สวัสดีคนที่หลงเข้ามาทุกคน
กระทู้นี้ตั้งขึ้นเพื่อระบายความในใจบางอย่างที่มัน ..ยากเกินกว่าที่จะพูดกับคนรอบข้างได้ แต่ก็อึดอัดเกินกว่าจะเก็บไว้กับตัวเองคนเดียว
ไม่ว่าความรู้สึกของเราจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือว่าเป็นเรื่องที่ผิด เราอยากจะขอให้อย่างน้อยให้คนที่หลงมาแค่อ่านรับรู้ความรู้สึกของเรา
แล้วผ่านไป เราไม่ได้ขอให้เข้าใจ แต่อย่างน้อย.. อย่าตัดสินความรู้สึกของเราเลยนะ
ขออนุญาตแบ่งการเล่าเป็นเรื่องๆไป
#1 ความเจ็บปวดของทุกวัน
เราเป็นลูกสาวและเป็นลูกคนเดียวของครอบครัว
พ่อกับแม่ รวมถึงปู่ย่าและตายายเป็นข้าราชกาลหมด
พ่อเราดื่มเหล้าทุกวัน พอเมาก็จะตีเราแบบไม่มีสาเหตุ ตั้งแต่จำความได้ก็โดนตีแบบนี้มาตลอด
คนแถวบ้านก็จะรู้หมดว่าพอถึงเวลาทุ่มนึงลูกบ้านนี้ก็จะโดนตีร้องไห้ทุกวัน
พอเช้ามาพ่อก็ลืม ถ้าไม่ลืมก็จะซื้อของเล่นมาให้ คงหวังจะชดเชยความรู้สึกของเรา
ทุกครั้งเวลาโดนตีแม่จะคอยบอกตลอดว่า ให้กราบให้ขอโทษเค้าไปปัญหาทุกอย่างจะได้จบ เค้าจะได้ไม่หาเรื่องเราอีก
หลังจากโดนตีโดยไม่ทราบสาเหตุ สิ่งที่เราต้องทำคือการคลานเข้าไปกราบเท้าพ่อแล้วบอกว่าขอโทษ จะไม่ทำอีก
ทั้งๆที่เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราผิดอะไร
เคยมีครั้งนึงเราหลับไปแล้ว พ่อเรียกเราแต่เราไม่ตื่น พ่อเลยจับเราจิกหัวให้ไปยืนร้องไห้หน้าบ้าน
แล้วในหมู่บ้านเราก็มีแต่เพื่อนๆญาติๆ เด็กรุ่นเดียวกันที่เรียนโรงเรียนเดียวกันทั้งนั้น
วันรุ่งขี้นเราก็ต้องตอบคำถามว่าทำไมถึงโดนแบบนั้น บ้างก็ล้อที่เราร้องไห้ บ้างก็นินทาว่าบ้านเราแปลก
ตอนนั้นความสุขของเราคือการไม่ต้องเจอพ่อ คือช่วงเวลาที่เราอยู่โรงเรียนเท่านั้น พอกลับมาบ้านมันเหมือนเป็นนรกทุกวัน
ทุกครั้งที่พอตีพ่อจะโทษว่าเป็นเพราะเราผิด เรียกแล้วไม่ตอบบ้างหล่ะ หัวเราะเสียงดังทำให้รำคาญบ้างหล่ะ พูดล้อเล่นกับพ่อแม่ไม่ได้
ห้ามพยักหน้า ห้ามพูดเสียงดัง ห้ามบอกความต้องการของตัวเอง บลาๆๆๆๆๆ
เราเลยฝังใจว่าเราคงผิดเอง แม่สอนว่าเค้าไม่ชอบอะไรก็อย่าไปทำ เราเลยปรับทีละอย่าง สองอย่าง..
เริ่มจากจะไม่หัวเราะเสียงดัง เราจะไม่ยิ้ม เราจะไม่หยอกล้อ ถามอะไรมาเราจะตอบและจะตอบให้สั้นที่สุด
ไม่ให้เราออกไปเล่นข้างนอก เราก็จะไม่ไป บอกให้หันซ้ายเราก็จะหันซ้าย บอกให้หันขวาเราจะหันขวา เราจะไม่เถียง ไม่สู้
จนสุดท้ายเรากลายเป็นเด็กที่เย็นชาคนนึง เราไม่ยิ้มไม่หัวเราะ และไม่เล่าอะไรให้ครอบครัวฟัง เราไม่ออกไปเล่นข้างนอกแบบเด็กทั่วไป
และก็เราพยายามเลี่ยงพ่อให้ได้มากที่สุด ถ้าพ่ออยู่ซ้ายเราจะไปขวา ถ้าพ่ออยู่ข้างล่างบ้านเราจะขึ้นห้อง
ทุกวันนี้ผ่านมาแล้ว20กว่าปี ก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่
ตัวร้ายในทุกความสัมพันธุ์
กระทู้นี้ตั้งขึ้นเพื่อระบายความในใจบางอย่างที่มัน ..ยากเกินกว่าที่จะพูดกับคนรอบข้างได้ แต่ก็อึดอัดเกินกว่าจะเก็บไว้กับตัวเองคนเดียว
ไม่ว่าความรู้สึกของเราจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือว่าเป็นเรื่องที่ผิด เราอยากจะขอให้อย่างน้อยให้คนที่หลงมาแค่อ่านรับรู้ความรู้สึกของเรา
แล้วผ่านไป เราไม่ได้ขอให้เข้าใจ แต่อย่างน้อย.. อย่าตัดสินความรู้สึกของเราเลยนะ
ขออนุญาตแบ่งการเล่าเป็นเรื่องๆไป
#1 ความเจ็บปวดของทุกวัน
เราเป็นลูกสาวและเป็นลูกคนเดียวของครอบครัว
พ่อกับแม่ รวมถึงปู่ย่าและตายายเป็นข้าราชกาลหมด
พ่อเราดื่มเหล้าทุกวัน พอเมาก็จะตีเราแบบไม่มีสาเหตุ ตั้งแต่จำความได้ก็โดนตีแบบนี้มาตลอด
คนแถวบ้านก็จะรู้หมดว่าพอถึงเวลาทุ่มนึงลูกบ้านนี้ก็จะโดนตีร้องไห้ทุกวัน
พอเช้ามาพ่อก็ลืม ถ้าไม่ลืมก็จะซื้อของเล่นมาให้ คงหวังจะชดเชยความรู้สึกของเรา
ทุกครั้งเวลาโดนตีแม่จะคอยบอกตลอดว่า ให้กราบให้ขอโทษเค้าไปปัญหาทุกอย่างจะได้จบ เค้าจะได้ไม่หาเรื่องเราอีก
หลังจากโดนตีโดยไม่ทราบสาเหตุ สิ่งที่เราต้องทำคือการคลานเข้าไปกราบเท้าพ่อแล้วบอกว่าขอโทษ จะไม่ทำอีก
ทั้งๆที่เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราผิดอะไร
เคยมีครั้งนึงเราหลับไปแล้ว พ่อเรียกเราแต่เราไม่ตื่น พ่อเลยจับเราจิกหัวให้ไปยืนร้องไห้หน้าบ้าน
แล้วในหมู่บ้านเราก็มีแต่เพื่อนๆญาติๆ เด็กรุ่นเดียวกันที่เรียนโรงเรียนเดียวกันทั้งนั้น
วันรุ่งขี้นเราก็ต้องตอบคำถามว่าทำไมถึงโดนแบบนั้น บ้างก็ล้อที่เราร้องไห้ บ้างก็นินทาว่าบ้านเราแปลก
ตอนนั้นความสุขของเราคือการไม่ต้องเจอพ่อ คือช่วงเวลาที่เราอยู่โรงเรียนเท่านั้น พอกลับมาบ้านมันเหมือนเป็นนรกทุกวัน
ทุกครั้งที่พอตีพ่อจะโทษว่าเป็นเพราะเราผิด เรียกแล้วไม่ตอบบ้างหล่ะ หัวเราะเสียงดังทำให้รำคาญบ้างหล่ะ พูดล้อเล่นกับพ่อแม่ไม่ได้
ห้ามพยักหน้า ห้ามพูดเสียงดัง ห้ามบอกความต้องการของตัวเอง บลาๆๆๆๆๆ
เราเลยฝังใจว่าเราคงผิดเอง แม่สอนว่าเค้าไม่ชอบอะไรก็อย่าไปทำ เราเลยปรับทีละอย่าง สองอย่าง..
เริ่มจากจะไม่หัวเราะเสียงดัง เราจะไม่ยิ้ม เราจะไม่หยอกล้อ ถามอะไรมาเราจะตอบและจะตอบให้สั้นที่สุด
ไม่ให้เราออกไปเล่นข้างนอก เราก็จะไม่ไป บอกให้หันซ้ายเราก็จะหันซ้าย บอกให้หันขวาเราจะหันขวา เราจะไม่เถียง ไม่สู้
จนสุดท้ายเรากลายเป็นเด็กที่เย็นชาคนนึง เราไม่ยิ้มไม่หัวเราะ และไม่เล่าอะไรให้ครอบครัวฟัง เราไม่ออกไปเล่นข้างนอกแบบเด็กทั่วไป
และก็เราพยายามเลี่ยงพ่อให้ได้มากที่สุด ถ้าพ่ออยู่ซ้ายเราจะไปขวา ถ้าพ่ออยู่ข้างล่างบ้านเราจะขึ้นห้อง
ทุกวันนี้ผ่านมาแล้ว20กว่าปี ก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่