เมื่อชะนีไปบาหลี ดินแดนที่ไม่ได้มีดีแค่ วังเวียง (2)

https://pantip.com/topic/38514140   ต่อมาจาก กระทู้แรกนะค่ะ
เนื่องจาก เนื่องจาก Cabina เป็นทางผ่านไปที่พักอยู่แล้ว คืนนี้เราพักที่ Sense sunset hotel (หากใครจะพักที่นี่ ส่วนตัวไม่ค่อยแนะนำเพราะเดินไกลไปที่หาด Seminyak พอสมควรและขากลับต้องนั่งมอไซด์ ประมาณ 150,000 IDR หุหุ)

แวะเติมพลังระหว่างทาง ร้านนี้จำชื่อไม่ได้แต่เป็นร้านญี่ปุ่นที่คนเยอะพอสมควร สังเกตุง่ายๆ เค้าจะมีเตาร้อนมาเสริ์ฟอาหารจานร้อน

นั่งฟังเพลงชิวๆ ริมหาด Seminyak
กลับที่พักแบบแว้นพี่มอไซด์ โดนไปคนละ 150,000 IDR

วันที่ 4 : Nusa Penida; สววรค์มันใกล้แค่นี้เอง!
ตื่นเช้ามา ทัวร์ของพี่แหม่มบาหลี มารับเราที่โรงแรม 6.30 เพื่อไปส่งเราที่ ท่าเรือซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที เนื่องจากเราซื้อทัวร์ คนขับรถก็จะลากกระเป๋าและให้เรายืนรอรวมกันเป็นกลุ่ม
น้ำใจของคนอินโดเรือติดโคลนก็วิ่งกันมาช่วยเข็น แม้แต่ผู้โดยสารก็ลงกันมาช่วยกันเต็มที่ ความประทับใจดีๆ ในการเดินทาง

พอเรามาถึงชายฝั่งก็จะมีคือถอืป้ายชื่อเรามารอรับอยู่ที่เกาะวึ่งบอกเลยน้องคนนี้น่ารักมากกก นางมีน้ำใจ ซื่อๆวึ่งตอนแรกที่เจอกันเหมือนแพลนที่เราวางไว้จะไม่ค่อยตรงกันกับคนขับรถแต่เราก็เชื่อเค้าและมันเวริ์คมากที่เราเชื่อเจ้าถิ่นเพราะหากเรายังจะเอาตามแผนของเรา สิ่งที่เราได้คือ คนเยอะ เสียเวลาในการรอถ่ายรูปจุดต่างๆ ไปค่ะ มาดูกันว่าน้องนักซิ่งของเราพอชะนีาสองนางไปไหนกันบ้าง
(มีความเสียวไส้ในการขึ้นบันได้ค้าาาาาา)

จุดชมวิวที่ Atuh Beach บอกเลยว่าสวยสะกดตามาก ขนาดมีฝนตกเมฆครึ้มขนาดนี้ แต่ความดีงามของวิวหลักแสนล้านก็ไม่ได้ลดน้อยลงไป

เราใช้เวลาเที่ยวที่นี่พอสมควรเพราะทางขึ้นลงก็ไม่ธรรมดา แถมยังต้องต่อแถวถ่ายรูปอีกเพราะจุดที่ได้รูปได้มีไม่กี่จุดโชคดีที่คนยังไม่เยอะ ต้องขอบคุณน้องรักนักซิ่งที่เลือกพาเรามาที่นี่ก่อน

ที่ต่อไปคือ Diamond Beach อันนี้พุดเลยว่าในหัวคือแบล้งค์มาก มันคือที่ไหนทำไมเราไม่รุ้จัก เพราะมันเพิ่งเปิดหาดได้แค่ไม่กี่เดือนนั้นเอง แต่พอไปถึง OMG…..รักสุดหัวใจ เอาไปเลย ไดมอนด์ บีช ทั้งวิว ทั้งทางขึ้น ทางลง บอกเลยจำจนวันตาย แต่ถามว่าคุ้มมั้ยพุดเลยว่าคุ่มค่าเหนื่อยฝุดๆ
(ลงไปข้างล่าง มนก็จะสวยเบอร์นี้เลยค่ะ)

ทางลงก็จะเป็นขั้นบันได ซีเมนต์กว้างมาก ชะนีขาสั้นๆอย่างเราก็จะต้องเดินลง 2 จังหวะ หุหุ ถึงฝนกจะตก ถึงฟ้าจะร้อง แต่ชะนีก็สู้ตายค่ะ น้ำทะเลคือเย็นประหนึ่งน้ำตก

พอเราลงไปถึงข้างล่างก็หายเหนื่อยค่ะ แต่เราใช้เวลาอยู่ที่หาดน้อยมากเพราะอยากจะไปนั่งชิวๆ ดูพระอาทิตย์ตก(แอบเสียดายเบาๆ ควรจะอยู่ให้นานกว่านี้)ด้วยเวลาจึงตัดสินใจไปทานมือเที่ยงที่ทางทัวร์จัดไว้ให้ ซึ่งดีเกินคาด
(เค้ามีเมนูให้เลือกนะค่ะ จะอาหารพิ้นเมือง, ข้าวผัดอเมริกา ฯลฯ)

พอท้องอิ่มเราก็ไปต่อที่ Crystal Bay ซึ่งหาดนี้มีคน เล่นน้ำ ตากแดด เยอะมากเพราะไม่ต้องขึ้นเขา ลงห้วย ให้เมื่อยตุ้ม แถมมีเก้าอี้, เต้นท์, ผ้าเช็ดตัว, อาหารอำนวยความสะดวกแบบสุดๆ และชะนีมาถึงที่แล้วจะให้มาใส่บิกินี่ นั่งถ่ายรูปเก๋ๆคงจะไม่ใช่ทาง เล่นน้ำค่ะ ผิวจะแสบ ผดจะขึ้น ตัวจะคันก็ไม่ถอย ไปให้สุดแล้วหยุดตอนจบทริป! เล่นน้ำปล่อยให้ตัวเราไหลไปกับสายน้ำ สายลม แสงแดดและคลื่นลูกโตๆ หันมาอีกที…..โคล้มมมมมมม คลื่นซัดมาหน้าขมำ ทรายเต็มปากแบบไม่ทันตั้งตัว ได้รสชาติ texture ของทรายหาด Crystal Bay ไปแบบเต็มๆ 555++
(ลมแรงเบอร์ไหน ถามใจเธอดู ^^ ถ่าย 10 ใช้ไม่ได้ 10 เอิ้กๆ)

หลังจากนั่งชิว เล่นน้ำกันสมใจ เวลาผ่านไปเกือบหกโมง แลแล้วว่าวันนี้คงจะไม่ได้ดูพระอาทิตย์ตกเป็นแน่เพราะฟ้าครื้มมาก ถอดใจแบบเสียดายแล้วก็กลับมาที่พักเป็นอันจบทริปของวันนี้ค่ะ
พอมาถึงที่พัก ก็มีครอบครัว พ่อ แม่ ลูก วิ่งออกมาต้อนรับอย่างอบอุ่น เค้าสื่อสารภาษาอังกฤษไม่คล่อง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด แถมยังมีน้ำชามะนาวแสนอร่อยมาต้อนรับ และให้เราเลือกอาหารเลยในตอนนั้นว่า รุ่งขึ้นจะทานอะไร กี่โมง  แถมยังมีมอไซด์ให้เราขับไปแว้นแบบฟรีๆ โอ้โห บริการทุกระดับประทับใจ จริงๆ ส่วนตัวชอบที่พักที่นี่มากเพราะจำนวนห้องน้อย ไม่วุ่นวาย เป็นกันเอง และห้องกว้างขวาง สะอาด สะอ้าน สัมผัสได้ถึงความรัก ความใส่ใจของคนในครอบครัวที่ช่วยกันดูแลเสมือนเป็นรีสอร์ทของเค้าเอง ไม่ใช่ลูกจ้างที่ทำงานแค่ให้ผ่านไปวันๆ เล่าไป ซึ้งไปน้ำตาจะไหล อยากกลับไปอีก ยังจำรอยยิ้ม แววตา พลังบวกได้จนถึงวันนี้ เรื่องเล็กๆที่อยากเล่า ก่อนไปแว้นคือ เราขอยางผูกผม อารมยางมัดข้าวแกงอะไรก็ได้ สื่อสารกันแบบงงๆ ว่าพ่อเค้าวิ่งไปไหนข้างนอกเราก็ไม่รู้วิ่งไปไหน ส่วนแม่ก็ไม่ยอมให้เราสตาร์ทเครื่อง ปรากฎคุณพ่อวิ่งไปซื้อยางผูกผมมาให้จ้าาาาา ให้เงินพ่อก้ไม่เอา (อันนี้เป็นหนึ่งในหลายๆเรื่องที่ น่ารักๆ ของครอบครัวนี้ 🙂 ใครมา Nusa Penida เรียเชิญ Swan Beach Inn ค่ะ

วันที่ 5: Nusa Penisa
(นั่งดู วิถีชาวบ้าน ทานอาหารเช้า ริมทะเล  จิบน้ำส้มคั้นสดๆ มันฟินส์จริงๆค่ะ)
ตื่นเช้ามาเราก็มานั่ง กินลม ชมวิว คุณแม่คั้นน้ำส้มสดมาให้ อร่อยมากๆๆเลย ส่วนคุณพ่อเดินมาเสริ์ฟอาหารด้วยรอยยิ้มตั้งแต่ข้าวแรกที่ออกจากครัวมาถึงที่เรานั่ง 🙂

วันนี้เรานั่ง หนุ่มน้อย นักซิ่งมารับเรา 8.00 เราก็เลยมีเวลา ดื่มด่ำบรรยากาศพอสมควร ก่อนกลับเราให้ทิปคุณพ่อและครอบครัวแทนของขวัญปีใหม่ เพราะไม่มีอะไรจะให้แทนคำขอบคุณ ยังไงก็ต้องกลับมาที่นี่ให้ได้ !!!
(ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกก่อนกลับ)
เมื่อเติมพลังมาเต็มที่แล้ว เราก็ลุยที่แรกตั้งแต่เช้า เรียกได้ว่า วันกลุ่มแรกของวันกันเลยทีเดียวกับ Angle’s Billabong วึ่งขอพุดตามตรงว่าไม่ได้ ว้าวเหมือนในรุปแต่ก้โอเค จุดพีคอยู่ที่ น้องนักซิ่งส่วนตัวของเราบอกให้เราปีนต้นไม้ไปถ่ายรูป….หืม? อ่ะถ่ายก็ถ่าย ปรากฎสวยกว่า ที่ billabong จ้าาา

ชะนีเลยกลายเป็นทาร์ซานซะงั้น

หลังจาก Billabong เราก็เดินไปนิดนึงถึง Broken Beach ซึ่งวิวสวยมว้ากกกกกกก

อยู่ต่อเลยได้ไหม อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้ นานๆๆๆๆ
Kelingking Beach คือจุดต่อไปที่เราแพลนไว้ พอไปถึงก้เดินไปถ่ายรูปตามปกติ พอมาถึงจุดนี้มองลงไปข้างล่างมองหน้าชะนีผู้ร่วมทริปเราจะมาถ่ายรูปกันแค่นี้แลัวกลับกันจริงๆใช่มั้ย มองลงไปข้างล่าง เห็นหาดทรายสีขาวจั๊วะ น้ำทะเลสีฟ้าเข็ม และทางลง อันชั้น ชัน ปะ เราจะลงไป น้องนักซิ่งคู่กายบอกว่า ถ้าลงไป เราจะไม่ได้ไปน้ำตก และต้องขึ้นมาก่อน 12.30 และนางจะไม่ลงไปด้วย …เอาว่ะ ชะนีสู้ๆ
(ในโมเมมท์ที่ยังฟินส์กับความงามอยู่ และยังไม่รู้ว่า เมื่อเธอตัดสินใจลงไปเหยียบผืนทรายที่ ขาวววว ยังเบื้องล่างนั้น มันจะเหนื่อยประหนึ่งขาดใจแค่ไหน)
(เส้นบางๆ ระหว่าง ผิวแทน กับ ดำจนเขียว…ถ่ายรูปท้าลมแดดให้มันแผดไปทั้งตัวไปเล้ยยยย)
ตอนลงก็ว่าเหนื่อยแต่จุดพีคอยู่ที่ ข้างล่างเค้าขายน้ำจ้าแล้วชะนีอย่างเราเอาลงไป คือมือถือ ม่ายมีเงินกันเลยซ้ากบาท ยืนดูร้านขายน้ำ กลึบๆ พแเราลงไปก็นั่งพัก ถ่ายรูป เล่นน้ำได้ซักพักเพราะสัญญากับน้องคนขับรถว่าเราต้องกลับมาก่อน 12.30 ก็เลยเอาว่ะ เราจะใช้เวลา 30 นาทีในการขึ้นไปข้างบน ขาลงว่าเหนื่อยขาขึ้นนี่ 2 เท่า
(เบื้องหลังการดิ่มดำความสวยของหาดที่แลกมาด้วยความชันแบบไขมันหายไป 100,000แคลอรี่ 555)

ในระหว่างที่ขึ้นบอกเลยเราเหนื่อยมาก อาจจะเป็นเพราะเมื่อคืนนอนไม่หลับ หรือแค่แรงตก ในใจนึกถึงแต่น้ำข้างล่างที่เราไม่ได้พกเงินลงมา เดินสวนกับ ฝ. นางถามว่าโอเคมั้ย เราบอกว่า เราโอเคแค่หิวน้ำ นางเลยเอาน้ำ ก้นขวดมาให้เรา เราก็เกรงใจแต่ก็ยืนกลืนน้ำลายดูน้ำก้นขวดของนาง นางบอกให้เอาไปเราซึ้งน้ำตาแทบไหล THANK A LOT FOR YOUR SUPER KINDNESS ไม่รอข้ากรึบเดียวหมด 5555 เราก็ประคองร่างไปจนถึง ที่นัดหมาย บอกเลยน้ำ 1 ลิตร ดิ่มกัน ภายในพริบตา ^^

พอขึ้นรถเราก็ไปทานอาหารเที่ยงที่รวมอยู่กับทัวร์ ก็รีบๆล้างตัว แต่เราไม่ได้กินข้าว ขอเป็นหมูสะเต๊ะ และน้ำผลไม้ปั่นแทน นะจุดนี้จุกไปจนถึงคอหอยกินอะไรยังไม่ลง
(คนขับรถ ที่เป็นทั้งไกด์ เป็นทั้งช่างถ่ายรูปส่วนตัว ใครใช้ บริการ แหม่มบาหลี เรียกหานางได้นะค่ะ)

พอเปลี่ยนเสื้อผ้า ดื่มน้ำจนหายเหนื่อยก็ถึงเวลาขึ้นเรือ ซึ่งเราขึ้นรอบ 14.30 ก็นั่งรอน้องไกด์ไปซื้อตั่วเรือมาให้ เพราะมันรวมมากับทัวร์แล้ว ใจหายไปถึงตาตุ่ม น้ำตาไหลประทับใจทุกอย่างที่นี่ ทั้งสถานที่ ทั้งคนรอบข้าง ระหว่างทางเราถามนางว่าทำไมไม่ใส่กางเกงขาสั้นมาจะได้ทำงานสะดวกๆ นางตอบว่านางไม่มี เราก็ตั้งใจจะซื้อให้ซักตัวแต่เวลาไม่เป็นใจ เลยให้ทิปนางไป 100,000 IDR นางบอกว่า THANK YOU SIS แบบเสียงเครือๆ กลายเป็นเราเองจะร้องไห้ พอถึงเวลาเรือมาเราก็ต่อแถวขึ้นเรือ นึกว่านางจะกลับไปแล้วเพราะเสร็จภาระกิจ ที่ไหนได้ นางมายืนรอส่งเรา โบกมือ บ้ายบาย จนเราได้ขึ้นเรือ
นางเป็นไกด์เพียงคนเดียว ที่มายืนโบกมือบ้ายบาย ทั้งๆที่เราหันหลังไปแล้วซะด้วยซ้ำ ถึงมันจะไกล แต่เรามองเห็นรอยยิ้มและฟันขาวๆ ที่จริงใจแบบ 200 เมตร และแล้วเราก็มาถึงฝั่งแบบโครงเครงเพราะคลื่นแรงส์มแต่ก็สนุกดี
เป็นเวลาบ่ายสาม เราถึงท่าเรือเร็วกว่าปกติ เลยหาร้านเตี๋ยวลูกชิ้นรอคนขับรถตามเคย
เค้าจะไปส่งเราที่ Uluwatu เพราะมันรวมอยู่กับทัวร์ ที่Nusa Penida แล้วเนื่องจากเราออกจากท่าเรือประมาณ สี่โมงเลยรถติดเบาๆ พอคนขับบอกว่าใช้เวลาเดินทางประมาณ 1-2 ชม.เราก็ตั้งใจจะตีตั๋วนอน แต่ไม่ได้นอนเพราะระหว่างทาง มีวิว ทิวทัศน์ สะพานลอยข้ามทะเลที่ใหญ่โตเราเลยนั่งชมวิวจนเพลินจนถึงที่พักเลย
พอเรามาถึงที่พักก็เลยพักผ่อนเลยไม่ได้ไปดูพระอาทิตย์ตก ที่OMNIA โรงแรมที่เราจะไปเคาท์ดาวปีใหม่ เพราะอยากเก็บแรงส์ไปแดนส์ดีกว่า เพื่อนร่วมทริปนางรีเควสมาว่าต้องไป!
ไม่มีภาพบรรยากาศงานมาฝากต้องขออภัยด้วยค่ะเพราะมัวแต่แดนส์อย่างเมามันส์ เอาเป็นว่าใครชอบเพลงแนว EDM และ บรรยากาศ แบบ Exclusive แล้วไม่มายด์เรื่องค่าดริ้งค์ที่แพงมากควรมาค่ะ อันจบทริปบาหลีเคาท์ดาว 2018 HAPPY NEW YEAR …..XOXO
วันที่ 6 : ยังไม่จบนะจ่ะคนดี ^^