บทที่ 11
ระหว่างทาง
“คอยสักครู่นะคะมิสเตอร์สไตรค์ อีกสักครู่ผู้จัดการจะมาพบ” เจ้าหน้าที่ธนาคารมาบอกเขาเป็นคำรบสอง
บางความรู้สึกบอกให้คริสโตเฟอร์ล้มเลิกความตั้งใจ ปล่อยสิ่งต่าง ๆ ที่เจนนี่ทำไว้ เก็บไว้ ให้เป็นความลับต่อไป
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับโจว์ ความคิดหลายหลากในช่วงวัยเยาว์ย้อนกลับมาย้ำเตือนอีก จนคริสโตเฟอร์เผลอถอนหายใจอยู่หลายครั้ง…
มันยากที่เขาจะปฏิเสธความตั้งใจ มันมากยิ่งกว่าสิ่งที่เขาเคยสัญญาไว้กับเจนนี่…
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ มิสบราวน์วิคเช่าตู้กับเราไว้หลายตู้ ทำให้ค่อนข้างเสียเวลาตรวจสอบว่าเป็นตู้ใบไหน เชิญมิสเตอร์สไตรค์ด้านในได้เลยครับ”
คริสโตเฟอร์สะดุ้งเล็กน้อย ลืมความคิดที่สับสนต่างๆ เขาเดินตามผู้จัดการ และเจ้าหน้าที่ผู้ชายอีกคนเข้าไปด้านในสู่ห้องนิรภัยของธนาคาร
การเป็นทนายความของเขาทำให้ง่าย สะดวกกับการทำธุรกรรมหลาย ๆ เรื่อง เจนนี่คงตระหนักดีในข้อนี้ ถึงได้เลือกไว้วางใจเขามากกว่าโจว์อยู่แล้วแน่นอน
ทันทีที่ผ่านระบบรักษาความปลอดภัยเข้ามาในส่วนของห้องนิรภัย เจ้าหน้าที่ธนาคารเดินเลยไปเปิดตู้นิรภัยที่ฝั่งตรงข้าม ก่อนนำกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้ามาวางอยู่บนโต๊ะเบื้องหน้าคริสโตเฟอร์
“เชิญตามสบายนะครับ ผมจะรอด้านนอก” ผู้จัดการและเจ้าหน้าที่ธนาคารออกไปจากห้อง คริสโตเฟอร์นั่งลง หยิบกุญแจไขกล่องสี่เหลี่ยมสีดำตรงหน้า
ชายหนุ่มไม่ให้เสียเวลา ทันทีที่เห็นสิ่งของในกล่อง เขาหยิบซองเอกสารยาวสีเหลืองหนาหนักซองนั้น และซองพลาสติกเล็ก ๆ ที่มองเห็นแฟลชไดรฟ์อยู่ภายในเก็บเข้าไว้ในกระเป๋าเสื้อสูท
คราวนี้ในสมองของเขากลับครุ่นคิด กับสิ่งที่จะต้องทำต่อไป...
โจว์ยังคงขับรถวนรอบถนนสายนั้นอีกครั้ง พยายามสอดส่ายสายตานับเลขที่บ้านทั้งฝั่งซ้าย และฝั่งขวา
“นี่จะรอบที่สามแล้วนะที่คุณวนไปวนมารอบเมืองนี้ คุณกำลังหาอะไรบอกฉันสิ ฉันจะได้ช่วยคุณหา ไหน ๆ ก็มาด้วยกันแล้ว”
คิมเบอร์ลี่เริ่มหมดความอดทน หรี่ตามองโจว์ สายตาดุ ๆ ตอบกลับมาแทน แต่มันก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกนึกกลัว หรือจะหยุดพูดแต่อย่างใด
“แค่คุณเชื่อฉัน ตามไปดูหลักฐานของฉัน น่าจะได้เรื่องอะไรมากกว่าขับรถข้ามเมืองมาตั้งไกลอย่างนี้”
เด็กสาวบ่นพึมพำต่อ รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง กับท่าทีนิ่ง ๆ ของเขา
ตั้งแต่เช้าท่าทีใจดีของโจว์เปลี่ยนไป เขาไม่ยอมพูดอะไรกับเธอมากไปกว่าส่งสายตาดุ ๆ ท่าทีเหมือนกำลังครุ่นคิดเรื่องใดเรื่องหนึ่งอยู่ตลอดเวลา อาการแขนของเขาดูน่าจะดีขึ้น อาจเพราะการได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
แต่หลาย ๆ ครั้งดูเขาจะยังหวาด ระแวง วิตก ผวา โดยเฉพาะเวลาที่มีรถจี้ตามหลังมาติด ๆ และทุกครั้งเขาก็ปล่อยให้รถแซงผ่านไป
ดูเหมือนวันนี้จะปลอดโปร่ง ไม่มีรถสีดำพวกนั้นตามมาอีก...
การเดินทางเริ่มขึ้นอีกครั้งหลังอาหารเช้าง่าย ๆ เหมือนเมื่อคืน ผ่านไปหลายชั่วโมง จากถนนสายนอกเมืองจนเข้ามายังเมืองที่เธอไม่คุ้นเคย แม้จะคล้าย ๆ กับเมืองที่เธออยู่ก็ตาม
เขากำลังตามหาบางสิ่งที่รู้แน่ชัด หรือว่าหลงทางกันแน่ ท่าทางของโจว์เหมือนมายังเมืองนี้เป็นครั้งแรกมากกว่า
“คุณเจ็บแขนนะ ไม่ได้เจ็บปาก หัดถามใครซักคนดีไหม ไม่เข้าท่าเลยที่วนเวียนขับไปขับมาอยู่แบบนี้ เสียเวลาเปล่า ๆ”
ดูเหมือนประโยคนี้จะได้ผล โจว์ชะลอรถลง บ้านชนบทนอกเมืองทางตอนเหนือช่วงเวลากลางวันดูเงียบเชียบ ไม่มีแม้แต่ผู้คนเดินไปมา
บ้านเก่าสองชั้นยุคอาณานิคมศตวรรษที่ 17-18 แต่ละหลังหน้าตาเกือบคล้าย ๆ กันมีพื้นที่บริเวณค่อนข้างกว้าง เว้นสลับกันป่าละเมาะเป็นช่วง ๆ
“น่าแปลก มันหมดที่ตรงนี้…ฉันกำลังหาบ้านของเจนนี่ แต่กลับไม่มีเลขบ้านนี้”
เขาส่งกระดาษโน้ตให้เธอ สีหน้าเคร่งเครียด ขณะสาวพวงมาลัยให้เลี้ยวโค้งวนใหม่อีกรอบด้วยแขนข้างที่ยังเจ็บอยู่
“เจนนี่?!”
เด็กสาวทวนชื่อ ขมวดคิ้วอย่างงง ๆ ขณะรับกระดาษมาดู พร้อมกับมองเลยออกไปนอกรถ ตั้งใจหันซ้ายหันขวาสังเกตเลขบ้านเหมือนที่เขาทำก่อนหน้านี้
“มันเกี่ยวอะไรกับพวกนั้นด้วยหรือ”
คิมเบอร์ลี่ตั้งคำถาม เพราะเหมือนจะเป็นข้อมูลใหม่ คนละทิศทางกับข้อมูลของเธอ
“ไม่แน่ใจ แต่คิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกัน เรื่องมันค่อนข้างยาว”
ชายหนุ่มพูดโดยไม่ได้มองหน้าเด็กสาว ขณะที่สายตายังจับจ้องอยู่ตามบ้านแต่ละหลัง โจว์เล่าอุบัติเหตุของเจนนี่ให้ฟังคร่าว ๆ เด็กสาวเบ้หน้ารับรู้ เลิกคิ้วพยายามปะติดปะต่อให้เป็นเรื่องเดียวกัน
“มันอาจจะเป็นอุบัติเหตุจริง ๆ ดูจะยังไม่มีอะไรเชื่อมโยงเลยสักนิด...ฉันว่า...หากคุณฟังฉันบ้าง...คุณอาจไม่ต้องเสียเวลาลากฉันแค่มาเยี่ยมผู้หญิงของคุณ ขณะที่ฉันกำลังตามหากลุ่มคนที่ไล่ล่า... เฮ้อ! มันฟังแล้วเหมือนเรื่องยาวเรื่องเดียวกันไหมนี่…”
คิมเบอร์ลี่ถอนใจในคำพูดประโยคสุดท้าย ขณะที่เห็นโจว์ไม่ได้ใส่ใจฟังในสิ่งที่เธอพยายามพูดเอาเสียเลย
แต่ยังไม่ทันที่โจว์ หรือเธอจะได้พูดอะไรต่อ การวนรถรอบนี้คฤหาสน์หลังหนึ่งบนเนินอยู่ไกลลิบ ๆ ผ่านเข้ามาในสายตาของเธอ ฟากโค้งถนนที่โจว์ขับผ่านเลย ไม่ได้เลี้ยวเข้าไป
มันคุ้นตาในทันที ขณะที่เธอทบทวนความจำ คฤหาสน์หลังนั้นเหมือนภาพถ่ายในเอกสารที่เธอกำลังตามรอยค้นหา...
คฤหาสน์ในภาพหลังนั้น มันสวยราวกับปราสาทเนรมิตขึ้นกลางป่า...
“พลาเน็ตโซไซตี้!!”
*******************************
โปรดติดตามตอนต่อไป
เงาเพลิง โดย พรายทราย บทที่ 11 ระหว่างทาง
ระหว่างทาง
“คอยสักครู่นะคะมิสเตอร์สไตรค์ อีกสักครู่ผู้จัดการจะมาพบ” เจ้าหน้าที่ธนาคารมาบอกเขาเป็นคำรบสอง
บางความรู้สึกบอกให้คริสโตเฟอร์ล้มเลิกความตั้งใจ ปล่อยสิ่งต่าง ๆ ที่เจนนี่ทำไว้ เก็บไว้ ให้เป็นความลับต่อไป
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับโจว์ ความคิดหลายหลากในช่วงวัยเยาว์ย้อนกลับมาย้ำเตือนอีก จนคริสโตเฟอร์เผลอถอนหายใจอยู่หลายครั้ง…
มันยากที่เขาจะปฏิเสธความตั้งใจ มันมากยิ่งกว่าสิ่งที่เขาเคยสัญญาไว้กับเจนนี่…
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ มิสบราวน์วิคเช่าตู้กับเราไว้หลายตู้ ทำให้ค่อนข้างเสียเวลาตรวจสอบว่าเป็นตู้ใบไหน เชิญมิสเตอร์สไตรค์ด้านในได้เลยครับ”
คริสโตเฟอร์สะดุ้งเล็กน้อย ลืมความคิดที่สับสนต่างๆ เขาเดินตามผู้จัดการ และเจ้าหน้าที่ผู้ชายอีกคนเข้าไปด้านในสู่ห้องนิรภัยของธนาคาร
การเป็นทนายความของเขาทำให้ง่าย สะดวกกับการทำธุรกรรมหลาย ๆ เรื่อง เจนนี่คงตระหนักดีในข้อนี้ ถึงได้เลือกไว้วางใจเขามากกว่าโจว์อยู่แล้วแน่นอน
ทันทีที่ผ่านระบบรักษาความปลอดภัยเข้ามาในส่วนของห้องนิรภัย เจ้าหน้าที่ธนาคารเดินเลยไปเปิดตู้นิรภัยที่ฝั่งตรงข้าม ก่อนนำกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้ามาวางอยู่บนโต๊ะเบื้องหน้าคริสโตเฟอร์
“เชิญตามสบายนะครับ ผมจะรอด้านนอก” ผู้จัดการและเจ้าหน้าที่ธนาคารออกไปจากห้อง คริสโตเฟอร์นั่งลง หยิบกุญแจไขกล่องสี่เหลี่ยมสีดำตรงหน้า
ชายหนุ่มไม่ให้เสียเวลา ทันทีที่เห็นสิ่งของในกล่อง เขาหยิบซองเอกสารยาวสีเหลืองหนาหนักซองนั้น และซองพลาสติกเล็ก ๆ ที่มองเห็นแฟลชไดรฟ์อยู่ภายในเก็บเข้าไว้ในกระเป๋าเสื้อสูท
คราวนี้ในสมองของเขากลับครุ่นคิด กับสิ่งที่จะต้องทำต่อไป...
โจว์ยังคงขับรถวนรอบถนนสายนั้นอีกครั้ง พยายามสอดส่ายสายตานับเลขที่บ้านทั้งฝั่งซ้าย และฝั่งขวา
“นี่จะรอบที่สามแล้วนะที่คุณวนไปวนมารอบเมืองนี้ คุณกำลังหาอะไรบอกฉันสิ ฉันจะได้ช่วยคุณหา ไหน ๆ ก็มาด้วยกันแล้ว”
คิมเบอร์ลี่เริ่มหมดความอดทน หรี่ตามองโจว์ สายตาดุ ๆ ตอบกลับมาแทน แต่มันก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกนึกกลัว หรือจะหยุดพูดแต่อย่างใด
“แค่คุณเชื่อฉัน ตามไปดูหลักฐานของฉัน น่าจะได้เรื่องอะไรมากกว่าขับรถข้ามเมืองมาตั้งไกลอย่างนี้”
เด็กสาวบ่นพึมพำต่อ รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง กับท่าทีนิ่ง ๆ ของเขา
ตั้งแต่เช้าท่าทีใจดีของโจว์เปลี่ยนไป เขาไม่ยอมพูดอะไรกับเธอมากไปกว่าส่งสายตาดุ ๆ ท่าทีเหมือนกำลังครุ่นคิดเรื่องใดเรื่องหนึ่งอยู่ตลอดเวลา อาการแขนของเขาดูน่าจะดีขึ้น อาจเพราะการได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
แต่หลาย ๆ ครั้งดูเขาจะยังหวาด ระแวง วิตก ผวา โดยเฉพาะเวลาที่มีรถจี้ตามหลังมาติด ๆ และทุกครั้งเขาก็ปล่อยให้รถแซงผ่านไป
ดูเหมือนวันนี้จะปลอดโปร่ง ไม่มีรถสีดำพวกนั้นตามมาอีก...
การเดินทางเริ่มขึ้นอีกครั้งหลังอาหารเช้าง่าย ๆ เหมือนเมื่อคืน ผ่านไปหลายชั่วโมง จากถนนสายนอกเมืองจนเข้ามายังเมืองที่เธอไม่คุ้นเคย แม้จะคล้าย ๆ กับเมืองที่เธออยู่ก็ตาม
เขากำลังตามหาบางสิ่งที่รู้แน่ชัด หรือว่าหลงทางกันแน่ ท่าทางของโจว์เหมือนมายังเมืองนี้เป็นครั้งแรกมากกว่า
“คุณเจ็บแขนนะ ไม่ได้เจ็บปาก หัดถามใครซักคนดีไหม ไม่เข้าท่าเลยที่วนเวียนขับไปขับมาอยู่แบบนี้ เสียเวลาเปล่า ๆ”
ดูเหมือนประโยคนี้จะได้ผล โจว์ชะลอรถลง บ้านชนบทนอกเมืองทางตอนเหนือช่วงเวลากลางวันดูเงียบเชียบ ไม่มีแม้แต่ผู้คนเดินไปมา
บ้านเก่าสองชั้นยุคอาณานิคมศตวรรษที่ 17-18 แต่ละหลังหน้าตาเกือบคล้าย ๆ กันมีพื้นที่บริเวณค่อนข้างกว้าง เว้นสลับกันป่าละเมาะเป็นช่วง ๆ
“น่าแปลก มันหมดที่ตรงนี้…ฉันกำลังหาบ้านของเจนนี่ แต่กลับไม่มีเลขบ้านนี้”
เขาส่งกระดาษโน้ตให้เธอ สีหน้าเคร่งเครียด ขณะสาวพวงมาลัยให้เลี้ยวโค้งวนใหม่อีกรอบด้วยแขนข้างที่ยังเจ็บอยู่
“เจนนี่?!”
เด็กสาวทวนชื่อ ขมวดคิ้วอย่างงง ๆ ขณะรับกระดาษมาดู พร้อมกับมองเลยออกไปนอกรถ ตั้งใจหันซ้ายหันขวาสังเกตเลขบ้านเหมือนที่เขาทำก่อนหน้านี้
“มันเกี่ยวอะไรกับพวกนั้นด้วยหรือ”
คิมเบอร์ลี่ตั้งคำถาม เพราะเหมือนจะเป็นข้อมูลใหม่ คนละทิศทางกับข้อมูลของเธอ
“ไม่แน่ใจ แต่คิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกัน เรื่องมันค่อนข้างยาว”
ชายหนุ่มพูดโดยไม่ได้มองหน้าเด็กสาว ขณะที่สายตายังจับจ้องอยู่ตามบ้านแต่ละหลัง โจว์เล่าอุบัติเหตุของเจนนี่ให้ฟังคร่าว ๆ เด็กสาวเบ้หน้ารับรู้ เลิกคิ้วพยายามปะติดปะต่อให้เป็นเรื่องเดียวกัน
“มันอาจจะเป็นอุบัติเหตุจริง ๆ ดูจะยังไม่มีอะไรเชื่อมโยงเลยสักนิด...ฉันว่า...หากคุณฟังฉันบ้าง...คุณอาจไม่ต้องเสียเวลาลากฉันแค่มาเยี่ยมผู้หญิงของคุณ ขณะที่ฉันกำลังตามหากลุ่มคนที่ไล่ล่า... เฮ้อ! มันฟังแล้วเหมือนเรื่องยาวเรื่องเดียวกันไหมนี่…”
คิมเบอร์ลี่ถอนใจในคำพูดประโยคสุดท้าย ขณะที่เห็นโจว์ไม่ได้ใส่ใจฟังในสิ่งที่เธอพยายามพูดเอาเสียเลย
แต่ยังไม่ทันที่โจว์ หรือเธอจะได้พูดอะไรต่อ การวนรถรอบนี้คฤหาสน์หลังหนึ่งบนเนินอยู่ไกลลิบ ๆ ผ่านเข้ามาในสายตาของเธอ ฟากโค้งถนนที่โจว์ขับผ่านเลย ไม่ได้เลี้ยวเข้าไป
มันคุ้นตาในทันที ขณะที่เธอทบทวนความจำ คฤหาสน์หลังนั้นเหมือนภาพถ่ายในเอกสารที่เธอกำลังตามรอยค้นหา...
คฤหาสน์ในภาพหลังนั้น มันสวยราวกับปราสาทเนรมิตขึ้นกลางป่า...
“พลาเน็ตโซไซตี้!!”
*******************************
โปรดติดตามตอนต่อไป