สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวพันทิพ เราขอใช้อักษรย่อว่า พี นะคะ ส่วนแฟนเรา ผู้ชายขอใช้อักษษรย่อว่า บี
ขอเล่ายาวหน่อยนะคะ ละเอียดนิดนึง เพื่อที่จะได้ให้ทุกคนเข้าใจเรื่องเบื้องลึกที่แท้จริง
ตอนนี้เราอายุ 26 ปี เรียนจบ ป ตรี สาขาหนึ่งมา และกำลังทำงานอยู่บริษัทแห่งหนึ่ง ในจังหวัดเดียวกันกับ บี
เรารู้จักกับบี ช่วงที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัย ประมาณปี 2(ประมาณเดือนมีนาคมปี2555) ตอนนั้นเพิ่งอกหักจากแฟนเก่า ก็เลยหาเพื่อนคุยไปเรื่อยๆ จนได้เล่นโปรแกรมแชทโปรแกรมนึงที่สามารถเลือกเปิดกล้องส่องคนที่เราอยากคุยด้วยได้ เราก็นั่งอ่านหนังสือไปกับเพื่อน แต่ก็เปิดกล้องทิ้งไว้ แล้วจู่ๆก็มีผู้ชายคนนึงทักมาถาม
บี : สวัสดี ชื่ออะไร ทำอะไรอยู่
พี : ชื่อ พี จ้า กำลังอ่านหนังสือ
มีสายเข้าทางโทรศัพท์ พีกดรับสาย และก็คุยไปสักพัก แล้วหันมาแชทตอบ
พี : เธอ รอแป๊บนึงนะ
บี : ไม่เป็นไรรอได้ครับ
วางสายโทรศัพท์
พี : มาคุยกัน........(ก็คุยกันไปสักพักจนเราจะไปนอนแล้ว เลยขอตัวไปนอน)
บี : เราขอเบอร์หน่อยสิ่ เดี๋ยวต้องกลับไปต่างจังหวัดละคงไม่ค่อยได้เล่น
พี : ได้สิ่ 08XXXXXXXX
หลังจากนั้นพีก็โทรมาหาเราทุกวัน วันละหลายชั่วโมง (ช่วงโปรโมชั่น)
เมื่อได้คุยกันไปสักพัก เราก็เริ่มรู้สึกดีกับคนนี้ เพราะทุกวัน ทุกเวลาไปไหนจะทำอะไรเค้าจะโทรมาคุยกับเราตลอด ทำให้เราลืมเรื่องเศร้าๆไปได้หลายเรื่อง (ช่วงนั้นพ่อเราไปมีครอบครัวใหม่)
จนในที่สุดเราก็ตัดสินใจคบกันแบบเป็นแฟนในช่วงเดือน มิถุนายน 2555 และนัดเจอกันครั้งแรก ในเดือนสิงหาคม 2555
โดยที่ พี ขึ้นรถทัวร์ไปหาบี (ไม่ต้องอธิบายละเอียดเนาะว่าเป็นอย่างไร) ซึ่งตอนนั้นเราก็ไม่รู้มาก่อนว่าเค้ายังคุยกับแฟนเก่าเค้าอยู่อีกคน เพิ่งมารู้ตอนหลัง ก็เลยถามเค้าว่าจะเอายังไง เค้าก็โทรประชุมสายให้ฟังว่าเค้าบอกเลิกคนนั้น ตอนนั้นเราก็ดีใจนะที่เค้าเห็นเราสำคัญ (นี่คงเป็นเวรกรรมที่เราทำไว้ อันแรก)
จากนั้นก็ติดต่อคบหากันเรื่อยมา พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายรับรู้ งานบวชของพี เราก็ไปช่วยงาน และแม่ของบีก็ได้ให้สัญญากับเราว่า ให้เรียนจบก่อนนะลูก เรื่องแต่งงานก็ว่ากัน
จนวันที่เรารับปริญญาแม่ของบีก็ซื้อแหวนเป็นของวัญให้เราวงนึง ช่วงนั้นเราได้ไปทำงานในโครงการก่อสร้างโครงการนึง ซึ่งอยู่ จังหวัดราชบุรี มีสัญญา 2 ปี ช่วงนั้นเราก็เริ่มช่วยเค้าผ่อนรถมอเตอร์ไซต์บิ๊กไบค์ ประมาณเดือนละ 4000 มั้งถ้าจำไม่ผิด เงินเดือนเราประมาณ 18000 แต่ก็จำไม่ได้ว่าผ่อนไปกี่เดือน ซึ่งตลอดเวลาที่เราอยู่ราชบุรี เค้าไม่เคยเป็นฝ่ายมาหาเราเลย เรานั่งรถทัวร์ไปหาเค้าตลอด เค้ามีรถแต่ขี่มาหาเราไม่ได้ แต่สามารถขี่ไปเที่ยวกับเพื่อนๆได้ในระยะทางไกลๆ ช่วงนั้นเรายอมรับ เราก็น้อยใจแหละ บางทีรถมอเตอร์ไซต์เราเสียตอนดึก กลางทางเปลี่ยวๆ ก็ต้องเข็นกลับบ้านคนเดียว ไม่มีใครช่วยเหลือเราได้ กอบกับช่วงนั้นเราทะเลาะกับบีบ่อยมาก ซึ่งการทะเลาะของเค้าคือด่าหยาบและแรง แต่พอนึกได้ สองสามวันก็จะมาขอโทษ เราก็ให้อภัยไป
ความชั่วของเรา ปี 2558
จนเราได้รู้จักเพื่อนร่วมงานคนนึงซึ่งเค้ารับอาสาดูแลซ่อมรถให้ และดูแลเรา ตอนนั้นก็ยังไม่ได้คิดอะไร จนวันนึงมีงานกินเลี้ยง เราเมามาก ยอมรับว่าคุมสติตัวเองไม่ได้ แล้วช่วงนั้นทะเลาะกับแฟนบ่อยมาก เราเลยเผลอตัวไปมีอะไร กับผู้ชายคนนั้น ซึ่งหลังจากนั้น เราก็รู้สึกว่าอยากประชดทุกสิ่งทุกอย่าง ให้ผู้ชายคนนั้นย้ายมาอยู่ในห้อง สองอาทิตย์หลังจากนั้น เราคิดว่าทำแบบนี้มันไม่ถูก แต่จะถอนตัวยังไงให้ได้ เลยบอกผู้ชายคนนั้นว่าจะเลิกให้ย้ายออกไป และเรามีแฟนแล้ว จากนั้นชีวิตของเราก็ไม่สงบสุขอีกแล้ว ทุกคืน ผู้ชายคนนั้นจะมาที่ห้องเราทุบประตู เรียกให้เราออกมา ตอนนั้นยอมรับว่ากลัวโดนฆ่ามาก ไม่กล้าบอกใคร จนที่ทำงานรู้ และผู้ชายคนนั้นลาออกจากโครงการไป โดนก่อนไปเขาขู่เราไว้ว่า เค้าจะประจานเราให้ทั่ว (เวรกรรมครั้งที่2)
หลังจากผู้ชายคนนั้นย้ายออกไปทำงานที่อื่น บีก็มาหาเราที่ราชบุรี เรากำลังไปอาบน้ำอยู่เพื่อที่จะไปทำงาน เค้าก็เอาโทรศัพท์เราไปเล่น ไปค้นเบอร์ บันทึกการโทร จนไปเจอเบอร์ของผู้ชายคนนั้น ซึ่งเค้าโทรไปและให้เราคุย ความจริงทุกอย่างก็ปรากฏว่าเรานอกใจและนอกกายเค้า ทำให้เค้าเสียใจมาก เค้าตัดสินใจขับรถออกไป(เพิ่งมารู้ตอนหลังว่าเค้าเกือบตายเพราะร้องไห้ไปขับรถไป) ในวันเดียวกัน เราก็นั่งรถทัวร์ตามไปง้อไปขอโทษ เพราะเรารู้สึกผิดจริงๆ และเรารู้ว่ามันคือสิ่งที่เลวร้ายมาก เราไปขอโทษเค้าอ้อนวอนเค้า เอาแต่ร้องไห้ และไล่เราให้ออกไป ความรู้สึกตอนนี้คือเรา

มากที่ทำตัวแบบนี้ ได้แต่ขอโทษและสัญญาจะไม่ทำผิดอีก เราเสียใจจนกรีดข้อมือตัวเอง แต่ก็ไม่ช่วยอะไร เค้าให้รุ่นพี่เค้าที่สนิทกัน ลากเราไปส่งที่บ้านเกิดเราอีกจังหวัดนึง ช่วงเวลาจากนั้น คือนรกที่เราและเค้าต้องเจอ เพราะความเลวของเราเอง เราตามไปง้อเค้า ไปขอโอกาส ทุกวันหยุดเสาร์อาทิตย์ จนผ่านไป 3 สัปดาห์ คราวนี้เรารู้ข่าวว่าเค้ากำลังจะคุยกับคนใหม่ ซึ่งเราก็รีบไปหาเค้า ปรากฏว่าไปถุง ผู้หญิงคนนั้นอยู่ในห้องกับเขาแล้ว (เพิ่งมารู้ทีหลังเพราะเค้ามาเล่าให้ฟัง) เค้าก็ไล่เราออกมา ไม่ให้เข้าใกล้ห้อง แต่เราดื้อและไม่ยอมไป เค้าเลยใช้เชือกรัดคอและบอกว่าให้กลับไป ตอนนั้นความรู้สึกมันคือ พอแล้ว นี่มันเป็นความผิดของเราเอง ต้องทำใจยอมรับมันให้ได้
วันรุ่งขึ้นเรากลับไปทำงาน บีส่งข้อความมาว่าเค้าขอโทษเค้ารู้สึกผิดที่ทำแบบนั้น จากกนั้นมาเราก็เหมือนจะเริ่มปรับความเข้าใจกันได้ ก็กลับมาคุยกันอีกครั้ง ว่าจะไปเที่ยวนู่นนี่นั่นกัน แล้วอยู่มาวันนึงเค้าก็มาบอกเราว่า คนที่เค้าคบด้วย มีอะไรกันด้วย เป็นเยาวชน และพ่อแม่เค้ามาเอาเรื่องถึงที่ทำงาน ถ้าไม่แต่งงานรับผิดชอบจะให้ออกจากงานให้ได้ เค้าส่งข้อความมา ว่ามันคือบททดสอบของเรา ให้เราช่วยผ่านมันไปให้ได้ ตอนนั้นเราเจ็บจนจุกเลย แต่ก็รู้ว่ามันมีสาเหตุมาจากเรา และขอเค้าให้เราช่วย ให้เค้าหลุดพ้นจากเด็กคนนี้ เพราะเค้าไม่ได้รักเด็กคนนี้ การแต่งงานของบีกับเด็กคนนั้นถูกจัดขึ้น เค้าจะมาอยู่ด้วยกันช่วงเสาร์อาทิตย์ และเราจะช่วยหาทางให้เด็กคนนั้นเลิกกับบี ด้วยการสืบหาหลักฐานต่างๆว่าเด็กมีคนอื่นหรือไม่ ซึ่งตอนนั้นเอง แม่ของบีบอกกับเราว่าถ้าจบปัญหาต่างๆแล้วนั้น จะให้แม่มาขอเราแต่งงาน ไม่นานเด็กคนนั้นก็แอบไปมีอะไรกับคนอื่น โดยสืบดูจากประวัติแชท มีการชวนกันไปโรงแรม และถ่ายรูปของลับ ซึ่ง บีก็เก็บหลักฐานไว้ เด็กคนนั้นได้ไปคบกับผู้ชายคนใหม่ และย้ายออกไปจากชีวิต บี (เวรกรรมเรื่องที่3)
หลังจากนั้น เมื่อเราสิ้นสุดสัญญางานที่ราชบุรี เราก็ย้ายมาอยู่ที่โคราช เรามีความสุขกันมาก จนมาวันหนึ่งเค้าสารภาพกับเรา ว่ามีอะไรกับเด็กคนนั้นทั้งๆที่สัญญากับเราไว้ว่าจะไม่มี เพื่อให้เรื่องมันจบลง ครั้งนี้เราร้องไห้และเสียใจมาก กรีดข้อมือตัวเองอีกแล้ว เพราะมันเจ็บปวดที่ต้องมารู้ เค้ามาขอโทษขอร้องว่าอย่าไป เรารักเค้ามาก และให้อภัย และอยู่ต่อเรื่อยๆมา ช่วงนั้นอยู่ที่โคราชเค้าก็ถอบรถยนต์ออกมาคันนึง เพราะมีรายได้เสริมจากการทำธุรกิจ ส่วนเรา ยังหางานไม่ได้ ก็ไปทำงานเป็นพนักงานร้าน pet shop ทุกอย่างดำเนินด้วยดีตลอดมา สัญญากันว่าจะช่วยกันเก็บเงินผ่อนรถให้หมดก่อนแล้วค่อยคิดเรื่องแต่งงาน
จนในที่สุด(เดือนกุมภาพันธ์2561) เราได้งานที่ตรงกับที่เรียนมา เงินเดือน 16500 แต่ว่าต้องย้ายไปอยู่ที่ ฉะเชิงเทรา บี ไปส่งและพูดกับเราว่า ให้พิสูจน์ตัวเองนะอย่าทำผิดซ้ำรอยเดิม ช่วงนั้นทุกอย่างเป็นปกติ เราทำงานหยุดเสาร์อาทิตย์ อาตย์ไหนไม่ทำโอ ก็จะไปหาบีที่โคราช นั่งรถทัวร์ไปเย็นวันศุกร์ และกลับมาทำงาน 05.00 วันจันทร์
สามเดือนถัดมา บีป่วย ต้องเข้ารับการผ่าตัดใหญ่ ชซึ่งไม่ตรงกับวันหยุดเรา และเรายังไม่ผ่านโปรทดลองงาน แต่เนื่องจากเป็นห่วงมาก เพราะพ่อแม่บีอยู่ไกล และยังเดินทางมาไม่ถึง มีแค่เพื่อนผู้ชายที่คอยเฝ้าในช่วงหลังผ่าตัดคืนแรก เราตัดสินใจลางาน วันพฤหัสบดี –อาทิตย์ เพื่อไปอยู่เฝ้าทั้งที่รู้ว่าถ้าไปจะทำให้การประเมนผลได้เกรดน้อย แต่ก็เพราะเป็นห่วงมาก และอยากดูแลเค้าจริงๆ หลังจากการผ่าตัดผ่านไป บีกลับมาพักฟื้น ทุกอย่างเป็นปกติ
หลังจากนั้นเราได้รับติดต่อให้มาทำงานในโรงงานที่โคราช ซึ่งมีเงินเดือนเพิ่มขึ้น เราดีใจมากถึงมากที่สุดจะได้กลับมาอยู่กับบีอีกครั้ง แต่เมื่อเราไปบอกบี เค้ากลับไม่นินดีที่เรากลับมาอยู่ บอกให้เราย้ายไปอยู่หอข้างนอก ซึ่งที่ทำงานกับที่บ้านไม่ไกลกันมาก อยู่ห่างกัน ประมาณ 25 กิโล แต่เรายื่นข้อเสนอว่า ถ้าอยู่จะช่วยค่าใช้จ่ายในบ้าน และออกค่าผ่อนรถในส่วนที่ขาดเหลือ เพราะช่วงนั้นธุรกิจเสริมของเค้าเริ่มรายได้ลดลง เราขอร้องอยู่นานจนเค้ายินยอมให้เราอยู่ด้วย
มาอยู่ด้วยกันเดือนแรก ก็มีปัญหาเลย คือเรายังได้เงินเดือนไม่เต็มเดือน แต่ต้องจ่ายค่ารถ ซึ่งเราบอกว่ามีให้แค่ 4000 เพราะเราจะเก็บไว้ใช้อีก 2000 แต่เค้ามีท่าทีเหมือนจะงอน ด่าเราว่าไร้ค่าอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ ช่วยเหลือพึ่งพาห่านอะไรไม่ได้เลย
เราเลยขอโทษ และยกเงิน อีก 2000 ให้เค้าไป และพยายามกินข้าวที่โณงงานอาจจะมีขอค่าน้ำมันรถมอเตอร์ไซต์จากเค้าบ้างเป็นบางครั้ง จากนั้นก็จะเป็นแบบนี้ทุกเดือน เราจะทำงาน ทำโอที เช็ครายได้ทุกวันว่าเพียงพอให้เค้ารึยัง ซึ่งหลังจากทะเลาะกันครั้งนั้น เค้าตกลงกับเราว่า เราจะต้องให้เงินเค้าเดือนละ 10000 โดย 6000 เป็นค่าผ่อนรถ และอีก 4000 เป็นค่าแต่งงาน หรือใช้ไปเที่ยวด้วยกัน
มีอยู่ช่วงหนึ่ง เราไปเล่นคอมเค้าและเข้าไปเจอรูป และคลิปเค้ามีเพศสัมพันธ์กับคนอื่น ถ่ายเก็บไว้ ตอนนั้นเราชอคสุด พอเค้ากลับมาจากทำงาน เราเลยถามว่า เธอเก็บคลิปพวกนี้ไว้ทำไม ถ่ายไว้ทำไม มันจะไม่ดีกับตัวเธอนะ เค้าโมโหเรามาก หาว่าไปเจือกเรื่องส่วนตัวเค้า ไม่ไว้ใจเค้า สอดรู้สอดเห็น ทั้งเตะทั้งกระทืบเรา ดึงผมลากเราไปทั่วบ้าน เราร้องไห้แล้วร้องไห้อีก อย่ากฟังแค่คำขอโทษเค้าเท่านั้น สุดท้ายเค้าไล่เราออกจากบ้าน บอกว่าให้ไปซะ เราออกไปได้พักนึงก็รู้ว่า เราคงผิดเองที่อยากไปรู้ไปเห็นทำให้เค้าโมโห เลยเดินกลับไปขอโทษเค้า ขอร้องให้เค้าคืนดี เค้าออกไปข้างนอกครึ่งวัน พร้อมกลับมากอดเรา และขอโทษ เราคืนดีกัน จากนั้นทุกอย่างก็เป็นเหมือนเดิม เราทำงาน ทำโอที อาจจะขาดความเป็นแม่บ้านแม่เรือนไปบ้าง ยอมรับเลยว่ามันผิด กับข้าวกับปลาก็ไม่ค่อยจัดเตรียมไว้ให้เค้า เพราะเราออกไปทำงาน 06.00 กลับมาอีกที ก็16.00 หรือทำโอถึง 18.00 ก็มี พอกลับมาก็ไม่มีแรงจะทำอะไรแล้ว ยอมรับว่ามันขี้เกียจอาจจะมีซักผ้า รีดผ้าของเรา วันหยุดเสาร์อาทิตย์ ถ้าไม่ได้ทำโอ ก็จะเก็บกวาดบ้าน แล้วบี เป็นคนชอบทำงานช่าง บางทีทำแล้ววางเก็บไว้ เราก็ขี้เกียจเก็บเพราะเหมือนเค้ายังทำไม่เสร็จ ช่วงนั้นเวลาเงินเดือนออก เราจะชวนกันไปกินของอร่อยๆ ตามแต่ใจเค้าอยากกิน ผลัดกันออกบ้าง ทุกครั้งที่เราได้ไปกินอะไรอร่อยๆ ด้วยกัน เราจะมีความสุขกันมาก จนเราน้ำหนักขึ้นกันทั้งคู่ ประมาณ 10กว่ากิโล แต่ละเดือนเราแทบจะหาเงินเดือนชนเดือนเลย แต่เราไม่เคยเอาเงินไปซื้อของฟุ่มเฟือยอื่นๆ นอกจากพวกของใช้ในชีวิตประจำวัน ครีมทาผิว อาบน้ำล้างหน้า แค่นั้น บางเดือนเราเงินไม่พอใช้ก็จะวนไปขอตังบี บ้าง ครั้งละ 100 บ้าง 50บ้าง
ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมันจะมีเรื่องเล็กๆน้อยๆให้ทะเลาะกัน เช่นเวลาขับรถไปเที่ยวด้วยกัน เราทำให้เค้าไม่พอใจ เช่นไม่ให้เค้ากินโกโก้เรา หาเพลงที่เค้าอยากฟังไม่เจอ หรืองอแง เวลาที่แผนในทริปไม่เป็นไปตามที่เค้าวางไว้ เค้าจะโกรธ ด่าหยาบๆคายๆตลอด และห้ามเราหลับบนรถ เพราะเหมือนเป็นการเอาเปรียบเค้า จนพักหลังๆ เค้าก็จะไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนเค้า ส่วนเราก็อยู่บ้าน หรือไม่ก็ทำโอ เพราะบางทีก็หยุดยาวเหมือนพวกเค้าไม่ได้ ก็แอบน้อยใจอยู่นิดๆ
สุดท้ายวันแตกหักก็มาถึง
เราขอยืมเงินเค้า เพื่อไปเติมน้ำมันรถยนต์ 50 บาท เค้าพูดกลับมาว่า ทำไมต้องให้ด้วยวะ เราได้แต่คิดในใจ ที่เราให้คุณเดือนละ 10000 เรายังไม่เคยว่าอะไรคุณเลยนะ แล้วเค้าก็เริ่มมีอารมณ์โมโห เราเลยด่าคำว่า

ออกไปคำนึง เค้าตบหัวเราทีนึงและเดินออกไป ส่งข้อความในเมสเซนเจอร์มาบอกเราว่า
บี : ถ้าไม่เลิกสันดานเป็นตัวถ่วงในชีวิต สักวันนึงจะไม่รอใ
ความผิดพลาด และสิ่งที่อยากแก้ไข ในวันที่ไม่มีโอกาสแล้ว (เรื่องราวงที่อยากนำไปเล่าในพุธทอล์ค พุธโธ ๗
ขอเล่ายาวหน่อยนะคะ ละเอียดนิดนึง เพื่อที่จะได้ให้ทุกคนเข้าใจเรื่องเบื้องลึกที่แท้จริง
ตอนนี้เราอายุ 26 ปี เรียนจบ ป ตรี สาขาหนึ่งมา และกำลังทำงานอยู่บริษัทแห่งหนึ่ง ในจังหวัดเดียวกันกับ บี
เรารู้จักกับบี ช่วงที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัย ประมาณปี 2(ประมาณเดือนมีนาคมปี2555) ตอนนั้นเพิ่งอกหักจากแฟนเก่า ก็เลยหาเพื่อนคุยไปเรื่อยๆ จนได้เล่นโปรแกรมแชทโปรแกรมนึงที่สามารถเลือกเปิดกล้องส่องคนที่เราอยากคุยด้วยได้ เราก็นั่งอ่านหนังสือไปกับเพื่อน แต่ก็เปิดกล้องทิ้งไว้ แล้วจู่ๆก็มีผู้ชายคนนึงทักมาถาม
บี : สวัสดี ชื่ออะไร ทำอะไรอยู่
พี : ชื่อ พี จ้า กำลังอ่านหนังสือ
มีสายเข้าทางโทรศัพท์ พีกดรับสาย และก็คุยไปสักพัก แล้วหันมาแชทตอบ
พี : เธอ รอแป๊บนึงนะ
บี : ไม่เป็นไรรอได้ครับ
วางสายโทรศัพท์
พี : มาคุยกัน........(ก็คุยกันไปสักพักจนเราจะไปนอนแล้ว เลยขอตัวไปนอน)
บี : เราขอเบอร์หน่อยสิ่ เดี๋ยวต้องกลับไปต่างจังหวัดละคงไม่ค่อยได้เล่น
พี : ได้สิ่ 08XXXXXXXX
หลังจากนั้นพีก็โทรมาหาเราทุกวัน วันละหลายชั่วโมง (ช่วงโปรโมชั่น)
เมื่อได้คุยกันไปสักพัก เราก็เริ่มรู้สึกดีกับคนนี้ เพราะทุกวัน ทุกเวลาไปไหนจะทำอะไรเค้าจะโทรมาคุยกับเราตลอด ทำให้เราลืมเรื่องเศร้าๆไปได้หลายเรื่อง (ช่วงนั้นพ่อเราไปมีครอบครัวใหม่)
จนในที่สุดเราก็ตัดสินใจคบกันแบบเป็นแฟนในช่วงเดือน มิถุนายน 2555 และนัดเจอกันครั้งแรก ในเดือนสิงหาคม 2555
โดยที่ พี ขึ้นรถทัวร์ไปหาบี (ไม่ต้องอธิบายละเอียดเนาะว่าเป็นอย่างไร) ซึ่งตอนนั้นเราก็ไม่รู้มาก่อนว่าเค้ายังคุยกับแฟนเก่าเค้าอยู่อีกคน เพิ่งมารู้ตอนหลัง ก็เลยถามเค้าว่าจะเอายังไง เค้าก็โทรประชุมสายให้ฟังว่าเค้าบอกเลิกคนนั้น ตอนนั้นเราก็ดีใจนะที่เค้าเห็นเราสำคัญ (นี่คงเป็นเวรกรรมที่เราทำไว้ อันแรก)
จากนั้นก็ติดต่อคบหากันเรื่อยมา พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายรับรู้ งานบวชของพี เราก็ไปช่วยงาน และแม่ของบีก็ได้ให้สัญญากับเราว่า ให้เรียนจบก่อนนะลูก เรื่องแต่งงานก็ว่ากัน
จนวันที่เรารับปริญญาแม่ของบีก็ซื้อแหวนเป็นของวัญให้เราวงนึง ช่วงนั้นเราได้ไปทำงานในโครงการก่อสร้างโครงการนึง ซึ่งอยู่ จังหวัดราชบุรี มีสัญญา 2 ปี ช่วงนั้นเราก็เริ่มช่วยเค้าผ่อนรถมอเตอร์ไซต์บิ๊กไบค์ ประมาณเดือนละ 4000 มั้งถ้าจำไม่ผิด เงินเดือนเราประมาณ 18000 แต่ก็จำไม่ได้ว่าผ่อนไปกี่เดือน ซึ่งตลอดเวลาที่เราอยู่ราชบุรี เค้าไม่เคยเป็นฝ่ายมาหาเราเลย เรานั่งรถทัวร์ไปหาเค้าตลอด เค้ามีรถแต่ขี่มาหาเราไม่ได้ แต่สามารถขี่ไปเที่ยวกับเพื่อนๆได้ในระยะทางไกลๆ ช่วงนั้นเรายอมรับ เราก็น้อยใจแหละ บางทีรถมอเตอร์ไซต์เราเสียตอนดึก กลางทางเปลี่ยวๆ ก็ต้องเข็นกลับบ้านคนเดียว ไม่มีใครช่วยเหลือเราได้ กอบกับช่วงนั้นเราทะเลาะกับบีบ่อยมาก ซึ่งการทะเลาะของเค้าคือด่าหยาบและแรง แต่พอนึกได้ สองสามวันก็จะมาขอโทษ เราก็ให้อภัยไป
ความชั่วของเรา ปี 2558
จนเราได้รู้จักเพื่อนร่วมงานคนนึงซึ่งเค้ารับอาสาดูแลซ่อมรถให้ และดูแลเรา ตอนนั้นก็ยังไม่ได้คิดอะไร จนวันนึงมีงานกินเลี้ยง เราเมามาก ยอมรับว่าคุมสติตัวเองไม่ได้ แล้วช่วงนั้นทะเลาะกับแฟนบ่อยมาก เราเลยเผลอตัวไปมีอะไร กับผู้ชายคนนั้น ซึ่งหลังจากนั้น เราก็รู้สึกว่าอยากประชดทุกสิ่งทุกอย่าง ให้ผู้ชายคนนั้นย้ายมาอยู่ในห้อง สองอาทิตย์หลังจากนั้น เราคิดว่าทำแบบนี้มันไม่ถูก แต่จะถอนตัวยังไงให้ได้ เลยบอกผู้ชายคนนั้นว่าจะเลิกให้ย้ายออกไป และเรามีแฟนแล้ว จากนั้นชีวิตของเราก็ไม่สงบสุขอีกแล้ว ทุกคืน ผู้ชายคนนั้นจะมาที่ห้องเราทุบประตู เรียกให้เราออกมา ตอนนั้นยอมรับว่ากลัวโดนฆ่ามาก ไม่กล้าบอกใคร จนที่ทำงานรู้ และผู้ชายคนนั้นลาออกจากโครงการไป โดนก่อนไปเขาขู่เราไว้ว่า เค้าจะประจานเราให้ทั่ว (เวรกรรมครั้งที่2)
หลังจากผู้ชายคนนั้นย้ายออกไปทำงานที่อื่น บีก็มาหาเราที่ราชบุรี เรากำลังไปอาบน้ำอยู่เพื่อที่จะไปทำงาน เค้าก็เอาโทรศัพท์เราไปเล่น ไปค้นเบอร์ บันทึกการโทร จนไปเจอเบอร์ของผู้ชายคนนั้น ซึ่งเค้าโทรไปและให้เราคุย ความจริงทุกอย่างก็ปรากฏว่าเรานอกใจและนอกกายเค้า ทำให้เค้าเสียใจมาก เค้าตัดสินใจขับรถออกไป(เพิ่งมารู้ตอนหลังว่าเค้าเกือบตายเพราะร้องไห้ไปขับรถไป) ในวันเดียวกัน เราก็นั่งรถทัวร์ตามไปง้อไปขอโทษ เพราะเรารู้สึกผิดจริงๆ และเรารู้ว่ามันคือสิ่งที่เลวร้ายมาก เราไปขอโทษเค้าอ้อนวอนเค้า เอาแต่ร้องไห้ และไล่เราให้ออกไป ความรู้สึกตอนนี้คือเรา
วันรุ่งขึ้นเรากลับไปทำงาน บีส่งข้อความมาว่าเค้าขอโทษเค้ารู้สึกผิดที่ทำแบบนั้น จากกนั้นมาเราก็เหมือนจะเริ่มปรับความเข้าใจกันได้ ก็กลับมาคุยกันอีกครั้ง ว่าจะไปเที่ยวนู่นนี่นั่นกัน แล้วอยู่มาวันนึงเค้าก็มาบอกเราว่า คนที่เค้าคบด้วย มีอะไรกันด้วย เป็นเยาวชน และพ่อแม่เค้ามาเอาเรื่องถึงที่ทำงาน ถ้าไม่แต่งงานรับผิดชอบจะให้ออกจากงานให้ได้ เค้าส่งข้อความมา ว่ามันคือบททดสอบของเรา ให้เราช่วยผ่านมันไปให้ได้ ตอนนั้นเราเจ็บจนจุกเลย แต่ก็รู้ว่ามันมีสาเหตุมาจากเรา และขอเค้าให้เราช่วย ให้เค้าหลุดพ้นจากเด็กคนนี้ เพราะเค้าไม่ได้รักเด็กคนนี้ การแต่งงานของบีกับเด็กคนนั้นถูกจัดขึ้น เค้าจะมาอยู่ด้วยกันช่วงเสาร์อาทิตย์ และเราจะช่วยหาทางให้เด็กคนนั้นเลิกกับบี ด้วยการสืบหาหลักฐานต่างๆว่าเด็กมีคนอื่นหรือไม่ ซึ่งตอนนั้นเอง แม่ของบีบอกกับเราว่าถ้าจบปัญหาต่างๆแล้วนั้น จะให้แม่มาขอเราแต่งงาน ไม่นานเด็กคนนั้นก็แอบไปมีอะไรกับคนอื่น โดยสืบดูจากประวัติแชท มีการชวนกันไปโรงแรม และถ่ายรูปของลับ ซึ่ง บีก็เก็บหลักฐานไว้ เด็กคนนั้นได้ไปคบกับผู้ชายคนใหม่ และย้ายออกไปจากชีวิต บี (เวรกรรมเรื่องที่3)
หลังจากนั้น เมื่อเราสิ้นสุดสัญญางานที่ราชบุรี เราก็ย้ายมาอยู่ที่โคราช เรามีความสุขกันมาก จนมาวันหนึ่งเค้าสารภาพกับเรา ว่ามีอะไรกับเด็กคนนั้นทั้งๆที่สัญญากับเราไว้ว่าจะไม่มี เพื่อให้เรื่องมันจบลง ครั้งนี้เราร้องไห้และเสียใจมาก กรีดข้อมือตัวเองอีกแล้ว เพราะมันเจ็บปวดที่ต้องมารู้ เค้ามาขอโทษขอร้องว่าอย่าไป เรารักเค้ามาก และให้อภัย และอยู่ต่อเรื่อยๆมา ช่วงนั้นอยู่ที่โคราชเค้าก็ถอบรถยนต์ออกมาคันนึง เพราะมีรายได้เสริมจากการทำธุรกิจ ส่วนเรา ยังหางานไม่ได้ ก็ไปทำงานเป็นพนักงานร้าน pet shop ทุกอย่างดำเนินด้วยดีตลอดมา สัญญากันว่าจะช่วยกันเก็บเงินผ่อนรถให้หมดก่อนแล้วค่อยคิดเรื่องแต่งงาน
จนในที่สุด(เดือนกุมภาพันธ์2561) เราได้งานที่ตรงกับที่เรียนมา เงินเดือน 16500 แต่ว่าต้องย้ายไปอยู่ที่ ฉะเชิงเทรา บี ไปส่งและพูดกับเราว่า ให้พิสูจน์ตัวเองนะอย่าทำผิดซ้ำรอยเดิม ช่วงนั้นทุกอย่างเป็นปกติ เราทำงานหยุดเสาร์อาทิตย์ อาตย์ไหนไม่ทำโอ ก็จะไปหาบีที่โคราช นั่งรถทัวร์ไปเย็นวันศุกร์ และกลับมาทำงาน 05.00 วันจันทร์
สามเดือนถัดมา บีป่วย ต้องเข้ารับการผ่าตัดใหญ่ ชซึ่งไม่ตรงกับวันหยุดเรา และเรายังไม่ผ่านโปรทดลองงาน แต่เนื่องจากเป็นห่วงมาก เพราะพ่อแม่บีอยู่ไกล และยังเดินทางมาไม่ถึง มีแค่เพื่อนผู้ชายที่คอยเฝ้าในช่วงหลังผ่าตัดคืนแรก เราตัดสินใจลางาน วันพฤหัสบดี –อาทิตย์ เพื่อไปอยู่เฝ้าทั้งที่รู้ว่าถ้าไปจะทำให้การประเมนผลได้เกรดน้อย แต่ก็เพราะเป็นห่วงมาก และอยากดูแลเค้าจริงๆ หลังจากการผ่าตัดผ่านไป บีกลับมาพักฟื้น ทุกอย่างเป็นปกติ
หลังจากนั้นเราได้รับติดต่อให้มาทำงานในโรงงานที่โคราช ซึ่งมีเงินเดือนเพิ่มขึ้น เราดีใจมากถึงมากที่สุดจะได้กลับมาอยู่กับบีอีกครั้ง แต่เมื่อเราไปบอกบี เค้ากลับไม่นินดีที่เรากลับมาอยู่ บอกให้เราย้ายไปอยู่หอข้างนอก ซึ่งที่ทำงานกับที่บ้านไม่ไกลกันมาก อยู่ห่างกัน ประมาณ 25 กิโล แต่เรายื่นข้อเสนอว่า ถ้าอยู่จะช่วยค่าใช้จ่ายในบ้าน และออกค่าผ่อนรถในส่วนที่ขาดเหลือ เพราะช่วงนั้นธุรกิจเสริมของเค้าเริ่มรายได้ลดลง เราขอร้องอยู่นานจนเค้ายินยอมให้เราอยู่ด้วย
มาอยู่ด้วยกันเดือนแรก ก็มีปัญหาเลย คือเรายังได้เงินเดือนไม่เต็มเดือน แต่ต้องจ่ายค่ารถ ซึ่งเราบอกว่ามีให้แค่ 4000 เพราะเราจะเก็บไว้ใช้อีก 2000 แต่เค้ามีท่าทีเหมือนจะงอน ด่าเราว่าไร้ค่าอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ ช่วยเหลือพึ่งพาห่านอะไรไม่ได้เลย
เราเลยขอโทษ และยกเงิน อีก 2000 ให้เค้าไป และพยายามกินข้าวที่โณงงานอาจจะมีขอค่าน้ำมันรถมอเตอร์ไซต์จากเค้าบ้างเป็นบางครั้ง จากนั้นก็จะเป็นแบบนี้ทุกเดือน เราจะทำงาน ทำโอที เช็ครายได้ทุกวันว่าเพียงพอให้เค้ารึยัง ซึ่งหลังจากทะเลาะกันครั้งนั้น เค้าตกลงกับเราว่า เราจะต้องให้เงินเค้าเดือนละ 10000 โดย 6000 เป็นค่าผ่อนรถ และอีก 4000 เป็นค่าแต่งงาน หรือใช้ไปเที่ยวด้วยกัน
มีอยู่ช่วงหนึ่ง เราไปเล่นคอมเค้าและเข้าไปเจอรูป และคลิปเค้ามีเพศสัมพันธ์กับคนอื่น ถ่ายเก็บไว้ ตอนนั้นเราชอคสุด พอเค้ากลับมาจากทำงาน เราเลยถามว่า เธอเก็บคลิปพวกนี้ไว้ทำไม ถ่ายไว้ทำไม มันจะไม่ดีกับตัวเธอนะ เค้าโมโหเรามาก หาว่าไปเจือกเรื่องส่วนตัวเค้า ไม่ไว้ใจเค้า สอดรู้สอดเห็น ทั้งเตะทั้งกระทืบเรา ดึงผมลากเราไปทั่วบ้าน เราร้องไห้แล้วร้องไห้อีก อย่ากฟังแค่คำขอโทษเค้าเท่านั้น สุดท้ายเค้าไล่เราออกจากบ้าน บอกว่าให้ไปซะ เราออกไปได้พักนึงก็รู้ว่า เราคงผิดเองที่อยากไปรู้ไปเห็นทำให้เค้าโมโห เลยเดินกลับไปขอโทษเค้า ขอร้องให้เค้าคืนดี เค้าออกไปข้างนอกครึ่งวัน พร้อมกลับมากอดเรา และขอโทษ เราคืนดีกัน จากนั้นทุกอย่างก็เป็นเหมือนเดิม เราทำงาน ทำโอที อาจจะขาดความเป็นแม่บ้านแม่เรือนไปบ้าง ยอมรับเลยว่ามันผิด กับข้าวกับปลาก็ไม่ค่อยจัดเตรียมไว้ให้เค้า เพราะเราออกไปทำงาน 06.00 กลับมาอีกที ก็16.00 หรือทำโอถึง 18.00 ก็มี พอกลับมาก็ไม่มีแรงจะทำอะไรแล้ว ยอมรับว่ามันขี้เกียจอาจจะมีซักผ้า รีดผ้าของเรา วันหยุดเสาร์อาทิตย์ ถ้าไม่ได้ทำโอ ก็จะเก็บกวาดบ้าน แล้วบี เป็นคนชอบทำงานช่าง บางทีทำแล้ววางเก็บไว้ เราก็ขี้เกียจเก็บเพราะเหมือนเค้ายังทำไม่เสร็จ ช่วงนั้นเวลาเงินเดือนออก เราจะชวนกันไปกินของอร่อยๆ ตามแต่ใจเค้าอยากกิน ผลัดกันออกบ้าง ทุกครั้งที่เราได้ไปกินอะไรอร่อยๆ ด้วยกัน เราจะมีความสุขกันมาก จนเราน้ำหนักขึ้นกันทั้งคู่ ประมาณ 10กว่ากิโล แต่ละเดือนเราแทบจะหาเงินเดือนชนเดือนเลย แต่เราไม่เคยเอาเงินไปซื้อของฟุ่มเฟือยอื่นๆ นอกจากพวกของใช้ในชีวิตประจำวัน ครีมทาผิว อาบน้ำล้างหน้า แค่นั้น บางเดือนเราเงินไม่พอใช้ก็จะวนไปขอตังบี บ้าง ครั้งละ 100 บ้าง 50บ้าง
ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมันจะมีเรื่องเล็กๆน้อยๆให้ทะเลาะกัน เช่นเวลาขับรถไปเที่ยวด้วยกัน เราทำให้เค้าไม่พอใจ เช่นไม่ให้เค้ากินโกโก้เรา หาเพลงที่เค้าอยากฟังไม่เจอ หรืองอแง เวลาที่แผนในทริปไม่เป็นไปตามที่เค้าวางไว้ เค้าจะโกรธ ด่าหยาบๆคายๆตลอด และห้ามเราหลับบนรถ เพราะเหมือนเป็นการเอาเปรียบเค้า จนพักหลังๆ เค้าก็จะไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนเค้า ส่วนเราก็อยู่บ้าน หรือไม่ก็ทำโอ เพราะบางทีก็หยุดยาวเหมือนพวกเค้าไม่ได้ ก็แอบน้อยใจอยู่นิดๆ
สุดท้ายวันแตกหักก็มาถึง
เราขอยืมเงินเค้า เพื่อไปเติมน้ำมันรถยนต์ 50 บาท เค้าพูดกลับมาว่า ทำไมต้องให้ด้วยวะ เราได้แต่คิดในใจ ที่เราให้คุณเดือนละ 10000 เรายังไม่เคยว่าอะไรคุณเลยนะ แล้วเค้าก็เริ่มมีอารมณ์โมโห เราเลยด่าคำว่า
บี : ถ้าไม่เลิกสันดานเป็นตัวถ่วงในชีวิต สักวันนึงจะไม่รอใ