ขอบคุณที่ทิ้งกันในวันนั้น

วันนี้เราอยากจะมาแชร์เรื่องราวในชีวิตของเรา เผื่อจะช่วยให้น้องๆที่กำลังอกหัก แล้วรู้สึกว่าไม่ไหว จะได้มีกำลังใจในการลุกขึ้นสู้ค่ะ
               เรากับแฟนเก่าซึ่งเค้าเป็นแฟนคนแรกในชีวิตของเรา คบกันมาประมาณ 11 ปี จนทางบ้านเค้าก็บอกว่าแต่งงานกันได้แล้ว
เราและเค้าเลยวางแผนแต่งงานกัน แต่ช่วงที่เตรียมงานแต่งงานก็มีบ้างที่ความคิดเราไม่ตรงกับความคิดของแม่เค้า
และก็ทำให้มีงอลกัน ทะเลาะกันบ้างแต่ก็เฉพาะเรื่องแต่งงาน เพราะตลอดที่คบกันมา 11 ปี เรากับแม่เค้าไม่เคยมีเรื่องที่ทะเลาะอะไรกันเลย
และตลอดที่เราคบกับแฟนเก่าเรา เรารับรู้ตลอดว่าเค้ามีกิ๊ก เจ้าชู้ แต่เราจับไม่ได้แบบตรงๆที่แบบว่ารู้ว่ากิ๊กเป็นใคร แต่จะจับได้จากหลายๆอย่างเช่น
บอกโทรมาบอกเราว่านอนแล้ว แต่จริงๆไปเที่ยวกับผู้หญิงอื่น แล้วพี่สาวเราไปเห็นเข้า หรือปิดโทรศัพท์ตอนที่อยู่กับเรากลัวกิ๊กโทรมา เป็นต้น
พอถามเค้าเค้าก็จะแถจนผิวถลอกไปจนถึงกระดูกแล้ว
               ขอย้อนมาที่ตัวเรานิดนึงนะคะ ว่าตลอดที่คบกับเค้ามา 11 ปีเราไม่เคยสนใจใคร เพราะคบใครแล้วเราก็คบแค่คนเดียวเรียกว่ารักเดียวใจเดียว ทั้งๆที่ตลอดที่คบกับเค้า ก็จะมีผู้ชายเข้ามาจีบเราค่อนข้างมาก บางคนทั้ง Profile หรือหน้าตาดีกว่าแฟนเราเยอะมาก แต่เราก็ไม่เคยสนใจเลย เพราะอย่างที่บอกเรารักใครแล้วเราก็ไม่มองคนอื่นอีก ที่บอกว่ามีคนมาจีบเราเยอะมากเพราะเราถือว่าหน้าตาโอเค หน้าที่การงานก็ทำงานบริษัทอันดับต้นๆของประเทศ และการศึกษาเราทั้งตรีทั้งโท จบจากมหาลัยต้นๆเช่นเดียวกัน(อย่าเพิ่ง มั่นใส้เรานะคะ ว่าอวยตัวเอง แต่เราอยากอธิบายให้เห็นภาพว่าเราก็มีทางเลือกแต่เราก็เลือกที่จะรักเค้าคนเดียวไม่เคยแอบคบคนอื่นทั้งๆที่มีคนมาจีบเราตลอด)
               กลับมาที่ช่วงเตรียมงานแต่งงาน แม่เค้าเรียกเราเข้าไปว่าว่าจะแต่งงานกับลูกเค้าแล้ว เค้าอยากให้เราปรับปรุงการแต่งกาย ซึ่งเราก็แต่งตัวเหมือนวัยรุ่นทั่วไป ไม่ได้ถึงกับโป๊ ใส่ขาสั้นบางไรบ้าง เค้าบอกว่าต่อไปห้ามใส่กางเกงหรือกระโปรงสั้นเหนือเข่า ห้ามใส่เสื้อกล้าม เราก็งง เพราะตลอดที่คบกัน 11 ปี ก็เจอแม่เค้าตลอด ไม่เค้าก็ไม่เคยว่าอะไร แต่คำพูดที่แม่เค้าพูดกัยเราแรงมากคะ เหมือนดูถูดว่าเราแต่งตัวเหมือนผู้หญิง... ทั้งๆที่เราไม่ได้แต่งตัวถึงขั้นนั้น ก็แต่งแบบวัยรุ่นปกติ เราก็เลยบอกแม่เค้าไปว่าเราก็แต่งตัวตามกาลเทศะอย่างไปวัดเราก็ไม่เคยใส่ขาสั้นหรือกระโปรงสั้นเลย เราใส่กางเกงขายาวตลอด หรือไม่ก็กระโปรงยาว ยิ่งทำให้แม่เค้าไม่พอใจเราเข้าไปอีก ตั้งแต่ที่เตรียมงานก็มีผิดใจกัน
             ก่อนวันแต่งงานเดือนกว่าๆเรากับเค้าไปเที่ยว ตปท กัน ซึ่งตลอดที่เที่ยวกันก็สวีทกันปกติไม่มีเรื่องให้ทะเลาะกัน แต่พอกลับมาไทยแม่เค้าเรียกแม่เราไปพบที่บ้านและก็ว่าเราเรื่องที่เราไปบอกเค้าเรื่องว่าเรารู้จักกาลเทศะ และหลังจากนั้นแฟนเราก็เปลี่ยนไป
             ก่อนวันงานแต่ง 3 อาทิตย์ เค้ามาพบเราแล้วบอกขอยกเลิกงานแต่ง เค้าให้เหตุผลว่าเพราะเราไม่ยอมแม่เค้าเลย เถียงแม่เค้า ถ้าแต่งไปเราทะเลาะกับแม่เค้าอีกไงวันนึงก็ต้องหย่ากัน งั้นก้เลิกตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า ตอนนั้นบอกเลยว่าฟ้าถล่มต่อหน้าเราเลย เราช็อกมาก รักครั้งแรก คบมาจะเกือบ 12 ปี และอีก 3 อาทิตย์ก็จะแต่ง ไม่เคยอกหักมาก่อนในชีวิต มาเจอแบบนี้ไปเรายืนแทบไม่อยู่ เราเอาแต่โทษตัวเองว่าเพราะเราผิดเอง เราไม่ยอมแม่เค้า ไม่ปรับเปลี่ยนตัวเองตามที่แม่เค้าต้องการ แต่เพื่อนๆที่รู้จักเราและเค้าก็บอกว่าไม่น่าใช่เพราะเรื่องนี้หรอก กับแค่ผิดใจกับแม่แล้วเพิ่งจะมาผิดใจกันไม่ได้ไม่ถูกใจกันมาแต่แรกไม่น่าถึงขั้นต้องยกเลิกงานแต่ง ทุกคนบอกเสียงเดียวกันหมดว่าเค้ามีคนอื่นมากกว่า แต่เราก็ไม่เชื่อใครเลย
          พอเค้าบอกยกเลิกงานแต่งเค้าก็หายไปจากชีวิตเราเลย ไลนืไปอ่านไม่ตอบ โทรไปไม่รับจนเราต้องเอาเบอร์คนอื่นโทรไปเค้าถึงจะรับ เราตามง้อเค้า ร้องไห้ทุกคืนน้ำหนักลดลงมา 6-7 โลเราแทบบ้าตลอด 5-6 เดือน นั่งทำงานอยู่หน้าคอมน้ำตาก็ไหล จนเพื่อนๆที่คอนปลอบคอยมานอนกับเราที่บ้านก็ไม่ไหวเหมือนกัน เพื่อนเลยบอกว่าแกต้องยืนให้ได้นะ มันไม่ได้มาเสียใจกับแกหรอก ป่านนี้มันก็มีแฟนใหม่ไปแล้ว แกจะบ้าอยู่อย่างนี้หรอ
ลืมบอกไปค่ะ สรุปที่เค้าเลิกกับเราก็ตามที่ทุกคนคิดคืดเค้ามีคนใหม่แล้วพอเรามีปัญหากับแม่เค้า เค้าเลยอ้างเหตุผลนี้มาบอกเลิกเราโดยที่ตัวเค้าลอยนวลไม่ผิด
          และวันที่เราตาสว่างก็มาถึงเราเริ่มกลับมารักตัวเอง ดูแลตัวเอง หาอะไรที่ชอบทำ จนเรายืนได้ และก็เหมือนเดิมมีหนุ่มๆเข้ามาให้เราพิจารณามากมายแต่เราก็อยากพักใจก่อน เราหาอาชีพเสริมทำนอกจากงานประจำเพราะจะได้ไม่มีเวลาว่างไม่ต้องมาคิดเรื่องนี้ และเราก็ลบทุกอย่างที่ติดต่อเค้าทิ้ง และไม่เคยติดต่อเค้าไปอีกเลย แต่หลังจากนั้น 2 ปีเค้าก็ไลน์มาหาเรา ติดต่อกับมาหาเรา เราไม่กดอ่านเค้าก็ส่งมาเรื่องๆเราก็ไม่อ่าน จนเค้าพิมพ์มาว่าเราบล็อคไลน์เค้าหรอ ซึ่งวันนั้นเราตัดสินใจตอบกลับเค้าไป เพราะเราไม่คิดอะไรกับเค้าแล้ว และหลังจากนั้นเค้าก็จะไลน์มาหาเราตลอด มีขอนัดเจออยากเลี้ยงข้าวเราอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เราก็ปฏิเสธคุยกันแค่ทางไลน์เท่านั้นแต่เราก็ตอบกลับถามคำตอบคำ เพราะเราคิดว่ายังเป็นเพื่อนกันได้ เราไม่โกรธ ไม่เกลียดเค้าแล้ว
       เพราะปัจจุบันนี้เราเจิญก้าวหน้าอย่างมากทั้งหน้าที่การงานบริษัท และอาชีพเสริมของเราที่เราเริ่มทำตอนที่ตัดใจจากเค้าเพราะแค่อยากทำอะไรเยอะๆจะได้ไม่มีเวลาคิด ซึ่งตอนนี้เราสามารถเปิดร้านถึง 2 ร้านด้วยเงินทุน 12 ล้าน(ไม่ได้ใช้เงินสดเองทั้งหมด เพราะเงินทุนส่วนใหญ่มาจากการกู้แบงค์ sme) ที่เรามีถึงทุกวันนี้ได้เราต้องขอบคุณเค้าที่ทิ้งเราวันนั้น เพราะถ้าเค้าไม่ถึงเรา เราแต่งงานกันไปซักวันเราก็คงหย่ากันแน่นอนเพราะนิสัยของเค้าและแม่เค้า แล้วถ้าตอนนั้นเรามีลูกก็คงทำงานงกๆหาเงินให้ลูก ไม่ได้ทำตามที่ฝันจนมาเป็นอาชีพเสริมของเราในทุกวันนี้
      อ้อ มีอีกเรื่องที่เซอร์ไพส์คะ เมื่อปลายปีที่แล้วหลังจากที่เลิกกันมา 6-7 ปี แม่เค้าก้โทรมาหาเรา เราก็ไม่รู้ว่าเป็นแม่เค้าเพราะเราลบเบอร์ทิ้งไปแล้ว แม่เค้าก็ถามว่าเราสบายดีไหม ตอนนี้ทำงานอะไร แต่งงานหรือยัง แล้วก็ถามว่าเราติดต่อกับลูกเค้าอีกไหมแล้วก็บอกว่าตั้งแต่ลูกเค้าเลิกกับเราเค้าไม่มีผู้หญิงอื่นอีกเลยนะ นู้นนั้นนี้ เรารีบตัดบมวางสายเลย ไม่รู้จะคุยอะไร
    จากเรื่องราวของเรา เราเลยอยากให้กำลังใจกับคนที่อกหัก แล้วคิดว่าชีวิตนี้ไม่ไหวแล้ว อยากให้คิดว่าชีวิตเราไม่ได้มีแค่นี้ เราอาจจะเจอคนที่ดีกว่าคนนี้ก็ได้ หรือชีวิตเราอาจจะดีกว่านี้ก็ได้เมื่อเราเลิกกับคนนั้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่