ยาวนิดนึงค่ะ
อยากแชร์ให้หลายๆคนรู้ว่ามันยังมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับยุคสมัยนี้ ขยะสังคม พวกนี้มีปะปนกับเราทุกพื้นที่ ในสังคมเดียวกับเราไม่ว่าจน รวย มีการศึกษาดี รูปลักษณ์ดี หรือยิ่งรูปลักษณ์แย่ แล้วยังทำตัวแย่ ก็ยังมีให้พบเจอในคนทุกประเภท!
คือเราเป็นคนที่เจอโรคจิตบ่อยมากๆ มากจนรู้สึกว่า ร่างกายเรามันเย้ายวน หรือใบหน้ามันดูโง่ไม่สู้คน ไม่ลวนลามทางกายก็ทางสายตา เรานอยมาก เจอบ่อยจนท้อ เจอมาตั้งแต่มัธยม จนถึงช่วงมหาวิทยาลัย จนปัจจุบันทำงานแล้วจะ30แล้วยังเจออยู่ พยายามหนี หลีกเลี่ยงทุกทาง ใช้วิธีมีมองกลับบ้าง ด่าบ้าง สะบัดใส่บ้าง แต่ทุกกรณี พอเราเริ่มรู้จักวิธีรับมือได้ เราก็จะเจอโรคจิตแบบใหม่ๆ พอเจอแบบใหม่ เราก็จะคิดไม่ทันว่า เราควรจะตอบกลับเค้ายังไง ให้มันได้ผล จนนอนไม่หลับมัวแต่คิดหาวิธี หรือไม่ก็มารู้สึกเสียดายว่าทำไมตอนนั้นเราไม่ทำแบบนั้นนะ!
ต่อไปนี้เราจะมายกตัวอย่างเคสต่างๆที่เจอในแต่ละที่ ในแต่ละเคสเท่าที่จำได้นะคะ เพราะเราไม่เจอมา2ปีได้ จนกลับมาเจออีกแล้ว เจอมา2ครั้งใน1อาทิตย์ที่ผ่านมา
ย้อนไปสมัยมัธยม...ช่วงที่เสื้อยืดตัวใหญ่กางเกงเบนรูปลิงที่ฮิตกันมากๆ มันคือเสื้อผ้าชุดแรกที่เราเจอกับเหตุการณ์แย่ๆในครั้งนั้น.....
-เคสแรก ตอนนั้นเราเป็นเด็กน้อย ช่วงในหลวงรัชกาลที่9ท่านป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล เราไปถวายพระพรท่าน ที่โรงพยาบาลศิริราช กับคุณแม่ หลังจากเขียนชื่อลงถวายพระพรเสร็จ จะมีคนมาแจกพระบรมฉายาลักษณ์ของท่าน คุณแม่เราก็เขาไปรับ เรายืนอยู่บริเวณไม่ใกล้ไม่ไกลมาก เพราะคนเยอะ จึงออกมารอแต่ก็กลัวจะพลัดหลงกัน เพราะเราไม่มีมือถือ เรารอสักพักใหญ่ๆ ก็ยังไม่เห็นวี่แววคุณแม่ เลยตัดสินใจเดินเข้าไปตามหาในฝูงชนนั้น และจังหวะนั้นเอง ระหว่างยืนมองหาแม่เราก็รู้สึกได้ว่าโดนเบียดมาก คนเยอะด้วย แต่ก็ไม่คิดอะไร ก็นะคนมันเยอะแน่นเป็นปกติเพราะแย่งจะเอาภาพถ่ายท่าน แต่...สักพักรู้สึกได้ที่ก้นมีอะไรขยับๆ ถูๆลูบๆ เราก็ยังเออ คนมันแน่นอะ คนไม่มีใครจะมาทำอะไรในสถานที่แบบนี้ แต่เราก็ยืนจนรู้สึกได้แล้วว่า...เห้ยยยย!!! มันไม่ใช่แล้ว รอบนี้มันจับแล้วบีบบ ขยำด้วย พอเราหันไปมองมันก็ตีเนียน ตอนนั้นก็กลัวมาก รีบเดินหนีออกมาเพื่อมองหน้ามันชัดๆ ละตะโกนหาแม่แทน พอเจอแม่เราก็คิดว่าควรจะทำไงดี แต่สุดท้ายเราเล่าให้แม่ฟัง เค้าก็บอกคนไหน คุณแม่ก็เลยตามเจ้าหน้าที่ให้ไปจับ เค้าก็ปฏิเสธทุกอย่าง เลยบอกจะพาไปโรงพัก นั้นเองเค้าเริ่มตื่นกลัว แต่ก็ยอมไปด้วยแต่โดยดี พอไปถึงโรงพัก แม่เราบอกว่าไม่ทำได้ยังไง ลูกเราจำหน้าได้ชัดมาก จะสารภาพไหม ถ้าไม่สารภาพจะให้นอนที่คุกนี่นะ แต่ถ้าสารภาพจะปล่อยไป
(ดูแล้วเค้ามีอาการทางจิต ตาลอยๆ จาวๆซีดๆผอมๆ เบลอๆตลอดเวลา พูดวนๆ ลักษณะไม่ปกติ)
พอเค้าได้ยินอย่างนั้นก็สารภาพ ว่าทำไปก็แค่ชั่ววูบ เราสติหลุดเหมือนหูชา เพราะยังช็อคว่า คนเรามันกล้าทำอะไรแบบนี้ได้ยังไงวะ แม่เราก็เลยบอกว่าอย่าไปทำแบบนี้กับคนอื่นอีก เข้าใจไหม เค้าก็พยักหน้า และบอกจะไม่ทำอีก ตำรวจเลยทำได้แค่ลงบันทึกประจำวันไว้ แล้วก้ปล่อยไป
แต่ตอนนั้นเรากลับรู้สึกว่า เราทำได้แค่นี้เองหรอ เราจะทำอะไรได้อีก ไม่มีวิธีอื่นอีกหรอ แล้วเค้าจะไม่ไปทำใครอีกจริงๆหรอ ตั้งแต่วันนั้นเราไม่ไปศิริราชอีกเลยค่ะ และไม่ไปในส่วนที่คนหนาแน่นอีกเลยทุกๆที่
หลังจากนั้นเราก็เจอเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น ...
-เปิดกระจกรถถามทาง แล้วขัดจรวดให้ดู ตกใจ‼️ อันนี้คืองงมาก จอดรถอยู่ข้างฟุตบาท พอเจอเรา ลดกระจกลงแล้วถามว่าน้องๆ กวักมือเรียก มานี่ๆ พี่จะถามทางหน่อย พอไปใกล้ๆก็เปิดผ้าคลุมหนอนน้อย ที่แข็งโด่เด่กำลังตั้งแหงนชูคอ เราก็ตกใจอะไรวะ และก็เดินออกมาเฉยๆ พอเดินออกมามันยังตะโกนตามมาว่าเอ้ามานี่ก่อน.....🙄เห้ยยยย ไม่เข้าใจคนแบบนี้ หน้าตาดีมีรถหรูหราแต่......ไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาเอ่ย
-ระหว่างเดินเข้าซอยที่พัก หลังจากเลิกเรียน ช่วงประมาณบ่ายโมง เค้าจอดเวสป้า มอไซค์เก่าๆในซอยกำลังส่งของ มองเราหัวจรดเท้าในชุดนักศึกษาใส่สอบค่ะ ยาวครึ่งเข่าเสื้อพอดีตัว ไม่ได้รัดติ้วจนกระดุมปริ เราก็งงว่ามองอะไรขนาดนี้ มีอะไรให้มอง เดินมาได้กลางซอย ก็ขับรถตามมา เราก็เอะใจหน่อยๆว่าจะเข้าทางนี้แล้วทำไมไม่ขับแซงไป เพราะทางมันกว้างมากแล้วเราก็หลบทางให้แล้ว แต่ถึงจุดจะหลุดไปปลายซอยที่ไปเชื่อมทางเข้าที่พัก เค้าก็แซงอย่างเร็ว เราก็ เออมันคงไม่มีอะไรคงแค่หื่นๆทั่วไปไม่ได้อะไร พอเราเดินไปเห็นมันจอดมอไซค์ดักรอ พอกำลังจะเดินผ่าน มันก็มองหน้าเราไม่พักตา มือกุมอะไรสักอย่างตรงคอมอไซค์ เราก็เหลือบไปเห็นหนอนมันตั้งอยู่ กำลังขัดจรวดเบาๆ อีกด้านเอากระเป๋าปิดไม่ให้แม่ค้าร้านก๋วยเตี๋ยวเห็น เราแบบเห้ยยยย!!!! คุณกล้ามากกกกก จอดหน้าร้านค้าคนเยอะแยะ แล้วก็โชว์ชักให้ดู เราตกใจ รีบเดินไปหาร้านค้าที่อยู่ข้างหน้าเลยไป แล้วเล่าให้เค้าฟังเพราะไม่กล้าเข้าบ้าน กลัวมันมาตามดักรอวันอื่น พอมันเห็นเราไปหาคนอื่น ก็รีบเก็บหนอน แล้วชิ่งขับหนี แม่ค้าในซอยช่วยตะโกน แต่ก็จับมันไม่ได้ เพราะซอยมันทะลุออกได้อีกฝั่ง ครั้งนั้นคือช็อคมาก ว่ามันไม่น่าจะมาเจอตรงนี้ได้ ซอยบ้านตัวเองแท้ๆ😭และกล้ามากที่คนเยอะขนาดนี้พลุกพล่านแต่ไม่ได้กลัวเลย
-ครั้งต่อมาบนรถไฟฟ้าบีทีเอส เป็นลุคผู้ชายวัยทำงานใส่เชิ้ต ผูกเนคไท ใส่แว่นตา หน้าตี๋ๆ อายุ30+ ความคนแน่นบนรถไฟฟ้าในช่วงเช้าคนทำงานเด็กไปเรียน เช่นเดิม เราไม่ได้คิดระวังตัวใดๆ สถานีสยาม รีบวิ่งเข้ารถไฟฟ้าเพราะกลัวไปเรียนไม่ทัน ก็เข้าไปปุ๊ป ก็มีคนเบียดกระกบหลังปั๊บ ประตูรถไฟฟ้าปิด ก็โอเค พอยืนได้แต่ก็แน่นๆหน่อย ช่วยๆกันใครๆก็รีบทั้งนั้น พอผ่านไป2-3สถานี ก็มีคนเข้าออก เราก็ถูกดันไปยืนติดประตูเพราะก็คนเข้าออกกันไปมา ระหว่างที่ดันเนี่ย มีความรู้สึกที่ก้น มันมีการเคลื่อนไหว ตามสเต็ปเดิม คงไม่มีใครคิดแง่ลบตลอด เราก็ไม่ได้อะไร แต่.....สักพักมันถูบ่อยเลื่อนบ่อยมากไป เราเลยหันไปมอง พอมองแล้วมันหยุด เราเช็คจนแน่ใจว่า มันลวนลามแน่ๆละ หันไปมองมันบ่อย จนถึงสถานีนึง เราคิดอยู่นานมากว่าจะทำยังไง จะมีคนเชื่อไหม จะด่า หรือจะหยิกมือมัน จะทำอะไรมันได้บ้าง เราควรทำไงกับคนแบบนี้ พอคิดได้ว่า จะตะโกนด่า หันไป ประตูบีทีเอสเปิดจอดสถานี มันรีบหนีเดินออกไป ยืนเฉยๆ แล้วยิ้มเยาะเย้ยอยู่ข้างนอกขบวน เราทำได้แค่ชี้หน้ามัน แล้วประตูปิด มันก็ลอยหน้าลอยตาใส่! มันน่าโมโหมาก เรารู้สึกแย่มาก จิตตกไปหลายวัน ว่าทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ 🙈
-อีกวันขึ้นรถเมล์กำลังกลับบ้านระยะทางไม่ได้ไกลเลยประมาณ3-4ป้ายรถเมล์แต่รถมันติด วันนั้นคนแน่น แต่งตัวธรรมดาเสื้อยืดกางเกงตัวใหญ่ๆ เรียบร้อย เราว่าคนมันแน่น เราเข้าใจ แต่.....มันมาถูแค่ที่ก้น แหลมๆ ถู

อยู่นั่น หันไปมันก็ชักหลบ จนเราบอกว่าทำอะไร มันก็บอกเปล่าผมไม่ได้ทำอะไร คุณนั่นละเป็นอะไร รถมันแน่นเบียดนิดเบียดหน่อยไม่ได้เลย! ตะคอกใส่ คือเราแบบ ก็เงียบเพราะก็แบบงงว่า เอ้านี่เราเข้าใจผิดไปเองหรอกหรอ....หรอวะ มโนหรอ?😟 จากนั้นก็ยืนหนีๆไปทางประตูลงรถ พอใกล้ลง ก็รู้สึกอีกครั้ง มันทำอีกแล้วมาประชิดตัวอีกครั้ง เราก็เลยหันไปมองหน้า มันก็ทำเป็นเฉยๆ แล้วถึงป้ายพอดี เราก็เลยลงรถ มันมองหน้ากวนๆใส่ ยิ้มมุมปาก เราเลยชี้หน้ามันจากข้างถนน ตะโกนเหมือนคนเสียสติ คนมองไปหมด แต่ก็ทำอะไรมันไม่ได้ (อ้อลืมบอก ตอนที่มันพูดสวนกลับ คนบนรถกลับเฉย แถมยังมองหน้าเราแบบ เรื่องมาก คนแน่นแล้วจะมาสะดีดสะดิ้งให้คนโดนตัวไม่ได้อีก มันยิ่งรู้สึกได้ว่า คนที่เค้าไม่โดนแบบเรา ยังมาทับถมเราอีก เพราะด้วยว่าเค้าไม่เคยเจอ เค้าไม่รู้อะไร ไม่รู้ความจริงแล้วยังตัดสินเราจากภายนอก จากคนที่มีพลังมากกว่า เสียงที่ดังกว่า)
-มีอีก วันนั้นเรานั่งรอรถเมล์อยู่ป้ายสนามกีฬาแห่งชาติศุภชลาศัย รอนานมาก นานจนหงุดหงิด นานจนเห็นมีคนมายืนข้างป้ายรถเมล์ ตรงกับที่เรานั่งอยู่ริมขอบป้าย โดยยืนกึ่งๆเลยมาให้เราเห็นว่ายืนอยู่ข้างๆ มันเป็นมุมริมของป้ายรถเมล์ แล้วเราก็นั่งริมสุด เราเห็นมันมายืนข้างๆไม่ใกล้มากระยะ1เมตร หันกลับมาอีกทีมันใกล้ขึ้นทุกที จนใกล้อีก2คืบถึงตัวมัน เราก็เห็นหนอนมันแข็งในกางเกง พอใกล้มากๆเข้ามันก็เปิดลงมาให้ดูแล้วยิ้ม ในระหว่างตลอดเวลาที่มันค่อยๆเขยิบ เราก็คิดอยู่ว่าจะทำไงดี เราเลยใช้มือถือ ถ้าเราเอามือถือยกมามันจะหยุดไม่เคลื่อนไหว มันแอบมองตลอดว่าเราจะทำอะไร จนนั่นละค่ะ เราตัดสินใจลุกยืนอย่างรวดเร็ว จนคนทั้งป้ายมอง มันตกใจไปหลบหลังป้ายไกลๆอีกฝั่ง แต่เรายังเห็นมันพยายามจะเข้ามาอีก เราเลยลุกขึ้นอีกที วิ่งไปบอกผู้หญิงอีกคนว่าให้ระวังผู้ชายคนนั้นมันทำอะไรกับเรา มันก็เดินหนีหลบไป พอเราตะโกน มันก็วิ่งหนี เตลิดไป (รอบนี้เรายังรู้สึกดีตรงที่เรากล้าเราเริ่มรู้จักจัดการมันแล้ว แต่ก็กลัวนะคะว่ามันจะย้อนกลับมา เพราะก็เดินผ่านแถวนั้นอยู่บ่อยๆ) แต่เชื่อไหมคะ ผู้หญิงคนนั้นเค้าก็แค่ฟังแล้วมองเราแปลกๆ เพราะไอ้โรคจิตมันวิ่งไวแล้วไปไกลมาก จนเค้ามองว่าเราบ้า ไม่ปกติที่อยู่ๆก็พูดพล่ามออกมากลางป้ายรถเมล์😂😅จนคนมองงงกันไปหมด
ก็จะมีวนๆแบบนี้ไปเยอะแยะมากมาย จนเราไม่เจออีก เวลาขึ้นรถรลงเรือขึ้นรถเมล์ก็จะหันหน้าเข้าผู้ชายทุกคน ยืนประจันหน้าเลย จนมันถึงล่าสุดที่เจอ ......
-ในวันนั้นเอง ที่คนแน่นอีกครั้ง และทุกคนใส่หน้ากากกันฝุ่น..... มันทำให้เราไม่เห็นหน้ามันแต่จำได้แต่ลักษณะภายนอกเท่านั้น จากระยะทางแค่สถานีสยามถึงสีลม ไม่ไกลเลยค่ะ มีผู้ชายร่างสูงใหญ่พุงย้อย ในรถแน่นมากช่วงเวลาเลิกงาน เค้ามายืนประกบหลังเราเมื่อไหร่ไม่รู้ ใกล้มากและเหมือนพยายามจะมาจับราวติดๆกับมือเรา พุงเค้าอยู่ตรงเอวเราค่ะ กระเป๋าเค้าจะอยู่ต่ำใต้พุงเป็นกระเป๋าสีดำสีเดียวกับกางเกง เราคิดมาตลอดว่ากระเป๋าเค้าเบียดสะโพกด้านข้างของเรา ช่วงสีข้างของก้น จนเรารู้สึกว่า เค้าพยายามขยับตัวบ่อยเกินไปทั้งๆที่รถแน่นมากๆ สักพักจะเอามือมาตรงกระเป๋าแต่ก็ไม่เอาลงมาเพราะเราก็ตะงิดใจอยู่เหมือนกันแต่พยายามคิดแง่ดี เราคงไม่กลับไปโชคร้ายหรอก เราจะคอยหันไปมองตลอด ทีนี้มันก็เอามือมาจับราวใกล้มือเรามากขึ้นแทน เราเลยจับราวแล้วโชว์นิ้วกลางให้ 🖕🏻ไม่รู้เค้าเก็ตไหม จากนั้นเราเริ่มรู้สึกว่า กระเป๋าอะมันถูกหมุนไปอยู่ทางอื่น แล้วมันอะไรแหลมๆถูไปมาตรงสะโพก เราแน่ใจละว่าโดนแน่ๆ พอโทรศัพท์เรามีสายเข้ามันก็หยุดทำ คอยฟังเราคุย พอโทรศัพท์เสร็จมันก็เริ่มใหม่ นาทีนั้นตกใจนะคะ ทำไมมันไม่หยุดสักที จะด่าหรือทำร้ายร่างกายมัน แล้วเราจะโดนผลกระทบอะไรไหม เรากำลังจะไปสมัครงานด้วยไม่อยากมีปัญหาให้เสียเรื่องเสียงาน สุดท้ายเราพูดออกไปได้ก่อนออกจากสถานีได้แค่ว่า “คิดจะเป็นโรคจิตทำตัวให้มันดีๆหน่อย!” เราก็พูดอะไรไม่รู้งงมาก ทั้งที่ควรจะทำอะไรมากกว่านี้ แต่เราคิดตอนนั้นไม่ออกจริงๆค่ะแล้วต้องออกจากขบวนแล้วด้วยไม่อยากเสียเวลาเลยไปด่ามันแล้วย้อนกลับมา 😭😭
-สดๆร้อนๆก่อนจะมาลงในพันทิพนี่ก็ ยืนรอหมูสะเต๊ะอยู่ มีคู่รักมานั่งสั่งอาหารกิน ผู้ชายนั่งหันหน้ามาทางเรา ผู้หญิงนั่งหันหลังให้เรา เราก็ไม่ได้คิดอะไรจนรู้สึกว่าเค้ามองอะไรตรงหว่างขาเรา ซึ่งข้างหลังเราเป็นมอไซค์จอดเฉยๆ พอเรามองกลับก็หันหนี สักพักก็หันมามองใหม่ เราไม่แน่ใจว่าชาติไหน ไทยหรือต่างชาติ เพราะเราไปเยาวราช โซนนั้นคนทุกชาติมากมาย เราเลยยังไม่ได้พูดจาอะไรหรือโต้ตอบ แค่เราถ่ายรูปเค้าลงสตอรี่ในอินสตาแกรมเท่านั้น เพื่อป้องกันตัว พอถ่ายก็หันนี้แล้วจะพยายามมาชำเลืองขาอยู่ตลอด พอเราเดินไปใกล้ๆก็หันหน้าหนี อะไรประมาณนี้ เหนื่อยใจมาก เราทำได้แค่ถ่ายวิดีโอแล้วคือก็ทำอะไรเค้าไม่ได้อยู่ดีอ่า เพราะเรายืนรออาหารที่สั่งไว้ ก็ยืนอยู่สักพักนึงก็รีบชิ่งออกมา
มีต่อค่ะ....👇🏻
มีใครเจอโรคจิตตามที่สาธารณะ หรือทุกที่ๆไปบ้าง มีวิธีรับมือ หรือทำไงกันบ้างให้หลุดพ้นจากขยะสังคมพวกนี้!
อยากแชร์ให้หลายๆคนรู้ว่ามันยังมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับยุคสมัยนี้ ขยะสังคม พวกนี้มีปะปนกับเราทุกพื้นที่ ในสังคมเดียวกับเราไม่ว่าจน รวย มีการศึกษาดี รูปลักษณ์ดี หรือยิ่งรูปลักษณ์แย่ แล้วยังทำตัวแย่ ก็ยังมีให้พบเจอในคนทุกประเภท!
คือเราเป็นคนที่เจอโรคจิตบ่อยมากๆ มากจนรู้สึกว่า ร่างกายเรามันเย้ายวน หรือใบหน้ามันดูโง่ไม่สู้คน ไม่ลวนลามทางกายก็ทางสายตา เรานอยมาก เจอบ่อยจนท้อ เจอมาตั้งแต่มัธยม จนถึงช่วงมหาวิทยาลัย จนปัจจุบันทำงานแล้วจะ30แล้วยังเจออยู่ พยายามหนี หลีกเลี่ยงทุกทาง ใช้วิธีมีมองกลับบ้าง ด่าบ้าง สะบัดใส่บ้าง แต่ทุกกรณี พอเราเริ่มรู้จักวิธีรับมือได้ เราก็จะเจอโรคจิตแบบใหม่ๆ พอเจอแบบใหม่ เราก็จะคิดไม่ทันว่า เราควรจะตอบกลับเค้ายังไง ให้มันได้ผล จนนอนไม่หลับมัวแต่คิดหาวิธี หรือไม่ก็มารู้สึกเสียดายว่าทำไมตอนนั้นเราไม่ทำแบบนั้นนะ!
ต่อไปนี้เราจะมายกตัวอย่างเคสต่างๆที่เจอในแต่ละที่ ในแต่ละเคสเท่าที่จำได้นะคะ เพราะเราไม่เจอมา2ปีได้ จนกลับมาเจออีกแล้ว เจอมา2ครั้งใน1อาทิตย์ที่ผ่านมา
ย้อนไปสมัยมัธยม...ช่วงที่เสื้อยืดตัวใหญ่กางเกงเบนรูปลิงที่ฮิตกันมากๆ มันคือเสื้อผ้าชุดแรกที่เราเจอกับเหตุการณ์แย่ๆในครั้งนั้น.....
-เคสแรก ตอนนั้นเราเป็นเด็กน้อย ช่วงในหลวงรัชกาลที่9ท่านป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล เราไปถวายพระพรท่าน ที่โรงพยาบาลศิริราช กับคุณแม่ หลังจากเขียนชื่อลงถวายพระพรเสร็จ จะมีคนมาแจกพระบรมฉายาลักษณ์ของท่าน คุณแม่เราก็เขาไปรับ เรายืนอยู่บริเวณไม่ใกล้ไม่ไกลมาก เพราะคนเยอะ จึงออกมารอแต่ก็กลัวจะพลัดหลงกัน เพราะเราไม่มีมือถือ เรารอสักพักใหญ่ๆ ก็ยังไม่เห็นวี่แววคุณแม่ เลยตัดสินใจเดินเข้าไปตามหาในฝูงชนนั้น และจังหวะนั้นเอง ระหว่างยืนมองหาแม่เราก็รู้สึกได้ว่าโดนเบียดมาก คนเยอะด้วย แต่ก็ไม่คิดอะไร ก็นะคนมันเยอะแน่นเป็นปกติเพราะแย่งจะเอาภาพถ่ายท่าน แต่...สักพักรู้สึกได้ที่ก้นมีอะไรขยับๆ ถูๆลูบๆ เราก็ยังเออ คนมันแน่นอะ คนไม่มีใครจะมาทำอะไรในสถานที่แบบนี้ แต่เราก็ยืนจนรู้สึกได้แล้วว่า...เห้ยยยย!!! มันไม่ใช่แล้ว รอบนี้มันจับแล้วบีบบ ขยำด้วย พอเราหันไปมองมันก็ตีเนียน ตอนนั้นก็กลัวมาก รีบเดินหนีออกมาเพื่อมองหน้ามันชัดๆ ละตะโกนหาแม่แทน พอเจอแม่เราก็คิดว่าควรจะทำไงดี แต่สุดท้ายเราเล่าให้แม่ฟัง เค้าก็บอกคนไหน คุณแม่ก็เลยตามเจ้าหน้าที่ให้ไปจับ เค้าก็ปฏิเสธทุกอย่าง เลยบอกจะพาไปโรงพัก นั้นเองเค้าเริ่มตื่นกลัว แต่ก็ยอมไปด้วยแต่โดยดี พอไปถึงโรงพัก แม่เราบอกว่าไม่ทำได้ยังไง ลูกเราจำหน้าได้ชัดมาก จะสารภาพไหม ถ้าไม่สารภาพจะให้นอนที่คุกนี่นะ แต่ถ้าสารภาพจะปล่อยไป
(ดูแล้วเค้ามีอาการทางจิต ตาลอยๆ จาวๆซีดๆผอมๆ เบลอๆตลอดเวลา พูดวนๆ ลักษณะไม่ปกติ)
พอเค้าได้ยินอย่างนั้นก็สารภาพ ว่าทำไปก็แค่ชั่ววูบ เราสติหลุดเหมือนหูชา เพราะยังช็อคว่า คนเรามันกล้าทำอะไรแบบนี้ได้ยังไงวะ แม่เราก็เลยบอกว่าอย่าไปทำแบบนี้กับคนอื่นอีก เข้าใจไหม เค้าก็พยักหน้า และบอกจะไม่ทำอีก ตำรวจเลยทำได้แค่ลงบันทึกประจำวันไว้ แล้วก้ปล่อยไป
แต่ตอนนั้นเรากลับรู้สึกว่า เราทำได้แค่นี้เองหรอ เราจะทำอะไรได้อีก ไม่มีวิธีอื่นอีกหรอ แล้วเค้าจะไม่ไปทำใครอีกจริงๆหรอ ตั้งแต่วันนั้นเราไม่ไปศิริราชอีกเลยค่ะ และไม่ไปในส่วนที่คนหนาแน่นอีกเลยทุกๆที่
หลังจากนั้นเราก็เจอเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น ...
-เปิดกระจกรถถามทาง แล้วขัดจรวดให้ดู ตกใจ‼️ อันนี้คืองงมาก จอดรถอยู่ข้างฟุตบาท พอเจอเรา ลดกระจกลงแล้วถามว่าน้องๆ กวักมือเรียก มานี่ๆ พี่จะถามทางหน่อย พอไปใกล้ๆก็เปิดผ้าคลุมหนอนน้อย ที่แข็งโด่เด่กำลังตั้งแหงนชูคอ เราก็ตกใจอะไรวะ และก็เดินออกมาเฉยๆ พอเดินออกมามันยังตะโกนตามมาว่าเอ้ามานี่ก่อน.....🙄เห้ยยยย ไม่เข้าใจคนแบบนี้ หน้าตาดีมีรถหรูหราแต่......ไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาเอ่ย
-ระหว่างเดินเข้าซอยที่พัก หลังจากเลิกเรียน ช่วงประมาณบ่ายโมง เค้าจอดเวสป้า มอไซค์เก่าๆในซอยกำลังส่งของ มองเราหัวจรดเท้าในชุดนักศึกษาใส่สอบค่ะ ยาวครึ่งเข่าเสื้อพอดีตัว ไม่ได้รัดติ้วจนกระดุมปริ เราก็งงว่ามองอะไรขนาดนี้ มีอะไรให้มอง เดินมาได้กลางซอย ก็ขับรถตามมา เราก็เอะใจหน่อยๆว่าจะเข้าทางนี้แล้วทำไมไม่ขับแซงไป เพราะทางมันกว้างมากแล้วเราก็หลบทางให้แล้ว แต่ถึงจุดจะหลุดไปปลายซอยที่ไปเชื่อมทางเข้าที่พัก เค้าก็แซงอย่างเร็ว เราก็ เออมันคงไม่มีอะไรคงแค่หื่นๆทั่วไปไม่ได้อะไร พอเราเดินไปเห็นมันจอดมอไซค์ดักรอ พอกำลังจะเดินผ่าน มันก็มองหน้าเราไม่พักตา มือกุมอะไรสักอย่างตรงคอมอไซค์ เราก็เหลือบไปเห็นหนอนมันตั้งอยู่ กำลังขัดจรวดเบาๆ อีกด้านเอากระเป๋าปิดไม่ให้แม่ค้าร้านก๋วยเตี๋ยวเห็น เราแบบเห้ยยยย!!!! คุณกล้ามากกกกก จอดหน้าร้านค้าคนเยอะแยะ แล้วก็โชว์ชักให้ดู เราตกใจ รีบเดินไปหาร้านค้าที่อยู่ข้างหน้าเลยไป แล้วเล่าให้เค้าฟังเพราะไม่กล้าเข้าบ้าน กลัวมันมาตามดักรอวันอื่น พอมันเห็นเราไปหาคนอื่น ก็รีบเก็บหนอน แล้วชิ่งขับหนี แม่ค้าในซอยช่วยตะโกน แต่ก็จับมันไม่ได้ เพราะซอยมันทะลุออกได้อีกฝั่ง ครั้งนั้นคือช็อคมาก ว่ามันไม่น่าจะมาเจอตรงนี้ได้ ซอยบ้านตัวเองแท้ๆ😭และกล้ามากที่คนเยอะขนาดนี้พลุกพล่านแต่ไม่ได้กลัวเลย
-ครั้งต่อมาบนรถไฟฟ้าบีทีเอส เป็นลุคผู้ชายวัยทำงานใส่เชิ้ต ผูกเนคไท ใส่แว่นตา หน้าตี๋ๆ อายุ30+ ความคนแน่นบนรถไฟฟ้าในช่วงเช้าคนทำงานเด็กไปเรียน เช่นเดิม เราไม่ได้คิดระวังตัวใดๆ สถานีสยาม รีบวิ่งเข้ารถไฟฟ้าเพราะกลัวไปเรียนไม่ทัน ก็เข้าไปปุ๊ป ก็มีคนเบียดกระกบหลังปั๊บ ประตูรถไฟฟ้าปิด ก็โอเค พอยืนได้แต่ก็แน่นๆหน่อย ช่วยๆกันใครๆก็รีบทั้งนั้น พอผ่านไป2-3สถานี ก็มีคนเข้าออก เราก็ถูกดันไปยืนติดประตูเพราะก็คนเข้าออกกันไปมา ระหว่างที่ดันเนี่ย มีความรู้สึกที่ก้น มันมีการเคลื่อนไหว ตามสเต็ปเดิม คงไม่มีใครคิดแง่ลบตลอด เราก็ไม่ได้อะไร แต่.....สักพักมันถูบ่อยเลื่อนบ่อยมากไป เราเลยหันไปมอง พอมองแล้วมันหยุด เราเช็คจนแน่ใจว่า มันลวนลามแน่ๆละ หันไปมองมันบ่อย จนถึงสถานีนึง เราคิดอยู่นานมากว่าจะทำยังไง จะมีคนเชื่อไหม จะด่า หรือจะหยิกมือมัน จะทำอะไรมันได้บ้าง เราควรทำไงกับคนแบบนี้ พอคิดได้ว่า จะตะโกนด่า หันไป ประตูบีทีเอสเปิดจอดสถานี มันรีบหนีเดินออกไป ยืนเฉยๆ แล้วยิ้มเยาะเย้ยอยู่ข้างนอกขบวน เราทำได้แค่ชี้หน้ามัน แล้วประตูปิด มันก็ลอยหน้าลอยตาใส่! มันน่าโมโหมาก เรารู้สึกแย่มาก จิตตกไปหลายวัน ว่าทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ 🙈
-อีกวันขึ้นรถเมล์กำลังกลับบ้านระยะทางไม่ได้ไกลเลยประมาณ3-4ป้ายรถเมล์แต่รถมันติด วันนั้นคนแน่น แต่งตัวธรรมดาเสื้อยืดกางเกงตัวใหญ่ๆ เรียบร้อย เราว่าคนมันแน่น เราเข้าใจ แต่.....มันมาถูแค่ที่ก้น แหลมๆ ถู
-มีอีก วันนั้นเรานั่งรอรถเมล์อยู่ป้ายสนามกีฬาแห่งชาติศุภชลาศัย รอนานมาก นานจนหงุดหงิด นานจนเห็นมีคนมายืนข้างป้ายรถเมล์ ตรงกับที่เรานั่งอยู่ริมขอบป้าย โดยยืนกึ่งๆเลยมาให้เราเห็นว่ายืนอยู่ข้างๆ มันเป็นมุมริมของป้ายรถเมล์ แล้วเราก็นั่งริมสุด เราเห็นมันมายืนข้างๆไม่ใกล้มากระยะ1เมตร หันกลับมาอีกทีมันใกล้ขึ้นทุกที จนใกล้อีก2คืบถึงตัวมัน เราก็เห็นหนอนมันแข็งในกางเกง พอใกล้มากๆเข้ามันก็เปิดลงมาให้ดูแล้วยิ้ม ในระหว่างตลอดเวลาที่มันค่อยๆเขยิบ เราก็คิดอยู่ว่าจะทำไงดี เราเลยใช้มือถือ ถ้าเราเอามือถือยกมามันจะหยุดไม่เคลื่อนไหว มันแอบมองตลอดว่าเราจะทำอะไร จนนั่นละค่ะ เราตัดสินใจลุกยืนอย่างรวดเร็ว จนคนทั้งป้ายมอง มันตกใจไปหลบหลังป้ายไกลๆอีกฝั่ง แต่เรายังเห็นมันพยายามจะเข้ามาอีก เราเลยลุกขึ้นอีกที วิ่งไปบอกผู้หญิงอีกคนว่าให้ระวังผู้ชายคนนั้นมันทำอะไรกับเรา มันก็เดินหนีหลบไป พอเราตะโกน มันก็วิ่งหนี เตลิดไป (รอบนี้เรายังรู้สึกดีตรงที่เรากล้าเราเริ่มรู้จักจัดการมันแล้ว แต่ก็กลัวนะคะว่ามันจะย้อนกลับมา เพราะก็เดินผ่านแถวนั้นอยู่บ่อยๆ) แต่เชื่อไหมคะ ผู้หญิงคนนั้นเค้าก็แค่ฟังแล้วมองเราแปลกๆ เพราะไอ้โรคจิตมันวิ่งไวแล้วไปไกลมาก จนเค้ามองว่าเราบ้า ไม่ปกติที่อยู่ๆก็พูดพล่ามออกมากลางป้ายรถเมล์😂😅จนคนมองงงกันไปหมด
ก็จะมีวนๆแบบนี้ไปเยอะแยะมากมาย จนเราไม่เจออีก เวลาขึ้นรถรลงเรือขึ้นรถเมล์ก็จะหันหน้าเข้าผู้ชายทุกคน ยืนประจันหน้าเลย จนมันถึงล่าสุดที่เจอ ......
-ในวันนั้นเอง ที่คนแน่นอีกครั้ง และทุกคนใส่หน้ากากกันฝุ่น..... มันทำให้เราไม่เห็นหน้ามันแต่จำได้แต่ลักษณะภายนอกเท่านั้น จากระยะทางแค่สถานีสยามถึงสีลม ไม่ไกลเลยค่ะ มีผู้ชายร่างสูงใหญ่พุงย้อย ในรถแน่นมากช่วงเวลาเลิกงาน เค้ามายืนประกบหลังเราเมื่อไหร่ไม่รู้ ใกล้มากและเหมือนพยายามจะมาจับราวติดๆกับมือเรา พุงเค้าอยู่ตรงเอวเราค่ะ กระเป๋าเค้าจะอยู่ต่ำใต้พุงเป็นกระเป๋าสีดำสีเดียวกับกางเกง เราคิดมาตลอดว่ากระเป๋าเค้าเบียดสะโพกด้านข้างของเรา ช่วงสีข้างของก้น จนเรารู้สึกว่า เค้าพยายามขยับตัวบ่อยเกินไปทั้งๆที่รถแน่นมากๆ สักพักจะเอามือมาตรงกระเป๋าแต่ก็ไม่เอาลงมาเพราะเราก็ตะงิดใจอยู่เหมือนกันแต่พยายามคิดแง่ดี เราคงไม่กลับไปโชคร้ายหรอก เราจะคอยหันไปมองตลอด ทีนี้มันก็เอามือมาจับราวใกล้มือเรามากขึ้นแทน เราเลยจับราวแล้วโชว์นิ้วกลางให้ 🖕🏻ไม่รู้เค้าเก็ตไหม จากนั้นเราเริ่มรู้สึกว่า กระเป๋าอะมันถูกหมุนไปอยู่ทางอื่น แล้วมันอะไรแหลมๆถูไปมาตรงสะโพก เราแน่ใจละว่าโดนแน่ๆ พอโทรศัพท์เรามีสายเข้ามันก็หยุดทำ คอยฟังเราคุย พอโทรศัพท์เสร็จมันก็เริ่มใหม่ นาทีนั้นตกใจนะคะ ทำไมมันไม่หยุดสักที จะด่าหรือทำร้ายร่างกายมัน แล้วเราจะโดนผลกระทบอะไรไหม เรากำลังจะไปสมัครงานด้วยไม่อยากมีปัญหาให้เสียเรื่องเสียงาน สุดท้ายเราพูดออกไปได้ก่อนออกจากสถานีได้แค่ว่า “คิดจะเป็นโรคจิตทำตัวให้มันดีๆหน่อย!” เราก็พูดอะไรไม่รู้งงมาก ทั้งที่ควรจะทำอะไรมากกว่านี้ แต่เราคิดตอนนั้นไม่ออกจริงๆค่ะแล้วต้องออกจากขบวนแล้วด้วยไม่อยากเสียเวลาเลยไปด่ามันแล้วย้อนกลับมา 😭😭
-สดๆร้อนๆก่อนจะมาลงในพันทิพนี่ก็ ยืนรอหมูสะเต๊ะอยู่ มีคู่รักมานั่งสั่งอาหารกิน ผู้ชายนั่งหันหน้ามาทางเรา ผู้หญิงนั่งหันหลังให้เรา เราก็ไม่ได้คิดอะไรจนรู้สึกว่าเค้ามองอะไรตรงหว่างขาเรา ซึ่งข้างหลังเราเป็นมอไซค์จอดเฉยๆ พอเรามองกลับก็หันหนี สักพักก็หันมามองใหม่ เราไม่แน่ใจว่าชาติไหน ไทยหรือต่างชาติ เพราะเราไปเยาวราช โซนนั้นคนทุกชาติมากมาย เราเลยยังไม่ได้พูดจาอะไรหรือโต้ตอบ แค่เราถ่ายรูปเค้าลงสตอรี่ในอินสตาแกรมเท่านั้น เพื่อป้องกันตัว พอถ่ายก็หันนี้แล้วจะพยายามมาชำเลืองขาอยู่ตลอด พอเราเดินไปใกล้ๆก็หันหน้าหนี อะไรประมาณนี้ เหนื่อยใจมาก เราทำได้แค่ถ่ายวิดีโอแล้วคือก็ทำอะไรเค้าไม่ได้อยู่ดีอ่า เพราะเรายืนรออาหารที่สั่งไว้ ก็ยืนอยู่สักพักนึงก็รีบชิ่งออกมา
มีต่อค่ะ....👇🏻