เงินที่ได้จากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เมื่อออกจากงาน ต้องเสียภาษีหรือไม่

กองทุนสำรองสำรองเลี้ยงชีพ เป็นหนึ่งสวัสดิการของพนักงานกินเงินเดือนทั่วๆไป เพื่อเป็นเงินไว้ใช้หลังเกษียณ แต่เราอาจจะย้ายที่ทำงานใหม่หรือลาออกไปทำงานอิสระ เมื่อเราลาออกจากงานก็จะทำให้เราจำเป็นต้องลาออกจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปด้วย และหากการลาออกจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพก่อนอายุ 55 ปีหรือตอนที่ยังทำงานไม่ครบ 5 ปีนั้น จะต้องเอาเงินที่ได้ไปเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วย
การออกจากงานมีหลายแบบ เช่น ออกจากที่เก่าแล้วย้ายไปทำที่ใหม่ หรือออกเนื่องจากการเกษียณอายุ วันที่เราลาออกสิ่งที่ต้องคำนึงถึงคืออายุ ณ วันที่ออกจากงานทั้งอายุงานและอายุตัวเราซึ่งแต่ละกรณี เงินที่ได้จากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะมีเงื่อนไขการเสียภาษีต่างๆ กัน
ก่อนอื่นต้องทำความรู้จักกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพก่อน ว่ากองทุนนี้มีการแบ่งเงินออกเป็น 4 ส่วน คือ
1. เงินสะสมส่วนของตนเอง (ได้รับการยกเว้นภาษี)
2. เงินสมทบส่วนของนายจ้าง
3. เงินผลประโยชน์จากการลงทุนในส่วนของเงินสมทบของตนเอง
4. เงินผลประโยชน์จากการลงทุนในส่วนของเงินสมทบของนายจ้าง
เงินที่ได้จากกองทุนสำรองเลี้ยงขีพและต้องคำนึงเรื่องการนำมารวมคำนวณภาษีสิ้นปีเฉพาะเงิน 3 ส่วนหลัง คือ เงินสมทบส่วนของนายจ้าง, เงินผลตอบแทนจากการลงทุนในส่วนของเงินสมทบของตนเอง และเงินผลตอบแทนจากการลงทุนในส่วนของเงินสมทบของนายจ้าง (สำหรับเงินสะสมในส่วนของตัวเอง จะได้รับการยกเว้นภาษี)
เมื่อออกจากงาน เราจะต้องดูอายุงาน และอายุตัวเราว่าเท่าไหร่บ้าง
กรณีที่ 1 ทำงาน 5 ปีขึ้นไปและอายุ 55 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป จะยกเว้นการเสียภาษีเงินได้ทั้งจำนวน (ต้องครบเงื่อนไขทั้ง 2 อย่างนะคะ คือทั้งอายุงานและอายุตัวเอง)
กรณีที่ 2 อายุงานถึง 5 ปี (แต่อายุตัวเรายังไม่ถึง 55 ปีบริบูรณ์) มีสิทธิเสียภาษีในรูปแบบใบแนบฯ ซึ่งการเสียภาษีแบบนี้สามารถหักค่าใช้จ่ายกรณีพิเศษทำให้มักมีภาระภาษีต่ำกว่าภาษีรูปแบบปกติ คือ
หักค่าใช้จ่าย 7,000 บาท คูณด้วยจำนวนปีที่ทำงาน + เงินได้ – 7,000 คูณจำนวนปีที่ทำงาน หารด้วย 2
แล้วค่อยนำตัวเลขหลังหักภาษีมาคำนวณตามอัตราก้าวหน้า
กรณีที่ 3 อายุงานไม่ถึง 5 ปี(ไม่ว่าอายุตัวเราจะเท่าไหร่ก็ตาม) ก็ จะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามปกติ คือต้องนำเงินทั้งหมดไปเสียภาษีตามแบบ ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด.91 โดยเงินนี้ถือเป็นเงินได้ 40(1) และยื่นเสียภาษีภายในเดือนมีนาคมของปีถัดไป
ในกรณีที่ 3 นี้ หากยังไม่ต้องการนำเงินกองทุนนี้มาใช้จ่าย หรืออยากให้เงินก้อนนี้เปลี่ยนเป็นเงินที่ไม่ต้องเสียภาษีอย่างถูกต้อง เราจะยังไม่รับเงินมาและสามารถรับสิทธิ์การยกเว้นภาษีได้ โดยวิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้
อ่านต่อได้ที่
http://www.wangpaan.com/article/_0019
เขียนโดย ณภัชชา พงศ์วัฒนกิจกุล ที่ปรึกษาการเงิน AFPT
หากใครมีข้อสงสัย ต้องการสอบถามหรือปรึกษาเพิ่มเติม
ติดต่อ และ ติดตามอัพเดตเรื่องน่ารู้ทางการเงินกับพี่แผน ได้ทาง
วางแผน .com (wangpaan.com)
Line: @Wangpaan
Facebook: Wangpaan
Twitter: @Wangpaan
Instagram: WangPaanOfficial
Youtube: Wangpaan
อย่าลืมกด Like, Follow และ Subscript จะได้ไม่พลาดข่าวสารสำคัญจากพี่แผน นะครับ
#วางแผน #วางแผนดอทคอม #วางแผนภาษี #วางแผนออมเงิน #กองทุน #กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ #เสียภาษี #เกษียณ #วางแผนเกษียณ #รวย
เงินที่ได้จากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เมื่อออกจากงาน ต้องเสียภาษีหรือไม่
กองทุนสำรองสำรองเลี้ยงชีพ เป็นหนึ่งสวัสดิการของพนักงานกินเงินเดือนทั่วๆไป เพื่อเป็นเงินไว้ใช้หลังเกษียณ แต่เราอาจจะย้ายที่ทำงานใหม่หรือลาออกไปทำงานอิสระ เมื่อเราลาออกจากงานก็จะทำให้เราจำเป็นต้องลาออกจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปด้วย และหากการลาออกจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพก่อนอายุ 55 ปีหรือตอนที่ยังทำงานไม่ครบ 5 ปีนั้น จะต้องเอาเงินที่ได้ไปเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วย
การออกจากงานมีหลายแบบ เช่น ออกจากที่เก่าแล้วย้ายไปทำที่ใหม่ หรือออกเนื่องจากการเกษียณอายุ วันที่เราลาออกสิ่งที่ต้องคำนึงถึงคืออายุ ณ วันที่ออกจากงานทั้งอายุงานและอายุตัวเราซึ่งแต่ละกรณี เงินที่ได้จากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะมีเงื่อนไขการเสียภาษีต่างๆ กัน
ก่อนอื่นต้องทำความรู้จักกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพก่อน ว่ากองทุนนี้มีการแบ่งเงินออกเป็น 4 ส่วน คือ
1. เงินสะสมส่วนของตนเอง (ได้รับการยกเว้นภาษี)
2. เงินสมทบส่วนของนายจ้าง
3. เงินผลประโยชน์จากการลงทุนในส่วนของเงินสมทบของตนเอง
4. เงินผลประโยชน์จากการลงทุนในส่วนของเงินสมทบของนายจ้าง
เงินที่ได้จากกองทุนสำรองเลี้ยงขีพและต้องคำนึงเรื่องการนำมารวมคำนวณภาษีสิ้นปีเฉพาะเงิน 3 ส่วนหลัง คือ เงินสมทบส่วนของนายจ้าง, เงินผลตอบแทนจากการลงทุนในส่วนของเงินสมทบของตนเอง และเงินผลตอบแทนจากการลงทุนในส่วนของเงินสมทบของนายจ้าง (สำหรับเงินสะสมในส่วนของตัวเอง จะได้รับการยกเว้นภาษี)
เมื่อออกจากงาน เราจะต้องดูอายุงาน และอายุตัวเราว่าเท่าไหร่บ้าง
กรณีที่ 1 ทำงาน 5 ปีขึ้นไปและอายุ 55 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป จะยกเว้นการเสียภาษีเงินได้ทั้งจำนวน (ต้องครบเงื่อนไขทั้ง 2 อย่างนะคะ คือทั้งอายุงานและอายุตัวเอง)
กรณีที่ 2 อายุงานถึง 5 ปี (แต่อายุตัวเรายังไม่ถึง 55 ปีบริบูรณ์) มีสิทธิเสียภาษีในรูปแบบใบแนบฯ ซึ่งการเสียภาษีแบบนี้สามารถหักค่าใช้จ่ายกรณีพิเศษทำให้มักมีภาระภาษีต่ำกว่าภาษีรูปแบบปกติ คือ
หักค่าใช้จ่าย 7,000 บาท คูณด้วยจำนวนปีที่ทำงาน + เงินได้ – 7,000 คูณจำนวนปีที่ทำงาน หารด้วย 2
แล้วค่อยนำตัวเลขหลังหักภาษีมาคำนวณตามอัตราก้าวหน้า
กรณีที่ 3 อายุงานไม่ถึง 5 ปี(ไม่ว่าอายุตัวเราจะเท่าไหร่ก็ตาม) ก็ จะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามปกติ คือต้องนำเงินทั้งหมดไปเสียภาษีตามแบบ ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด.91 โดยเงินนี้ถือเป็นเงินได้ 40(1) และยื่นเสียภาษีภายในเดือนมีนาคมของปีถัดไป
ในกรณีที่ 3 นี้ หากยังไม่ต้องการนำเงินกองทุนนี้มาใช้จ่าย หรืออยากให้เงินก้อนนี้เปลี่ยนเป็นเงินที่ไม่ต้องเสียภาษีอย่างถูกต้อง เราจะยังไม่รับเงินมาและสามารถรับสิทธิ์การยกเว้นภาษีได้ โดยวิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้
อ่านต่อได้ที่ http://www.wangpaan.com/article/_0019
เขียนโดย ณภัชชา พงศ์วัฒนกิจกุล ที่ปรึกษาการเงิน AFPT
หากใครมีข้อสงสัย ต้องการสอบถามหรือปรึกษาเพิ่มเติม
ติดต่อ และ ติดตามอัพเดตเรื่องน่ารู้ทางการเงินกับพี่แผน ได้ทาง
วางแผน .com (wangpaan.com)
Line: @Wangpaan
Facebook: Wangpaan
Twitter: @Wangpaan
Instagram: WangPaanOfficial
Youtube: Wangpaan
อย่าลืมกด Like, Follow และ Subscript จะได้ไม่พลาดข่าวสารสำคัญจากพี่แผน นะครับ
#วางแผน #วางแผนดอทคอม #วางแผนภาษี #วางแผนออมเงิน #กองทุน #กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ #เสียภาษี #เกษียณ #วางแผนเกษียณ #รวย