
เมื่อมนุษย์เงินเดือนตัวหนาๆอยากเดินป่าอีกครั้ง เราจึงหาข้อมูลกัน มีข้อที่ต้องเอามาพิจารณาคือ พักแรม 1 คืน การติดต่อสะดวกตามกติกา มีข้อมูลชัดเจน ที่สำคัญค่าใช้จ่ายต้องไม่แพง คราวนี้จึงมาลงเอยที่”เขาสันหนอกวัว”
ตัวหนาพาเที่ยว🐷🐷🐷
มกราคม 2562
::ข้อควรรู้::
*เขาสันหนอกวัว ประกาศเปิดให้ขึ้นประจำปี 2561 ตั้งแต่ 23 ต.ค.61- 3 ก.พ. 62
*ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานก่อนวันเดินทาง 7 วัน และทำตามกฎ กติกาของอุทยาน(ดูได้ในเพจ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม)
*ต้องมารายงานตัวลงทะเบียนที่หน่วยป้อมปี่ก่อน 10:00 น.
*ของใช้ส่วนตัวที่จำเป็น
**เต๊นท์ ถุงนอน (มีให้เช่าที่ทำการ แต่เต้นท์ไม่มีฟลายชีส)
**กระดาษทิชชูเปียก&แห้ง (ไม่ได้อาบน้ำแน่นอน) ข้างบนมีส้วมหลุมพอให้ใช้ได้ (ถ้ากล้าพอ😬😬)
**ไฟฉาย ถ้าเป็นแบบคาดหัวจะดีมาก เพราะจะได้มีมือไว้ทำสิ่งที่จำเป็นอื่นๆ
**แปรงสีฟันและยาสีฟัน
**เครื่องนุ่งห่ม ถ้าจ้างลูกหาบก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่ควรนำไปที่เท่าจำเป็น
*อาหารและน้ำดื่ม
**น้ำดื่มประมาณ1ลิตรต่อคนและข้าวเที่ยงสำหรับขาขึ้นเขา
**อาหารสำหรับมื้อเย็นและเช้าวันรุ่งขึ้น (ข้างบนก่อกองไฟได้ ) ส่วนน้ำหาได้บนยอดเขาที่พักโดยลูกหาบจะจัดการให้ (จากแหล่งน้ำซับ)
*อุปกรณ์ถ่ายภาพ (สำหรับผม)
**กล้องถ่ายภาพ fuji xt20
**เลนส์ fujinon10-24 ถ่ายวิวกว้างๆ
**เลนส์ fujinon14 ถ่ายดาว แต่วันที่ไปเจอแต่เมฆทั้งคืนยันเช้าเลย
**เลนส์ fujinon35 ถ่ายคนสวยๆ
**เลนส์ fujinon55-200 ไว้ถ่ายวิวแบบเจาะๆ
**ขาตั้งกล้อง เอาแบบเบาๆหน่อยก็ดี เพราะต้องเดินแบกระหว่างที่พักกับจุดชมวิว
**ฟิลเตอร์แบบแผ่น
**Gopro
**iPhone
*ค่าใช้จ่ายสำหรับขึ้นเขาต่อกลุ่ม (6-7 คนต่อกล่ม)
**ค่ารถรับ-ส่งจุดเริ่มเดินเท้า 1,000บาท ต่อกลุ่ม
**ค่าคนนำทาง 1,000 บาท ต่อกลุ่ม
**ค่าลูกหาบ 1,400 บาทต่อคน (ไม่เอาก็ได้)
**ค่าประกันชีวิต 10 บาท (ไม่เอาก็ได้)
**ค่าใบประกาศผู้พิชิต (ไม่เอาก็ได้)
*สุดท้าย ร่างกาย และจิตใจที่มุ่งมั่นจะไปให้ถึงจุดหมาย เพราะระยะทางก็เกือบๆ 9 กิโลเมตร ไหนจะมาชันอีก

จากรูป: ความชันและความสูงจากระดับน้ำทะเลสูงสุดวัดจากจุดกางเต้นท์
::รายละเอียดทริป::
เราโทรหาเจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะขึ้นเขาวันเสาร์และลงวันอาทิตย์ แต่ได้รับแจ้งว่า คิวเต็มค่ะ จึงได้ขอขึ้นวันอาทิตย์และลงวันจันทร์แทน เป็นอันว่าต้องลางาน 1 วัน 😊😊
วันเสาร์เราออกเดินทางจากระยอง ปลายทางพิกัด จุดชมวิวป้อมปี่ ซึ่งถนนหนทางดีมาก วิวสวย แต่กว่าจะถึงที่หมายก็ต้องข้าม กทม.ซึ่งเป็นเรื่องที่หนักหนาสำหรับชาวภูธรที่ต้องขับรถตาม GPS นำทาง ซึ่งก็โดนถนนใน กทม. หลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนกัน 😆😆ถึงนครปฐม ถนนก็พาตรงยาวถึงป้อมปี่เลยจ้า
เราพัก 1 คืนที่ป้อมปี่ วิวสวย บรรยากาศดี ผู้คนไม่แออัด ห้องน้ำสะอาด แต่อาจจะไม่เหมาะสำหรับผู้ที่แข้งขาไม่ค่อยดี เพราะเป็นที่ที่ต้องเดินขึ้นและลงเนินไปยังจุดกางเต๊นท์ เราอาศัยฝากท้องกับครัวของที่ทำการซึ่งปิด 1 ทุ่ม

ตื่นเช้า ทำภารกิจส่วนตัวให้เสร็จสิ้น (อาบน้ำ สระผม) เพราะข้างบนเขาเราจะไม่ได้อาบน้ำกันนะ เก็บเต๊นท์ จัดกระเป๋าเอาของที่จำเป็นต้องมี
เวลา 08:30 น. เจ้าหน้าที่พร้อมเปิดให้ลงทะเบียน วันนี้มีเพื่อนร่วมทางไม่ถึง 20 คน และเรามา 2 คน เจ้าหน้าที่จัดให้เราไปรวมกลุ่มกับน้องอีก 4 คน กลุ่มเรารวมคนนำทางเป็น 7 คน ค่าใช้ สรุปค่าใช้จ่ายของเราเมื่อหารเฉลี่ยกันในกลุ่มแล้ว เรา 2 คน เป็น 1,925 บาท(เอาทุกอย่างเลย)
รถไปส่งพวกเรายังจุดเริ่มเดินเท้า สิ่งที่ต้องมีติดตัวไปด้วยคือ ข้าวเที่ยงและน้ำดื่ม เราเตรียมน้ำปล่าขวดเล็กคนละ 2 ขวด เราเริ่มเดินที่เวลา 10:00 น.

เดินถึงจุดพักแต่ละจุดก็จะพักเหนื่อยดื่มน้ำพอหายก็เดินต่อ จุดที่ 3 ถึงจุดที่ 5 ถือว่าหนักหนาเอาการ มีแต่เดินขึ้น ไต่เขาเป็นส่วนมาก ป่าจะมีโปร่งและทึบ สลับกับป่าไผ่เป็นระยะ อากาศเย็นสลับอบอ้าว มีป่าหญ้าและป่ากูดให้แดดส่องเป็นบางช่วง ถึงจุดพักที่ 3 จะเจอนักท่องเที่ยวเดินสวนกลับลงมาเป็นระยะ พักกินข้าวที่จุดพักที่ 4 ตรงจุดนี้พักเอาแรงนานหน่อย เพราะเพิ่งผ่านช่วงที่ชันมากๆและระยะทางก็ไกลมาก จากนั้นเดินขึ้นเขาต่อไปเรื่อยๆ ถึงจุดที่เรียกว่า เนินหมาถอย ถอยสมชื่อเลยคือเวลาลงต้องถอยหลังลง มันชันและลื่นมากเพราะเป็นดินแบบฝุ่น ข้างล่างเป็นหิน 😬😬

หลังจากเดินขึ้นและขึ้นเขามาได้ประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง เราก็ทะลุป่าทึบ เจอยอดเขาสันหนอกวัวตระหง่านอยู่กลางแจ้งตรงหน้า แดดอย่างแรง แต่อากาศก็เย็นสบายดี หาทำเลกางเต๊นท์เสร็จ พักเอาแรงแล้วค่อยเดินไปสำรวจสันเขาต่างๆ ซึ่งห่างออกไปอีกประมาณ 500 เมตร



ตรงยอดเขาสันหนอกวัวสามารถมองเห็นยอดเขาเรดาห์ได้ชัดเจน และมองเห็นเขื่อนเขาแหลมได้ไกลสุดลูกหูลูกตาเลย ชมพระอาทิตย์ตกแล้วค่อยกลับเต๊นท์ เมื่อกลับมาถึงเต๊นท์ ลูกหาบจะหาน้ำมาเตรียมไว้ให้เราใช้ดื่มกินได้ แถมกางเต๊นท์ให้ด้วย บางคนเตรียมข้าวมาหุงเขาก็จะก่อไฟหุงข้าวให้ในหม้อสนาม ส่วนเราสองคนต้มน้ำด้วยเตาแก็สกินมาม่าและข้าวแกงเขียวหวานอบแห้ง เติมน้ำร้อน สักครู่ก็กินได้แล้ว เพราะหิวหรือมันอร่อยก็ไม่รู้ ทุกอย่างถูกกวาดลงท้องเรียบ จัดการมื้อเย็นเสร็จก็แปรงฟัน เข้านอนโลด ใครอยากผิงไฟก็มีกองไฟให้คลายหนาวนะ ฟ้ามืดลงอย่างรวดเร็ว อากาศก็หนาวเย็นเร็วเช่นกัน คืนนี้นอนอุ่นในถุงนอน ฟังเสียงนกร้อง และลมที่ตีผ่านหน้าผามาเป็นระยะ โชคดีคืนนี้ลมไม่แรง ฝนไม่ตก แต่เมฆเยอะน้ำค้างแรงมาก และคืนนี้พระจันทร์เต็มดวงลูกใหญ่มาก

ทุกอย่างที่อยู่นอกเต๊นท์คือเปียกหมด จดๆจ้องมองดูท้องฟ้า แต่ทุกคราวที่ตื่นลืมตา ภาพที่เห็นตรงหน้าก็มีแต่เมฆ…เฮ้อคืนนี้แห้วไปตามระเบียบ
ตื่นเช้าตีห้าครึ่ง เจ้าหน้าที่นำทางและลูกหาบบางคนก็ก่อไฟรอแล้ว ปลุกให้พวกเรารีบไปรอดูพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดเขาอีกครั้ง อากาศหนาวเย็นทำให้ไม่อยากลุกออกจากเต๊นท์เลย กัดฟันล้างหน้าแปรงฟันแล้วเดินฝ่าความมืดด้วยขาสั่นๆ กลัวตกเขา พร้อมไฟฉายนำทางไป เช้านี้พระอาทิตย์มาช้า เพราะเมฆหนา 7โมงครึ่งพระอาทิตย์โผล่พ้นเมฆมา ก็แผดแสงกล้าเลยจ้า

ชื่นชมพระอาทิตย์จนพอใจก็กลับลงมาจัดการต้มน้ำกินโจ๊กกัน เสร็จแล้ว เก็บเต๊นท์จัดของให้ลูกหาบ พวกเราลงมาก่อนคนอื่นที่เวลา 08:30 น. กะเดินเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก แต่มันเป็นทางลงเขาซะมากกว่า เดินช้าก็ปวดหน้าขา เดินเร็วก็ลื่นไถลก้นกระแทกพื้นหลายครั้ง ระหว่างทางเจอ ลิง ชะนี นกเงือกโฉบผ่านเป็นฝูง ตื่นตาตื่นใจทั้งกลัวสัตว์ใหญ่ผ่านมาเจอก็ปานนั้น กลิ่นสาบสัตว์นี่คือรู้สึกได้เลย เดินมาสักพักเจอลูกหาบแซงหน้าค่อยอุ่นใจหน่อย ใช้เวลา 3 ชั่วโมงครึ่งเท่าขาขึ้นก็ทะลุมาถึงถนนจุดรถรอรับ รอให้สมาชิกมาครบก็กลับลงมาที่ป้อมปี่

จัดการอาบน้ำท่าให้สดชื่น กินข้าวเที่ยงที่ครัวอุทยานซะเลย อร่อยทุกอย่าง จากนั้นก็ได้เวลาอำลาป้อมปี่ แวะเอาใบประกาศผู้พิชิตที่ทำการอุทยานเขาแหลม เดินทางกลับระยองโดยสวัสดิภาพ
จบแบบประทับใจ ถ้ามีโอกาสจะกลับมาเดินป่าทางเมืองกาญจน์ใหม่อีกแน่นอน
::ทริปสนุกใกล้ๆ::
เขาช้างเผือก อช.ทองผาภูมิ
เขากำแพง อช.เฉลิมรัตนโกสินทร์ อ.ศรีสวัสดิ์
อช.ลำคลองงู 👌
ให้ธรรมชาติโอบกอด@สันหนอกวัว
ตัวหนาพาเที่ยว🐷🐷🐷
มกราคม 2562
::ข้อควรรู้::
*เขาสันหนอกวัว ประกาศเปิดให้ขึ้นประจำปี 2561 ตั้งแต่ 23 ต.ค.61- 3 ก.พ. 62
*ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานก่อนวันเดินทาง 7 วัน และทำตามกฎ กติกาของอุทยาน(ดูได้ในเพจ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม)
*ต้องมารายงานตัวลงทะเบียนที่หน่วยป้อมปี่ก่อน 10:00 น.
*ของใช้ส่วนตัวที่จำเป็น
**เต๊นท์ ถุงนอน (มีให้เช่าที่ทำการ แต่เต้นท์ไม่มีฟลายชีส)
**กระดาษทิชชูเปียก&แห้ง (ไม่ได้อาบน้ำแน่นอน) ข้างบนมีส้วมหลุมพอให้ใช้ได้ (ถ้ากล้าพอ😬😬)
**ไฟฉาย ถ้าเป็นแบบคาดหัวจะดีมาก เพราะจะได้มีมือไว้ทำสิ่งที่จำเป็นอื่นๆ
**แปรงสีฟันและยาสีฟัน
**เครื่องนุ่งห่ม ถ้าจ้างลูกหาบก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่ควรนำไปที่เท่าจำเป็น
*อาหารและน้ำดื่ม
**น้ำดื่มประมาณ1ลิตรต่อคนและข้าวเที่ยงสำหรับขาขึ้นเขา
**อาหารสำหรับมื้อเย็นและเช้าวันรุ่งขึ้น (ข้างบนก่อกองไฟได้ ) ส่วนน้ำหาได้บนยอดเขาที่พักโดยลูกหาบจะจัดการให้ (จากแหล่งน้ำซับ)
*อุปกรณ์ถ่ายภาพ (สำหรับผม)
**กล้องถ่ายภาพ fuji xt20
**เลนส์ fujinon10-24 ถ่ายวิวกว้างๆ
**เลนส์ fujinon14 ถ่ายดาว แต่วันที่ไปเจอแต่เมฆทั้งคืนยันเช้าเลย
**เลนส์ fujinon35 ถ่ายคนสวยๆ
**เลนส์ fujinon55-200 ไว้ถ่ายวิวแบบเจาะๆ
**ขาตั้งกล้อง เอาแบบเบาๆหน่อยก็ดี เพราะต้องเดินแบกระหว่างที่พักกับจุดชมวิว
**ฟิลเตอร์แบบแผ่น
**Gopro
**iPhone
*ค่าใช้จ่ายสำหรับขึ้นเขาต่อกลุ่ม (6-7 คนต่อกล่ม)
**ค่ารถรับ-ส่งจุดเริ่มเดินเท้า 1,000บาท ต่อกลุ่ม
**ค่าคนนำทาง 1,000 บาท ต่อกลุ่ม
**ค่าลูกหาบ 1,400 บาทต่อคน (ไม่เอาก็ได้)
**ค่าประกันชีวิต 10 บาท (ไม่เอาก็ได้)
**ค่าใบประกาศผู้พิชิต (ไม่เอาก็ได้)
*สุดท้าย ร่างกาย และจิตใจที่มุ่งมั่นจะไปให้ถึงจุดหมาย เพราะระยะทางก็เกือบๆ 9 กิโลเมตร ไหนจะมาชันอีก
::รายละเอียดทริป::
เราโทรหาเจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะขึ้นเขาวันเสาร์และลงวันอาทิตย์ แต่ได้รับแจ้งว่า คิวเต็มค่ะ จึงได้ขอขึ้นวันอาทิตย์และลงวันจันทร์แทน เป็นอันว่าต้องลางาน 1 วัน 😊😊
วันเสาร์เราออกเดินทางจากระยอง ปลายทางพิกัด จุดชมวิวป้อมปี่ ซึ่งถนนหนทางดีมาก วิวสวย แต่กว่าจะถึงที่หมายก็ต้องข้าม กทม.ซึ่งเป็นเรื่องที่หนักหนาสำหรับชาวภูธรที่ต้องขับรถตาม GPS นำทาง ซึ่งก็โดนถนนใน กทม. หลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนกัน 😆😆ถึงนครปฐม ถนนก็พาตรงยาวถึงป้อมปี่เลยจ้า
เราพัก 1 คืนที่ป้อมปี่ วิวสวย บรรยากาศดี ผู้คนไม่แออัด ห้องน้ำสะอาด แต่อาจจะไม่เหมาะสำหรับผู้ที่แข้งขาไม่ค่อยดี เพราะเป็นที่ที่ต้องเดินขึ้นและลงเนินไปยังจุดกางเต๊นท์ เราอาศัยฝากท้องกับครัวของที่ทำการซึ่งปิด 1 ทุ่ม
เวลา 08:30 น. เจ้าหน้าที่พร้อมเปิดให้ลงทะเบียน วันนี้มีเพื่อนร่วมทางไม่ถึง 20 คน และเรามา 2 คน เจ้าหน้าที่จัดให้เราไปรวมกลุ่มกับน้องอีก 4 คน กลุ่มเรารวมคนนำทางเป็น 7 คน ค่าใช้ สรุปค่าใช้จ่ายของเราเมื่อหารเฉลี่ยกันในกลุ่มแล้ว เรา 2 คน เป็น 1,925 บาท(เอาทุกอย่างเลย)
รถไปส่งพวกเรายังจุดเริ่มเดินเท้า สิ่งที่ต้องมีติดตัวไปด้วยคือ ข้าวเที่ยงและน้ำดื่ม เราเตรียมน้ำปล่าขวดเล็กคนละ 2 ขวด เราเริ่มเดินที่เวลา 10:00 น.
ตื่นเช้าตีห้าครึ่ง เจ้าหน้าที่นำทางและลูกหาบบางคนก็ก่อไฟรอแล้ว ปลุกให้พวกเรารีบไปรอดูพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดเขาอีกครั้ง อากาศหนาวเย็นทำให้ไม่อยากลุกออกจากเต๊นท์เลย กัดฟันล้างหน้าแปรงฟันแล้วเดินฝ่าความมืดด้วยขาสั่นๆ กลัวตกเขา พร้อมไฟฉายนำทางไป เช้านี้พระอาทิตย์มาช้า เพราะเมฆหนา 7โมงครึ่งพระอาทิตย์โผล่พ้นเมฆมา ก็แผดแสงกล้าเลยจ้า
จบแบบประทับใจ ถ้ามีโอกาสจะกลับมาเดินป่าทางเมืองกาญจน์ใหม่อีกแน่นอน
::ทริปสนุกใกล้ๆ::
เขาช้างเผือก อช.ทองผาภูมิ
เขากำแพง อช.เฉลิมรัตนโกสินทร์ อ.ศรีสวัสดิ์
อช.ลำคลองงู 👌