[CR] นอนบนรถไฟ..มาไกลถึงแม่แมะ (16-19 DEC 2018)

รถไฟจะไปโคราช ตดดังป๊าดถึงราชบุรี ........


ใครเคยร้องเพลงนี้บ้าง ถึงตอนนี้ก็ยังหาตรรกะใดๆไม่เจอก็ตาม ว่าอยู่โคราชดีดี ทำไมตดแล้วถึงไปโผล่ราชบุรีได้ ...
นักฟิสิกส์และนักกายวิภาคศาสตร์ควรร่วมมือวิจัยเรื่องนี้กันอย่างจริงจังได้แล้วอ่ะ



เอาล่ะคร้าบบบ เราจะมารีวิวโคตรยาว (เกือบติดลิมิตแหน่ะ) กับการเดินทางไปบ้านต้นไม้แม่แมะ จ.เชียงใหม่ โดยรถไฟตู้นอน ครั้งแรกของเรา ด้วยขบวนรถด่วนพิเศษอุตราวิถี  กรุงเทพ - เชียงใหม่ รอบ 18.10 น. เลขขบวนที่ 9 ชั้น 2 (เพราะจองชั้น 1 ไม่ทัน)  โดยราคาค่าโดยสารจะอยู่ที่ เตียงบน 941 บาท เตียงล่าง 1,041 บาท หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมราคาเตียงล่างแพงกว่า นั่นดิ เราก็สงสัย แค่ไม่ต้องปีนขึ้นปีนลงมั้ง..

อ่อะ แถมเกร็ดการจองตั๋วรถไฟมาบอกกันคร่าวๆ จากเดิมที่ต้องจองล่วงหน้าได้แค่ 60 วัน แต่ตอนนี้ (เริ่มเมื่อกันยา 61 ) เปลี่ยนเป็นล่วงหน้าได้ 90 วัน แล้วนะจ๊ะ ใครมีไทม์ไลน์ที่แน่ชัดแล้วว่าจะไปเที่ยววันไหน ก็กดจองได้เลย

http://www.railway.co.th/Home/Index  (กดจึ้ก)



เพราะอยากจิบอกว่า ขบวนที่เค้ายกเครื่องใหม่ทั้งสายเหนือ สายใต้ สายอีสาน ระดับความเต็มเร็ว เต็มแล้วไปไหน (ไปชั้น 3 เลยเมิง) มันร้อนแรงเว่อร์มาก แบบกดช้า พลาดไปวินาทีเดียว ที่นั่งและที่นอนของคุณอาจวืดไปอีกมิติได้เลย

เริ่มจากการเดินทางจากบ้านเราก็นั่ง กะป๊อจากซอยบ้าน ราคา 7 บาท (ละเอียดปานนี้) ต่อด้วย BTS เพื่อมุดลงใต้ดิน MRT วาร์ปขึ้นมาตรงหัวลำโพงสถาน เพื่อขึ้นรถไฟ เป็นการใช้ขนส่งทางบกได้หลายหลากมากใน 1 วัน





มาถึงตู้โดยสาร ชั้น 2 โซน LADY ที่เราจองได้แบบเฉียดฉิวกันบ้าง คือมันดีย์ มันหอมกลิ่นใหม่ ห้องน้ำก็อยู่ในสภาพดี พร้อมรองรับอารมณ์ผู้โดยสาร (ฮา) คือเห็นแล้วก็อยากกลับมาใช้บริการอีกง่ะ ดูปลอดภัยกว่านั่งรถทัวร์ยาวๆออกต่างจังหวัดอีกนะ



ตรงที่นั่งก็จะประกอบไปด้วย โต๊ะพับที่กางออกวางของกิน น้ำ ของจุกจิกได้ และก็มีช่องใส่ขวดน้ำ 2 ช่อง (ในกรณีนี้ใครมีลูกเล็กเช่นเราก็เอาลูกเสียบตรงช่องนั้นได้ไม่ผิดกติกา) และก็มีปลั๊กไฟไว้ชาร์จโทรศัพท์ ช่องตาข่ายก็เอาไว้ใส่โทรศัพท์ก็ได้เช่นกัน หรือกรณีใครไม่มีโทรศัพท์ ก็เอามือไปซุกไว้แก้เขินก็ได้ ....

ส่วนเวลาที่เขามากางเตียงให้เรา จะอยู่ที่ประมาณ 3 ทุ่มโดยประมาณ โดยถ้าเป็นตู้ lady ก็จะเป็นพนักงานหญิงมากางที่นอนให้ซึ่งดูไม่ยุ่งยาก ไม่เกะกะเท่าไหร่ แต่ดูความยาวของเตียงแล้ว ชาวต่างชาติที่ตัวยาวๆหน่อยอาจต้องนอนงอขากันทั้งคืนแน่


[/c

จะสังเกตุว่า เตียงบนก็จะมีปลั๊กกับตาข่ายใส่ของให้เหมือนกับเตียงล่าง อาจจะขาดแค่โต๊ะพับกับช่องใส่ขวดน้ำ ซึ่งสำหรับเราที่นอนเตียงล่าง ไม่ค่อยเกะกะเท่าไหร่นะ แต่อาจจะไฟแยงตานิดหน่อย เพราะตู้โดยสารจะเปิดไฟไว้ทั้งคืน ซึ่งเตียงบนจะได้ความสว่างจากไฟน้อยกว่า หลับยาวได้มากกว่า

ส่วนราคาอาหารของตู้เสบียงบนรถไฟ ราคามาตรฐานนะ ไม่แพงเว่อร์ มีเมนูอาหารเช้า อาหารจานเดียว กาแฟ โอวัลติน น้ำอัดลม ผลไม้ และปิดบริการ 4 ทุ่ม จากตู้ที่เรานอน ฝ่าดงตู้อื่นๆไปยังตู้เสบียง ระยะเอาเรื่องอยู่ แต่ก็ได้เห็นสภาพของผู้โดยสารในตู้นอนตู้อื่นๆที่ไม่ได้แยกชายหญิงอ่ะนะ ส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ และก็แบบที่มาเป็นครอบครัว คราวหน้าจะลองมานอนแบบสห ดูบ้าง คงจะได้บรรยากาศอีกแบบนึง


นอนบนรถไฟจนถึงเช้าของอีกวัน มันก็จะไม่รู้สึกว่าเวลาเดินช้าเท่าไหร่นะ ซักประมาณ ตี 5 กว่าๆ พนักงานก็จะมาเก็บที่นอนให้ แล้วพับเก็บเป็นเก้าอื้ให้เรานั่งต่อไปถึงสถานีเชียงใหม่ ซึ่งตรงเวลาเว่อร์ๆ 7.15 นาที บ้าไปแน้ววววววววววว





จากสถานีรถไฟเชียงใหม่เราต่อรถสองแถวสีแดงไปยังขนส่งช้างเผือกเพื่อไปขึ้นรถบัสโดยสารไปยังตำบลบ้านแม่นะ อำเภอเชียงดาว สนนราคา 150 บาท และราคาของรถบัสไปแม่นะ อยู่ที่คนละ 40 บาท


ผมไม่ต่อนยอนนะคร้าบบบบ

การเดินทางด้วยรถบัสมายังบ้านแม่นะ จะใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง
หลังจากที่เรากดหยุดเวลาตอนที่ถึงเซเว่นบ้านแม่นะ ก็พบว่า มันตรงเวลามากๆ ชั่วโมงครึ่งเด๊ะเลย
เฮ้ยยย ประทับใจความตรงเวลาของที่นี่มาก ต่อจากนั้น เราก็ใช้เวลาอีกประมาณ ชั่วโมงครึ่งนั่งรถของทางที่พัก (เหมาเที่ยวละ 300 บาท)
มุ่งหน้าสู่หมุดหมายของเรา บ้านต้นไม้แม่แมะ



ต้องบอกก่อนว่า ทริปนี้เราตั้งใจมาพักผ่อนในวันธรรมดา  เพื่อที่จะไม่ต้องเจอคนเยอะๆแย่งกันเที่ยวแย่งกันกิน การมาเที่ยวในวันธรรมดามันเป็นอะไรที่เราจะได้พบกับนิพพานอันแท้จริง (เว่อร์ไป๊) แต่ ... เราคงไม่ได้คิดอย่างนี้แค่คนเดียว ...

เพราะสิ่งที่เราได้เจอเมื่อมาเยือนบ้านแม่แมะ แหล่งสงบใจที่มาในรูปแบบของบ้านพักที่โอบล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวแน่นไปหมด ก็คือ คน คน และ คน
ยั้วะเยี้ยเต็มบ้าน เด็กเล็กวิ่งกันให้วุ่น แล้วด้วยความที่เป็นบ้านไม้ เด็กๆวิ่งกันแบบไม่ออมฝีเท้า มันก็จะสะเทือนไปทั้งบาง คนอื่นไงไม่รู้นะ แต่เราปวดพยาธิมาก บอกเลย 555555





บอกค่าเสียหายสำหรับการมาพักที่บ้านแม่แมะซักหน่อย เค้าจะคิดเป็นต่อคนต่อคืน คนละ 750 บาท เรามาพัก 2 คืน ก็ 1,500 บาท
รวมอาหารเช้าและอาหารเย็นแบบบุฟเฟต์ อาหารเช้าก็จะเป็นพวกไข่ลวก ขนมปัง ผลไม้ ชา กาแฟ โอวัลติน ข้าวต้มเครื่อง ซึ่งเราอดลิ้มรสชาติกาแฟสดของที่นี่ไปซะงั้น เนื่องด้วยหมอสั่งงดชั่วคราว ฮวืออ ส่วนมื้อกลางวัน ทางที่พักเค้าก็มีเมนูประจำร้านประมาณ 10 กว่าอย่าง รสชาติใช้ได้เลย แถมให้เยอะคุ้มราคามาก อย่างมื้อแรกที่เรากะน้องไปถึง ก็มี ไข่เจียวใบชา ต้มยำไก่บ้าน ข้าว 2 จาน น้ำอีกคนละ แก้ว ค่าสียหาย 180 บาทถ้วน

คือมันเยอะมากนะเหวยเห็นอย่างนี้ 180 บาทเอวงงง

จากนั้นเราก็ขอเดินย่อยในตัวหมู่บ้าน เดินดุ่ยๆ เดินไปเรื่อย ไม่มีจุดหมายตายตัวว่าจะเดินไปถึงไหน แวะทักทายไก่และหมา ของชาวบ้านที่เลี้ยงแบบบุฟเฟต์มาก หากินกันเรื่อยเปื่อย ดีหน่อยหมาที่นี่ค่อนข้างชินผู้คน ไม่งั้นคงต้องวัดกันไปตลอดทาง ว่าพี่เค้าจะมาดีหรือจะมากัด .. จนกระทั่งมาค้นพบร้านกาแฟเล็กๆที่เต็มไปด้วยลูกน้องแมว และลูกน้องหมา ร้านกาแฟที่ติดกับห้วยน้ำเล็กๆ และได้ยินเสียงน้ำตกต้นน้ำของห้วยแห่งนี้อยู่ไกลๆ เจออย่างนี้ จะไปไหนรอดล่ะคร้าบ


ตัดกลับมายังที่พัก ... เราได้บ้านชื่อบ้านชมจันทร์แบบมีห้องน้ำในตัว แต่ทางลงห้องน้ำนี่ ใครกรึ่มๆมา มีสิทธิ์ตกลงไปเจิมกับพื้นได้นะ 5555 ด้วยห้องน้ำทำเป็นแบบต้องก้าวลงบันไดหินอีก 4 ขั้น คือหินวางเท้าได้แบบเกือบพอดี ขนาดเราเท้าเล็กๆยังต้องวางองศาเท้าให้ดีเลย คือต้องเจริญสตินิดนึงก่อนจะเข้าห้องน้ำอ่ะ 555 ส่วนที่นอนก็เป็นสไตล์บ้านๆมีมุ้งกันยุงให้ มีผ้าห่มที่อุ่นโคตรๆ หมอนหลัก หมอนอิง ครบ แต่เตือนก่อนว่า ก่อนจะกางมุ้งให้สำรวจกลิ่นดีดีก่อน เพราะที่เราเจอคือมุ้งเหม็นอับมากกกกกกกกก เข้าใจว่า แขกที่มาพักคงไม่ค่อยได้ใช้ เราก็แจ้งพี่เค้าไปแล้วอ่ะนะ ว่ามุ้งมันเหม็น ซักล่าสุดนี่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เค้าก็ขอบคุณเราที่บอกอ่ะนะ ก็รับเรื่องโอเคในระดับหนึ่ง ส่วนบรรยากาศบริเวณที่พัก ก็จะอุดมไปด้วยต้นไม้ ๆๆๆๆ เขียวไปหมด สายตาไปตกที่ไหนก็จะเป็นต้นไม้ตลอดทั้งแนว ที่นี่ถึงได้ขึ้นชื่อว่า อากาศดีตลอดปี










แต่คืนนี้เรามีนัดกับมื้อเย็นแบบบุฟเฟต์ที่อุดมไปด้วย ผัดสดๆ น้ำพริกอ่อง ไก่ทอด ต้มจืดฟัก ผัดผัก คือกินได้เต็มที่ ไม่อั้น
ก่อนที่ทางที่พักจะมีการแสดงของเด็กๆในหมู่บ้าน มาฟ้อนรำแบบเหนือๆให้ดูตบท้ายอาหารเย็นกันอีก มันดีแต๊ๆ


นอกจากการพักผ่อนแบบ ขี้เกียจซะให้เข็ด ที่นี่เค้าก็มีแพ็กเกจการท่องเที่ยวแบบอื่น หากใครสนใจก็ไปติดต่อกะทางที่พัก อย่างทริป 1 วัน ไปเที่ยวที่ตัวเมืองอำเภอเชียงดาว แช่น้ำพุร้อน แวะดอยหลวงเชียงดาว ม่อนแจ่ม อะไรก็ว่าไป ทางที่พักเค้าก็จะดิวกับคนในพื้นที่ ขับรถพาแขกไปเที่ยว คือให้คนในชุมชนมีรายได้ ซึ่งเรามองว่ามันน่ารักมากเลยนะ แบบแบ่งๆกันเน่อ ใครว่างก็พาแขกไปเที่ยวหน่อย ซึ่งเรากะน้องก็เหลือบไปเห็นว่ามี Trekking ด้วย ระยะทางไม่ไกล คือไป-กลับ 8 กิโล ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง แล้วแต่ก้าวสั้นก้าวยาว แวะมากแวะน้อย โดยไกด์ท้องถิ่น เราก็นัดแนะกับทางที่พักเรียบร้อย ค่าไกด์ต่อเที่ยว แค่ 300 บาทเท่านั้น
และนี่คือ ซุปเปอร์ไกด์ของเราในทริปนี้ ลุงวันวัย 70 ก่าๆ  แงซายประจำหมู่บ้าน ฮี่ฮี่


อ่อะ เป้าหมายของเราในครั้งนี้คือน้ำตกไทรลอดบ่วง   น้ำตกที่รถไม่สามารถเข้ามาถึงได้ ต้องเดินตามเส้นทางป่าเท่านั้น 




เมื่อท่านแสวงหาธรรมชาติ ท่านก็จะได้เจอธรรมชาติ (งว่อววว)



ประมาณเที่ยงกว่าๆ เราก็กลับถึงที่พักอย่างปลอดภัยใช้เวลาเดินประมาณ 3 ชั่วโมงกว่า ทั้งๆที่แวะตำหมากตำพลูเยอะมาก 555
ลุงวันบอกถือว่าทำเวลาได้ดี (ง่วออ) ใครที่มาเที่ยวที่นี่และอยากเดินสำรวจธรรมชาติแบบป่าดิบชื้น ฝากลุงวันไว้ในอ้อมใจด้วยนะฮะ ลุงแกเท่ห์จริงๆ

และแล้วละครยังมีวันจบ วันพักผ่อนของเราที่บ้านต้นไม้แม่แมะก็มีอันต้องปิดฉากลงซะแล้ว ไวแท้...
โดยขากลับเรากลับโดยเครื่องบินของสายการบินเวียดเจ็ท รอบ 18.10 นาที ซึ่งเครื่องดีเลย์มั้ย ...ไม่เหลือ 555

ถึงกรุงเทพเกือบๆ 3 ทุ่ม ระหว่างนั่งรถกลับบ้าน ก็ได้แต่เก็บเอาบรรยากาศตั้งแต่นั่งรถไฟจนถึงการได้เจอกับอากาศดีดีที่บ้านต้นไม้ ผู้คนต๊ะต่อนยอนในชุมชนบ้านแม่แมะ น้องหมา น้องไก่ (ที่อาจจะอยู่ในท้องเราในมื้อใดมื้อหนึ่ง) การได้ Trekking แบบเบาๆ เหล่านี้

เราเชื่อว่าใครที่ชอบมาเที่ยวแบบไร้แสงสี มองไปทางไหนก็เจอแต่ป่า เจอแต่ความเขียวจนอยากสังเคราะห์แสงได้บ้าง ก็จะรักที่นี่ และก็ใช่ว่าจะมีแต่ที่บ้านแม่แมะที่เดียวเท่านั้นนะที่มีให้เราได้มาพักผ่อน ในหมู่บ้านแห่งนี้ มีโฮมสเตย์ รีสอร์ท อีกหลายที่มาก ที่ราคาใกล้เคียงกัน ก็อยากจะให้แบ่งๆการกระจายรายได้สู่ชุมชนอ่ะเนอะ เพราะที่บ้านต้นไม้แม่แมะนี้ก็ขึ้นชื่อว่าเต็มตลอดหน้าท่องเที่ยวเหมือนกัน



ปิดท้ายด้วยภาพความชอุ่ม ฉ่ำไปหมด ของการที่วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า (เพลงมา) แล้วได้มาเจออะไรแบบนี้ ใน 1 ทริป ของเราที่แม่แมะ มันโคตรชาร์ตพลังซุปเปอร์ไซย่าให้กับชีวิตมากๆเลยอ่ะนะ
(เก็บภาพโดย Huawei P9 และ Sony Xperia Z5)

ฝากรีวิวฉบับเต็มไว้ที่นี่นะจ๊ะ https://nangchair.wordpress.com/ เพี้ยนสวัสดี
ชื่อสินค้า:   แม่แมะ เชียงดาว เชียงใหม่ บ้านต้นไม้แม่แมะ
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่