000 K ซึ่งซื้อได้ที่ที่ขายตั๋วบริเวณจุดลงรถเลยแต่ต้องไปขึ้นรถที่ขนส่งสายเหนือ รถรอบ 20.00 น. โดยถ้าหลงกลวินสามล้อเขาจะบอกว่าจะพาไปซื้อซึ่งบอกว่าราคารถนอนคนละ 250,000 K แพงกว่าเกือบ 400 บาท
- หลังจากซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้วก็ฝากกระเป๋าไว้บริเวณนั้นราคาใบละ 40 บาท
- พอมีเน็ตจะพบว่าเมืองไม่ได้ใหญ่สามารถเดินเที่ยวได้ อันดับแรกเราหาข้าวกลางวันแถวๆนั้น ซึ่งเรากินข้าวมันไก่จานโคตรใหญ่ ราคาคนละ 21,500 K
บริเวณขนส่งก็จะประมาณนี้
- จากนั้นก็เดินเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ โดยเราสามารถเปิด gps แล้วเลือกว่าจะเดินไปที่ไหนได้เลยซึ่งมีวัดเยอะมาก เราเดินผ่านวัดสีเมือง
- เดินเข้าหอพระแก้วค่าเข้าคนละ 10,000 K
- หลังจากที่ได้ลองใช้เงินมาพบว่าถ้าใช้เงินเป็นกีบจะคุ้มกว่าเลยแลกเงินเพิ่มที่ศูนย์การค้าตลาดเช้า shopping mall จะอยู่ระหว่างทางเดินไปประตูชัย จำนวน 3,000 บาท = 802,000 K ( 1 บาท = 267.36 K)
- จากนั้นเดินไปประตูชัยแต่ไม่ได้เข้าไปข้างใน
- แล้วเดินกลับไปบริเวณขนส่งตลาดเช้าเพื่อไปดูรอบรถเมล์ไปขนส่งสายเหนือ(สาย 8)จะอยู่บริเวณฝั่งตรงข้ามที่เราลงรถจากอุดร ซึ่งเราคิดว่าจะขึ้นรอบ 16.30 น. และยังเหลือเวลา
- เราเลยหาที่นั่งรอจนมาเจอ Kaogee Cafe เสียค่าขนมและเครื่องดื่มไปคนละ 27,000 K
- กลับมาขึ้นรถเมล์ ซึ่งรถเมล์จะออกตรงเวลามาก แนะนำว่าควรมาก่อนเวลาสัก 5 นาที เหมือนเลขรถจะไม่ตรงกับสายด้วยเราเลทไป 1-2 นาทีรถออกแล้วแต่วิ่งขึ้นทัน เกือบตกรถดีที่มีคนช่วยโบกให้ ค่ารถคนละ 5,000 K
- ถึงคนส่งสายเหนือประมาณ 17.00 น. ก็หาข้าวเย็นกินที่ขนส่ง จะมีร้านก๋วยเตี๋ยวซึ่งที่นี่เรียกว่าเฝอชามใหญ่มาก ราคาชามละ 20,000 K
- บริเวณขนส่งจะมีห้องน้ำค่าเข้า 2,000 K หรือถ้าใครอยากอาบน้ำจะราคา 5,000 K แต่เราไม่ได้อาบ และก็จะมีร้านขายของชำเราอาจจะซื้อของกินไว้เผื่อเวลาเดินทางก็ได้
- รถออก 20.00 น. ระหว่างทางจะมีจอดเป็นระยะๆให้เข้าห้องน้ำหรือซื้อของ บางครั้งก็จอดกลางป่าก็มี ประมาณตี 1 จะจอดให้กินมื้อดึกเป็นก๋วยเตี๋ยวโดยใช้คูปองจากตั๋วรถ
สภาพภายในรถ
บางช่วงก็มีแวะเข้าห้องน้ำ ซึ่งหลายครั้งก็จอดกันกลางป่าแบบนี้เลย
วันที่ 7 ม.ค.
- ถึงหลวงพระบางประมาณ 08.00 น. ต้องนั่งรถสามล้อเข้าตัวเมืองก่อนเพื่อไปหาที่พัก ค่ารถคนละ 20,000 K หากอยากเดินก็ประมาณ 2.7 กิโลเมตร ลงรถก็ search หาที่พักจากเว็บ booking แต่ไม่ได้จองแล้วเดินตาม map ไป ที่พักที่เราพักชื่อ นกน้อย ลานช้าง โฮสเทล ราคาคืนละ 180,000 K
ภาพซอยบริเวณที่พักของเรา
- เข้าที่พักอาบน้ำแล้วออกไปหาอะไรกินแถวตลาดเช้าจ่ายคนละ 25,500 K
- เดินไปเช่ารถที่บริเวณใกล้ที่พักราคาวันละ 120,000 K แต่ถ้าอยากได้ราคาถูกกว่านี้ ให้ไปเดินหาแถวถนนเส้นหลังวัดพูสีห์จะได้ราคาวันละ 90,000 K เมื่อเช่ารถแล้วอันดับแรกต้องไปเติมน้ำมันเราเดิมไป 10,000 K
- จากนั้นก็เปิด gps มุ่งหน้าไปน้ำตกตาดกวางสีระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง ถนนค่อนข้างมีหลุมบางช่วงขับไม่ยากมากเท่าวังเวียง
- เมื่อถึงเสียค่าจอดรถคันละ 2,000 K หากเข้าไปจอดข้างในแต่ถ้าจอดไกลออกมาหน่อยจะเสียค่าจอดรถคันละ 1,000 K
- ค่าเข้าน้ำตกคนละ 20,000 K เมื่อเข้าไปจะเจอกับศูนย์อนุรักษ์พันธุ์หมีสามารถเดินชมได้
- น้ำตกจะมีจุดให้ลงเล่นน้ำได้ 3 จุด เราไม่ได้ลงเล่นแต่เดินผ่านแต่ละชั้นเพื่อขึ้นไปจุดสูงสุด ซึ่งเมื่อถึงยอดจะมีป้ายให้เดินไปถ้ำและน้ำพุต่อเราลองเดินไปแล้วได้ครึ่งทางก็ย้อนกลับทางเดิมไปลงน้ำตกด้วยทางอีกฝั่งหนึ่ง
เส้นทางขึ้นไปยอดน้ำตก ทางโหดในระดับหนึ่งนะครับ
- กลับจากน้ำตกประมาณ 16.00 น. แล้วไปดูรอบรถที่ขนส่งบ้านนาหลวงที่เราลงรถนอน จากนั้นเข้าที่พักเพื่ออาบน้ำ
รอบรถวันธรรมดาจะมีน้อยกว่าในภาพนะครับ
- ประมาณ 18.00 น. ออกมาเดินเที่ยวและหาอะไรกินที่ตลาดมืดบริเวณเส้นหน้าวัดพูสีห์ ซึ่งตัวตลาดไม่ค่อยมีของกินเท่าไหร่จะเป็นของฝากของเป็นชิ้นมากกว่า โดยของกินจะมีซอยๆหนึ่งช่วงต้นๆตลาดจะขายแต่ของกิน
อันนี้ซอยของกินจะอยู่ต้นๆ ตลาดเลยจากฝั่งที่พักเรา จากนั้นเราก็กลับที่พักนอน
วันที่ 8
- ตื่นเช้ามาตอนตี 5.30 มาใส่บาตรข้าวเหนียว ซึ่งจะมีในช่วงตี 5.30 ถึงประมาณ 6 โมง 20 ซึ่งอยู่บริเวณหน้าซอยที่พักเราเลย โดยจะมีคนขายข้าวเหนียวเป็นกระตี๊บ อันละ 20,000 K (บางช่วงพระท่านเดินเร็วมากกกก เราต้องปั้นข้าวเหนียวเป็นก้อนๆไว้ก่อน)
- จากนั้น อาบน้ำแต่งตัวมากินข้าวเช้าของที่พัก แล้วประมาณ 8 โมง ก็เดินไปที่วัดพูสีห์ ทางขึ้นไปด้านบนจะมีโบสถ์เก่าที่เขียนป้ายว่าสร้างโดย ร.5 ประเทศไทยด้วย
- ทางขึ้นก็สูงพอประมาณนะครับเป็นบันไดประมาณนี้ตลอด แล้วก็เสียค่าขึ้นไปคนละ 20,000K วิวด้านบนก็กลางๆ ไม่ค่อยสูงมากแต่ก็พอเห็นโดยรอบๆของหลวงพระบาง
- หลังจากนั้นเราเก็บข้าวของแล้วเอามอไซค์ไปคืน แล้วเดินไปที่สถานีขนส่งบ้านนาหลวง ระยะทางประมาณ 2.7 km
- การเดินก็จะเป็นประมาณภาพ มีบางช่วงที่ไม่มีฟุตปาธบ้าง แต่ก็สามารถเดินได้ง่ายกว่าประเทศไทย พอถึงขนส่งซึ่งวันที่เราไปเป็นวันธรรมดาทำให้มีรอบรถที่จะไปวังเวียง ไม่เยอะเหมือนกับรอบที่ถ่ายรูปไว้ รถบัสช่วงเช้ามีแค่รอบ 9 โมง และช่วงเย็น แต่เวลาที่เราไปยังมีรถมินิแวนหรือรถตู้ที่ยาวกว่ารถตู้บ้านเรา ออกในช่วงเวลา 11 โมง (รถไปถึงเวียงจันทน์เลย) ราคาคนละ 150,000K เท่ากับราคาไปเวียงจันทน์
- ถนนเส้นหลวงพระบาง – วังเวียง สุดยอดมากกก ไม่เคยนั่งรถแล้วกระเด้งกระดอนขนาดนี้ (กลางคืนรถนอนยังไม่โหดเท่ารถตู้) แต่ก็เป็นเส้นทางที่มีวิวทิวทัศน์ที่สวย ควรจะนั่งรถผ่านกลางวันสักครั้ง แต่ด้วยความเป็นรถตู้จึงต้องคอยก้มๆมองลอดหน้าต่าง ถ้าเป็นรถบัสน่าจะเห็นวิวที่สวย และกระแทกน้อยกว่านี้ ระหว่างทางก็มีแวะกินเฝอราคารวมในค่าโดยสารแล้ว
- เราถึงวังเวียงประมาณ 6 โมงเย็น เป็นช่วงเริ่มๆมืดแล้วก็ปล่อยเราที่ป้ายรถเมล์บนถนนเส้นหลักที่วิ่งไปเวียงจันทน์ ซึ่งเราก็เดินไปที่พักที่เราจองไว้ใน booking ชื่อ วังเวียงsunset hostel ราคาคืนละ 170,500K รวมอาหารเช้า วังเวียงก็เป็นอีกหนึ่งเมืองเล็กๆที่ เดินในเมืองได้ทั่ว หลังจากนั้นเราออกมาหาของกิน และจอง 1 day trip คนละราคา 120,000K (ราคานี้เขาบอกมาเอง ที่เขียนไว้ในร้านราคาแพงกว่า น่าจะช่วงใกล้ปิดร้าน) จากนั้นเราก็มากินร้านเนื้อย่าง หมดไป 68,000K
- จากนั้นซื้อบัตรเติมเงินมาเติมเน็ต ราคา 10,000K ซึ่งได้แพคเกจเหมือนเดิม แล้วก็พักผ่อน
[CR] เวียงจันทน์ หลวงพระบาง วังเวียง 8 วัน 7 คืน (งบ 7,000 บาท)
วันที่ 5 ม.ค.
- เราเดินทางกันด้วยรถทัวร์นครชัยแอร์ ชั้น gold class vip กรุงเทพ(หมอชิต)-อุดรธานี ออกเดินทางเวลา 21.50 น. ราคาคนละ 454 บาท
วันที่ 6 ม.ค.
- ถึงสถานีขนส่งอุดรแห่งที่ 1 เวลาประมาณตี 5.30 น. หลังจากนั้นก็รอซื้อตั๋วรถทัวร์ อุดร-เวียงจันทน์ ซึ่งเปิดให้ซื้อตั๋วเวลาประมาณ 7 โมง ราคาคนละ 80 บาท
- ประมาณ 8 โมงขึ้นรถทัวร์ไปเวียงจันทน์
- ถึงเวียงจันทน์ประมาณ 10.30 น. ที่ขนส่งตลาดเช้าจะมีรถเมล์ผ่านหลายสายจะคล้ายๆอนุเสาวรีย์ชัยบ้านเรา ตอนเราลงรถจะเจอวินสามล้อรายล้อมเราจะพาเราไปนู่นไปนี่เราควรจะไม่สนใจแล้วหาซิมก่อน ซึ่งเราซื้อซิมของ unitel ราคา 50,000 K package net sim 5G ใช้ได้ 4 วัน ร้านจะอยู่ทางฝั่งตรงข้ามจุดลงรถ
- จากนั้นก็ไปซื้อตั๋วรถนอน เวียงจันทน์-หลวงพระบาง ราคาคนละ 150,000 K ซึ่งซื้อได้ที่ที่ขายตั๋วบริเวณจุดลงรถเลยแต่ต้องไปขึ้นรถที่ขนส่งสายเหนือ รถรอบ 20.00 น. โดยถ้าหลงกลวินสามล้อเขาจะบอกว่าจะพาไปซื้อซึ่งบอกว่าราคารถนอนคนละ 250,000 K แพงกว่าเกือบ 400 บาท
- พอมีเน็ตจะพบว่าเมืองไม่ได้ใหญ่สามารถเดินเที่ยวได้ อันดับแรกเราหาข้าวกลางวันแถวๆนั้น ซึ่งเรากินข้าวมันไก่จานโคตรใหญ่ ราคาคนละ 21,500 K
- จากนั้นก็เดินเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ โดยเราสามารถเปิด gps แล้วเลือกว่าจะเดินไปที่ไหนได้เลยซึ่งมีวัดเยอะมาก เราเดินผ่านวัดสีเมือง
- เดินเข้าหอพระแก้วค่าเข้าคนละ 10,000 K
- จากนั้นเดินไปประตูชัยแต่ไม่ได้เข้าไปข้างใน
- ถึงคนส่งสายเหนือประมาณ 17.00 น. ก็หาข้าวเย็นกินที่ขนส่ง จะมีร้านก๋วยเตี๋ยวซึ่งที่นี่เรียกว่าเฝอชามใหญ่มาก ราคาชามละ 20,000 K
- รถออก 20.00 น. ระหว่างทางจะมีจอดเป็นระยะๆให้เข้าห้องน้ำหรือซื้อของ บางครั้งก็จอดกลางป่าก็มี ประมาณตี 1 จะจอดให้กินมื้อดึกเป็นก๋วยเตี๋ยวโดยใช้คูปองจากตั๋วรถ
วันที่ 7 ม.ค.
- ถึงหลวงพระบางประมาณ 08.00 น. ต้องนั่งรถสามล้อเข้าตัวเมืองก่อนเพื่อไปหาที่พัก ค่ารถคนละ 20,000 K หากอยากเดินก็ประมาณ 2.7 กิโลเมตร ลงรถก็ search หาที่พักจากเว็บ booking แต่ไม่ได้จองแล้วเดินตาม map ไป ที่พักที่เราพักชื่อ นกน้อย ลานช้าง โฮสเทล ราคาคืนละ 180,000 K
- เข้าที่พักอาบน้ำแล้วออกไปหาอะไรกินแถวตลาดเช้าจ่ายคนละ 25,500 K
- เดินไปเช่ารถที่บริเวณใกล้ที่พักราคาวันละ 120,000 K แต่ถ้าอยากได้ราคาถูกกว่านี้ ให้ไปเดินหาแถวถนนเส้นหลังวัดพูสีห์จะได้ราคาวันละ 90,000 K เมื่อเช่ารถแล้วอันดับแรกต้องไปเติมน้ำมันเราเดิมไป 10,000 K
- จากนั้นก็เปิด gps มุ่งหน้าไปน้ำตกตาดกวางสีระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง ถนนค่อนข้างมีหลุมบางช่วงขับไม่ยากมากเท่าวังเวียง
- เมื่อถึงเสียค่าจอดรถคันละ 2,000 K หากเข้าไปจอดข้างในแต่ถ้าจอดไกลออกมาหน่อยจะเสียค่าจอดรถคันละ 1,000 K
- ค่าเข้าน้ำตกคนละ 20,000 K เมื่อเข้าไปจะเจอกับศูนย์อนุรักษ์พันธุ์หมีสามารถเดินชมได้
- กลับจากน้ำตกประมาณ 16.00 น. แล้วไปดูรอบรถที่ขนส่งบ้านนาหลวงที่เราลงรถนอน จากนั้นเข้าที่พักเพื่ออาบน้ำ
- ประมาณ 18.00 น. ออกมาเดินเที่ยวและหาอะไรกินที่ตลาดมืดบริเวณเส้นหน้าวัดพูสีห์ ซึ่งตัวตลาดไม่ค่อยมีของกินเท่าไหร่จะเป็นของฝากของเป็นชิ้นมากกว่า โดยของกินจะมีซอยๆหนึ่งช่วงต้นๆตลาดจะขายแต่ของกิน
วันที่ 8
- ตื่นเช้ามาตอนตี 5.30 มาใส่บาตรข้าวเหนียว ซึ่งจะมีในช่วงตี 5.30 ถึงประมาณ 6 โมง 20 ซึ่งอยู่บริเวณหน้าซอยที่พักเราเลย โดยจะมีคนขายข้าวเหนียวเป็นกระตี๊บ อันละ 20,000 K (บางช่วงพระท่านเดินเร็วมากกกก เราต้องปั้นข้าวเหนียวเป็นก้อนๆไว้ก่อน)
- เราถึงวังเวียงประมาณ 6 โมงเย็น เป็นช่วงเริ่มๆมืดแล้วก็ปล่อยเราที่ป้ายรถเมล์บนถนนเส้นหลักที่วิ่งไปเวียงจันทน์ ซึ่งเราก็เดินไปที่พักที่เราจองไว้ใน booking ชื่อ วังเวียงsunset hostel ราคาคืนละ 170,500K รวมอาหารเช้า วังเวียงก็เป็นอีกหนึ่งเมืองเล็กๆที่ เดินในเมืองได้ทั่ว หลังจากนั้นเราออกมาหาของกิน และจอง 1 day trip คนละราคา 120,000K (ราคานี้เขาบอกมาเอง ที่เขียนไว้ในร้านราคาแพงกว่า น่าจะช่วงใกล้ปิดร้าน) จากนั้นเราก็มากินร้านเนื้อย่าง หมดไป 68,000K
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้