เราเพิ่งย้ายมานอร์เวย์ได้สองปีเศษๆ ค่ะ ปีแรกเรียนภาษาและวิชาสังคม เมื่อสอบผ่านก็ได้งานทำในปีที่สอง
เดือนกรกฎาคมปีที่แล้วสามียุให้ทำใบขับขี่ ตัวเราเองกลัวๆ เพราะไม่เคยขับรถยนต์เลย แต่สามีบอกว่า มันมีประโยชน์ต่อการหางาน แล้วเขาก็โทรไปสอบถาม นัดวันเรียนกับโรงเรียนเรียบร้อย
โรงเรียนที่เราเรียนขับ มีครูสามคน ครูคนหนึ่งเป็นเจ้าของโรงเรียน อีกสองคนทำหน้าที่สอนขับ สอนทฤษฎี
เราเลือกเรียนแบบเกียร์ค่ะ วันแรกที่ไปขับ ครูให้ขับแต่เกียร์หนึ่ง ขับแค่ในลานจอดรถ สัปดาห์ต่อมาก็เรียนทฤษฎีภาคการช่วยเหลือเมื่อพบเจออุบัติเหตุ คนที่เจออุบัติเหตุก่อนมีหน้าที่ช่วยเหลือ ถ้าไม่ช่วยคือถูกยึดใบขับขี่ตลอดชีวิต เสียค่าปรับและอาจจะติดคุก สอนการวางเครื่องหมายสามเหลี่ยมสะท้อนแสง 150-200 m จากรถ เพื่อให้รถที่ขับมาเห็นว่ามีอุบัติเหตุหรือรถเสียจอดอยู่ จะได้ระวัง การสวมเสื้อสะท้อนแสงเสมอๆ เมื่อออกจากรถ เพื่อเคลียร์พื้นที่และช่วยเหลือคนที่ประสบอุบัติเหตุ การโทรเรียกรถพยาบาล
เราเรียนขับสัปดาห์ละสองวันค่ะ วันละ 45 นาที จากนั้นครูก็ให้เริ่มฝึกขับเกียร์สอง และเริ่มขับออกถนน ครูสอนทฤษฎีก่อน เช่น การขับในทางแยก การเข้าเกียร์เมื่อถึงทางแยก การชะลอรถและวางรถให้ถูกเลนเมื่อจะเลี้ยว เพื่อรถคันอื่นจะได้เข้าใจว่าเราจะไปทางไหน
แล้วก็เรียนอีกหลายอย่างค่ะ เช่น
การขับในวงเวียน ต้องวางรถให้ถูกต้อง ถ้าจะขับทางตรง ก็ขับชิดขวาให้มากที่สุด เพื่อให้มีที่สำหรับรถที่จะขับเข้าวงเวียนไปทางซ้าย เปิดไฟเลี้ยวเมื่อจะไปทางซ้าย เปิดไฟเลี้ยวเมื่อขับออกจากวงเวียน
ขับออกมอร์เตอร์เวย์ เรียนการขับเข้าและขับออกจากมอร์เตอร์เวย์ การขับแซง สอนการดูไฟรถของคันที่เราแซง ก่อนจะเบี่ยงรถเข้าเลนขวาตามเดิม การเว้นระยะห่างจากรถคันข้างหน้าให้ถูกต้อง นับ หนึ่งพัน หนึ่ง หนึ่งพัน สอง หนึ่งพัน สาม
การขับในเขตชุมชน ถือกฎต้องให้ทางรถทางขวา ในเขตชุมชนหรือสี่แยกนอกเขตชุมชนบางแห่ง ไม่มีป้ายบอกว่าใครได้ทางก่อน ต้องใช้กฎรถทางขวา เพราะฉะนั้นต้องสังเกตและชะลอรถให้ดีๆค่ะ
การระวังและสังเกตเมื่อคนจะข้ามถนน ต้องพร้อมจะหยุดทันทีให้คนข้าม ห้ามจอดรถรอเข้าวงเวียนในทางม้าลาย ให้จอดรถก่อนถึงทางม้าลายเท่านั้น
เรียนภาคบังคับสี่อย่างหลักๆค่ะ
การขับในที่มืด เรียนทฤษฎีก่อน ว่าการขับในที่มืดมีอะไรที่ต้องระวังบ้างและมีอุปสรรคอย่างไรบ้าง ที่นอร์เวย์เมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วงจะมืดมากๆค่ะ แล้วจะมีคนที่เดินหรือปั่นจักรยาน ใส่เสื้อผ้าสีดำ ไม่ใช้แสงสะท้อน ทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยๆ การใช้ไฟสูง การใช้ไฟต่ำ เมื่อมีรถสวน เมื่อถึงทางแยก
การขับบนถนนลื่น เพื่อให้เข้าใจความรู้สึกเวลาถนนกลายเป็นน้ำแข็งและเพื่อให้เข้าใจการใช้ความเร็วที่ถูกต้อง เพราะความเร็วรถมีผลต่อการบังคับรถมากที่สุด การมัดสิ่งของในรถเมื่อต้องขนย้ายของ การใช้ car seat
การขับในเมือง เพื่อให้เข้าใจความรู้สึกของการจราจรที่คับคั่งมากๆ เราขับไป Oslo ค่ะ ขับประมาณ 1 ช่วโมงกว่าๆ อารมณ์ต่างจากการขับนอกเมืองมากค่ะ เพราะรถจะเยอะกว่า คนเดินถนนเยอะกว่า แยกและวงเวียนเยอะกว่า ขับไปครั้งเดียวพอแล้วค่ะ จะไป Oslo ก็ขึ้นรถไฟไปก็พอแบบที่สามีบอก
การขับทางไกล ส่วนแรก ขับสามชั่วโมงกว่าๆ ค่ะ เพื่อเรียนรู้การขับรถในสถานการณ์ต่างๆกัน เช่น ขับในเขตชุมชน เรียนการอ่านเครื่องหมายจราจรและวางแผนการขับเองให้ถูกต้อง ภาคที่สอง ต้องวางแผนการขับเองค่ะ จะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากครูเลย ครูจะบอกแค่ว่าจะไปที่ไหน เราต้องดูทางเองค่ะ ถ้าขับผิด ก็คือผิดไปเลย อันนี้เพื่อให้เราพร้อมสำหรับการสอบขับเมื่อต้องรับคำสั่งจาก sensor ค่ะ
ระหว่างเรียนขับ เราก็ปวดหัวเคร่งเครียดกับการอ่านและเตรียมตัวสอบทฤษฎีค่ะ ปวดหัวกับภาษาและเทคนิคบางอย่างในรถที่เราไม่เข้าใจ อ่านไปก็บ่นไปกับสามีว่า นี่เขาจะให้ขับรถไปดาวจูปีเตอร์หรอ กฎเยอะแยะมากมายเต็มไปหมด
แต่ก็ดีขึ้นเรื่อยๆค่ะ เมื่อขับออกถนนบ่อยๆ ก็จำจากในหนังสือได้และจำจากการขับมาทำความเข้าใจในหนังสือ อย่างหนึ่งที่ทำให้เข้าใจว่า ทำไมที่นอร์เวย์เกิดอุบัติเหตุรถยนต์น้อยมากๆ เมื่อเทียบกับหลายๆประเทศในยุโรปคือ ประกันรถค่ะ รถทุกคันจะต้องมีประกัน ใครที่เป็นมือใหม่ก็จ่ายแพงหน่อย ถ้าซื้อรถใหม่เลย ที่สำคัญเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ถ้าพิสูจน์จนเจอว่า เราเป็นฝ่ายผิด เช่น รักษาระยะห่างจากรถคันหน้าน้อยไป หรือขับเร็วเกินไป ก็จะเสียโบนัสค่ะ แปลว่าจะต้องจ่ายค่าประกันแพงขึ้น ใครที่ขับรถดีๆมาตลอดเวลา ก็จะจ่ายน้อยลงๆทุกปี จนถึงยอดที่น้อยที่สุด คนจึงขับรถระวังมากค่ะ เพราะประกันรถที่นี่แพงมากๆ
เราหัดทำข้อสอบเกือบพันกว่าข้อค่ะ ก่อนไปสอบ ข้อสอบมี 45 ข้อ ผิดได้ 7 ข้อ เคยได้ยินมาว่าบางคนสอบเกิน 10 ครั้ง ถึงแม้คนนอร์เวย์เองก็ตาม เพราะบางคนไม่อ่านเลย คิดว่าง่าย แต่ข้อสอบลวงมากๆค่ะ มีสองข้อที่เหมือนจะถูกเหมือนๆกัน เราใช้เวลาทำ 30 นาที ทำผิดไป 4 ข้อ
เรานัดวันสอบขับ 26 กุมภาพันธ์ค่ะ ตอนนี้กังวลนิดหน่อย เพราะช่วงนี้หิมะตกและถนนลื่น การสอบกับ sensor จะสอบขับ 60 นาทีค่ะ เครื่องคอมพิวเตอร์จะสุ่มว่าเราจะขับไปที่ไหน และจะได้รับคำถามทางเทคนิค 2 ข้อ เช่น การเช็คถุงลมนิรภัยว่าทำงานดีหรือไม่ทำอย่างไร จะเช็คไฟเบรคได้อย่างไรว่ามันทำงานเสมอๆ อันนี้ถ้าตอบไม่ได้จริงๆ ก็ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าขับรถดี ก็จะได้ใบขับขี่
อ่านข่าวเจอบ่อยๆว่า ตำรวจตรวจจับคนที่ขับเร็ว บางคนขับ 120 กว่าๆ ในโซน 80 km/h ถูกปรับและขึ้นศาล เสียค่าปรับแพงมากๆ น้องชายสามีโดนจับครั้งหนึ่งค่ะ ขับ 96 km/h ใน โซน 80 km/h โดนไป 4000 กว่าโครน (ประมาณ 15,000บาท) บางคนแอบขับรถโดยที่ไม่มีใบขับที่ ก็จะเสียสิทธิ์ในการเรียนค่ะ เช่น ต้องรอ 1 ปี ถึงจะเรียนได้ เสียค่าปรับอีก 8000 กว่าโครน (ประมาณ 30,000 กว่าบาท ซื้อตั๋วไปกลับไปเมืองไทยได้เลย) บางทีก็คิดว่า เขากล้าเนาะ
สองปีแรกที่มีใบขับขี่ เป็นระยะทดลอง ถ้าใบขับขี่ถูกยึด จะต้องเสียค่าเรียนใหม่ทั้งหมดค่ะ
ส่วนค่าเรียนนั้น แพงพอๆกับซื้อรถมือสอง 1 คันเลยค่ะ แต่คิดว่าเป็นการลงทุนที่ดี
🚗 เล่าเรื่องการเรียนขับรถและสอบใบขับขี่ที่นอร์เวย์ 🚗
เดือนกรกฎาคมปีที่แล้วสามียุให้ทำใบขับขี่ ตัวเราเองกลัวๆ เพราะไม่เคยขับรถยนต์เลย แต่สามีบอกว่า มันมีประโยชน์ต่อการหางาน แล้วเขาก็โทรไปสอบถาม นัดวันเรียนกับโรงเรียนเรียบร้อย
โรงเรียนที่เราเรียนขับ มีครูสามคน ครูคนหนึ่งเป็นเจ้าของโรงเรียน อีกสองคนทำหน้าที่สอนขับ สอนทฤษฎี
เราเลือกเรียนแบบเกียร์ค่ะ วันแรกที่ไปขับ ครูให้ขับแต่เกียร์หนึ่ง ขับแค่ในลานจอดรถ สัปดาห์ต่อมาก็เรียนทฤษฎีภาคการช่วยเหลือเมื่อพบเจออุบัติเหตุ คนที่เจออุบัติเหตุก่อนมีหน้าที่ช่วยเหลือ ถ้าไม่ช่วยคือถูกยึดใบขับขี่ตลอดชีวิต เสียค่าปรับและอาจจะติดคุก สอนการวางเครื่องหมายสามเหลี่ยมสะท้อนแสง 150-200 m จากรถ เพื่อให้รถที่ขับมาเห็นว่ามีอุบัติเหตุหรือรถเสียจอดอยู่ จะได้ระวัง การสวมเสื้อสะท้อนแสงเสมอๆ เมื่อออกจากรถ เพื่อเคลียร์พื้นที่และช่วยเหลือคนที่ประสบอุบัติเหตุ การโทรเรียกรถพยาบาล
เราเรียนขับสัปดาห์ละสองวันค่ะ วันละ 45 นาที จากนั้นครูก็ให้เริ่มฝึกขับเกียร์สอง และเริ่มขับออกถนน ครูสอนทฤษฎีก่อน เช่น การขับในทางแยก การเข้าเกียร์เมื่อถึงทางแยก การชะลอรถและวางรถให้ถูกเลนเมื่อจะเลี้ยว เพื่อรถคันอื่นจะได้เข้าใจว่าเราจะไปทางไหน
แล้วก็เรียนอีกหลายอย่างค่ะ เช่น
ระหว่างเรียนขับ เราก็ปวดหัวเคร่งเครียดกับการอ่านและเตรียมตัวสอบทฤษฎีค่ะ ปวดหัวกับภาษาและเทคนิคบางอย่างในรถที่เราไม่เข้าใจ อ่านไปก็บ่นไปกับสามีว่า นี่เขาจะให้ขับรถไปดาวจูปีเตอร์หรอ กฎเยอะแยะมากมายเต็มไปหมด
แต่ก็ดีขึ้นเรื่อยๆค่ะ เมื่อขับออกถนนบ่อยๆ ก็จำจากในหนังสือได้และจำจากการขับมาทำความเข้าใจในหนังสือ อย่างหนึ่งที่ทำให้เข้าใจว่า ทำไมที่นอร์เวย์เกิดอุบัติเหตุรถยนต์น้อยมากๆ เมื่อเทียบกับหลายๆประเทศในยุโรปคือ ประกันรถค่ะ รถทุกคันจะต้องมีประกัน ใครที่เป็นมือใหม่ก็จ่ายแพงหน่อย ถ้าซื้อรถใหม่เลย ที่สำคัญเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ถ้าพิสูจน์จนเจอว่า เราเป็นฝ่ายผิด เช่น รักษาระยะห่างจากรถคันหน้าน้อยไป หรือขับเร็วเกินไป ก็จะเสียโบนัสค่ะ แปลว่าจะต้องจ่ายค่าประกันแพงขึ้น ใครที่ขับรถดีๆมาตลอดเวลา ก็จะจ่ายน้อยลงๆทุกปี จนถึงยอดที่น้อยที่สุด คนจึงขับรถระวังมากค่ะ เพราะประกันรถที่นี่แพงมากๆ
เราหัดทำข้อสอบเกือบพันกว่าข้อค่ะ ก่อนไปสอบ ข้อสอบมี 45 ข้อ ผิดได้ 7 ข้อ เคยได้ยินมาว่าบางคนสอบเกิน 10 ครั้ง ถึงแม้คนนอร์เวย์เองก็ตาม เพราะบางคนไม่อ่านเลย คิดว่าง่าย แต่ข้อสอบลวงมากๆค่ะ มีสองข้อที่เหมือนจะถูกเหมือนๆกัน เราใช้เวลาทำ 30 นาที ทำผิดไป 4 ข้อ
เรานัดวันสอบขับ 26 กุมภาพันธ์ค่ะ ตอนนี้กังวลนิดหน่อย เพราะช่วงนี้หิมะตกและถนนลื่น การสอบกับ sensor จะสอบขับ 60 นาทีค่ะ เครื่องคอมพิวเตอร์จะสุ่มว่าเราจะขับไปที่ไหน และจะได้รับคำถามทางเทคนิค 2 ข้อ เช่น การเช็คถุงลมนิรภัยว่าทำงานดีหรือไม่ทำอย่างไร จะเช็คไฟเบรคได้อย่างไรว่ามันทำงานเสมอๆ อันนี้ถ้าตอบไม่ได้จริงๆ ก็ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าขับรถดี ก็จะได้ใบขับขี่
อ่านข่าวเจอบ่อยๆว่า ตำรวจตรวจจับคนที่ขับเร็ว บางคนขับ 120 กว่าๆ ในโซน 80 km/h ถูกปรับและขึ้นศาล เสียค่าปรับแพงมากๆ น้องชายสามีโดนจับครั้งหนึ่งค่ะ ขับ 96 km/h ใน โซน 80 km/h โดนไป 4000 กว่าโครน (ประมาณ 15,000บาท) บางคนแอบขับรถโดยที่ไม่มีใบขับที่ ก็จะเสียสิทธิ์ในการเรียนค่ะ เช่น ต้องรอ 1 ปี ถึงจะเรียนได้ เสียค่าปรับอีก 8000 กว่าโครน (ประมาณ 30,000 กว่าบาท ซื้อตั๋วไปกลับไปเมืองไทยได้เลย) บางทีก็คิดว่า เขากล้าเนาะ
สองปีแรกที่มีใบขับขี่ เป็นระยะทดลอง ถ้าใบขับขี่ถูกยึด จะต้องเสียค่าเรียนใหม่ทั้งหมดค่ะ
ส่วนค่าเรียนนั้น แพงพอๆกับซื้อรถมือสอง 1 คันเลยค่ะ แต่คิดว่าเป็นการลงทุนที่ดี