สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรก จขกท. เพิ่งเริ่มหัดเขียน ถ้ามีอะไรผิดพลาด ต้องขออภัยล่วงหน้านะคะ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่ากระทู้นี้ เขียนเพื่อจะแชร์ให้เห็นอีกทางเลือกหนึ่งของการเดินทางในบาหลี จขกท. เดินทางเองครั้งแรก ไม่มีไกด์นำทาง และเห็นว่าวิธีนี้ เป็นวิธีที่สะดวก ง่าย ราคาประหยัด แต่ยังไม่ค่อยเห็นมีรีวิว เลยอยากจะแชร์ให้ฟังค่ะ เอาไว้เผื่อใครที่อยากแพลนสถานที่เที่ยวเอง ไม่รีบร้อน จะได้เก็บข้อมูลไว้เป็นอีกทางเลือกนึงนะคะ หวังว่าจะพอมีประโยชน์กับทุกท่านนะคะ
ข้อมูลราคาของรถพร้อมคนขับกับโปรแกรมทัวร์ทั่วไป ส่วนมากจะคิดราคาแบบเหมาจ่าย Half-day/Full-day อยู่ที่ประมาณ 400,000 – 500,000IDR ต่อคัน หรือประมาณ 1,140 บาทไทย ต่อคัน ต่อวัน แต่เรารู้สึกว่าที่ที่เราจะไปมีไม่กี่ที่ และอยากจะไปแบบชิวๆ ในแต่ละที่มากกว่าจะต้องรีบทำเวลาเพื่อที่จะเก็บให้หมดทุกที่ (อันนี้ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลนะคะ) ซึ่งพอลองมาคำนวณดูแล้ว โปรแกรมเราอาจไม่ค่อยคุ้มกับการเหมาจ่ายแบบนี้ จึงเป็นที่มาของการเรียกรถแท๊กซี่ค่ะ แต่มาถึงยุค 4.0 นี้แล้ว ทุกอย่างแค่ปลายนิ้วสัมผัส ไม่ต้องยืนตากแดด โบกรถ ที่จะมารับไม่มารับก็ไม่รู้ สื่อสารคนละภาษาจะเข้าใจหรือไม่ก็ไม่รู้ แถมยังต้องเสี่ยงกับการที่คนขับแปลกหน้าจะพาเราไปถูกที่ถูกทางหรือไม่ แอปเรียกแท๊กซี่นี้ จึงเป็นคำตอบของเราค่ะ
โปรแกรมคร่าวๆ ทริป 4 วัน 3คืน เน้นเที่ยว 2 เมือง Ubud และ Kuta
Day 1: BKK to Ubud
6:15 – 11:30: BKK – DPS by AirAsia
13:30 – 15:00: Airport to Ubud & check in at Pramana Watu Kurung
16:00: Afternoon Tea
19:00: Dinner at resort
Day 2: Ubud
10:45 – 19:00: Bali Pulina Coffee Plantation, Uma Pakel Swing, d’Alas restaurant, Pura Tirta Empul, Akasha Restaurant,
20:00: off to Kuta
21:00: arrive check in at Hotel, Kuta
Day 3: Kuta
Beachwalk
Potato Head Beach Club
Ku De Ta
Flapjacks
Day 4: Kuta to BKK
Jimbaran Beach Club
Sundara Four Seasons
19:20 – 23:00 DPS to BKK by Thai Lion Air

Credit: ขอบคุณรูปสวย ๆ จาก HotelsCombined
วันแรก
6:15 – 11:30 เริ่มด้วยการเดินทาง เราเดินทางโดยสายการบินแอร์เอเชีย ถึงสนามบินบาหลีประมาณ 11:30am ขอบอกว่าต่อแถวเข้า immigration ใช้เวลานานมากกกก แถวยาวและช้ามาก เสียเวลาตรงนั้นไปเกือบ 2 ชั่วโมงเลยค่ะ กว่าจะหลุดออกมาจากตรงนั้นได้ ก็เป็นเวลาบ่ายโมงกว่า เมื่อคุณออกมาก็จะพบกับขบวนแห่รับเสด็จ เอ๊ย ไม่ใช่ คนรอต้อนรับเยอะแยะพร้อมป้ายชื่อมากมาย รวมถึงคนขับแท๊กซี่ที่จะคอยดักคุณ ตามตื๊อให้ขึ้นรถไปกับเขาค่ะ
มาถึงตรงนี้ ภาพกระทู้ในพันทิปลอยขึ้นมาเลยค่ะ เพราะมันช่างตรงกับที่ชาวพันทิปหลายๆ ท่านได้เตือนเอาไว้เป๊ะ เราเดินกดมือถือเพื่อจะเรียก Go-Jek (แอปพลิเคชั่นเรียกแท๊กซี่สัญชาติอินโดฯ พูดง่าย ๆ ก็เหมือน Grab บ้านเรา) ระหว่างนี้เหล่าคนขับแท๊กซี่ก็เดินเข้ามา แบบถ้าเค้าดึงมือถือออกไปจากมือเราได้คงทำไปแล้ว จริงๆ เราเดินออกมาผิด เพราะหาที่จอดรถไม่เจอ พวกคนขับแท๊กซี่ก็ยังเดินตามเราตลอด ละดูเราพิมพ์ตอบคุยกับคนขับรถของ Go-Jek ละพยายามบอกให้หยุดพิมพ์ ละไปกับเค้าแทน แต่ก้อไม่แคร์ค่ะ ไม่สน ไม่ฟังซะอย่าง เดินหนีไปหาจุด pick-up ของ Grab/Go-Jek ซึ่งจะอยู่บริเวณอาคารจอดรถ ชั้น 3 ของสนามบิน ตรงที่จอดรถทั่วไป เราก็นัดแนะจุดที่รับกับคนขับได้เลย ส่วนใหญ่จะรอที่เสาจอดรถเบอร์ 65 one C เห็นคนไปยืนรอตรงนั้นกันหลายคนค่ะ

แอป Go-Jek

ที่พักวันแรกของเรา ชื่อโรงแรม Pramana Watu Kurung เป็นรีสอร์ทอยู่ในอูบุดค่ะ ตรงนี้ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้นประมาณชั่วโมงครึ่ง เราจองไว้เป็นแพคเกจ Holiday Special ราคาห้องจะรวม afternoon tea set, sparkling wine 1 ขวด, นวด jetlag ให้คนละ 10 นาที, ดินเนอร์ใต้แสงเทียน, และอาหารเช้าบนห้องค่ะ
รูปของรีสอร์ทและห้องค่ะ (
หมายเหตุ ทุกรูปถ่ายจากกล้องมือถือ iPhone 6)

Welcome Drink

เตียงนอน

ห้องน้ำ อ่างอาบน้ำ กึ่งกลางแจ้ง

เนื่องจากไปถึงก็บ่าย 3 กว่าแล้ว และรีสอร์ทก็สวยมาก เราเลยใช้เวลาวันแรกอยู่ที่นี่ทั้งวันค่ะ ดื่มชา ว่ายน้ำเล่น ชมวิวอะไรไป

อาหารเย็นใต้แสงเทียนในห้องของเราค่ะ ซึ่งจัดให้ข้างสระน้ำ โรแมนติกมากๆค่ะ
วันที่ 2
เริ่มด้วยอาหารเช้า อาหารเช้าที่นี่ไม่เป็นแบบบุฟเฟ่ต์นะคะ จะมีให้เลือกเป็นเซ็ต English, American, Traditional Balinese, Healthy ซึ่งเราเลือกแบบ Healthy ค่ะ ซึ่งอาหารก็จะมาเสริฟให้ที่ห้อง ไฮไลต์คือ สามารถรีเควสให้เสริฟในสระได้ค่ะ

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ก็เริ่มทำการวางแผนเที่ยว ซึ่งอย่างที่แจ้งไว้ข้างต้น ทริปนี้เป็นทริปเดินทางผ่านมือถือ เราเรียกรถผ่านแอปทั้งหมด ซึ่งเราใช้ด้วยกัน 2 แอป คือ Grab และ Go-Jek ค่ะ ที่ใช้ทั้ง 2 แอป เพื่อเปรียบเทียบราคาค่ะ ตรงนี้มีทริคอยู่นิดนึงว่า ถ้าเส้นทางไม่ไกล Go-Jek จะราคาดีกว่า แต่ถ้าไกล Grab จะถูกกว่าค่ะ ไปดูกันเลยค่ะว่าราคาเท่าไหร่บ้าง
เรียกรถจากโรงแรม ไปยัง Bali Pulina ตอนแรกกะจะไป Uma Pakel เลย แต่คนขับบอกว่ากาแฟที่ Bali Pulina นี่อร่อยกว่า ซึ่งทั้ง 2 แห่งอยู่ไม่ไกลกัน เลยลองตามเค้าไปค่ะ
พอถึงปุ๊ปก็จะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาต้อนรับ แล้วพาเราทัวร์ไร่กาแฟ ไปดูตัวชะมด และการคั่วกาแฟขี้ชะมด (Luwak Coffee) ค่ะ ชมเสร็จ เค้าก็จะพาเราไป coffee tasting เพื่อให้ชิมกาแฟ ชา โกโก้ ชนิดต่าง ๆ ค่ะ วิวตรงนี้สวยมาก ๆ

เสร็จจาก Bali pulina ไป Uma Pakel ตรงนี้เราเดินค่ะ เพราะใกล้กันมาก จะได้ถือโอกาสแวะชม ช้อปปิ้งระหว่างทางด้วยค่ะ
ผ่านไปไร่นาขั้นบันได

Credit: ขอบคุณรูปสวย ๆ จาก HotelsCombined
และแล้ว เราก็ถึง Uma Pakel ตรงนี้จะมีที่ให้ถ่ายรูปสวย ๆ เยอะเลยค่ะ และมีชิงช้าให้เล่น เก็บค่าเล่นชิงช้า 200,000IDR แต่เราไม่เล่นค่ะ

แอบถ่ายคนอื่น ตอนรอคิวปีนขึ้นไปถ่ายรูป แหะๆ
หลังจากเดินเล่น ถ่ายรูปที่ Uma Pakel เสร็จ ก็เรียกรถต่อไปยัง Pura Tirta Empul แต่ระหว่างทางท้องร้องขึ้นมาซะงั้น เลยถามคนขับว่ามีร้านอาหารระหว่างทางอร่อยๆ ให้กินไหม เขาก็ใจดี แวะให้ค่ะ ร้านอาหารที่ว่านี้ชื่อ d'Alas อร่อย และวิวสวยมากค่ะ

อาหารกลางวันที่ได้ทานตอนบ่าย 2 เป็นเป็ดทอดที่เลื่องชื่อ ซอสพริกอร่อยมาก จนต้องขอเพิ่มอีกถ้วยเลยค่ะ
ทานเสร็จก็นั่งรถไปต่อเพื่อจะไปวัด Pura Tirta Empul หรือที่รู้จักกันว่า Holy Spring Water Temple ซึ่งที่นั่นเขาจะบังคับให้ใส่โสร่งก่อน ถึงจะเข้าไปในวัดได้ค่ะ

หลังจากไหว้พระ ต่อคิวอาบน้ำศักดิ์สิทธิ์ ถ่ายรูป เดินเล่นรอบวัดเสร็จ ก็เรียกรถต่อไปยัง ร้านอาหารกึ่งบาร์ที่ได้ยินมาว่าสวยมาก ๆ ชื่อ Akasha Restaurant & Juice Bar ซึ่งก็สวยมากจริงๆ แนะนำให้ลองไปค่ะ ไปถึงเราเองหลงรักเลยค่ะ



Credit: รูปแรกจาก Traveloka
หลังจากนั่งดื่ม นั่งชิวไปซักพัก ก็เรียกรถต่อกลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรม ซึ่งเราได้ทำการจอง complimentary massage (นวดคอบ่าไหล่) ล่วงหน้าเอาไว้ที่โรงแรม เวลานวดประมาณ 15 นาที ผ่อนคลายมากเลยค่ะ หลังจากที่เดินกันมาทั้งวัน

เรียกผ่านแอปเหมือนเดิม
เสร็จแล้ว เราก้อเรียกรถจากโรงแรมไปยัง Kuta เพื่อทำการเช็คอินเข้าโรงแรมค่ะ โรงแรมที่เราจองคือ Citadines Kuta Beach เป็นโรงแรมติดริมชายหาดโดยเส้นทางนี้จะเป็นการออกจากเมืองอูบุด ไปยังเมืองคูต้า ซึ่งใช้เวลา 1 ชั่วโมงเศษ กับระยะทางทั้งหมดประมาณ 35 กิโลเมตร

ถึงโรงแรมเวลาประมาณ 21.00 เช็คอินเสร็จก็ได้เวลานอนพอดีค่ะ
วันที่ 3
หลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรม ก็เริ่มต้นวันด้วยการเดินเล่นที่ Beach Walk ซึ่งอยู่ติดกับโรงแรม สามารถเดินไปถึงได้ในเวลา 7 นาที หลังจากเดินเล่นเสร็จ ก็เรียกแท๊กซี่ไปที่ Potato Head Beach Club ตรงนี้ชิวมากๆ งาน cocktail ดี เพลงดี เล่นน้ำ ถ่ายรูปเล่นตรงนี้เพลินเลยค่ะ


เราทานอาหารกลางวันที่นี่ และว่ายน้ำเล่นเรื่อยๆ จนถึงประมาณ 4 โมงเย็น จึงไป Dinner ต่อที่ Ku De Ta ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน พระอาทิตย์ตกพอดี สวยสุดๆ

เสร็จแล้ว ก็เรียกรถกลับไปโรงแรม และก็จบโปรแกรม เที่ยว กิน ดื่ม ชิลล์ วันที่ 3 ค่ะ อิอิ
วันที่ 4
วันสุดท้ายแล้ว หลังทานอาหารเช้าเสร็จ ก็ออกเดินทางไป Jimbaran Beach ค่ะ หาดตรงนี้จะสงบกว่าหาด Kuta ที่ไปเมื่อวานค่ะ วันนี้โปรแกรมเบาสุด เนื่องจากต้องขนกระเป๋าเดินทางมาด้วย เสร็จแล้วจะได้ตรงไปสนามบินเลยไม่ต้องกลับไปที่โรงแรมอีก

Credit: ขอบคุณรูปภาพจาก Hotels.com
มื้อกลางวันเราทานที่ Sundara by Four Seasons ที่อยู่ติดกัน เหตุผลที่เลือกที่นี่ นอกจากจะขึ้นชื่อว่าอาหารอร่อย และวิวสวยมากๆแล้ว จะได้ถือโอกาสฝากกระเป๋าด้วยค่ะ อิอิ

ทางโรงแรมให้เราเล่นสระว่ายน้ำเค้าได้ด้วยค่ะ

อากาศร้อน เลยกินไอศครีมไปด้วย
ว่ายน้ำเสร็จ ก็เกือบ 5 โมงเย็น ก็จวนเวลาไฟลท์บินกลับแล้ว ก็เช่นเคยค่ะ ทำการเรียก Go-Jek ไปสนามบิน ใช้เวลาแค่ 20 นาทีก็ถึงค่ะ เหลือเวลาช้อปของ duty free ก่อนกลับไทย กำลังดีเลย

เป็นอันจบทริปบาหลี ผจญภัยไปกับ Go-Jek (+ Grab) นะคะ เพราะเรียกมันทั้งทริป 5555
ขอบอกลาทุกท่านด้วยภาพนี้ค่ะ #nofilter

พระอาทิตย์ตกที่ Ku De Ta, Bali
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
[CR] เที่ยวบาหลี ยุค4.0 เดินทางผ่านมือถือ ไม่ง้อทัวร์ 4 วัน แค่ 1,600 บาท!
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่ากระทู้นี้ เขียนเพื่อจะแชร์ให้เห็นอีกทางเลือกหนึ่งของการเดินทางในบาหลี จขกท. เดินทางเองครั้งแรก ไม่มีไกด์นำทาง และเห็นว่าวิธีนี้ เป็นวิธีที่สะดวก ง่าย ราคาประหยัด แต่ยังไม่ค่อยเห็นมีรีวิว เลยอยากจะแชร์ให้ฟังค่ะ เอาไว้เผื่อใครที่อยากแพลนสถานที่เที่ยวเอง ไม่รีบร้อน จะได้เก็บข้อมูลไว้เป็นอีกทางเลือกนึงนะคะ หวังว่าจะพอมีประโยชน์กับทุกท่านนะคะ
ข้อมูลราคาของรถพร้อมคนขับกับโปรแกรมทัวร์ทั่วไป ส่วนมากจะคิดราคาแบบเหมาจ่าย Half-day/Full-day อยู่ที่ประมาณ 400,000 – 500,000IDR ต่อคัน หรือประมาณ 1,140 บาทไทย ต่อคัน ต่อวัน แต่เรารู้สึกว่าที่ที่เราจะไปมีไม่กี่ที่ และอยากจะไปแบบชิวๆ ในแต่ละที่มากกว่าจะต้องรีบทำเวลาเพื่อที่จะเก็บให้หมดทุกที่ (อันนี้ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลนะคะ) ซึ่งพอลองมาคำนวณดูแล้ว โปรแกรมเราอาจไม่ค่อยคุ้มกับการเหมาจ่ายแบบนี้ จึงเป็นที่มาของการเรียกรถแท๊กซี่ค่ะ แต่มาถึงยุค 4.0 นี้แล้ว ทุกอย่างแค่ปลายนิ้วสัมผัส ไม่ต้องยืนตากแดด โบกรถ ที่จะมารับไม่มารับก็ไม่รู้ สื่อสารคนละภาษาจะเข้าใจหรือไม่ก็ไม่รู้ แถมยังต้องเสี่ยงกับการที่คนขับแปลกหน้าจะพาเราไปถูกที่ถูกทางหรือไม่ แอปเรียกแท๊กซี่นี้ จึงเป็นคำตอบของเราค่ะ
โปรแกรมคร่าวๆ ทริป 4 วัน 3คืน เน้นเที่ยว 2 เมือง Ubud และ Kuta
Day 1: BKK to Ubud
6:15 – 11:30: BKK – DPS by AirAsia
13:30 – 15:00: Airport to Ubud & check in at Pramana Watu Kurung
16:00: Afternoon Tea
19:00: Dinner at resort
Day 2: Ubud
10:45 – 19:00: Bali Pulina Coffee Plantation, Uma Pakel Swing, d’Alas restaurant, Pura Tirta Empul, Akasha Restaurant,
20:00: off to Kuta
21:00: arrive check in at Hotel, Kuta
Day 3: Kuta
Beachwalk
Potato Head Beach Club
Ku De Ta
Flapjacks
Day 4: Kuta to BKK
Jimbaran Beach Club
Sundara Four Seasons
19:20 – 23:00 DPS to BKK by Thai Lion Air
วันแรก
6:15 – 11:30 เริ่มด้วยการเดินทาง เราเดินทางโดยสายการบินแอร์เอเชีย ถึงสนามบินบาหลีประมาณ 11:30am ขอบอกว่าต่อแถวเข้า immigration ใช้เวลานานมากกกก แถวยาวและช้ามาก เสียเวลาตรงนั้นไปเกือบ 2 ชั่วโมงเลยค่ะ กว่าจะหลุดออกมาจากตรงนั้นได้ ก็เป็นเวลาบ่ายโมงกว่า เมื่อคุณออกมาก็จะพบกับขบวนแห่รับเสด็จ เอ๊ย ไม่ใช่ คนรอต้อนรับเยอะแยะพร้อมป้ายชื่อมากมาย รวมถึงคนขับแท๊กซี่ที่จะคอยดักคุณ ตามตื๊อให้ขึ้นรถไปกับเขาค่ะ
มาถึงตรงนี้ ภาพกระทู้ในพันทิปลอยขึ้นมาเลยค่ะ เพราะมันช่างตรงกับที่ชาวพันทิปหลายๆ ท่านได้เตือนเอาไว้เป๊ะ เราเดินกดมือถือเพื่อจะเรียก Go-Jek (แอปพลิเคชั่นเรียกแท๊กซี่สัญชาติอินโดฯ พูดง่าย ๆ ก็เหมือน Grab บ้านเรา) ระหว่างนี้เหล่าคนขับแท๊กซี่ก็เดินเข้ามา แบบถ้าเค้าดึงมือถือออกไปจากมือเราได้คงทำไปแล้ว จริงๆ เราเดินออกมาผิด เพราะหาที่จอดรถไม่เจอ พวกคนขับแท๊กซี่ก็ยังเดินตามเราตลอด ละดูเราพิมพ์ตอบคุยกับคนขับรถของ Go-Jek ละพยายามบอกให้หยุดพิมพ์ ละไปกับเค้าแทน แต่ก้อไม่แคร์ค่ะ ไม่สน ไม่ฟังซะอย่าง เดินหนีไปหาจุด pick-up ของ Grab/Go-Jek ซึ่งจะอยู่บริเวณอาคารจอดรถ ชั้น 3 ของสนามบิน ตรงที่จอดรถทั่วไป เราก็นัดแนะจุดที่รับกับคนขับได้เลย ส่วนใหญ่จะรอที่เสาจอดรถเบอร์ 65 one C เห็นคนไปยืนรอตรงนั้นกันหลายคนค่ะ
แอป Go-Jek
ที่พักวันแรกของเรา ชื่อโรงแรม Pramana Watu Kurung เป็นรีสอร์ทอยู่ในอูบุดค่ะ ตรงนี้ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้นประมาณชั่วโมงครึ่ง เราจองไว้เป็นแพคเกจ Holiday Special ราคาห้องจะรวม afternoon tea set, sparkling wine 1 ขวด, นวด jetlag ให้คนละ 10 นาที, ดินเนอร์ใต้แสงเทียน, และอาหารเช้าบนห้องค่ะ
รูปของรีสอร์ทและห้องค่ะ (หมายเหตุ ทุกรูปถ่ายจากกล้องมือถือ iPhone 6)
Welcome Drink
เตียงนอน
ห้องน้ำ อ่างอาบน้ำ กึ่งกลางแจ้ง
เนื่องจากไปถึงก็บ่าย 3 กว่าแล้ว และรีสอร์ทก็สวยมาก เราเลยใช้เวลาวันแรกอยู่ที่นี่ทั้งวันค่ะ ดื่มชา ว่ายน้ำเล่น ชมวิวอะไรไป
อาหารเย็นใต้แสงเทียนในห้องของเราค่ะ ซึ่งจัดให้ข้างสระน้ำ โรแมนติกมากๆค่ะ
วันที่ 2
เริ่มด้วยอาหารเช้า อาหารเช้าที่นี่ไม่เป็นแบบบุฟเฟ่ต์นะคะ จะมีให้เลือกเป็นเซ็ต English, American, Traditional Balinese, Healthy ซึ่งเราเลือกแบบ Healthy ค่ะ ซึ่งอาหารก็จะมาเสริฟให้ที่ห้อง ไฮไลต์คือ สามารถรีเควสให้เสริฟในสระได้ค่ะ
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ก็เริ่มทำการวางแผนเที่ยว ซึ่งอย่างที่แจ้งไว้ข้างต้น ทริปนี้เป็นทริปเดินทางผ่านมือถือ เราเรียกรถผ่านแอปทั้งหมด ซึ่งเราใช้ด้วยกัน 2 แอป คือ Grab และ Go-Jek ค่ะ ที่ใช้ทั้ง 2 แอป เพื่อเปรียบเทียบราคาค่ะ ตรงนี้มีทริคอยู่นิดนึงว่า ถ้าเส้นทางไม่ไกล Go-Jek จะราคาดีกว่า แต่ถ้าไกล Grab จะถูกกว่าค่ะ ไปดูกันเลยค่ะว่าราคาเท่าไหร่บ้าง
เรียกรถจากโรงแรม ไปยัง Bali Pulina ตอนแรกกะจะไป Uma Pakel เลย แต่คนขับบอกว่ากาแฟที่ Bali Pulina นี่อร่อยกว่า ซึ่งทั้ง 2 แห่งอยู่ไม่ไกลกัน เลยลองตามเค้าไปค่ะ
พอถึงปุ๊ปก็จะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาต้อนรับ แล้วพาเราทัวร์ไร่กาแฟ ไปดูตัวชะมด และการคั่วกาแฟขี้ชะมด (Luwak Coffee) ค่ะ ชมเสร็จ เค้าก็จะพาเราไป coffee tasting เพื่อให้ชิมกาแฟ ชา โกโก้ ชนิดต่าง ๆ ค่ะ วิวตรงนี้สวยมาก ๆ
เสร็จจาก Bali pulina ไป Uma Pakel ตรงนี้เราเดินค่ะ เพราะใกล้กันมาก จะได้ถือโอกาสแวะชม ช้อปปิ้งระหว่างทางด้วยค่ะ
ผ่านไปไร่นาขั้นบันได
Credit: ขอบคุณรูปสวย ๆ จาก HotelsCombined
และแล้ว เราก็ถึง Uma Pakel ตรงนี้จะมีที่ให้ถ่ายรูปสวย ๆ เยอะเลยค่ะ และมีชิงช้าให้เล่น เก็บค่าเล่นชิงช้า 200,000IDR แต่เราไม่เล่นค่ะ
แอบถ่ายคนอื่น ตอนรอคิวปีนขึ้นไปถ่ายรูป แหะๆ
หลังจากเดินเล่น ถ่ายรูปที่ Uma Pakel เสร็จ ก็เรียกรถต่อไปยัง Pura Tirta Empul แต่ระหว่างทางท้องร้องขึ้นมาซะงั้น เลยถามคนขับว่ามีร้านอาหารระหว่างทางอร่อยๆ ให้กินไหม เขาก็ใจดี แวะให้ค่ะ ร้านอาหารที่ว่านี้ชื่อ d'Alas อร่อย และวิวสวยมากค่ะ
อาหารกลางวันที่ได้ทานตอนบ่าย 2 เป็นเป็ดทอดที่เลื่องชื่อ ซอสพริกอร่อยมาก จนต้องขอเพิ่มอีกถ้วยเลยค่ะ
ทานเสร็จก็นั่งรถไปต่อเพื่อจะไปวัด Pura Tirta Empul หรือที่รู้จักกันว่า Holy Spring Water Temple ซึ่งที่นั่นเขาจะบังคับให้ใส่โสร่งก่อน ถึงจะเข้าไปในวัดได้ค่ะ
หลังจากไหว้พระ ต่อคิวอาบน้ำศักดิ์สิทธิ์ ถ่ายรูป เดินเล่นรอบวัดเสร็จ ก็เรียกรถต่อไปยัง ร้านอาหารกึ่งบาร์ที่ได้ยินมาว่าสวยมาก ๆ ชื่อ Akasha Restaurant & Juice Bar ซึ่งก็สวยมากจริงๆ แนะนำให้ลองไปค่ะ ไปถึงเราเองหลงรักเลยค่ะ
หลังจากนั่งดื่ม นั่งชิวไปซักพัก ก็เรียกรถต่อกลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรม ซึ่งเราได้ทำการจอง complimentary massage (นวดคอบ่าไหล่) ล่วงหน้าเอาไว้ที่โรงแรม เวลานวดประมาณ 15 นาที ผ่อนคลายมากเลยค่ะ หลังจากที่เดินกันมาทั้งวัน
เรียกผ่านแอปเหมือนเดิม
เสร็จแล้ว เราก้อเรียกรถจากโรงแรมไปยัง Kuta เพื่อทำการเช็คอินเข้าโรงแรมค่ะ โรงแรมที่เราจองคือ Citadines Kuta Beach เป็นโรงแรมติดริมชายหาดโดยเส้นทางนี้จะเป็นการออกจากเมืองอูบุด ไปยังเมืองคูต้า ซึ่งใช้เวลา 1 ชั่วโมงเศษ กับระยะทางทั้งหมดประมาณ 35 กิโลเมตร
ถึงโรงแรมเวลาประมาณ 21.00 เช็คอินเสร็จก็ได้เวลานอนพอดีค่ะ
วันที่ 3
หลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรม ก็เริ่มต้นวันด้วยการเดินเล่นที่ Beach Walk ซึ่งอยู่ติดกับโรงแรม สามารถเดินไปถึงได้ในเวลา 7 นาที หลังจากเดินเล่นเสร็จ ก็เรียกแท๊กซี่ไปที่ Potato Head Beach Club ตรงนี้ชิวมากๆ งาน cocktail ดี เพลงดี เล่นน้ำ ถ่ายรูปเล่นตรงนี้เพลินเลยค่ะ
เราทานอาหารกลางวันที่นี่ และว่ายน้ำเล่นเรื่อยๆ จนถึงประมาณ 4 โมงเย็น จึงไป Dinner ต่อที่ Ku De Ta ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน พระอาทิตย์ตกพอดี สวยสุดๆ
เสร็จแล้ว ก็เรียกรถกลับไปโรงแรม และก็จบโปรแกรม เที่ยว กิน ดื่ม ชิลล์ วันที่ 3 ค่ะ อิอิ
วันที่ 4
วันสุดท้ายแล้ว หลังทานอาหารเช้าเสร็จ ก็ออกเดินทางไป Jimbaran Beach ค่ะ หาดตรงนี้จะสงบกว่าหาด Kuta ที่ไปเมื่อวานค่ะ วันนี้โปรแกรมเบาสุด เนื่องจากต้องขนกระเป๋าเดินทางมาด้วย เสร็จแล้วจะได้ตรงไปสนามบินเลยไม่ต้องกลับไปที่โรงแรมอีก
มื้อกลางวันเราทานที่ Sundara by Four Seasons ที่อยู่ติดกัน เหตุผลที่เลือกที่นี่ นอกจากจะขึ้นชื่อว่าอาหารอร่อย และวิวสวยมากๆแล้ว จะได้ถือโอกาสฝากกระเป๋าด้วยค่ะ อิอิ
ทางโรงแรมให้เราเล่นสระว่ายน้ำเค้าได้ด้วยค่ะ
อากาศร้อน เลยกินไอศครีมไปด้วย
ว่ายน้ำเสร็จ ก็เกือบ 5 โมงเย็น ก็จวนเวลาไฟลท์บินกลับแล้ว ก็เช่นเคยค่ะ ทำการเรียก Go-Jek ไปสนามบิน ใช้เวลาแค่ 20 นาทีก็ถึงค่ะ เหลือเวลาช้อปของ duty free ก่อนกลับไทย กำลังดีเลย
เป็นอันจบทริปบาหลี ผจญภัยไปกับ Go-Jek (+ Grab) นะคะ เพราะเรียกมันทั้งทริป 5555
ขอบอกลาทุกท่านด้วยภาพนี้ค่ะ #nofilter
พระอาทิตย์ตกที่ Ku De Ta, Bali
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้