31/1/2562
นักธรณี ไขปริศนา ลาวาโคลน ชี้ไม่ใช่สิ่งลี้ลับ - อย่าเข้าใกล้ โคลนลึกถึง 3 เมตร
นักธรณี ชี้ ลาวาโคลนผุดกลางทุ่งนา เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติไม่ใช่สิ่งลี้ลับ เตือนคอหวยอย่าเข้าใกล้ เพราะใต้โคลนมีความลึกถึง 3 เมตร อาจเกิดอันตรายได้
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
จากกรณีชาวบ้าน ต.โคกกระเบื้อง อ.บ้านเหลื่อม จ.นครราชสีมา พากันประหลาดใจกับปรากฏการณ์ดินโคลนเหลว ๆ คล้าย "ลาวา" ผุดขึ้นมาจากหลุมลึก จนเป็นเนินดิน ส่วนตรงกลางมีรอยแตกของแผ่นดิน และลาวาโคลนค่อย ๆ ไหลลงตามพื้นราบโดยรอบ ซึ่งเกิดขึ้นบริเวณกลางทุ่งนาที่มีสภาพแห้งแล้ง โดยชาวบ้านเชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ จึงได้นำดอกไม้ธูปเทียนไปกราบไหว้ขอโชคลาภนั้น (อ่านข่าว : ฮือฮา ลาวาโคลน เดือดผุดกลางทุ่งนาแห้งแล้ง คอหวยแห่ไหว้ขอเลขเด็ด)
ล่าสุด (30 มกราคม 2562) อมรินทร์ ทีวี รายงานว่า นายธวัชชัย เลาวัณย์ศิริ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกกระเบื้องได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโคลนผุดดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นได้ทำป้ายประชาสัมพันธ์เตือนอันตราย พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ อปพร. ดูแลความปลอดภัย และจะทำหนังสือแจ้งเหตุที่เกิดขึ้นไป อ.บ้านเหลื่อม เพื่อขอความช่วยเหลือให้แก่เกษตรกรต่อไป
ขณะที่ ผศ. ดร.อัฆพรรค์ วรรณโกมล หัวหน้าสาขาวิชาเทคโนโลยีธรณี สำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เผยว่า โคลนผุดดังกล่าว น่าจะเป็นการไหลทะลักขึ้นมาของน้ำใต้ดิน ซึ่งเป็นการปรับสมดุลแรงดันของน้ำใต้ดิน และจากที่เห็นน้ำโคลนที่ผุดออกมาก็ไม่มีความร้อนแต่อย่างใด จึงไม่เกี่ยวข้องกับความร้อนใต้พิภพ ซึ่งในช่วงฤดูแล้งน้ำโคลนก็จะลดแรงดันลง และหยุดไปเอง
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ด้านนายสมบูรณ์ โฆษิตานนท์ ผู้อำนวยการสำนักธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อม กรมทรัพยากรธรณี กล่าวว่า ปรากฏการณ์โคลนผุด เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ เกิดจากมีแรงดันน้ำใต้ดินทำปฏิกิริยากับหินผุ จนเกิดเป็นแร่ดินชนิดหนึ่ง ขยายตัวประมาณ 5-30 เท่า จนกลายเป็นดินโคลนดันขึ้นมาตามรอยแตก ที่ผ่านมาเคยเกิดขึ้นมาแล้วในภาคอีสาน เช่น จ.หนองบัวลำภู และ จ.ชัยภูมิ ซึ่งไม่เกี่ยวกับความร้อนใต้พิภพ หรือสิ่งลี้ลับ
ทั้งนี้ ยังไม่มีหน่วยงานใดนำตัวอย่างดินโคลนไปศึกษาอย่างจริงจังว่าดินชนิดนี้ สามารถนำไปใช้งานอื่นได้หรือไม่ พร้อมฝากเตือนประชาชน โคลนดังกล่าวมีความเป็นด่าง หากโดนผิวหนังอาจทำให้ระคายเคืองหรือคันได้ และอย่าเดินไปใกล้บริเวณที่ดินโคลนอ่อนนุ่ม เพราะใต้โคลนมีความลึกถึง 3 เมตร อาจเกิดอันตรายได้
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
KAPOOK/HILIGHT
นักธรณี ไขปริศนา ลาวาโคลน ชี้ไม่ใช่สิ่งลี้ลับ
นักธรณี ไขปริศนา ลาวาโคลน ชี้ไม่ใช่สิ่งลี้ลับ - อย่าเข้าใกล้ โคลนลึกถึง 3 เมตร
นักธรณี ชี้ ลาวาโคลนผุดกลางทุ่งนา เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติไม่ใช่สิ่งลี้ลับ เตือนคอหวยอย่าเข้าใกล้ เพราะใต้โคลนมีความลึกถึง 3 เมตร อาจเกิดอันตรายได้
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
จากกรณีชาวบ้าน ต.โคกกระเบื้อง อ.บ้านเหลื่อม จ.นครราชสีมา พากันประหลาดใจกับปรากฏการณ์ดินโคลนเหลว ๆ คล้าย "ลาวา" ผุดขึ้นมาจากหลุมลึก จนเป็นเนินดิน ส่วนตรงกลางมีรอยแตกของแผ่นดิน และลาวาโคลนค่อย ๆ ไหลลงตามพื้นราบโดยรอบ ซึ่งเกิดขึ้นบริเวณกลางทุ่งนาที่มีสภาพแห้งแล้ง โดยชาวบ้านเชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ จึงได้นำดอกไม้ธูปเทียนไปกราบไหว้ขอโชคลาภนั้น (อ่านข่าว : ฮือฮา ลาวาโคลน เดือดผุดกลางทุ่งนาแห้งแล้ง คอหวยแห่ไหว้ขอเลขเด็ด)
ล่าสุด (30 มกราคม 2562) อมรินทร์ ทีวี รายงานว่า นายธวัชชัย เลาวัณย์ศิริ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกกระเบื้องได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโคลนผุดดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นได้ทำป้ายประชาสัมพันธ์เตือนอันตราย พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ อปพร. ดูแลความปลอดภัย และจะทำหนังสือแจ้งเหตุที่เกิดขึ้นไป อ.บ้านเหลื่อม เพื่อขอความช่วยเหลือให้แก่เกษตรกรต่อไป
ขณะที่ ผศ. ดร.อัฆพรรค์ วรรณโกมล หัวหน้าสาขาวิชาเทคโนโลยีธรณี สำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เผยว่า โคลนผุดดังกล่าว น่าจะเป็นการไหลทะลักขึ้นมาของน้ำใต้ดิน ซึ่งเป็นการปรับสมดุลแรงดันของน้ำใต้ดิน และจากที่เห็นน้ำโคลนที่ผุดออกมาก็ไม่มีความร้อนแต่อย่างใด จึงไม่เกี่ยวข้องกับความร้อนใต้พิภพ ซึ่งในช่วงฤดูแล้งน้ำโคลนก็จะลดแรงดันลง และหยุดไปเอง
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ด้านนายสมบูรณ์ โฆษิตานนท์ ผู้อำนวยการสำนักธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อม กรมทรัพยากรธรณี กล่าวว่า ปรากฏการณ์โคลนผุด เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ เกิดจากมีแรงดันน้ำใต้ดินทำปฏิกิริยากับหินผุ จนเกิดเป็นแร่ดินชนิดหนึ่ง ขยายตัวประมาณ 5-30 เท่า จนกลายเป็นดินโคลนดันขึ้นมาตามรอยแตก ที่ผ่านมาเคยเกิดขึ้นมาแล้วในภาคอีสาน เช่น จ.หนองบัวลำภู และ จ.ชัยภูมิ ซึ่งไม่เกี่ยวกับความร้อนใต้พิภพ หรือสิ่งลี้ลับ
ทั้งนี้ ยังไม่มีหน่วยงานใดนำตัวอย่างดินโคลนไปศึกษาอย่างจริงจังว่าดินชนิดนี้ สามารถนำไปใช้งานอื่นได้หรือไม่ พร้อมฝากเตือนประชาชน โคลนดังกล่าวมีความเป็นด่าง หากโดนผิวหนังอาจทำให้ระคายเคืองหรือคันได้ และอย่าเดินไปใกล้บริเวณที่ดินโคลนอ่อนนุ่ม เพราะใต้โคลนมีความลึกถึง 3 เมตร อาจเกิดอันตรายได้
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
KAPOOK/HILIGHT