...ได้อ่านบทความของ นพ.อธิพงศ์ พัฒนเศรษฐพงษ์ แล้วเห็นด้วยว่าเป็นความคิดที่น่าสนใจ
ว่าแต่ทางกรรมการแพทยสภาชุดใหม่หมาดๆ จะสนใจหรือไม่ขอรับ ...
_______________________________________________________________________________
... ปลดปล่อย ‘แพทยสภา’ จากบทบาททับซ้อน ด้วยการมอบหน้าที่ใหม่ให้ ‘แพทยสมาคม’ ...
( Thu, 2018-03-08 10:15 -- hfocus
นพ.อธิพงศ์ พัฒนเศรษฐพงษ์ )
ป.ล. ขอยกมาเฉพาะข้อความบางตอน เพื่อไม่ให้เปลืองพื้นที่...สนใจอ่านต่อใน Spoil นะครับ
...ปัญหาสำคัญเรื่องหนึ่งของแพทยสภาในปัจจุบันก็คือแพทยสภาพยายามจะเป็นทั้งคุณปู่และคุณย่าของผมไปพร้อม ๆ กัน
นั่นคือแพทยสภาพยายามจะสวมบทบาทคุณปู่ที่เป็นไม้บรรทัดคอยบังคับเอามาตรฐานจากแพทย์ไปพร้อม ๆ กับการสวม
บทบาทคุณย่าที่คอยเอาใจและช่วยเหลือแพทย์ไปด้วยในเวลาเดียวกัน...
...หน้าที่ในการเป็นไม้บรรทัดของแพทยสภานั้นก็ยังคงทำอยู่ต่อเนื่องมาแต่อดีต แพทยสภากำหนดมาตรฐานวิชาชีพ
ทำการสอบสวนกรณีร้องเรียนผู้ที่ปฏิบัติไม่ได้มาตรฐาน และกำหนดเกณฑ์การสอบใบประกอบโรคศิลป์ แต่ในช่วงหลัง ๆ
เรามักจะเห็นบทบาทในการช่วยเหลือแพทย์มากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นการที่แพทยสภาผลักดันนโยบายที่สามารถมองได้ว่า
เอื้อประโยชน์ให้กับแพทย์ในการสู้คดี (เช่น คำสั่งแพทยสภา ราชวิทยาลัยงดให้ความเห็นทางการแพทย์: รวบอำนาจ
หรือ มาตรฐานวิชาชีพ ? และ เปลี่ยน ‘บริการ’ เป็น ‘บริบาล’ ช่วยลดฟ้องร้องแพทย์ เพิ่มประโยชน์ ปชช.ได้หรือไม่)
การที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งกรรมการแพทยสภาเสนอนโยบายช่วยเหลือแพทย์ด้วยกันเอง หรือจากการที่แพทย์จำนวนไม่น้อย
เชื่อว่าแพทยสภามีหน้าที่ปกป้องแพทย์ และคนไม่น้อยในสังคมก็มีความรู้สึกว่าแพทยสภาไม่เป็นกลาง สถานการณ์เช่นนี้นั้น
สร้างปัญหาให้กับความน่าเชื่อถือของแพทยสภาเป็นอย่างมาก
นี่เป็นเพราะว่าการเป็นไม้บรรทัดกับการคอยเอาใจนั้นเป็นบทบาทที่แตกต่างกันมากและยากที่จะรวมกันได้ ...
...แพทยสภานั้นมีหน้าที่ในการยืนยันกับสาธารณชนว่ามาตรฐานที่เหมาะสมเป็นอย่างไร ดังนั้นเมื่อแพทยสภารับบทบาท
ทั้งไม้บรรทัดวัดแพทย์และผู้ช่วยเหลือแพทย์ไปพร้อม ๆ กันแล้วก็ไม่น่าแปลกใจที่ข้อวินิจฉัยต่าง ๆ จากแพทยสภาจะมี
น้ำหนักน้อยลง ถ้ามีประเด็นร้องเรียนแล้วแพทยสภาวินิจฉัยว่าแพทย์ปฏิบัติถูกต้อง สาธารณชนจะรู้ได้อย่างไรว่า
ในขณะนั้นแพทยสภารับบทคุณย่าผู้ใจดีและแอบช่วยเหลือแพทย์อยู่รึเปล่า?...
...เราจะเห็นผลของเรื่องนี้ได้จากการที่ในอดีตนั้นเมื่อผู้ใดต้องการร้องเรียนแพทย์ก็จะทำการร้องเรียนต่อแพทยสภา
เป็นหลัก แต่ในช่วงหลัง ๆ นี้เราไม่ได้ยินใครพูดถึงการร้องเรียนต่อแพทยสภาอีกแล้ว มีแต่เรื่องของการฟ้องศาล
การเปลี่ยนแปลงนี้ก็สะท้อนว่าสาธารณชนไม่เห็นประโยชน์จากการร้องเรียนกับแพทยสภา จึงเลือกที่จะพ้องร้อง
ผ่านองค์กรภายนอก แทนที่จะให้แพทยสภากำกับดูแลพฤติกรรมแพทย์ด้วยกันเอง...
...หน้าที่ของแพทยสภาคือเข้มงวดกับแพทย์ อาจจะถึงขั้นต้องคอยจับผิด เพราะบทบาทที่สำคัญที่สุดของแพทยสภา
คือการรักษามาตรฐานของวงการแพทย์ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชน ด้วยเหตุนี้จะช่วยเหลือแพทย์ด้วยกันไม่ได้...
...แพทยสภาจึงต้องยุติบทบาทที่ทับซ้อนเพื่อไม่ให้ใครมององค์กรว่าเป็นเหมือนไม้บรรทัดเบี้ยว ๆ อันนั้น...
ที่มา :
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.hfocus.org/content/2018/03/15531
‘ แพทยสภาชุดใหม่ ’ ควรปรับบทบาทหรือไม่?
ว่าแต่ทางกรรมการแพทยสภาชุดใหม่หมาดๆ จะสนใจหรือไม่ขอรับ ...
_______________________________________________________________________________
... ปลดปล่อย ‘แพทยสภา’ จากบทบาททับซ้อน ด้วยการมอบหน้าที่ใหม่ให้ ‘แพทยสมาคม’ ...
( Thu, 2018-03-08 10:15 -- hfocus
นพ.อธิพงศ์ พัฒนเศรษฐพงษ์ )
ป.ล. ขอยกมาเฉพาะข้อความบางตอน เพื่อไม่ให้เปลืองพื้นที่...สนใจอ่านต่อใน Spoil นะครับ
...ปัญหาสำคัญเรื่องหนึ่งของแพทยสภาในปัจจุบันก็คือแพทยสภาพยายามจะเป็นทั้งคุณปู่และคุณย่าของผมไปพร้อม ๆ กัน
นั่นคือแพทยสภาพยายามจะสวมบทบาทคุณปู่ที่เป็นไม้บรรทัดคอยบังคับเอามาตรฐานจากแพทย์ไปพร้อม ๆ กับการสวม
บทบาทคุณย่าที่คอยเอาใจและช่วยเหลือแพทย์ไปด้วยในเวลาเดียวกัน...
...หน้าที่ในการเป็นไม้บรรทัดของแพทยสภานั้นก็ยังคงทำอยู่ต่อเนื่องมาแต่อดีต แพทยสภากำหนดมาตรฐานวิชาชีพ
ทำการสอบสวนกรณีร้องเรียนผู้ที่ปฏิบัติไม่ได้มาตรฐาน และกำหนดเกณฑ์การสอบใบประกอบโรคศิลป์ แต่ในช่วงหลัง ๆ
เรามักจะเห็นบทบาทในการช่วยเหลือแพทย์มากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นการที่แพทยสภาผลักดันนโยบายที่สามารถมองได้ว่า
เอื้อประโยชน์ให้กับแพทย์ในการสู้คดี (เช่น คำสั่งแพทยสภา ราชวิทยาลัยงดให้ความเห็นทางการแพทย์: รวบอำนาจ
หรือ มาตรฐานวิชาชีพ ? และ เปลี่ยน ‘บริการ’ เป็น ‘บริบาล’ ช่วยลดฟ้องร้องแพทย์ เพิ่มประโยชน์ ปชช.ได้หรือไม่)
การที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งกรรมการแพทยสภาเสนอนโยบายช่วยเหลือแพทย์ด้วยกันเอง หรือจากการที่แพทย์จำนวนไม่น้อย
เชื่อว่าแพทยสภามีหน้าที่ปกป้องแพทย์ และคนไม่น้อยในสังคมก็มีความรู้สึกว่าแพทยสภาไม่เป็นกลาง สถานการณ์เช่นนี้นั้น
สร้างปัญหาให้กับความน่าเชื่อถือของแพทยสภาเป็นอย่างมาก
นี่เป็นเพราะว่าการเป็นไม้บรรทัดกับการคอยเอาใจนั้นเป็นบทบาทที่แตกต่างกันมากและยากที่จะรวมกันได้ ...
...แพทยสภานั้นมีหน้าที่ในการยืนยันกับสาธารณชนว่ามาตรฐานที่เหมาะสมเป็นอย่างไร ดังนั้นเมื่อแพทยสภารับบทบาท
ทั้งไม้บรรทัดวัดแพทย์และผู้ช่วยเหลือแพทย์ไปพร้อม ๆ กันแล้วก็ไม่น่าแปลกใจที่ข้อวินิจฉัยต่าง ๆ จากแพทยสภาจะมี
น้ำหนักน้อยลง ถ้ามีประเด็นร้องเรียนแล้วแพทยสภาวินิจฉัยว่าแพทย์ปฏิบัติถูกต้อง สาธารณชนจะรู้ได้อย่างไรว่า
ในขณะนั้นแพทยสภารับบทคุณย่าผู้ใจดีและแอบช่วยเหลือแพทย์อยู่รึเปล่า?...
...เราจะเห็นผลของเรื่องนี้ได้จากการที่ในอดีตนั้นเมื่อผู้ใดต้องการร้องเรียนแพทย์ก็จะทำการร้องเรียนต่อแพทยสภา
เป็นหลัก แต่ในช่วงหลัง ๆ นี้เราไม่ได้ยินใครพูดถึงการร้องเรียนต่อแพทยสภาอีกแล้ว มีแต่เรื่องของการฟ้องศาล
การเปลี่ยนแปลงนี้ก็สะท้อนว่าสาธารณชนไม่เห็นประโยชน์จากการร้องเรียนกับแพทยสภา จึงเลือกที่จะพ้องร้อง
ผ่านองค์กรภายนอก แทนที่จะให้แพทยสภากำกับดูแลพฤติกรรมแพทย์ด้วยกันเอง...
...หน้าที่ของแพทยสภาคือเข้มงวดกับแพทย์ อาจจะถึงขั้นต้องคอยจับผิด เพราะบทบาทที่สำคัญที่สุดของแพทยสภา
คือการรักษามาตรฐานของวงการแพทย์ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชน ด้วยเหตุนี้จะช่วยเหลือแพทย์ด้วยกันไม่ได้...
...แพทยสภาจึงต้องยุติบทบาทที่ทับซ้อนเพื่อไม่ให้ใครมององค์กรว่าเป็นเหมือนไม้บรรทัดเบี้ยว ๆ อันนั้น...
ที่มา : [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้