เป็นที่ทราบกันดีว่าตอนนี้ กรุงเทพกำลังเจอปัญหาวิกฤตฝุ่น pm2.5 และไม่มีทีท่าว่าจะลดลงง่ายๆ ในระยะยาว
แต่ไม่ใช่ว่า เราเป็นประเทศแรกที่เจอปัญหา หลายๆ ประเทศมีวิธีแก้แบบบูรณาการหลายช่องทาง ซึ่ง 1 ในนั้นคือ วิธีการเพิ่มพื้นที่สีเขียว มีงานวิจัยมากมาย ที่รองรับวิธีการแก้ปัญหานี้ และมีประเทศที่ประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหา เช่น สิงคโปร์ ญี่ปุ่น
ภาพมุมสูงของสิงค์โปร์
การเพิ่มต้นไม้ เป็นการแก้ปัญหาระยะยาว ที่ทำได้ในเวลาอันสั้น แต่ในกรุงเทพ
มักติดปัญหาที่ว่า "
ต้นไม้ชนสายไฟ" มาดูทางออกของปัญหานี้กันครับ
1. ให้ตึก ห้างสรรพสินค้า คอนโด หรือผู้ประกอบการที่มี พื้นที่ติดถนนใหญ่ "รับผิดชอบค่าใช้จ่ายการนำสายไฟลงดิน" บริเวณหน้าบ้านตนเอง เช่น
- ห้าง C พระราม 9 มีพื้นที่ติดถนน 300 เมตร รับผิดชอบเงิน 3 ล้านบาท
- ธนาคารเขียว มีพื้นที่ติดถนน 50 เมตร รับผิดชอบเงิน 5 แสนบาท
(คิดราคากลางเอาสายไฟลงดิน ที่ กม ละ 10 ล้าน ทำจริงน่าจะถูกกว่านี้)
โดย กทม อาจจะเสนอ "
ส่วนลดภาษีโรงเรือน" เป็นการตอบแทน รวมทั้งอนุญาตให้
ลงชื่อ บนฟุตบาท หรือฝาท่อ ว่า "
สนับสนุนสายไฟลงดินโดยห้าง C"
ผมชื่อว่า บริษัทเหล่านี้ ยินดีจ่ายอยู่แล้ว เพราะเป็นบริเวณหน้าบ้านของตนเอง
ทั้งยังได้โฆษณาแบบ CSR ซึ่งเป็นจังหวะการตลาดที่ลงตัว ดังจะเห็นได้ว่า ห้าง M ก็ออกประกาศแจกหน้ากากฟรีไปแล้ว
งบแค่นี้ เป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับธุรกิจเหล่านี้
2. ขอบริจาคต้นไม้จากสวนต่างๆ ประเทศไทยมีผู้ประกอบการสวนจำนวนมากครับ
เมื่อได้สายไฟลงดินแล้ว กทม จะเอาต้นไม้แบบไหน ชนิดไหน
ถ้าประกาศไปมีแต่คนยินดีช่วยครับ เจ้าประจำอย่างสวนนงนุช ก็พร้อมเสมอครับ
3. การดูแลต้นไม้ ระยะยาว มีหลายทางออก เช่น
- นำงบประมาณจากการขึ้นภาษีโรงเรือน สำหรับผู้ประกอบการที่ไม่ปฎิบัติตามข้อ 1 และ ขึ้นภาษีรถยนต์ส่วนบุคคล
- ให้ห้างร้าน รับผิดชอบ พื้นที่หน้าบ้านตนเองไป โดยลดภาษีให้ระยะยาว
- ขออาสาสมัครชุมชน
ทั้ง 3 ข้อนี้ สามารถทำได้ทันที และทำได้เร็วด้วยครับ เชื่อว่าถ้าลงขันร่วมแรงกันจริงๆ อาจจะเสร็จภายใน 6 เดือน ถึง 1 ปี
ดีกว่ารอรถไฟฟ้าใต้ดินหลายๆ สาย หรือ ดีกว่ารอมาตรการนำรถไฟฟ้าเข้ามาและเปลี่ยนรถดีเซลเก่าๆ เป็นไหนๆ
ผลพลอยได้นอกจากจะได้อากาศบริสุทธิ์กลับคืนมาแล้ว กรุงเทพฯ จะมีอากาศเย็นขึ้น น่าเดิน การใช้รถส่วนตัวก็จะน้อยลง
ยิ่งไปกว่านั้น หากเลือกปลูกต้นไม้ ที่มีเอกลักษณ์สวยงาม ออกดอกเป็นหน้า ก็จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เพิ่มเติมได้อีกด้วย
เพื่อนๆ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะครับ ^^ และถ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์ฝากแชร์ให้ไปถึงผู้ว่าด้วยครับ
อ้างอิง:
- ต้นไม้ลดฝุ่น
https://news.thaipbs.or.th/content/277106
- ทำไมญี่ปุ่นอากาศดี
https://kiji.life/freshair-in-japan/
ข้อเสนอแนะผู้ว่าฯ ในการเพิ่มต้นไม้ ลดฝุ่น pm2.5 โดยไม่เสียเงินสักบาท
แต่ไม่ใช่ว่า เราเป็นประเทศแรกที่เจอปัญหา หลายๆ ประเทศมีวิธีแก้แบบบูรณาการหลายช่องทาง ซึ่ง 1 ในนั้นคือ วิธีการเพิ่มพื้นที่สีเขียว มีงานวิจัยมากมาย ที่รองรับวิธีการแก้ปัญหานี้ และมีประเทศที่ประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหา เช่น สิงคโปร์ ญี่ปุ่น
การเพิ่มต้นไม้ เป็นการแก้ปัญหาระยะยาว ที่ทำได้ในเวลาอันสั้น แต่ในกรุงเทพ
มักติดปัญหาที่ว่า "ต้นไม้ชนสายไฟ" มาดูทางออกของปัญหานี้กันครับ
1. ให้ตึก ห้างสรรพสินค้า คอนโด หรือผู้ประกอบการที่มี พื้นที่ติดถนนใหญ่ "รับผิดชอบค่าใช้จ่ายการนำสายไฟลงดิน" บริเวณหน้าบ้านตนเอง เช่น
- ห้าง C พระราม 9 มีพื้นที่ติดถนน 300 เมตร รับผิดชอบเงิน 3 ล้านบาท
- ธนาคารเขียว มีพื้นที่ติดถนน 50 เมตร รับผิดชอบเงิน 5 แสนบาท
(คิดราคากลางเอาสายไฟลงดิน ที่ กม ละ 10 ล้าน ทำจริงน่าจะถูกกว่านี้)
โดย กทม อาจจะเสนอ "ส่วนลดภาษีโรงเรือน" เป็นการตอบแทน รวมทั้งอนุญาตให้
ลงชื่อ บนฟุตบาท หรือฝาท่อ ว่า "สนับสนุนสายไฟลงดินโดยห้าง C"
ผมชื่อว่า บริษัทเหล่านี้ ยินดีจ่ายอยู่แล้ว เพราะเป็นบริเวณหน้าบ้านของตนเอง
ทั้งยังได้โฆษณาแบบ CSR ซึ่งเป็นจังหวะการตลาดที่ลงตัว ดังจะเห็นได้ว่า ห้าง M ก็ออกประกาศแจกหน้ากากฟรีไปแล้ว
งบแค่นี้ เป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับธุรกิจเหล่านี้
2. ขอบริจาคต้นไม้จากสวนต่างๆ ประเทศไทยมีผู้ประกอบการสวนจำนวนมากครับ
เมื่อได้สายไฟลงดินแล้ว กทม จะเอาต้นไม้แบบไหน ชนิดไหน
ถ้าประกาศไปมีแต่คนยินดีช่วยครับ เจ้าประจำอย่างสวนนงนุช ก็พร้อมเสมอครับ
3. การดูแลต้นไม้ ระยะยาว มีหลายทางออก เช่น
- นำงบประมาณจากการขึ้นภาษีโรงเรือน สำหรับผู้ประกอบการที่ไม่ปฎิบัติตามข้อ 1 และ ขึ้นภาษีรถยนต์ส่วนบุคคล
- ให้ห้างร้าน รับผิดชอบ พื้นที่หน้าบ้านตนเองไป โดยลดภาษีให้ระยะยาว
- ขออาสาสมัครชุมชน
ทั้ง 3 ข้อนี้ สามารถทำได้ทันที และทำได้เร็วด้วยครับ เชื่อว่าถ้าลงขันร่วมแรงกันจริงๆ อาจจะเสร็จภายใน 6 เดือน ถึง 1 ปี
ดีกว่ารอรถไฟฟ้าใต้ดินหลายๆ สาย หรือ ดีกว่ารอมาตรการนำรถไฟฟ้าเข้ามาและเปลี่ยนรถดีเซลเก่าๆ เป็นไหนๆ
ผลพลอยได้นอกจากจะได้อากาศบริสุทธิ์กลับคืนมาแล้ว กรุงเทพฯ จะมีอากาศเย็นขึ้น น่าเดิน การใช้รถส่วนตัวก็จะน้อยลง
ยิ่งไปกว่านั้น หากเลือกปลูกต้นไม้ ที่มีเอกลักษณ์สวยงาม ออกดอกเป็นหน้า ก็จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เพิ่มเติมได้อีกด้วย
เพื่อนๆ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะครับ ^^ และถ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์ฝากแชร์ให้ไปถึงผู้ว่าด้วยครับ
อ้างอิง:
- ต้นไม้ลดฝุ่น https://news.thaipbs.or.th/content/277106
- ทำไมญี่ปุ่นอากาศดี https://kiji.life/freshair-in-japan/