1 ประสบการณ์(ร้าย)ที่สร้างกำแพงบางอย่างให้คุณ อาจจะตลอดกาลหรือตลอดไป

ไฟดับ!! ยายกระซิบข้างหู เด็กน้อยนอนตัวเกร็ง หง่าว หง่าว คล้ายเสียงแมวคำราม แต่ประหลาดใจนัก เพราะบ้านเราไม่เลี้ยงแมว

บ้านไม้สองชั้น ข้างล่างว่างเปล่าไม่มีใคร มีเพียงหน้าต่าง 6 บาน ประตูไม้โบราณปิดเปิด ทีวิ หูกทอผ้า รถไถนาและที่นอนแคร่ไม้ไผ่ที่ไร้ซึ้งคนนอน และห้องครัวที่เต็มไปด้วยของกิน ของใช้สมัยโบราณ

ถัดไปเป็นบันไดเพื่อขึ้นไปชั้นสอง เป็นสองห้องนอนที่มีชานโล่งกว้างเปิดไว้เพื่อรับลม กลางชานมีคัตเอ้าไฟเพื่อควบคุมไฟทั้งสองหลัง ในบ้านยายและบ้านหลานซึ่งอยู่ห่างกันไม่ถึง 10 ก้าว

“หง่าว หง่าว เสียงคล้ายแมวคำราม” ยายกระซิบข้างหูเบา ๆ ไฟดับ ไฟดับ เด็กน้อยตัวเกร็งด้วยความกลัวและกอดยายแน่น

ก็อก ก็อก !1! ก็อก ก็อก !2! เสียงเคาะประตูยิ่งดังขึ้น ยายรีบลุกไปดู หนูก็ตามไป ระหว่างช่องประตูมีรูพอเห็นเงาลำไร ชายร่างใหญ่กำยำออกแรงดึกประตูอย่างหนัก ยายดึงประตูไว้ สองมือหลานกอดเอวแน่นพร้อมกับร้องไห้โฮ ตัวสั่นสะท้าน ชายคนนั้นเป็นใคร มาจากไหน เขาจะมาทำอะไร(ในหัวของเด็กน้อย) ยายส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ แรงดึงประตูยิ่งแรงขึ้น ยายร้องไม่หยุด “ช่วยด้วยคนขึ้นบ้าน” ไปหลายหน มือพลางจับกรประตู หลานก็ร้องสะอื้นด้วยความกลัว สายตาที่ประทะกับชายผู้นั้นยังจำติดตา ภาพความกลัวยิ่งชัดขึ้น พร้อมส่งเสียงร้องสะอื้นร่วมชั่วโมง  พ่อรู้สึกตัว ไฟก็มืดมัวดับทั้งหลัง คว้าได้ปืนไม้รีบวิ่งพลัน แต่ไม่ทันมันวิ่งไปไกล เสียงหมาเห่าดังลั่นไปหลังบ้าน พร้อมกับความกลัวที่ฝังในจิตใจ ประตูห้องครัวที่เปิดไว้คงใช่ทางที่โจรหนีไป  พ่อ แม่รีบมา พายายไปบ้านผู้ใหญ่เพื่อแจ้งความ คืนเงียบสงัดฟ้ามืดสนิท ทุกบ้านบิดไฟหลับนอน

ยายหลานสั่นรัว ทราบตัวว่าคือใคร ชายคนนั้นผู้น่ากลัว  เขาจะมาข่มขืนยาย ถ้าเข้ามาได้คงเหมือนตายทั้งตัว

ทุกคนเคยมีวัยเด็กที่น่าจดจำและสวยงาม แต่อีกหลายคนก็อาจจะเคยมีช่วงวัยเด็กที่น่าผวาและสะเทือนใจ ประสบการณ์นั้นที่ส่งผลต่อจิตใจให้เราชอบ ไม่ชอบกับบางอย่าง และส่งผลให้เกิดความกลัวลึก ๆ ในก้นบึ้งของหัวใจ และโดนขังไว้ในก้นบึ้งหัวใจเช่นกัน
เรื่องราวผ่านไปเนิ่นนาน ชายคนนั้นหวนกลับมา เด็กน้อยก็เติบโตเป็นสาว

ช่วงมัธยมต้น
เธอกลายเป็นเด็กหญิงที่กลัวผู้ชาย ไม่กล้าเข้าใกล้เพื่อนผู้ชาย วางตัวกับผู้ชายไม่เป็น ไม่คบเพื่อนที่เป็นผู้ชาย เมื่ออยู่ต่อหน้าเพื่อนผู้ชายก็จะเงียบ ไม่พูดไม่จาและอยู่ในมุมของตัวเอง(นั่นคือ(Safe Zone)ที่ดีและปลอดภัยของเธอ

เมื่อเข้าสู่ช่วงมัธยมปลาย
เธอก็โตเป็นสาวรุ่นเข้ามาเรียนในวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในเมือง แต่ความกลัวกลับไม่ได้คลายไปจากใจเลย โชคดีหน่อยที่ห้องของเธอไม่มีผู้ชายเธอใช้ชีวิตปกติ สนุก สนาน แบบวัยรุ่น

มันยากตรงที่เวลาเธอออกไปทำงานร่วมกับผู้ชาย หรือต้องพบปะพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานที่เป็นผู้ชาย เธอกับพบว่ามันเป็นอุปสรรคอย่างมาก เมื่อเธอรู้สึกอึดอัด ไม่ชอบ ไม่เข้าใกล้ ไม่ให้ใครมาสัมผัส(ผู้ชาย) จะมีผู้ชายมาพูดคุย หยอกล้อ ตีสนิทด้วย เธอจะป้องกันตัวเองด้วยการทำหน้าบูดบึ้ง ไม่สบตา และเงียบสนิทเสมือนเธอไม่ได้อยู่ตรงนั้น

จุดเปลี่ยน
เมื่อเธอโตขึ้นและทำงาน เธอเห็นเพื่อน พี่ น้องรอบตัวหลายคนเขาสามารถวางตัว คุย หยอกล้อกับผู้ชายได้อย่างสนุกสนานและมีความสุข เธอมีคำถามในใจว่าเพราะอะไรเราถึงไม่กล้าที่จะพูดคุย เจรจากับคนพวกนั้นได้เหมือนเพื่อนคนอื่น เพราะอะไรนะทำไมเราถึงไม่อยากเข้าใกล้ผู้ชาย มันประจวบกับช่วงที่เธอแอบชอบรุ่นพี่คนหนึ่ง มาเป็นเวลา 12 ปี แต่ก็ไม่เคยมีใครรู้เลย เพราะเธอเป็นคนเก็บอาการได้เนียนมาก เธอเลยลองเปิดใจและหาวิธีการพูดคุยเพื่อให้สามารถคุยกับเพศตรงข้ามได้บ้าง

แรก ๆ ก็กล้า ๆ กลัว สติสตังไม่มี ไม่รู้จะพูดยังไง แค่คำทักทายยังอายที่จะพูด ต้องซ้อมไปจากบ้านและจินตนาการว่าเมื่อเดินผ่านจะทำตัวแบบไหนและทักทายด้วยถ้อยคำใด “สวัสดีค่ะพี่”  สวัสดีจ้ะเป็นไงบ้างพร้อมกับส่งยิ้มน้อย ๆ โล่งขึ้นมาทันใด นั่นถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการศึกษาวิธีการในการพูด เข้าหาและเริ่มหยอกล้อกับผู้ชายหรือคนแปลกหน้า(เพศชาย) และเริ่มสังเกตพฤติกรรม วิเคราะห์คนจากลักษณะท่าทาง นิสัยใจคอ และเรียนรู้วิธีที่จะเข้าหาคนแต่ละประเภทอย่างแนบเนียน  และไม่น่าเชื่อว่าเธอจะทำได้อย่างดีเยี่ยม จนไม่มีใครรู้เลยว่าห้วงเวลานั้นเธอผ่านความกลัว กังวลมานานแค่ไหน

เมื่อเธอโตเป็นผู้ใหญ่วัยทำงาน เข้าใจ เรียนรู้และตามหาบางอย่างและพบคำตอบกับหลายเรื่องมากขึ้น เธอก็นึกขึ้นได้ว่า”เอ้อฉันอยู่มา 29 ปีก็ยังไม่เคยมีแฟนเลยนี่เนาะ 555″ แต่กลับรู้สึกเฉยชาเพราะอยู่คนเดียวและทำอะไรคนเดียวมาตลอด 29 ปี

แต่เสียงภายในหัวใจกลับชัดขึ้น ชัดขึ้น และเกิดคำถามว่าทำไมเราถึงกลัวการมีแฟน และการแต่งงาน กลัวความสัมพันธ์แบบชาย-หญิง  ถึงแม้ว่าการวางและปรับตัวให้อยู่กับเพศตรงข้ามของเธอจะหมดปัญหาไปแล้วก็ตาม แต่อะไรคือความกลัวลึก ๆ ภายในจิตใจ คำตอบที่ชัดเจนตอนวัยเด็กก็โผล่ขึ้นมาบ่อยครั้ง  “โอ้วตอนเด็กเราเคยมีประสบการณ์ที่เลวร้ายขนาดนี้เชียวหรือ” นี้ไม่ได้โดนข่มขืนแต่ก็เกือบตกอยู่ในสภาวะนั้น เมื่อรับรู้ปมตรงนี้จึงหลุดและคลี่คลาย
โล่งอย่างบอกไม่ถูก

อะไรกันนะที่มาบดบังความกลัวเหล่านั้นจนทำให้เราลืมไปเลยว่าเคยเจอเหตุการร้าย ๆ ในตอนอายุ 7 ขวบ แล้วอะไรที่ทำให้เราเจอปมนี้ที่ชัดเจน

เมื่อเจอแล้วไม่ได้หมายความว่าเราจะทำใจได้และรู้สึกดีใจ แต่แค่มาบรรเทาความกลัวในบางห้วงสำหรับการวางตัวกับเพศตรงข้ามเท่านั้น แต่นั่นไม่อาจทำให้เธอยอมเปิดประตูหัวใจให้กับชายใดได้เลย ความกลัวไม่ได้หายไปไหน แค่ปรับตัวและอยู่ได้อย่างมีความสุขเท่านี้จริง ๆ

เรื่องเล่าของคนอยากเล่าเท่านั้นเอง เรื่องเล่าบางตอนเป็นประสบการณ์ของคนใกล้ตัวบวกกับประสบการณ์ตรงบางช่วงชีวิตที่คล้ายคลึงกัน จึงนำมาแบ่งปัน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่