ดินแดนใหม่ (Original : 25-08-2007)

กระทู้สนทนา
สืบเนื่องจากเมื่อวันก่อน ผมได้คุยกับคุณ GTW เล่นๆ เกี่ยวกับงานเขียนของกันและกัน ก็เลยรำลึกไปถึงตอนหัดเขียนใหม่ๆ ว่าตอนนั้นพวกเราเขียนงานกันแบบไหน เป็นยังไงบ้าง

คุยข่มกันเล็กน้อย (555) ว่าสมัยหัดเขียนใหม่ๆ ผมเขียนเรื่องสั้นได้วันละ 4 เรื่องเชียว แต่ตอนนี้กลับไปอ่านบางเรื่องก็รู้สึกเขินๆ เหมือนกัน เพราะสำนวนเว่อวังมาก (ประมาณนี้)

ทีนี้คุณ GTW บอกว่าอยากอ่านซะอย่างงั้น ก็เลยตกลงกันว่า ผมจะหางานเก่าๆ ฉบับที่เป็น Original จริงๆ ไม่ได้แก้ไข ดัดแปลงอะไรเลย มาทยอยลงเรื่อยๆ เพื่อดูพัฒนาการว่าสำนวนเปลี่ยนไปจริงมั้ย

และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของกระทู้นี้ขอรับ ^^

...................................

ดินแดนใหม่ (เรื่องแรกที่แท้จริงในการหัดเขียน : เขียนวันที่ 25-08-2007 อ้างอิงจากวันที่เซฟไฟล์)


เปาะ...แปะ...เปาะ.........แปะ............

ข้างนอกฝนกำลังจะหยุด เสียงเปาะแปะที่ได้ยิน ช่างเหมือนเสียงปรบมือของผู้ชมที่แสดงความปิติยินดีต่อมหรสพอันยิ่งใหญ่..........ที่กำลังจะปิดม่านลง..........

.......ผมจะทำยังไงดี ถึงจะรอดพ้นจากสถานการณ์และค่ำคืนที่เลวร้ายขนาดนี้ได้......

นี่เป็นเพราะความประมาทและการประเมินสถานการณ์ที่ผิดพลาดอย่างมหันต์ของผมแท้ๆ ที่ส่งผมและลูกหมู่ให้มาตกอยู่ในสถานการณ์ที่วิกฤติขนาดนี้


    เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากที่หน่วยข่าวกรองของเราส่งรายงานมายังเบื้องบนถึงดินแดนใหม่ที่เพิ่งค้นพบ ซึ่งส่งผลให้ผมซึ่งเป็นหัวหน้าหมู่และหน่วยทะลวงฟันต้องรับหน้าที่สำรวจดินแดนใหม่แห่งนี้

    ....ดินแดนที่ไม่คุ้นตา....


    หลังจากได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาแล้ว ผมและลูกหมู่ที่บุกตะลุยเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ผ่านสมรภูมิต่างๆมาด้วยกันนับครั้งไม่ถ้วนอีกเก้านายก็จัดเตรียมความพร้อม.....แน่นอนว่าสำหรับการสำรวจดินแดนใหม่ที่ไม่คุ้นเคย การปฏิบัติการในตอนที่ขอบฟ้ายังมีแสงสว่างอยู่ย่อมง่าย รวดเร็ว และสะดวกกว่ามาก


    แต่....สำหรับดินแดนใหม่แห่งนี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้.....และผมเองก็ไม่อยากเสี่ยง.....!!

    ผมรอให้ตะวันลับขอบฟ้า และกลิ่นอายแห่งรัตติกาลย่างกรายครอบงำสรรพสิ่งแล้ว จึงค่อยเริ่มปฏิบัติการ....ความมืดยังช่วยพรางตัวพวกเราได้....ผมคิดเช่นนั้น....


    ที่นี่ดูแปลกตา.....เป็นที่ที่ผมและลูกหมู่ไม่เคยเห็น การสำรวจจึงเป็นไปอย่างล่าช้าเพราะถึงแม้เราจะมีระบบนำร่องที่เชื่อถือได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ตาม แต่ด้วยความไม่คุ้นเคยและหวาดระแวงเช่นนี้ ผมจึงออกคำสั่งให้ทุกอย่างและทุกการกระทำเป็นไปด้วยความระมัดระวัง สถานการณ์ไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ


    หลังจากทำการสำรวจเป็นระยะเวลานาน

    ....เราก็พบจนได้.....แหล่งน้ำ แหล่งอาหาร จำนวนมาก.....


    ด้วยความเหนื่อยล้าหลังจากเดินทางสำรวจกันมาเป็นระยะเวลานาน ผมจึงออกคำสั่งให้ลูกหมู่กินดื่มกันให้เต็มที่ก่อน เมื่อความเหนื่อยล้าคลายลงบ้างแล้วให้นำเอาเสบียงกลับไปที่ฐานบัญชาการ และรายงานต่อผู้บังคับบัญชา....เพียงแค่นี้....อีกอึดใจเดียวเท่านั้น...ภารกิจของหน่วยทะลวงฟัน....หน่วยที่ไม่เคยผิดพลาด.....ก็จะจบสิ้นลงสำหรับค่ำคืนอันยาวนานนี้......!!!

    “อ๊ากกกกกก................กกกก”

    ผมรีบหันกลับไปดูแทบจะในทันทีที่ได้ยินเสียง

    .....ใช่....เสียงลูกหมู่ของผม.....แย่ล่ะสิ....ลูกหมู่ของผมห้านายโดนกับดักของศัตรูตรึงไว้ซะแล้ว.....


    ฮึ่มมม.....บ้าเอ๊ยยย.....นี่แสดงว่าพวกมันมาที่นี่ก่อนเราแล้ว....และมันก็รู้ว่าเรากำลังจะมาที่นี่....!!

    หลังจากตกตะลึงกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้น

    ทันใดนั้นเอง.......มันก็ปรากฏตัวขึ้น....!!!


    มัน......สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่.....ใหญ่เกินกว่าจะจินตนาการ......เมื่อมันเข้ามาในระยะสายตาก็ดูเหมือนว่าจะสายเกินไปซะแล้ว เสี้ยววินาทีนั้น ผมออกคำสั่งให้ลูกหมู่ที่เหลือกระจายกำลังกันหนี พร้อมกับไม้ขนาดมหึมาที่มันถืออยู่ถูกเหวี่ยงลงมาที่ตัวผม ผมเบี่ยงตัวหลบทันที....แต่ทว่าก็ยังไม่พ้น.......!!!

    .....ผมจะทำยังไงดี.....ขนาดที่ใหญ่โตของมันเป็นปัญหาใหญ่ทีเดียว อาวุธที่เรามีอยู่ทำอะไรมันไม่ได้แม้แต่น้อย แต่สำหรับมันแล้ว....แค่ไม้ธรรมดาก็ดูเหมือนจะเป็นอาวุธร้ายแรงสำหรับผม....

    .....หลังจากการหลบการโจมตีครั้งที่แล้วดูเหมือนว่าระบบนำร่องจะเสียหาย แต่ที่เลวร้ายไปกว่านั้น .....ขาผมหัก.....แล้วผมจะติดต่อกับลูกหมู่ที่เหลือยังไงดี....


    ฟ้ากำลังจะสางแล้ว....นี่ผมหลบหนีการไล่ล่านานขนาดนี้เชียวหรือนี่.....ทางฐานบัญชาการจะรู้เรื่องและส่งกองกำลังเสริมมาช่วยรึยัง......ผมคิดในขณะที่ตาผมเริ่มพร่ามัว ขาที่หักก็เริ่มปวดเนื่องด้วยมันค่อยๆ หายชาแล้วนั่นเอง และในขณะที่ผมกำลังพักสายตา พลันจมูกผมก็ได้กลิ่นผิดปกติ......


    .....อาวุธเคมี.....มันใช้อาวุธเคมี......!!

    แย่ล่ะสิ......ขืนยังอยู่ที่นี่ต่อไปผมคงไม่รอดแน่ ผมต้องรีบหนีจากที่นี่ให้เร็วที่สุดก่อนที่ประสาทสัมผัสผมจะถูกทำลาย....ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป


    ผมรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายที่เหลืออยู่น้อยนิด พุ่งตัวออกจากที่กำบัง.....มัน.....มันเคลื่อนตัวอยู่ทางขวา....ฮึ่มมมมม....ในสถานการณ์แบบนี้....สถานการณ์ที่ผมต้องปฏิบัติภารกิจมาอย่างเนิ่นนานขนาดนี้....สถานการณ์ที่ร่างกายผมอยู่ในสภาพปางตายขนาดนี้......ผมคงวิ่งไปไม่พ้นแน่ๆ....เพราะถึงมันจะตัวใหญ่ แต่ก็ถือว่ามันเคลื่อนไหวได้เร็วไม่เบาเมื่อเทียบกับผมในตอนนี้


    ผมตัดสินใจวิ่งกลับเข้าที่กำบัง สายตาผมยังคงจับจ้องที่มัน เพราะหากคลาดสายตาอาจหมายถึงชีวิต

    .......ปึ๊ก........!!!

    ผมตกตะลึงงงง......ผมโดนอาวุธของมันเข้าอย่างจัง........!!!    

    ........ทางซ้าย......มันมีอีกตัวทางซ้าย.....เสร็จกัน.....ตาผมเริ่มหนัก....ความรู้สึกกำลังจะหมดไป.....ผมหมดเรี่ยวแรงที่จะหนีอีกต่อไป ก่อนสติผมจะดับวูบลง ผมได้ยินเสียงของเจ้ายักษ์พูดภาษาที่ผมไม่เข้าใจ
    
    “โดนจนได้ ให้ตามตีจนเกือบสว่างเลยนะ ขนาดหมู่บ้านปลูกใหม่ขนาดนี้ ยังจะตามมารังควานอีกนะ วันก่อนเห็นออกมาตัวเดียว แหมม...วันนี้มากันเป็นฝูงเชียวนะ ไอ้แมลงสาบเวร....!!!”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่