ไปเที่ยวน่านกัน
วันไหนคะ?
พรุ่งนี้
หืมมมมม....?
นี่คือที่มาของ ทริป คิดไม่นานแต่น่านน้านนาน...นะ!
โพสนี้ไม่ได้เป็นการรีวิว แต่เป็นแพลนทริปแบบ road trip ค่ำไหนนอนนั่น ไม่ได้วางแพลนอะไรเลยของเจ้าของโพส
ซึ่ง road trip นี้ใช้เวลารวมทั้งหมด 7 วันกับ 5 จังหวัด ทางสายเหนือ 1 อาทิตย์ก่อนหยุดปีใหม่
ใครอยากไปเที่ยวทางเหนือแบบล่องเที่ยวหลายๆจังหวัด สามารถนำไปเป็นแนวทางได้เลย
Day 1
อยุธยา:
เริ่มจากออกจากกรุงเทพประมาณบ่ายสอง แวะเข้าอยุธยาไปกินกุ้งเผาตัวใหญ่ๆที่ตลาดกลางอยุธยาเติมพลังกันก่อน
ที่นี่เปิดกันตั้งแต่ 8.00-22.00 แล้วแต่ร้าน ทางที่ดีควรโทรไปถามร้านที่จะไปก่อน จะได้ไม่เสียเที่ยว
ที่นี่จะเป็นตลาดใหญ่ๆที่มีร้านอาหารทะเลสดๆ มาวางกระบะของทะเลเต็มหน้าร้านเรียงรายกันให้เลือกสรรละลานตา กุ้งจะมีให้เลือกหลายไซส์ หลายราคา และมีขายทั้งแบบเป็นๆและแบบตายแล้ว บอกได้เลยว่ามาถึงที่นี่ไม่ต้องกลัวเจออาหารทะเลที่ไม่สดและราคาแพง คุณภาพเค้าดีจริง
เราเลือกเข้าร้าน ผ่องพรรณกุ้งเผา เอาจริงๆ คือเลือกไม่ถูก ร้านเยอะไปหมด แต่ญาติเคยมากินร้านนี้ก็เลยมากินร้านนี้บ้าง
กุ้งไซส์จัมโบ้ ราคาโลละ700บาท ได้มาประมาณ 10กว่าตัว ใหญ่กว่าฝ่ามือซะอีก ที่นี่มีกุ้งแบบ2ตัวโลด้วย ราคา 1200 บาท


เราสามารถเลือกกุ้งจากหน้าร้าน ให้พนักงานชั่งและสั่งได้เลยว่าจะให้เอาไปทำอะไร ทางร้านจะเผาให้ฟรี ส่วนถ้าทำอย่างอื่นจะคิดค่าทำเพิ่ม เช่น กุ้งซอสมะขามจะคิดค่าทำเพิ่ม โลละ70 บาท
ซอสมะขามที่นี่เด็ดจริง ผัดผงกะหรี่ยังเฉยๆ ไม่โดดเด่นมาก

มันกุ้งเยิ้มๆ เนื้อกุ้งเด้งๆ กินแล้วฟินมาก

หลังจากอิ่มหนำไปเรียบร้อย ก็เริ่มออกเดินทางกันต่อ
พิษณุโลก:
ขับรถตียาวมาจนถึงพิษณุโลก
วันที่ไปถึงพิษณุโลกเป็นคืนวันเสาร์พอดี จึงได้ไปเดินถนนคนเดินพิษณุโลก
ของขายเยอะ เดินช๊อปปิ้งเพลินตั้งแต่ร้านแรกยันร้านสุดท้าย ได้ลองชิม หมี่พันเส้น ของเด็ด
คืนนี้เราเลือกพักกันที่ rain forest อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ตั้งอยู่บนถนนหมายเลข 12 (พิษณุโลก-หล่มสัก) ใกล้น้ำตกแก่งซอง และอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง เป็นที่พักที่อยู่ออกห่างจากตัวเมืองไปพอสมควร แนะนำว่าไม่ควรเข้ามาถึงที่พักค่ำนัก เพราะถนนค่อนข้างมืด
ที่เลือกที่นี่เพราะว่าเป็นรีสอร์ทที่มีความเป็นธรรมชาติสูงมาก มีนโยบายในการสร้างรีสอร์ทโดยไม่ตัดต้นไม้สักต้นเดียว โดยเจ้าของรีสอร์ทแห่งนี้ คือคุณ ณัฐวัฒน์ วัฒนาประสิทธิ์ เป็นประธานชมรมรักษ์ลำน้ำเข็ก (หากใครมีเวลาว่างหรือมาในช่วงมิถุนายน-ตุลาคม สามารถมาล่องแก่งที่ลำน้ำเข็กได้ ซึ่งที่นี่เป็นจุดล่องแก่งที่ได้รับความนิยมสูง)
หรือใครไม่อยากล่องแก่ง แค่มานั่งชิลล์ริมน้ำที่รีสอร์ทก็ได้ เพราะรีสอร์ทที่นี่เค้าตั้งอยู่ริมแก่ง มีจุดให้นอนชมวิวลำน้ำเข็กสวยๆหลายจุด จุดเด่นอีกอย่างของที่นี่คือ บางหลังจะมีต้นไม้อยู่กลางห้องน้ำ หรือมีก้อนหินมาเป็นผนังห้องแทน
แต่ข้อเสียอย่างนึงของที่นี่คือไม่สะดวกต่อคนชราหรือผู้ใช้วีลแชร์ เพราะทางขึ้นลงของรีสอร์ทจะเป็นบันได และมีรากไม้ขรุขระบางส่วน ไม่มีทางลาดสำหรับวีลแชร์ ซึ่งเรามากับอาม่าวัย 80 นั่งวีลแชร์จึงไม่สะดวกอย่างยิ่ง จึงตัดสินใจ พักแค่ห้องเดียว
และข้ามไปพักที่รีสอร์ท farm terrest resort ฝั่งตรงข้ามอีกห้องนึง ทางรีสอร์ทก็เข้าใจ และคืนเงินให้ (เราจองผ่านทาง agoda ห้องนึงตัดเงินผ่านบัตรไปแล้ว จึงสามารถคืนเงินให้ได้แค่ห้องที่จ่าย ณ ที่พัก เท่านั้น ห้องที่เรานอน เป็นห้อง 2 คน ราคา 1290 บาทพร้อมอาหารเช้า) เมื่อจัดการกับรีสอร์ทฝั่งตรงข้ามได้เสร็จ เราก็ข้ามกลับมาที่ rain forrest อีกครั้ง เจ้าหน้าที่พาไปดูห้องพัก และพาไปเยี่ยมชมจุดชมลำน้ำเข็กยามค่ำคืน ซึ่งไม่ผิดหวังเลยที่เลือกพักที่นี่ เนื่องจากคืนนั้นเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง แสงจันทร์ส่องสว่างสาดส่องกระทบโขดหินที่ลำธาร เป็นสีฟ้าอ่อนๆสว่างไปทั่วลำธารโดยไม่ต้องเปิดไฟ เป็นภาพที่สวยติดตาและไม่สามารถถ่ายรูปออกมาให้สวยอย่างตาเห็นได้ เพิ่งเข้าใจคำว่า moon light ก็วันนี้แหละ ถือว่าเป็นที่พักที่ the best ที่นึงสำหรับทริปนี้เลยทีเดียว
Day 2
ตื่นเช้ามา มีเสียงน้ำไหลกระทบโขดหิน ฟังสบายหู เดินออกมานอกห้องรู้สึกอากาศเย็นขึ้นมาทันที
ภาพบรรยากาศยามเช้า
เมื่อเดินเข้ามาที่โซนอาหาร จะได้ยินเสียงนกที่ทางรีสอร์ทเลี้ยงไว้ทักทายยามเช้า บรรยากาศเหมือนหลุดเข้าไปพักแรมในป่า ใครที่ชอบแนวนี้ แนะนำเลย อาหารมีให้เลือกไม่มากนัก จะมีเป็น american breakfast ให้เป็นจาน และมีบุฟเฟ่ต์ พวกสลัด ขนมปัง ข้าวต้ม ชา กาแฟ ให้


จากนั้นข้ามไปอีกฝั่งของถนน เป็น farm terrest resort

บรรยากาศคนละแบบกันเลย ของที่นี่จะเป็นแนวๆอยู่ต่างประเทศ บ้านแต่ละหลังตกแต่งน่ารัก ผู้หญิงน่าจะชอบ มีบ้านเกวียนน่ารักมาก และมีฟาร์มแกะให้เยี่ยมชม รีสอร์ทนี้เพิ่งเปิดได้ไม่นาน ถึงแม้จะร้อนไปหน่อย แต่มีบรรยากาศให้ถ่ายรูปเยอะ (เราจองที่นี่เป็นห้องพักแบบนอน 4 คน ราคาปกติหลังละ 2700 บาท)
ถ้าเป็นบ้านเกวียนหลังละ 1000 บาท นอนได้2 คน
จากนั้นออกเดินทางไปไหว้พระพุทธชินราชที่วัดพระศรีรัตรมหาธาตุ ไหว้พระขอพรเสร็จเดินเลาะริมแม่น้ำน่าน ไปด้านหลัง เพื่อไปเช็คอินก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ชื่อดัง

ขับรถออกมาอีกหน่อยแวะไปถ่ายรูปวัดจันทร์ที่เป็นที่ตั้งของถนนคนเดินเมื่อคืน

และนั่งกินบรรยากาศอีกหน่อยที่ bucktown café&hangout ชมวิวติดแม่น้ำ

แพร่:
จากนั้นก็ตีรถขึ้นสู่ จ. แพร่ กว่าจะถึงก็ประมาณสี่โมงเย็น จึงแวะหาอะไรกินที่ตลาดโต้รุ่งประตูชัย จะมีร้านเด็ดที่แนะนำกัน คือ ป้าแป้งเย็นตาโฟประตูชัยแพร่ กับ ร้านแต๋วรวมมิตร ซึ่งใครจะมีกินที่นี่ แนะนำให้ดูสีผ้าปูโต๊ะให้ดีดี เพราะสองร้านนี้เค้าไม่ถูกกันแต่ร้านอยู่ข้างๆกัน ถ้าจะกินเย็นตาโฟ ก๋วยเตี๋ยวเป็ดให้นั่งโต๊ะผ้าปูสีแดง พอกินเสร็จอยากกินของหวานต่อ ก็ย้ายมานั่งโต๊ะผ้าปูสีน้ำตาลนะจ๊ะ


และข้างๆจะมีร้าน อ้วนลูกชิ้น 2ไม้ 5 บาท เนื้อลูกชิ้นเหมือนลูกชิ้นปลามากกว่าไม่ค่อยแน่นเหมือนเนื้อหมูเท่าไหร่ ลูกชิ้นลูกเล็ก เหมือนซื้อไม้แถมลูกชิ้น (ทั้งสามร้านนี้ส่วนตัวแล้วรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกต่างจากร้านทั่วๆไป)

แต่ร้านที่อร่อยเกินคาดหวังไว้กลับเป็นร้าน บ๊วยนมสด ที่นี่จะมีขายพวกขนมปังปิ้ง นมสด น้ำปั่น น้ำชง ปังเย็น น่ากินมาก ส่วนตัวได้ลองนมสดเย็น อร่อยมาก หอมนม หวานกำลังดี มีแบบไม่หวานด้วย น้ำแข็งเป็นน้ำแข็งเกล็ด ถูกใจมาก

หลังจากอิ่มหนำสำราญ คืนนี้เราเลือกพักในตัวเมือง ที่เฮือนนานา รีสอร์ท เป็นห้องพักแบบ 2 คน agoda ราคา1,425 บาท รวมอาหารเช้า ที่นี่ เป็นรีสอร์ทสไตล์ไทยๆ มีสระว่ายน้ำด้วย อีนี่ด้วยความกลัวไม่คุ้ม กระโดดลงสระตอนสามทุ่มกว่าๆเล่นอยู่คนเดียว
ถามว่าหนาวมั๊ย? ตอบเลยว่า......มากกกกกก!!!

Day 3
ตื่นเช้าแบบทัวร์เลย 6-7-8 ตื่น 6 กินข้าว 7 ออกเดินทาง 8 เพราะว่าเรายังต้องเดินทางท่องเที่ยวกันอีกหลายที่ วันนี้แพลนกันว่าจะท่องเที่ยวในตัวเมืองแพร่ก่อน
เริ่มจาก:
วัดนาคูหา > พระธาตุอินทร์แขวน > พระธาตุดอยเล็ง > ร้านม่อนกล่ำ > วัดพระธาตุช่อแฮ > เข้าตัวเมือง > วัดพงษ์สุนันท์ > ขนมจีนป้าดา
หรือใครจะแพลนเที่ยวตัวเมืองก่อนแล้วค่อยออกไปเที่ยวรอบนอกก็ได้ ถ้ามีเวลา
วัดนาคูหา เป็นวัดที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งนาขั้นบันไดอันกว้างใหญ่ มีสะพานไม้ไผ่ทอดยาวไปถึงองค์พระพุทธรูป เหมาะแก่การถ่ายรูปเช็คอินมาก แต่วันที่ไป นาขั้นบันได บู้มมม....กลายเป็นโกโก้ครั้นไปบางส่วน เพราะเค้าจะเปลี่ยนไปปลูกถั่วแทน เสียใจ....! เลยไม่ได้ลงไปถ่ายรูปเก็บบรรยากาศมาให้ดูกัน
[CR] ล่องน่าน น้านนนน..นานนนน (อยุธยา-พิษณุโลก-แพร่-น่าน)
วันไหนคะ?
พรุ่งนี้
หืมมมมม....?
นี่คือที่มาของ ทริป คิดไม่นานแต่น่านน้านนาน...นะ!
โพสนี้ไม่ได้เป็นการรีวิว แต่เป็นแพลนทริปแบบ road trip ค่ำไหนนอนนั่น ไม่ได้วางแพลนอะไรเลยของเจ้าของโพส
ซึ่ง road trip นี้ใช้เวลารวมทั้งหมด 7 วันกับ 5 จังหวัด ทางสายเหนือ 1 อาทิตย์ก่อนหยุดปีใหม่
ใครอยากไปเที่ยวทางเหนือแบบล่องเที่ยวหลายๆจังหวัด สามารถนำไปเป็นแนวทางได้เลย
Day 1
อยุธยา:
เริ่มจากออกจากกรุงเทพประมาณบ่ายสอง แวะเข้าอยุธยาไปกินกุ้งเผาตัวใหญ่ๆที่ตลาดกลางอยุธยาเติมพลังกันก่อน
ที่นี่เปิดกันตั้งแต่ 8.00-22.00 แล้วแต่ร้าน ทางที่ดีควรโทรไปถามร้านที่จะไปก่อน จะได้ไม่เสียเที่ยว
ที่นี่จะเป็นตลาดใหญ่ๆที่มีร้านอาหารทะเลสดๆ มาวางกระบะของทะเลเต็มหน้าร้านเรียงรายกันให้เลือกสรรละลานตา กุ้งจะมีให้เลือกหลายไซส์ หลายราคา และมีขายทั้งแบบเป็นๆและแบบตายแล้ว บอกได้เลยว่ามาถึงที่นี่ไม่ต้องกลัวเจออาหารทะเลที่ไม่สดและราคาแพง คุณภาพเค้าดีจริง
เราเลือกเข้าร้าน ผ่องพรรณกุ้งเผา เอาจริงๆ คือเลือกไม่ถูก ร้านเยอะไปหมด แต่ญาติเคยมากินร้านนี้ก็เลยมากินร้านนี้บ้าง
กุ้งไซส์จัมโบ้ ราคาโลละ700บาท ได้มาประมาณ 10กว่าตัว ใหญ่กว่าฝ่ามือซะอีก ที่นี่มีกุ้งแบบ2ตัวโลด้วย ราคา 1200 บาท
ซอสมะขามที่นี่เด็ดจริง ผัดผงกะหรี่ยังเฉยๆ ไม่โดดเด่นมาก
หลังจากอิ่มหนำไปเรียบร้อย ก็เริ่มออกเดินทางกันต่อ
พิษณุโลก:
ขับรถตียาวมาจนถึงพิษณุโลก
วันที่ไปถึงพิษณุโลกเป็นคืนวันเสาร์พอดี จึงได้ไปเดินถนนคนเดินพิษณุโลก
ของขายเยอะ เดินช๊อปปิ้งเพลินตั้งแต่ร้านแรกยันร้านสุดท้าย ได้ลองชิม หมี่พันเส้น ของเด็ด
คืนนี้เราเลือกพักกันที่ rain forest อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ตั้งอยู่บนถนนหมายเลข 12 (พิษณุโลก-หล่มสัก) ใกล้น้ำตกแก่งซอง และอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง เป็นที่พักที่อยู่ออกห่างจากตัวเมืองไปพอสมควร แนะนำว่าไม่ควรเข้ามาถึงที่พักค่ำนัก เพราะถนนค่อนข้างมืด
ที่เลือกที่นี่เพราะว่าเป็นรีสอร์ทที่มีความเป็นธรรมชาติสูงมาก มีนโยบายในการสร้างรีสอร์ทโดยไม่ตัดต้นไม้สักต้นเดียว โดยเจ้าของรีสอร์ทแห่งนี้ คือคุณ ณัฐวัฒน์ วัฒนาประสิทธิ์ เป็นประธานชมรมรักษ์ลำน้ำเข็ก (หากใครมีเวลาว่างหรือมาในช่วงมิถุนายน-ตุลาคม สามารถมาล่องแก่งที่ลำน้ำเข็กได้ ซึ่งที่นี่เป็นจุดล่องแก่งที่ได้รับความนิยมสูง)
หรือใครไม่อยากล่องแก่ง แค่มานั่งชิลล์ริมน้ำที่รีสอร์ทก็ได้ เพราะรีสอร์ทที่นี่เค้าตั้งอยู่ริมแก่ง มีจุดให้นอนชมวิวลำน้ำเข็กสวยๆหลายจุด จุดเด่นอีกอย่างของที่นี่คือ บางหลังจะมีต้นไม้อยู่กลางห้องน้ำ หรือมีก้อนหินมาเป็นผนังห้องแทน
แต่ข้อเสียอย่างนึงของที่นี่คือไม่สะดวกต่อคนชราหรือผู้ใช้วีลแชร์ เพราะทางขึ้นลงของรีสอร์ทจะเป็นบันได และมีรากไม้ขรุขระบางส่วน ไม่มีทางลาดสำหรับวีลแชร์ ซึ่งเรามากับอาม่าวัย 80 นั่งวีลแชร์จึงไม่สะดวกอย่างยิ่ง จึงตัดสินใจ พักแค่ห้องเดียว
และข้ามไปพักที่รีสอร์ท farm terrest resort ฝั่งตรงข้ามอีกห้องนึง ทางรีสอร์ทก็เข้าใจ และคืนเงินให้ (เราจองผ่านทาง agoda ห้องนึงตัดเงินผ่านบัตรไปแล้ว จึงสามารถคืนเงินให้ได้แค่ห้องที่จ่าย ณ ที่พัก เท่านั้น ห้องที่เรานอน เป็นห้อง 2 คน ราคา 1290 บาทพร้อมอาหารเช้า) เมื่อจัดการกับรีสอร์ทฝั่งตรงข้ามได้เสร็จ เราก็ข้ามกลับมาที่ rain forrest อีกครั้ง เจ้าหน้าที่พาไปดูห้องพัก และพาไปเยี่ยมชมจุดชมลำน้ำเข็กยามค่ำคืน ซึ่งไม่ผิดหวังเลยที่เลือกพักที่นี่ เนื่องจากคืนนั้นเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง แสงจันทร์ส่องสว่างสาดส่องกระทบโขดหินที่ลำธาร เป็นสีฟ้าอ่อนๆสว่างไปทั่วลำธารโดยไม่ต้องเปิดไฟ เป็นภาพที่สวยติดตาและไม่สามารถถ่ายรูปออกมาให้สวยอย่างตาเห็นได้ เพิ่งเข้าใจคำว่า moon light ก็วันนี้แหละ ถือว่าเป็นที่พักที่ the best ที่นึงสำหรับทริปนี้เลยทีเดียว
Day 2
ตื่นเช้ามา มีเสียงน้ำไหลกระทบโขดหิน ฟังสบายหู เดินออกมานอกห้องรู้สึกอากาศเย็นขึ้นมาทันที
ภาพบรรยากาศยามเช้า
เมื่อเดินเข้ามาที่โซนอาหาร จะได้ยินเสียงนกที่ทางรีสอร์ทเลี้ยงไว้ทักทายยามเช้า บรรยากาศเหมือนหลุดเข้าไปพักแรมในป่า ใครที่ชอบแนวนี้ แนะนำเลย อาหารมีให้เลือกไม่มากนัก จะมีเป็น american breakfast ให้เป็นจาน และมีบุฟเฟ่ต์ พวกสลัด ขนมปัง ข้าวต้ม ชา กาแฟ ให้
จากนั้นข้ามไปอีกฝั่งของถนน เป็น farm terrest resort
ถ้าเป็นบ้านเกวียนหลังละ 1000 บาท นอนได้2 คน
จากนั้นออกเดินทางไปไหว้พระพุทธชินราชที่วัดพระศรีรัตรมหาธาตุ ไหว้พระขอพรเสร็จเดินเลาะริมแม่น้ำน่าน ไปด้านหลัง เพื่อไปเช็คอินก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ชื่อดัง
แพร่:
จากนั้นก็ตีรถขึ้นสู่ จ. แพร่ กว่าจะถึงก็ประมาณสี่โมงเย็น จึงแวะหาอะไรกินที่ตลาดโต้รุ่งประตูชัย จะมีร้านเด็ดที่แนะนำกัน คือ ป้าแป้งเย็นตาโฟประตูชัยแพร่ กับ ร้านแต๋วรวมมิตร ซึ่งใครจะมีกินที่นี่ แนะนำให้ดูสีผ้าปูโต๊ะให้ดีดี เพราะสองร้านนี้เค้าไม่ถูกกันแต่ร้านอยู่ข้างๆกัน ถ้าจะกินเย็นตาโฟ ก๋วยเตี๋ยวเป็ดให้นั่งโต๊ะผ้าปูสีแดง พอกินเสร็จอยากกินของหวานต่อ ก็ย้ายมานั่งโต๊ะผ้าปูสีน้ำตาลนะจ๊ะ
ถามว่าหนาวมั๊ย? ตอบเลยว่า......มากกกกกก!!!
Day 3
ตื่นเช้าแบบทัวร์เลย 6-7-8 ตื่น 6 กินข้าว 7 ออกเดินทาง 8 เพราะว่าเรายังต้องเดินทางท่องเที่ยวกันอีกหลายที่ วันนี้แพลนกันว่าจะท่องเที่ยวในตัวเมืองแพร่ก่อน
เริ่มจาก:
วัดนาคูหา > พระธาตุอินทร์แขวน > พระธาตุดอยเล็ง > ร้านม่อนกล่ำ > วัดพระธาตุช่อแฮ > เข้าตัวเมือง > วัดพงษ์สุนันท์ > ขนมจีนป้าดา
หรือใครจะแพลนเที่ยวตัวเมืองก่อนแล้วค่อยออกไปเที่ยวรอบนอกก็ได้ ถ้ามีเวลา
วัดนาคูหา เป็นวัดที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งนาขั้นบันไดอันกว้างใหญ่ มีสะพานไม้ไผ่ทอดยาวไปถึงองค์พระพุทธรูป เหมาะแก่การถ่ายรูปเช็คอินมาก แต่วันที่ไป นาขั้นบันได บู้มมม....กลายเป็นโกโก้ครั้นไปบางส่วน เพราะเค้าจะเปลี่ยนไปปลูกถั่วแทน เสียใจ....! เลยไม่ได้ลงไปถ่ายรูปเก็บบรรยากาศมาให้ดูกัน
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น