ผู้ชายที่เป็นสุภาพบุรุษจำเป็นต้องขับรถให้ฝ่ายหญิงตลอดเลยหรอ ทั้งๆที่ไม่ชินกับรถของฝ่ายหญิง?

อันนี้จากประสบการณ์ วันนั้นเราทำงานใหญ่ที่คณะจนถึงช่วงหัวค่ำ แล้วก็มีรุ่นพี่ที่เพิ่งรู้จักชวนไปทานข้าวหลังงานเสร็จ ไปกันสามคน เรา รุ่นพี่ และเพื่อนเรา เพื่อนเรารู้จักกับรุ่นพี่อยู่แล้ว เราก็เลย โอเค ไปกินข้าวด้วย แต่ความแปลกอยู่ที่ รุ่นพี่อาสาขับรถให้ เราก็เกรงใจก็เลยบอกว่าไม่เป็นไรค่ะๆ ขับเองได้ แต่พี่เขาก็พยายามตื้อ แล้วก็พยายามบอกว่าเราไม่ต้องขับหรอก เดี๋ยวเขาขับเอง(รถเรานะเห้ย!) แล้วก็ดึงกุญแจรถไปจากมือเรา อ้าว! พอขึ้นไปนั่ง ด้วยความที่รถเราระบบกุญแจ เกียร์ ต่างจากรถส่วนมากในท้องตลาด(เกียร์อยู่หลังพวงมาลัย) สักพักพี่เขาก็หันมาถามว่า สตาร์ทยังไง? เอิ่มมม… สตาร์ทยังไม่เป็นเลย แล้วมาตื้อเราขับทำไมเนี่ย! เราก็เลยบอกว่า หนูขับเองดีกว่าค่ะ แล้วพี่เขาก็ยังคงยืนกรานจะขับให้ได้(โว้ยยยย! น่าโมโห!) เราเลยต้องบอกวิธีสตาร์ทไป ระหว่างทาง พี่เขาก็คุยๆ ยิ่งฟังยิ่งรู้สึก พี่เขาดูเป็นคนขี้โม้นะ อยากให้รีบๆกินจะได้รีบๆไป [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เราก็นั่ง ยุบหนอ พอหนอ ในใจ ส่วนเพื่อนก็คนกลางนั่งเงียบๆ พอสักพักพี่เขาก็บอกเรา พี่ขอแวะเข้าบ้านพี่หน่อยนะ ไปเอาของแป๊บเดียว อยู่ใกล้ๆนี้เอง… เราก็บอก ค่ะ ในใจ เอาที่สบายใจเลย เมิงขับนี่ เหอะ- - พอถึงบ้านของพี่เขา เรื่องพีคมาแล้ว! พี่เขาลงจากรถโดยไม่เปลี่ยนเกียร์! ใช่ค่ะ ไม่เปลี่ยนเกียร์ ทั้งๆที่รถล็อคอัตโนมัติแท้ๆ แต่พี่เขาก็ยังอุตส่าห์ปลดล็อกประตูรถ และเดินลงจากรถโดยไม่เปลี่ยนเกียร์ รถก็วิ่งต่อสิคะ ไปข้างหน้าช้าๆ เรื่อยๆ เห้ยยน! เรากับเพื่อนกรี้ดโวยวายลั่นรถเลย ตกใจมาก เราพยายามเปลี่ยนเกียร์ แต่เพราะเรานั่งที่นั่งข้างคนขับก็เลยไม่ถนัดนัก ยังดีที่พี่เขากลับเข้ามาเปลี่ยนทัน เกือบไปแล้ว เราเลยพูดกับพี่เขาว่า เราไม่โอเคนะ เราจะขับ แต่พี่เขาก็ยังพูดว่า พี่ขับเองๆ น้องไม่ต้องหรอก อยู่นั่นแหละ อยากขับอะไรขนาดนั้น!!! กว่าจะไปถึงร้านเรากับเพื่อนหัวใจจะวาย พี่เขาขับเหมือนคนหัดขับ เบ้ซ้าย เบ้ขวา เราก็เข้าใจนะว่าคงไม่ชินกับรถรุ่นนี้ แต่ทำไมต้องพยายามขับด้วย รถเราแท้ๆ เราขับเองได้ พอไปถึงร้านเราก็สั่งอาหาร รีบๆกินจะได้รีบๆแยกย้ายสักที แต่พี่เขาก็ไม่วาย เจอเพื่อนค่ะ! พาเพื่อนมาร่วมโต๊ะด้วย แถมเป็นรุ่นอาจารย์อีก เราก็เกรงใจ ไม่กล้าขัด แล้วพวกเขาก็สั่งเหล้ามาดื่มกัน พวกเขาก็เมาๆนั่งคุยกันจนถึงตีห้า! ใช่ค่ะ ตีห้า! เราไปตั้งแต่สามทุ่ม! เรากับเพื่อนนั่งเซ็งๆ จะกลับก่อนก็สงสาร มารถคันเดียวกัน แถมร้านก็อยู่ในซอยลึก ร้านแนวสวนอาหาร แต่มีคาราโอเกะ มีพริตตี้ ซึ่งไม่เหมาะกับเราเลย เราแทบไม่เข้าร้านเหล้า แรกๆเข้าใจว่าเป็นร้านอาหาร เพราะมันกลางแจ้ง แถมมีสวนด้วย พอดึกๆเริ่มมีพริ๊ตตี้ ชักไม่แน่ใจแล้ว อยากกลับไปนอนมากกก แค่กินข้าวยาวไปเกือบ7ชม. ต่อไปเราไม่ไปกับรุ่นพี่คนนี้อีกแล้ว! เมื่อรุ่นพี่คุยกันจบ แยกย้ายกันกลับ เพื่อนเขาก็ถามรุ่นพี่คนนั้นว่า มีรถกลับไหม กลับด้วยกันไหม เหมือนเสียงสวรรค์เลยค่ะ รอดแล้วเรา แต่แล้วมันก็จบลงเพราะ พี่เขาก็ชูกุญแจรถเรา ควงไปมาแล้วพูดพร้อมทำหน้าเท่ๆ มีแล้ว! อ้ากกก!!!! (ยิ้ม฿:&/@/ สุดจะบรรยาย!!! ระหว่างทางเดินไปที่รถ เราพูดกับพี่เขาว่า พี่เมาแล้ว เดี๋ยวหนูขับเอง เราแย่งกุญแจมา พี่เขาก็ทำหน้าไม่พอใจแล้วก็พูดว่า ไม่ต้องๆ พี่ขับเองๆ น้องอยู่เฉยๆ แล้วก็ดึงกุญแจเรากลับ เราก็ โว๊ะะะ!!! (฿;&|$>฿@“เศร้า โมโหมากค่ะ เขาก็ยังแย่งรถเราขับอยู่ดี! จนถึงที่จอดรถมหาลัยพี่เขาจึงยอมคืนกุญแจให้เรา เพราะรถเขาจอดอยู่ตรงนั้น เขาบอกลาเราแล้วก็ขับรถมอเตอร์ไซออกไป เราก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ไปได้ซะที แล้วหลังจากนั้นเราก็ไม่คุยกับพี่เขาอีกเลย ทักไลน์มาเราก็ไม่ตอบ เจอหน้าถ้าพี่เขาทักก่อนเราก็ทักทายตามมารยาท สุดจะบรรยายจริงๆพี่คนนี้ เรื่องนี้เราไม่ได้เล่าให้ใครฟัง เดี๋ยวจะหาว่านินทา แต่เพื่อนๆที่เห็นพี่เขาทักทายเรา ก็กระซิบกับเราว่าอิจฉาจัง ได้คุยกับพี่เขาด้วย พี่เขาน่ารักนะ เป็นสุภาพบุรุษด้วย เราได้ยินก็เหวอเลยค่ะ0-0

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 16
ดูจากการตั้งคำถาม ยิ่งไม่แปลกใจว่าทำไมเจอคนแบบนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่