หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[CR] เดินเที่ยวเวียงจันทน์สบายๆ แบบเช้าไปเย็นกลับ @ทริปอีสาน 7 วัน
กระทู้รีวิว
เวียงจันทน์
เที่ยวไทย
จังหวัดหนองคาย
https://pantip.com/topic/38490096
ต่อจากกระทู้ที่แล้วนะจ๊ะ
มาถึงเช้าวันที่ 5 ของทริปแล้วนะคะ วันนี้เราจะข้ามไปเที่ยวเวียงจันทน์กันค่ะ เราตื่นกันแต่เช้าเหมือนเดิม เดินออกไปหาโจ๊กกินแถวที่พัก ประมาณ 7 โมงครึ่ง เช้าเราก็ขับรถไปจอดที่ กานตนาทัวร์ ค่าจอดรถแบบไม่ค้างคืน 50 บาท เสร็จแล้วก็เดินไปที่ด่าน
เตรียมพาสปอร์ตพร้อมแล้วก็ไปกันเลย เข้าไปถึงก็เงอะๆง่ะๆเลย ด้วยความที่หาข้อมูลมาก็ทำตามในรีวิว เข้าไปถึงก็ยืนต่อแถวตรวจหนังสือเดินทาง เสร็จเจ้าหน้าที่บอกพาสปอร์ตไทยให้ไปที่เครื่องอัตโนมัติ (ดูท่าข้อมูลที่หามาจะไม่อัพเดท) ไปถึงเครื่องก็งงๆ แต่ดีที่ไม่มีใครเลยนอกจากเรา 2 คน ก็ค่อยๆอ่านค่อยๆทำตามขั้นตอนไป
- คว่ำหน้าพาสสปอร์ตไปบนเครื่องสแกน เรียบร้อยประตูก็จะเปิด แล้วก็เอานิ้วชี้ข้างไหนก็ได้วางลงบนจุดสแกนนิ้ว เป็นอันเสร็จเรียบร้อย แล้วก็ยื่นพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่ประทับตราอีกทีนึง
- เดินออกจากอาคารมาก็จะเจอที่ซื้อตั๋วนั่งรถข้ามสะพานไปฝั่งลาว คนละ 20 บาท ซื้อตั๋วเสร็จก็มานั่งรอรถ พอรถมาถึงเค้าก็จะเรียกให้ขึ้นรถเอง
- นั่งรถข้ามฝั่งมาเรียบร้อย ทีนี่ก็งงเหมือนเดิม เพราะที่ดูข้อมูลมาต้องซื้อบัตรผ่านแดน กรอกใบ ตม. แต่เอ้ทำมั้ยในตู้ขายบัตรไม่มีคน ก็เลยเดินไปถามเจ้าหน้าที่ยืนโบกรถอยู่ เค้าบอกว่าเด๋วนี้ไม่ต้องซื้อบัตรผ่านแดนอะไรแล้ว ให้ไปกรอกใบ ตม. แล้วเข้าจุดตรวจหนังสือเดินทางได้เลย แล้วค่อยไปจ่ายค่าผ่านแดนทีหลัง เราก็เดินไปเดินมาหาที่ขอใบ ตม. แล้วก็มีพี่คนนึงเดินมาถาม เหมารถไปเที่ยวมั้ย เราก็เลยแกล้งบอกไปว่าอ๋อเด๋วมีเพื่อนมารับค่ะ เค้าก็ถามเพื่อนมารับที่ไหนตลาดเช้าหรือที่ด่าน ก็ตอบไปว่าที่ด่านเลย พี่เค้าก็ไม่ตื้ออะไรต่อแถมบอกทางไปเอา ใบ ตม. ด้วย
- เขียนใบ ตม. เรียบร้อย ก็เดินไปต่อแถวตรวจพาสปอร์ต แล้วก็เดินออกมาจะเห็นโต๊ะจ่ายค่าผ่านแดนอยู่ซ้ายมือ ก็จ่ายไปคนละ 40 บาท หรือ 10,000 กีบนั้นเอง
- ได้ใบเสร็จมาแล้ว (เก็บไว้ให้ใช้ขากลับด้วยเพื่อเค้าตรวจ) ก็ให้เจ้าหน้าที่ตรวจแล้วเราก็เข้าสู่ลาวโดยสมบูรณ์ ด้วยความเงอะงะ โก๊ะแตก 55555
เรามาถึงด่านฝั่งลาวประมาณ 8 โมงครึ่ง เคาร์เตอร์แลกเงินยังไม่เปิด ก็เลยหาซื้อซิมก่อน มีร้านค้าเหมือนร้านของชำบ้านเราอยู่ข้างๆทางที่ออกมาจากด่าน เราเลยไปซื้อซิมโทรศัพท์ที่นั้น เค้าขายเรา 100 บาท เราว่าเราโดนฟันนะ เพราะก่อนออกมาจากร้านเลือบไปเห็นซองซิมมันเขียน 10,000 กีบ ก็แค่ 40 บาทเอง แต่ก็เออช่างเค้า เสร็จก็เดินไปแลกเงินร้านข้างๆ 2,000 บาท ในอัตราแลกเปลี่ยน 1 บาท เท่ากับ 265 กีบ
แลกเงินเรียบร้อยได้เวลาเข้าเมืองกันแล้ว เราเดินไปขึ้นรถเมล์สาย 14 เพื่อจะไปที่ตลาดเช้า ซึ่งรถจะจอดอยู่ทางด้านขวามือของด่านค่ะ ค่ารถคนละ 8,000 กีบเท่านั้น นั่งรอสักพักรถก็ออก กระเป๋ารถเมล์ที่นี่เค้าน่ารักนะ บริการดีค่อยช่วยเหลือคนแก่ เด็ก ตลอด รถเมล์ก็ขับไม่เร็วมาก จอดทุกป้าย พอเห็นคนวิ่งตามรถมามีถอยหลังไปรับด้วยนะ 555555
นั่งรถมาประมาณ 40 นาที ก็ถึงตลาดเช้า มีคนมายื่นรอถามเอารถอยู่พอสมควร เรารีบลงจากรถแล้วรีบเดินไปอย่างไว เลยไม่ได้เก็บภาพอะไรแถวนั้นเลย เราออกจากท่ารถเมล์สาย 14 เดินตรงไปเรื่อยๆ โปรแกรมเช้านี้ เราจะเดินไปเที่ยว หอคำ หอพระแก้ว ร้านกาแฟ Joma และร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อรสเด็ดที่พี่โน๊ต อุดมการันตีความอร่อย
เดินออกมาถึงถนนใหญ่ ก็จะเห็นขวามือเป็นประตูชัย ซ้ายมือเป็นหอคำ ซึ่งดูจากระยะทางแล้ว เดินได้สบายๆ อากาศเช้าๆก็ยังไม่ร้อน ลมเย็นๆ ชิวเลย เราเดินไปประมาณ 700 เมตร ก็ถึงหอคำแล้ว
หอคำ เป็นพระราชวังเดิมของกษัตรย์ลาว แต่ปัจจุบันเป็นสถานที่รับรองแขกบ้านแขกเมือง ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ 9 ของเราก็เคยเสด็จมาที่ครั้งที่ไปเปิดสะพานมิตรภาพไทยลาวที่หนองคายค่ะ
เราเดินข้ามถนนไปถ่ายรูปตรงเกาะกลางเลยค่ะ ก็จะได้ภาพมาประมาณนี้
เสร็จแล้วก็ข้ามไปชมใกล้ตรงด้านหน้า ตอนข้ามถนนนี้ก็จะงงๆหน่อย ต้องระวังรถให้มาก มองไปหน้าหอคำมีสาวลาว 3 คนยืนผลัดกันถ่ายรูปอยู่ สักพักก็ยืนรอเหมือนจะรอเราให้ไปถ่ายรูปให้ พอไปถึงก็เป็นอย่างที่คิด ส่งภาษาลาวพร้อมโทรศัพท์มาให้เรา เราก็ถ่ายรูปให้เค้า แล้วสามีก็แอบถ่ายรูปเค้ามาด้วย 5555 สาวลาวแต่งตัวน่ารักดี นุ่งซิ่นกันทั้งนั้นเลย ก็ดีนะเค้ายังรักษาวัฒนธรรมของเค้าอยู่
จากหอคำเดินมาอีกแค่ 170 เมตร ก็ถึงหอพระแก้วแล้ว หอพระแก้วเดิมเป็นที่ประดิษฐานของพระแก้วมรกตที่ปัจจุบันอยู่ที่วัดพระแก้วในกรุงเทพของเรานี้เอง เดินผ่านประตูไปจะเห็นโต๊ะเก็บค่าเข้าอยู่ ค่าเข้าคนต่างชาติอย่างเราอยู่ที่ 10,000 กีบค่ะ
ที่นี่เค้าไม่อนุญาติให้ถ่ายรูปด้านในนะคะ ถ่ายได้แต่ด้านนอกเท่านั้น เริ่มอยากกาแฟแล้วล่ะค่ะ ไปร้าน Joma กันดีกว่า จากหอพระแก้วเดินไปประมาณ 550 เมตรก็ถึงแล้ว พนักงานทักทาย สบายดี เราก็ทักตอบ สบายดี (เกือบเติม มั้ย 555) ในร้านตกแต่งน่ารักดี พนักงานบริการดีค่ะ
เราสั่ง คาปูชิโน่ร้อนแก้วใหญ่ มะม่วงสมูทตี้ เดนิสช็อคโกแลต อีกชิ้นจำชื่อไม่ได้ แหะๆ
กาแฟที่นี่อร่อยมาก ขนมก็อร่อย สมูตตี้ก็ดีงาม ใครมาก็แวะมากินได้ ร้านอยู่แถวลานน้ำพุค่ะ กินกาแฟเรียบร้อยก็ไปตามรอยร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อ พี่โน๊ต อุดม กันต่อ เดินไปประมาณ 450 เมตร พิกัดร้านตามนี้เลยค่ะ
รูปนี้เอามาจากกลูเกิ้ลแมพนะคะ ร้านจะอยู่ตรงข้ามธนาคาร หาไม่ยากค่ะ ร้านเปิด 2 รอบ รอบเช้า 7.30 น. - 14.00 น. รอบเย็น 17.30 น. - 20.00 น. ค่ะ เรามาถึงที่ร้านประมาณ 11 โมง คนยังไม่เยอะ สามีสั่งเกาเหลาพิเศษมา 1 ชาม ส่วนเราไม่กินเนื้อก็นั่งรอเค้ากินไป
เครื่องปรุงมีอยู่เยอะมาก แต่เคยดูพี่โน๊ตเค้าว่าน้ำพริกเผาอร่อย สามีก็เลยตักมาชิม แม่เจ้าเผ็ดมาก ดีนะไม่ใส่ลงไป สุดท้ายสามีก็เลยกินแบบไม่ปรุง เค้าว่ามันก็อร่อยอยู่แล้ว กินเกาเหลาหมด ยังอยากกินอีก ก็เลยสั่งเกาเหลาแห้งมากินอีกชาม
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงแล้วคนเริ่มเยอะ เท่าที่เห็นจะเป็นนักท่องเที่ยวเกาหลีทั้งนั้นเลย ยืนรอกันเต็มหน้าร้าน เรานั่งอยู่โต๊ะหน้าร้านด้วย เริ่มกดดัน 555 สามีรีบกิน กินเสร็จก็จ่ายตังค์ จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่แต่ก็แพงเอาเรื่องอยู่ อิ่มแล้วเราก็ออกเดินกันต่อ ตอนนี้เริ่มร้อนละแต่ก็ยังไหวอยู่ เดินจากตรงนี้ไปประมาณเกือบ 2 กม. ก็ถึงประตูชัย
ถ่ายรูปด้านหน้าเสร็จก็เดินไปซื้อตั๋วเพื่อเดินขึ้นไปชมด้านบน พนักงานขายตั๋วหน้าบึ่งมาก ถามว่าเท่าไหร่ก็ไม่ตอบ ยืนตั๋วมาให้เราดูราคาเอง ตั้งแต่มาที่นี่ก็มีคนนี้นิแหละที่อัธยาศัยแย่สุด จ่ายเงินเสร็จก็เดินขึ้นไปชมข้างบนกันต่อ เหนื่อยเอาเรื่องอยู่นะ แต่วิวข้างบนสวยมาก ลมเย็นดีด้วยค่ะ
ชมวิวด้านบนเรียบร้อย เหนื่อยเลยทีนี่ หาน้ำปั่นกินหน่อยดีกว่า สั่งน้ำส้มไปถามแก้วเท่าไหร่ แม่ค้าบอก 40 บาท เราจำได้มีรีวิวนึงบอกไว้ว่าให้ถามเป็นเงินกีบจะได้ราคาถูกกว่า ซึ่งก็จริง พอเราถามว่ากี่กีบ เค้าก็ตอบมาว่า 8,000 กีบ ซึ่งถ้าคิดเป็นเงินไทยตามเรตที่เราแลกมาก็จะประมาณ 30 บาท เอง
ชื่อสินค้า:
เที่ยวอีสาน
คะแนน:
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
- จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
- ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
ความจริงของการเปิดด่าน ไทย-เขมรคืออะไร? ทั้งที่ มีสนามบินใหม่ ท่าเรือใหม่ ด่านลาว และด่านเวียดนาม
ความจริงของการเปิดด่าน ไทย-เขมรคืออะไร? ทั้งที่ มีสนามบินใหม่ ท่าเรือใหม่ ด่านลาว และด่านเวียดนาม ความจริงขนส่งสินค้า เข้าและออกได้จากท่าเรือทางทะเล หรือผ่านแดนจากไทยไปลาว แล้วไปเขมร หรือจากจีน ผ่านท
ดวงตาตะวัน
ซีรีส์เรื่องthe signลางสังหรณ์นี่เนื้อหาอยู่ในหมู่บ้านอะไรในหนองคายทำไมถึงไม่ให้ตัวลพูดสำเนียงเวียงจันทน์ที่ใช้ใช้ที่นี่
อยากถามผู้รู้และผู้ติดตามแฟนซีรี่ส์the signว่าเนื้อเรื่องอยู่ในหนองคายอำเภออะไรหมู่บ้านทำไมไม่ให้ตัวละครพูดสำเนียงแบบเวียงจันทน์ที่ใช้กันในวงกว้างในหลายหมู่บ้านหลายตำบลในอำเภอเมืองหนองคายอำเภอท่าบ่ออำ
สมาชิกหมายเลข 9024633
เวียงจันทน์ ..... ในอดีตที่เวียนผ่าน
วันวานที่ ผ่านนั้น นานแล้วหนอ หนองคายก็ ไม่ต่าง มากไปไหน แต่ข้ามด่าน ไปเวียงฯ เปลี่ยนมากมาย เปลี่ยนแค่ไหน อย่างไร ไปดูกัน ----------------------------------------------- 14 พค. 2553 เดินทางโดยรถ
ไปซะ ก่อนจะไปไม่ไหว
แจกแพลนเที่ยวพูคูน ฉบับเดินทางคนเดียวแบบง่าย ๆ
เราจะมาเล่า ขึ้นตอนการไป พูคูน แบบสบายให้ฟังนะ จริง ๆ แล้ว การเดินทาง ก็มีหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลา เส้นทางจากกรุงเทพอภอวัฒน์ ไปรถไฟนอน ขบวนที่ 25 รถออกประมาณ 2 ทุ่ม ไปถึง สถานีหนองคาย ประมาณ 6.3
สมาชิกหมายเลข 2355331
คอลัมน์🐘 เที่ยวลาวต้องรู้! ลงทะเบียนออนไลน์ก่อนเข้า–ออกประเทศ เริ่ม 1 ก.ย.นี้
🐘 เที่ยวลาวต้องรู้! (พลเมืองประเทศที่มีพรมแดนติดลาว (ในช่วงทดลองนี้ = คนไทย) ที่ใช้พาสปอร์ตหรือเอกสารแทนพาสปอร์ต ยังไม่ต้อง ) ลงทะเบียนออนไลน์ก่อนเข้า–ออกประเทศ เริ่ม 1 ก.ย.นี้ นักเดินทางที่มีแ
โปรดิวเซอร์แมลงสาบ
อยากถามผู้รู้ว่าในเขตอำเภอเมืองหนองคายมีการพูดสำเนียงแนวลาวเวียงจันทน์ทุกวันนี้แพร่หลายเหมือนทางท่าบ่อศรีเชียงใหม่ไหม
สงสัยและอยากถามผู้รู้ว่าทางเขตอำเภอเมืองหนองคายในแต่ละตำบลแต่ละหมู่บ้านมีการพูดสำเนียงแนวลาวเวียงจันทน์ทั้งแบบเหน่อเหน่อมากในตัวเมืองแต่ชานเมืองเวียงจันทน์อย่างแพร่หลายเหมือนทางอำเภอท่าบ่อศรีเชียงใหม่
สมาชิกหมายเลข 9024633
ผู้หญิงแบกเป้เที่ยวคนเดียว Laos ลาว DMK-VTE เวียงจันทน์ หลวงพระบาง วังเวียง Solo Traveling 10-13Aug 2025
ทริป DMK-VTE date 10-13 Aug 2025 (4 Day3Night) plan คร่าวๆค่ะ Day1 Dmk-Vte สนามบินวัตไต ลาว -เหมารถส่วนตัวไปสถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูง -จากสถานีเวียงจันทน์-สถานีหลวงพระบาง -นั่งรถตู้
สมาชิกหมายเลข 3919371
เบิ่งเมืองลาว walk around เวียงจัน
วันเดินทาง 23- 24 พ.ย. 2556 อุปกรณ์ Nikon COOLPIX L310 ข้อแนะนำเบื้องต้น : ควรแลกเงินใบละยี่สิบบาทเผื่อไว้เยอะๆ เงินกีบสามารถแลกได้เล็กน้อย แต่อยู่ที่นั่นเงินไทยใช้ได้ แต่จะได้เงินทอนเป็นเงินกีบกลับมา
bigsolution
[EP-16] ตรวจเอกสารขั้นสุดท้ายที่ กรมตำรวจ ตม. เวียงจันทน์
เมื่อผ่านการสัมภาษณ์ที่ ปกส. แขวงแล้ว เราจะได้เอกสารเพิ่มขึ้นอีก 3 อย่างคือโฉนดนำส่ง และบทสัมภาษณ์ของคู่สมรสทั้งสองฝ่าย ให้เรารวบรวมเอกสารทั้งหมด นำไปยื่นที่ กรมตำรวจตรวจคนเข้า-ออกเมือง (ກົມ
สมาชิกหมายเลข 7675156
อัพเดท ตารางเวลารถเมล์ในเวียงจันทน์ มิถุนายน 2568
ແຈ້ງອັບເດດ ຕະລາງລົດແລ່ນໃນຕົວເມືອງນະຄອນຫຼວງ สายที่เราๆควรทราบ สาย 14 จากด่านฯ เข้าเมือง สาย 18 ก็แวะด่าน แล้วเข้าเมืองไปทางห้างไอเต็ก สาย 47 วิ่งตรงจากด่านฯ ไปยังสถานีรถไฟลาว-จีน ไม่เข้าเมือง
ไปซะ ก่อนจะไปไม่ไหว
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
เวียงจันทน์
เที่ยวไทย
จังหวัดหนองคาย
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ :
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[CR] เดินเที่ยวเวียงจันทน์สบายๆ แบบเช้าไปเย็นกลับ @ทริปอีสาน 7 วัน
มาถึงเช้าวันที่ 5 ของทริปแล้วนะคะ วันนี้เราจะข้ามไปเที่ยวเวียงจันทน์กันค่ะ เราตื่นกันแต่เช้าเหมือนเดิม เดินออกไปหาโจ๊กกินแถวที่พัก ประมาณ 7 โมงครึ่ง เช้าเราก็ขับรถไปจอดที่ กานตนาทัวร์ ค่าจอดรถแบบไม่ค้างคืน 50 บาท เสร็จแล้วก็เดินไปที่ด่าน
เตรียมพาสปอร์ตพร้อมแล้วก็ไปกันเลย เข้าไปถึงก็เงอะๆง่ะๆเลย ด้วยความที่หาข้อมูลมาก็ทำตามในรีวิว เข้าไปถึงก็ยืนต่อแถวตรวจหนังสือเดินทาง เสร็จเจ้าหน้าที่บอกพาสปอร์ตไทยให้ไปที่เครื่องอัตโนมัติ (ดูท่าข้อมูลที่หามาจะไม่อัพเดท) ไปถึงเครื่องก็งงๆ แต่ดีที่ไม่มีใครเลยนอกจากเรา 2 คน ก็ค่อยๆอ่านค่อยๆทำตามขั้นตอนไป
- คว่ำหน้าพาสสปอร์ตไปบนเครื่องสแกน เรียบร้อยประตูก็จะเปิด แล้วก็เอานิ้วชี้ข้างไหนก็ได้วางลงบนจุดสแกนนิ้ว เป็นอันเสร็จเรียบร้อย แล้วก็ยื่นพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่ประทับตราอีกทีนึง
- เดินออกจากอาคารมาก็จะเจอที่ซื้อตั๋วนั่งรถข้ามสะพานไปฝั่งลาว คนละ 20 บาท ซื้อตั๋วเสร็จก็มานั่งรอรถ พอรถมาถึงเค้าก็จะเรียกให้ขึ้นรถเอง
- นั่งรถข้ามฝั่งมาเรียบร้อย ทีนี่ก็งงเหมือนเดิม เพราะที่ดูข้อมูลมาต้องซื้อบัตรผ่านแดน กรอกใบ ตม. แต่เอ้ทำมั้ยในตู้ขายบัตรไม่มีคน ก็เลยเดินไปถามเจ้าหน้าที่ยืนโบกรถอยู่ เค้าบอกว่าเด๋วนี้ไม่ต้องซื้อบัตรผ่านแดนอะไรแล้ว ให้ไปกรอกใบ ตม. แล้วเข้าจุดตรวจหนังสือเดินทางได้เลย แล้วค่อยไปจ่ายค่าผ่านแดนทีหลัง เราก็เดินไปเดินมาหาที่ขอใบ ตม. แล้วก็มีพี่คนนึงเดินมาถาม เหมารถไปเที่ยวมั้ย เราก็เลยแกล้งบอกไปว่าอ๋อเด๋วมีเพื่อนมารับค่ะ เค้าก็ถามเพื่อนมารับที่ไหนตลาดเช้าหรือที่ด่าน ก็ตอบไปว่าที่ด่านเลย พี่เค้าก็ไม่ตื้ออะไรต่อแถมบอกทางไปเอา ใบ ตม. ด้วย
- เขียนใบ ตม. เรียบร้อย ก็เดินไปต่อแถวตรวจพาสปอร์ต แล้วก็เดินออกมาจะเห็นโต๊ะจ่ายค่าผ่านแดนอยู่ซ้ายมือ ก็จ่ายไปคนละ 40 บาท หรือ 10,000 กีบนั้นเอง
- ได้ใบเสร็จมาแล้ว (เก็บไว้ให้ใช้ขากลับด้วยเพื่อเค้าตรวจ) ก็ให้เจ้าหน้าที่ตรวจแล้วเราก็เข้าสู่ลาวโดยสมบูรณ์ ด้วยความเงอะงะ โก๊ะแตก 55555
เรามาถึงด่านฝั่งลาวประมาณ 8 โมงครึ่ง เคาร์เตอร์แลกเงินยังไม่เปิด ก็เลยหาซื้อซิมก่อน มีร้านค้าเหมือนร้านของชำบ้านเราอยู่ข้างๆทางที่ออกมาจากด่าน เราเลยไปซื้อซิมโทรศัพท์ที่นั้น เค้าขายเรา 100 บาท เราว่าเราโดนฟันนะ เพราะก่อนออกมาจากร้านเลือบไปเห็นซองซิมมันเขียน 10,000 กีบ ก็แค่ 40 บาทเอง แต่ก็เออช่างเค้า เสร็จก็เดินไปแลกเงินร้านข้างๆ 2,000 บาท ในอัตราแลกเปลี่ยน 1 บาท เท่ากับ 265 กีบ
แลกเงินเรียบร้อยได้เวลาเข้าเมืองกันแล้ว เราเดินไปขึ้นรถเมล์สาย 14 เพื่อจะไปที่ตลาดเช้า ซึ่งรถจะจอดอยู่ทางด้านขวามือของด่านค่ะ ค่ารถคนละ 8,000 กีบเท่านั้น นั่งรอสักพักรถก็ออก กระเป๋ารถเมล์ที่นี่เค้าน่ารักนะ บริการดีค่อยช่วยเหลือคนแก่ เด็ก ตลอด รถเมล์ก็ขับไม่เร็วมาก จอดทุกป้าย พอเห็นคนวิ่งตามรถมามีถอยหลังไปรับด้วยนะ 555555
นั่งรถมาประมาณ 40 นาที ก็ถึงตลาดเช้า มีคนมายื่นรอถามเอารถอยู่พอสมควร เรารีบลงจากรถแล้วรีบเดินไปอย่างไว เลยไม่ได้เก็บภาพอะไรแถวนั้นเลย เราออกจากท่ารถเมล์สาย 14 เดินตรงไปเรื่อยๆ โปรแกรมเช้านี้ เราจะเดินไปเที่ยว หอคำ หอพระแก้ว ร้านกาแฟ Joma และร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อรสเด็ดที่พี่โน๊ต อุดมการันตีความอร่อย
เดินออกมาถึงถนนใหญ่ ก็จะเห็นขวามือเป็นประตูชัย ซ้ายมือเป็นหอคำ ซึ่งดูจากระยะทางแล้ว เดินได้สบายๆ อากาศเช้าๆก็ยังไม่ร้อน ลมเย็นๆ ชิวเลย เราเดินไปประมาณ 700 เมตร ก็ถึงหอคำแล้ว
หอคำ เป็นพระราชวังเดิมของกษัตรย์ลาว แต่ปัจจุบันเป็นสถานที่รับรองแขกบ้านแขกเมือง ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ 9 ของเราก็เคยเสด็จมาที่ครั้งที่ไปเปิดสะพานมิตรภาพไทยลาวที่หนองคายค่ะ
เราเดินข้ามถนนไปถ่ายรูปตรงเกาะกลางเลยค่ะ ก็จะได้ภาพมาประมาณนี้
เสร็จแล้วก็ข้ามไปชมใกล้ตรงด้านหน้า ตอนข้ามถนนนี้ก็จะงงๆหน่อย ต้องระวังรถให้มาก มองไปหน้าหอคำมีสาวลาว 3 คนยืนผลัดกันถ่ายรูปอยู่ สักพักก็ยืนรอเหมือนจะรอเราให้ไปถ่ายรูปให้ พอไปถึงก็เป็นอย่างที่คิด ส่งภาษาลาวพร้อมโทรศัพท์มาให้เรา เราก็ถ่ายรูปให้เค้า แล้วสามีก็แอบถ่ายรูปเค้ามาด้วย 5555 สาวลาวแต่งตัวน่ารักดี นุ่งซิ่นกันทั้งนั้นเลย ก็ดีนะเค้ายังรักษาวัฒนธรรมของเค้าอยู่
จากหอคำเดินมาอีกแค่ 170 เมตร ก็ถึงหอพระแก้วแล้ว หอพระแก้วเดิมเป็นที่ประดิษฐานของพระแก้วมรกตที่ปัจจุบันอยู่ที่วัดพระแก้วในกรุงเทพของเรานี้เอง เดินผ่านประตูไปจะเห็นโต๊ะเก็บค่าเข้าอยู่ ค่าเข้าคนต่างชาติอย่างเราอยู่ที่ 10,000 กีบค่ะ
ที่นี่เค้าไม่อนุญาติให้ถ่ายรูปด้านในนะคะ ถ่ายได้แต่ด้านนอกเท่านั้น เริ่มอยากกาแฟแล้วล่ะค่ะ ไปร้าน Joma กันดีกว่า จากหอพระแก้วเดินไปประมาณ 550 เมตรก็ถึงแล้ว พนักงานทักทาย สบายดี เราก็ทักตอบ สบายดี (เกือบเติม มั้ย 555) ในร้านตกแต่งน่ารักดี พนักงานบริการดีค่ะ
เราสั่ง คาปูชิโน่ร้อนแก้วใหญ่ มะม่วงสมูทตี้ เดนิสช็อคโกแลต อีกชิ้นจำชื่อไม่ได้ แหะๆ
กาแฟที่นี่อร่อยมาก ขนมก็อร่อย สมูตตี้ก็ดีงาม ใครมาก็แวะมากินได้ ร้านอยู่แถวลานน้ำพุค่ะ กินกาแฟเรียบร้อยก็ไปตามรอยร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อ พี่โน๊ต อุดม กันต่อ เดินไปประมาณ 450 เมตร พิกัดร้านตามนี้เลยค่ะ
รูปนี้เอามาจากกลูเกิ้ลแมพนะคะ ร้านจะอยู่ตรงข้ามธนาคาร หาไม่ยากค่ะ ร้านเปิด 2 รอบ รอบเช้า 7.30 น. - 14.00 น. รอบเย็น 17.30 น. - 20.00 น. ค่ะ เรามาถึงที่ร้านประมาณ 11 โมง คนยังไม่เยอะ สามีสั่งเกาเหลาพิเศษมา 1 ชาม ส่วนเราไม่กินเนื้อก็นั่งรอเค้ากินไป
เครื่องปรุงมีอยู่เยอะมาก แต่เคยดูพี่โน๊ตเค้าว่าน้ำพริกเผาอร่อย สามีก็เลยตักมาชิม แม่เจ้าเผ็ดมาก ดีนะไม่ใส่ลงไป สุดท้ายสามีก็เลยกินแบบไม่ปรุง เค้าว่ามันก็อร่อยอยู่แล้ว กินเกาเหลาหมด ยังอยากกินอีก ก็เลยสั่งเกาเหลาแห้งมากินอีกชาม
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงแล้วคนเริ่มเยอะ เท่าที่เห็นจะเป็นนักท่องเที่ยวเกาหลีทั้งนั้นเลย ยืนรอกันเต็มหน้าร้าน เรานั่งอยู่โต๊ะหน้าร้านด้วย เริ่มกดดัน 555 สามีรีบกิน กินเสร็จก็จ่ายตังค์ จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่แต่ก็แพงเอาเรื่องอยู่ อิ่มแล้วเราก็ออกเดินกันต่อ ตอนนี้เริ่มร้อนละแต่ก็ยังไหวอยู่ เดินจากตรงนี้ไปประมาณเกือบ 2 กม. ก็ถึงประตูชัย
ถ่ายรูปด้านหน้าเสร็จก็เดินไปซื้อตั๋วเพื่อเดินขึ้นไปชมด้านบน พนักงานขายตั๋วหน้าบึ่งมาก ถามว่าเท่าไหร่ก็ไม่ตอบ ยืนตั๋วมาให้เราดูราคาเอง ตั้งแต่มาที่นี่ก็มีคนนี้นิแหละที่อัธยาศัยแย่สุด จ่ายเงินเสร็จก็เดินขึ้นไปชมข้างบนกันต่อ เหนื่อยเอาเรื่องอยู่นะ แต่วิวข้างบนสวยมาก ลมเย็นดีด้วยค่ะ
ชมวิวด้านบนเรียบร้อย เหนื่อยเลยทีนี่ หาน้ำปั่นกินหน่อยดีกว่า สั่งน้ำส้มไปถามแก้วเท่าไหร่ แม่ค้าบอก 40 บาท เราจำได้มีรีวิวนึงบอกไว้ว่าให้ถามเป็นเงินกีบจะได้ราคาถูกกว่า ซึ่งก็จริง พอเราถามว่ากี่กีบ เค้าก็ตอบมาว่า 8,000 กีบ ซึ่งถ้าคิดเป็นเงินไทยตามเรตที่เราแลกมาก็จะประมาณ 30 บาท เอง
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้