สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมารีวิวการไปเรียนขี่บิ๊กไบค์ให้อ่านกัน ยาวหน่อยนะครับเพราะจะรีวิวแบ่งเป็น 2 ตอน ตอนแรกจะเล่าถึงเนื้อหาที่เรียนแล้วตอนท้ายจะรีวิวถึงตัวผู้ฝึกสอนและทิ้งเบอร์ติดต่อไว้ให้ ถ้าใครรู้เนื้อหาที่เรียนแล้วอยากอ่านเกี่ยวกับตัวผู้ฝึกว่าสอนดีมั้ยหรือเรียนเดี่ยวเรียนกลุ่มต่างกันยังไง ข้ามอ่านตอนท้ายได้เลยครับ
ประวัติของผมคือ ผมเคยขี่มอเตอร์ไซค์มาบ้างนิดหน่อยซักสิบกว่าครั้งด้วยรถเล็กๆ มีขับคาวาวิคเตอร์ออกถนนที่เชียงใหม่สองสามทีเมื่อยี่สิบปีก่อนแล้วก็ทิ้งยาวไม่ได้ขี่อีกเลย
ผมขับรถเกียร์กระปุกได้อย่างคล่องแคล่วไม่มีปัญหาอะไร เข้าใจการเปลี่ยนเกียร์เหยียบคลัชเป็นอย่างดี
พอมาปัจจุบันนี้รถมันติดจนทนไม่ไหว ตัดสินใจเปลี่ยนมาขี่มอไซค์แทน ทีนี้ต้องเริ่มหัดใหม่ เริ่มจากหัดขี่สกู๊ตเตอร์ เป็น Scoopy I บ้าง Filano บ้าง (ยืมเขาหัดขี่) วันละ 1 ช.ม. ขี่ในถนนอย่างโชคชัย 4 วนไปวนมาอยู่ประมาณ 10 วัน รู้สึกว่าไม่ได้ยากอะไร แค่จับจังหวะออกตัวกับจอดให้นิ่งสนิทๆแบบนุ่มๆไม่ได้
พอถึงเวลาตัดสินใจซื้อก็คิดจะเอาสกู๊ตเตอร์นี่แหละ ง่ายดี พอดูราคา โอ้โห
ตัวที่เล็งไว้อย่าง PCX ราคาเหยียบๆแสน ซื้อสดร้านก็ไม่ขายให้ ซื้อผ่อนสามปี ผ่อนเสร็จต้องมีแสนห้าแสนหก บ้าไปแล้ว Nmax ก็ใกล้เคียงกัน
เพื่อนเลยบอกมานี่เลย เขาขายบิ๊กไบค์ 250 cc. ให้คันนึง (คนเล่นบิ๊กไบค์จริงๆเขาไม่ยอมรับว่ารถ 250 cc. เป็นบิ๊กไบค์) ผมเลยไปโพสต์ถามเกี่ยวกับการขับเบื้องต้นในตามเพจต่างๆ ได้รับคำตอบมาว่าอย่าเลย ขี่รถไม่คล่องไปเล่นบิ๊กไบค์หาเรื่องตายชัดๆ (เขาว่ากันอย่างนี้เลยนะ)
แต่ผมรับไม่ได้กับดอกเบี้ยผ่อนรถเล็กจริงๆ มันโหดเกินไป ถ้าจะเอาให้คุ้มก็ต้องซื้อสด เลยตัดสินใจ ยังไงก็เอา 250 cc. คันนี้ดีกว่า ถูกกว่าเยอะ จากนั้นก็หาที่ลงเรียน
ไปตามค่ายใหญ่คลาสสอนจะต้องจองคิวล่วงหน้ากันเป็นเดือน (ถ้าลงตามคลาสเวลาปกติ ป่านนี้ผมยังไม่ได้เรียนเลย) แถมยังเรียนกันเป็นกลุ่มอีก ไม่เวิร์ค
ถามไปถามมา มาได้ที่ Moto Praram 5 ตรงวงเวียนพระราม 5 ถนนราชพฤกษ์ ตรงนั้นจะเป็นดงร้านมอเตอร์ไซค์เลย ทั้งศูนย์ฮอนด้าพร้อมสนามฝึกสอนก็อยู่แถวนั้น แต่ผมเลือกเรียนที่ Moto Praram 5 แทนเพราะไม่อยากไปต่อคิวเรียนกลุ่มกับฮอนด้า ได้รับคำตอบว่า ถ้าไม่เป็นเลย ลงเรียนตัวต่อตัวไปเลย เต็มวัน เรียน 2 วันน่าจะขับออกถนนได้ ที่นี่มีลานฝึกสอนเป็นของตัวเอง รถยี่ห้ออะไรก็ได้ หรือไม่อยากใช้รถตัวเองก็มีรถให้เช่า
พอนัดแนะวันที่ผมว่างและสนามก็ว่างตรงกันได้ก็จัดกันเลย บอกนิดนึงว่า ตรงนี้มีโชว์รูมหลายยี่ห้อ ทั้ง Triumph, Kawasaki, KTM, Ducati และ Royal Enfield ทั้งหมดเป็นเจ้าของเดียวกัน จะมีทีมฝึกสอน ทีมจัดทริปอะไรไว้บริการทั้งลูกค้าและไม่ใช่ลูกค้า (ผมไม่ใช่ลูกค้าของเครือนี้)
เรียนวันแรกก็เริ่มจากอธิบายทฤษฎีต่างๆที่ต้องรู้ ทั้งเรื่องเครื่องแต่งกาย วิธีเลือกซื้ออุปกรณ์ป้องกันตัวซึ่งครูฝึกเน้นเรื่องนี้มาก การเรียน 2 วันนี่มีประโยชน์มาก เพราะทุกอย่างที่ต้องลงภาคสนาม ครูฝึกมีเวลาอธิบายก่อนทุกขั้นตอน ถ้าเรียนแค่วันเดียวเวลาอธิบายจะไม่มี จะเป็นแค่การบอกให้ทำๆไป สื่อการสอนก็ใช้ได้ มีทำสไลด์อธิบาย ถึงเวลาลงสนามมีขั้นตอนละเอียดดีมากเลยครับ
หลังจากจบเรื่องทฤษฎีการแต่งกาย การทำงานของรถ เกียร์ คลัช จริงๆของพวกนี้ผมรู้อยู่แล้ว แต่ก็นั่งฟังๆไป ถึงได้พบว่าระบบเกียร์ manual ของมอเตอร์ไซค์กับรถยนต์ก็เหมือนๆกัน แต่นั่นรู้แบบฝึกๆเอาเองให้เพื่อนสอนตอนหัดขับรถ พอมานั่งเรียนถึงรู้ว่า ถ้าลงรายละเอียดไปผมเองยังมีจุดผิดพลาดอีกเยอะ เช่นผมชอบเลียคลัชเพื่อเรียกรอบ และอีกหลายอย่างที่เหมือนเราจะรู้ แต่ยังทำผิดเล็กๆน้อยๆ ซึงถ้าไม่มาเรียนจะไม่มีทางรู้เลย
หรืออย่างการเลี้ยวรถมอเตอร์ไซค์ ทั้งบิ๊กไบค์หรือลิตเติลไบค์ เขาบังคับเลี้ยวกันด้วยสายตา ไม่มีการใช้มือหักแฮนด์ อันนี้สำหรับคนขี่รถงูๆปลาๆแบบผมงงมาก บ้ารึเปล่า แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆครับ
ก็เริ่มจากศูนย์จริงๆคือเรื่องการตั้งรถ การขึ้นคร่อมรถ อันนี้สำคัญ รถผมเบาๆ 151 โล รถหนักๆนี่ล่อไปสองร้อยกลางๆหรือสามร้อยก็มี ขึ้นคร่อมไม่ดีมีพลิกลงได้นะครับ ต่อจากนั้นเป็นเรื่องบาลานซ์รถ คือถ้าตั้งรถให้ตรงมันสามารถพยุงรถไว้ได้ด้วยนิ้วเดียว (ผมยังไม่ได้) ก็ลองๆทำดู ฝึกไปเรื่อยๆ เอาขาตั้งขึ้น ตั้งรถให้ตรง แล้วเอามือพยุงแล้วเดินวนรอบรถให้ได้
จากนั้นเริ่มต้นบทสำคัญมาก การเข็นรถ!!!!! ไม่ได้ล้อเล่นนะครับ การเข็นรถ !!!!
เข็นเดินหน้าถอยหลังตามเรื่องตามราว เข็นถอยหลังผมทำไม่ดีเลย ถ้าสอบคงตก ไว้กลับไปทำต่อที่บ้านนะครู เหนื่อยแล้ว ปวดแขนไปหมด
ปวดแขนปวดขาจนหมดไปครึ่งวันได้มั้ง ยังไม่ได้สตาร์ทรถเลย (บอกแล้วว่าเขาสอนละเอียด) พอครึ่งวันบ่ายถึงได้สตาร์ทรถเพื่อเรียนหลักการทำงานของคลัช การปล่อยคลัช การออกตัว การเปิดคันเร่ง การเบรคเบื้องต้นง่ายๆที่ความเร็วต่ำ การเปลี่ยนเกียร์ขึ้นลง หลังจากออกตัวแล้วก็เริ่มขี่สลาลม
โอวก๊อด เราเคยเห็นแต่ในยูทูป มันช่างยาก มีแต่ระดับเทพเท่านั้นที่ทำได้ นี่เพิ่งเริ่มเข้าคลัชเป็นเมื่อเช้า บ่ายจะให้สลาลมแล้วหรอ ก็เริ่มด้วยการนั่งซ้อนครูฝึกแล้วครูทำให้ดู ปรากฏว่า สะบัดได้เสียวดีนักแล เบาะบิ๊กไบค์ก็ยกสูงมากอยู่แล้ว นี่ครูยังสลาลมพัดไปพัดมาจนแทบจะปลิวออกจากเบาะ ดีนะที่เอวยังไวจะส่ายเร็วแค่ไหนก็พริ้วได้
พอลองทำดู รอบแรก ผ่านได้แบบกรวยเว้นกรวย แล้วยังผ่านได้แค่ครึ่งเดียวก็หลุดโค้งออกไปไกล (แต่ไม่ล้ม)
รอบสองก็ได้กรวยเว้นกรวย แต่ทำได้จนจบแถว พอรอบสามรอบสี่เริ่มกล้าเบิ้ลเครื่องสาดเข้าไปแล้ว เพราะเริ่มรู้แล้วว่าถ้ามีที่ให้วิ่ง รถพวกนี้ไม่มีทางล้ม เร็วไปก็หลุดไลน์ ไม่มีปัญหาอะไรเพราะลานเขาทำมาเผื่อหลุดอยู่แล้ว พอเริ่มคล่อง ครูฝึกก็เชียร์ เร็วอีก พับมากๆอีก พอทำไปซักพักก็จอดเพื่อดูหน้ายาง ครูฝึกก็บอกว่าจริงๆยังพับรถได้มากกว่านี้ ดูรอยการใช้ยาง ยังเหลือหน้ายางอีกตั้งเซนนึงทั้งซ้ายขวา (แต่จะให้พับรถมากกว่านี้ก็ไม่ไหวละ)
จากนั้นก็จบวันแรก คราวนี้มั่นใจเลยว่าพรุ่งนี้จบวันที่ 2 ขี่กลับบ้านได้แน่ (หึหึ เหรอออออออ)
วันที่ 2 ครูบอกว่าจะเริ่มหัดเลี้ยว คราวนี้ครูให้ขี่ออกจากศูนย์ไปลองขี่ในซอยดูเลย ก็ตะกุกตะกักนิดหน่อย มีเสียวๆบ้างเล็กน้อย ยังเบรคไม่เก่ง แต่ก็รอดปลอดภัยเข้าศูนย์ได้ แล้วก็เปิดสไลด์อธิบายถึงเรื่องการเลี้ยวเบื้องต้น การใช้สายตา การเข้าไลน์ที่ถูกวิธี การแซงการเปลี่ยนเลนการหาจังหวะแซง การระวังภัยบนท้องถนน ตรงนี้จริงๆแล้วคล้ายการขับรถยนต์นั่นแหละ แต่รถยนต์ผมไม่ได้ดูละเอียดขนาดนี้เพราะถ้าขับไม่เร็วซะอย่าง เบรคให้หยุดก็จบ นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยวความเร็วต่ำที่ต้องใช้การเลี้ยงคันเร่งให้ถูกต้อง เพราะที่ความเร็วต่ำ แตะเบรคปั๊บรถจะลงพับเพียบทันที
กลายเป็นว่าความเข้าใจทั้งหมดที่ดูในคลิปมันผิดหมดเลย เห็นเขาขี่ชะลอๆเลี้ยวกันเอื่อยๆนึกว่าง่าย เอาจริงๆยากกว่าขี่สลาลมเยอะ นี่เปิดคันเร่งน้อย รถก็จะล้ม เปิดเยอะไปก็หลุดไลน์ เรียกว่าทำจนท้อเลย ทำอยู่หลายสิบรอบ แทบจะหาที่พอใช้ได้ไม่ได้เลย ผมยังบอกครูฝึกเลย จบวันนี้ช่วยหาใครขี่รถผมกลับบ้านหน่อย ครูฝึกยังบอกว่าเนี่ยขี่กลับบ้านได้แล้ว เฮ่ย บ้าแล้ว ขี่ช้าๆยังไม่ไหว จะให้ออกราชพฤกษ์วันเสาร์จะไปยังไง เส้นนั้นเขาเหยียบกันเป็นร้อย ครูก็ยังยืนยันว่าได้แน่นอนแล้วก็สอนขั้นตอนสุดท้ายคือ การเบรคที่ถูกวิธี (ได้ใช้เบรคหน้าซักที) จากนั้นครูบอกจบหลักสูตร (พื้นฐาน) แล้วให้ออกไปขี่ในซอยกันอีกรอบ พอใช้เบรคหน้าเป็นคราวนี้ความมั่นใจมาเต็มร้อยขี่ได้มั่นใจเหมือนไม่ได้ใส่อะไรเลย แล้วครูฝึกก็สั่งจอดแล้วบอกขับตามผมมา แล้วก็พาผมออกถนนใหญ่เลย!!!!!!! (ถามซักคำมั้ยว่าอยากไปมั้ย T_T)
บ่ายแก่ๆที่ ถ. ราชพฤกษ์วันเสาร์รถยังเยอะอยู่เพราะวิ่งคู่ขนานไม่ได้เข้าทางหลัก แต่ยังดีรถไม่ติดไปจนต้องซอกแซก ไม่โล่งไปจนต้องอัดเป็นร้อย กลับมาถึงศูนย์อย่างปลอดภัย แล้วจบด้วยการออกตัวบนทางลาดชัน (ก็ทางเข้าสนามนั่นแหละ)
จบการเรียนบริบูรณ์ครูฝึกก็นั่งสัมภาษณ์ต่อว่ารู้สึกยังไง เราก็แปลกใจ เอ...ขับออกถนนใหญ่มันหมูกว่าที่เรียนเลี้ยวไปเลี้ยวมาในสนามเยอะ นั่นมันยากจนท้อกะว่าต้องฝึกอีกหลายวันกว่าจะขี่ได้ แต่จริงๆกลายเป็นว่า มอไซค์เลี้ยวช้าๆมันยากที่สุดแล้วเพราะต้องนั่งเลี้ยงคันเร่ง ไหนจะกลัวล้ม แล้วที่เลี้ยวมันแคบมาก ออกถนนใหญ่มันไม่แคบขนาดนั้น สบายแล้วเรา
หลังจากคิดว่าขี่ถึงบ้านได้แน่นอนก็นั่งสรุปเนื้อหาทั้งหมดอีกครั้ง ต่อด้วยสอนการตรวจเช็คเบื้องต้น น้ำมันเบรค น้ำมันเครื่อง การดูเนื้อยางว่ายังไปต่อได้ไหมหรือควรเปลี่ยน แนะนำแม้แต่ยี่ห้อยางที่น่าใช้ เลยไปจนถึงว่า ท่อแต่งผมดังมาก ตำรวจจับแน่นอน (ท่อแต่งติดรถมาตั้งแต่ตอนผมซื้อต่อมา) ผมได้ติดต่อซื้อท่อเดิมจากคนอื่นซึ่งเขาเอามาให้ที่สนามฝึก ครูฝึกยังลากกล่องเครื่องมือมาช่วยๆกันเปลี่ยน กระจกมองข้างของแต่งก็ปรับยาก ก็ช่วยปรับให้ แถมยังแนะนำว่าเล็กไปน่าจะเปลี่ยน
พอถึงเวลากลับบ้าน ตอนแรกยังว่าจะขี่นำไปส่งให้เพราะผมก็ไม่รู้จักทางด้วย แต่มีครูฝึกอีกท่านนึง (ที่นี่มีครูฝึกหลายคนเพราะเจ้าของเดียวกันเปิดขายรถหลายยี่ห้อหลายประเภท) มีธุระผ่านแถวบ้านผมพอดีเลยอาสาขี่นำไปให้ แถมตลอดทางยังคอยสอดส่องผมว่าขี่ผิดยังไงบ้างยังคอยหันมาส่งสัญญาณมือบอกตลอด ที่บ่อยสุดคือผมชอบลืมปิดไฟเลี้ยวเพราะชินกับรถยนต์ที่พอเลี้ยวเสร็จไฟเลี้ยวจะดับเอง สุดท้ายก็ขี่นำผมกลับบ้านตลอดรอดฝั่ง เรียกว่าดูแลกันตลอดตั้งแต่ออกจากบ้านมาเรียนวันแรก (เพราะผมขี่ไม่เป็นเลย ตอนออกมาเรียนต้องอาศัยครูฝึกหาคนซ้อนท้ายมาขี่รถผมไปทิ้งไว้ที่ศูนย์) จนส่งถึงบ้านหลังจบหลักสูตร ตอนนี้ขี่มาได้สัปดาห์นึงแล้วก็ยังมีข้อสงสัยให้โทรไปถามเรื่อยๆ ครูฝึกก็รับสายตลอดแถมอธิบายด้วยความเต็มใจ น่ารักจริงๆ
ก็ยังคิดว่าถ้าขี่คล่องเมื่อไหร่ เวลาเขามีจัดสอนเป็นกลุ่มจะไปลงเรียนทบทวนวิชาให้ครูฝึกประเมินพัฒนาการจนไปถึงการเรียนขั้น advance ต่อยอดไปอีกเพราะที่เรียนนี่เป็นขั้นพื้นฐาน ยังไม่สามารถเอาไปขี่เล่นในสนามแข่งหรือออกทริปขึ้นเขาลงห้วยเจอโค้งขึ้นลงเขาได้
สุดท้ายแล้วอยากจะบอกว่า เรียนส่วนตัวนี่ดีกว่าเรียนเป็นกลุ่มจริงๆเพราะเวลาเยอะมากแถมยังปรับเปลี่ยนตารางตามความเหมาะสมของพื้นฐานและพัฒนาการของเราได้ตลอด จำนวนชั่วโมงเรียนก็ปรับเพิ่มลดได้ตามความเหมาะสมและตามความต้องการ อย่างผมพอขี่สกู๊ตเตอร์ในซอยได้ เรียน 2 วันก็พอขี่บิ๊กไบค์ออกถนนได้ คนที่ขี่จักรยานไม่เป็นเลยก็อาจจะต้องใช้เวลาเรียนมากกว่านี้ หรือคนที่ขี่รถมีคลัชพอได้ก็อาจจะใช้เวลาเรียนน้อยกว่านี้ ตรงนี้เรายืดหยุ่นได้หมดซึ่งถ้าเรียนเป็นกลุ่มคือปรับไม่ได้แน่นอน แถมเรียนเป็นกลุ่มตรงไหนเราทำไม่ผ่านก็ต้องข้ามไปเลยเพราะกลุ่มเขารอเราไม่ได้
สถานที่เรียนจัดว่าใช้ได้เลยทีเดียว มีห้องเรียนติดแอร์พร้อมน้ำเย็นๆไว้สำหรับตอนสอนทฤษฎี มีคอมพิวเตอร์ฉายสไลด์ออกจอสวยงาม ข้างศูนย์ฝึกยังมีซอยเล็กๆ 2 เลนที่รถไม่เยอะเอาไว้ซ้อมก่อนออกถนนใหญ่อีก ถือว่าสถานที่นี่ลงตัวมากทีเดียว หรือเก่งแล้วอยากเรียนอย่างอื่นก็มีเพราะถ้าจำไม่ผิด วันหลังจากที่ผมเรียนที่นี่ยังมีสอนกลุ่มเกี่ยวกับการขี่รถวิบากด้วย
ค่าเรียน ผมเรียน 2 วัน วันละ 6 ช.ม. กว่าๆ ค่าเรียนวันละ 2,000 บาท (ระยะเวลาและค่าเรียนอาจไม่เหมือนกันแต่ละคน) ตรงนี้ผมถือว่าคุ้มมาก ถ้าครูฝึกไม่สั่งหรือไม่ช่วยผมเปลี่ยนท่อ ตอนนี้ผมต้องโดนตำรวจเรียกไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง ครั้งละ 4 กระทง อึ๋ยยย.. แถมถ้าไม่ได้ครูฝึกบอกว่าเดี๋ยวนี้เสียภาษีและต่อพรบ.ออนไลน์ได้ ผมต้องไปเสียค่าจ้างหรือเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปขนส่งอีกเยอะ แค่นี้ก็คุ้มค่าเรียนแล้ว
ถ้าใครสนใจอยากเรียนแบบผมแนะนำเลยที่
ครูกิต 088-089-4056 หรือ add Line ID : gitsadee
บอกไปได้เลยครับว่าตามมาจากกระทู้คุณป๊อป ยาวไปหน่อย ต้องขอบคุณทุกท่านที่ทนอ่านมาครับผม
[CR] รีวิวมือใหม่เรียนขี่บิ๊กไบค์ที่ Moto Praram 5
ประวัติของผมคือ ผมเคยขี่มอเตอร์ไซค์มาบ้างนิดหน่อยซักสิบกว่าครั้งด้วยรถเล็กๆ มีขับคาวาวิคเตอร์ออกถนนที่เชียงใหม่สองสามทีเมื่อยี่สิบปีก่อนแล้วก็ทิ้งยาวไม่ได้ขี่อีกเลย
ผมขับรถเกียร์กระปุกได้อย่างคล่องแคล่วไม่มีปัญหาอะไร เข้าใจการเปลี่ยนเกียร์เหยียบคลัชเป็นอย่างดี
พอมาปัจจุบันนี้รถมันติดจนทนไม่ไหว ตัดสินใจเปลี่ยนมาขี่มอไซค์แทน ทีนี้ต้องเริ่มหัดใหม่ เริ่มจากหัดขี่สกู๊ตเตอร์ เป็น Scoopy I บ้าง Filano บ้าง (ยืมเขาหัดขี่) วันละ 1 ช.ม. ขี่ในถนนอย่างโชคชัย 4 วนไปวนมาอยู่ประมาณ 10 วัน รู้สึกว่าไม่ได้ยากอะไร แค่จับจังหวะออกตัวกับจอดให้นิ่งสนิทๆแบบนุ่มๆไม่ได้
พอถึงเวลาตัดสินใจซื้อก็คิดจะเอาสกู๊ตเตอร์นี่แหละ ง่ายดี พอดูราคา โอ้โห
ตัวที่เล็งไว้อย่าง PCX ราคาเหยียบๆแสน ซื้อสดร้านก็ไม่ขายให้ ซื้อผ่อนสามปี ผ่อนเสร็จต้องมีแสนห้าแสนหก บ้าไปแล้ว Nmax ก็ใกล้เคียงกัน
เพื่อนเลยบอกมานี่เลย เขาขายบิ๊กไบค์ 250 cc. ให้คันนึง (คนเล่นบิ๊กไบค์จริงๆเขาไม่ยอมรับว่ารถ 250 cc. เป็นบิ๊กไบค์) ผมเลยไปโพสต์ถามเกี่ยวกับการขับเบื้องต้นในตามเพจต่างๆ ได้รับคำตอบมาว่าอย่าเลย ขี่รถไม่คล่องไปเล่นบิ๊กไบค์หาเรื่องตายชัดๆ (เขาว่ากันอย่างนี้เลยนะ)
แต่ผมรับไม่ได้กับดอกเบี้ยผ่อนรถเล็กจริงๆ มันโหดเกินไป ถ้าจะเอาให้คุ้มก็ต้องซื้อสด เลยตัดสินใจ ยังไงก็เอา 250 cc. คันนี้ดีกว่า ถูกกว่าเยอะ จากนั้นก็หาที่ลงเรียน
ไปตามค่ายใหญ่คลาสสอนจะต้องจองคิวล่วงหน้ากันเป็นเดือน (ถ้าลงตามคลาสเวลาปกติ ป่านนี้ผมยังไม่ได้เรียนเลย) แถมยังเรียนกันเป็นกลุ่มอีก ไม่เวิร์ค
ถามไปถามมา มาได้ที่ Moto Praram 5 ตรงวงเวียนพระราม 5 ถนนราชพฤกษ์ ตรงนั้นจะเป็นดงร้านมอเตอร์ไซค์เลย ทั้งศูนย์ฮอนด้าพร้อมสนามฝึกสอนก็อยู่แถวนั้น แต่ผมเลือกเรียนที่ Moto Praram 5 แทนเพราะไม่อยากไปต่อคิวเรียนกลุ่มกับฮอนด้า ได้รับคำตอบว่า ถ้าไม่เป็นเลย ลงเรียนตัวต่อตัวไปเลย เต็มวัน เรียน 2 วันน่าจะขับออกถนนได้ ที่นี่มีลานฝึกสอนเป็นของตัวเอง รถยี่ห้ออะไรก็ได้ หรือไม่อยากใช้รถตัวเองก็มีรถให้เช่า
พอนัดแนะวันที่ผมว่างและสนามก็ว่างตรงกันได้ก็จัดกันเลย บอกนิดนึงว่า ตรงนี้มีโชว์รูมหลายยี่ห้อ ทั้ง Triumph, Kawasaki, KTM, Ducati และ Royal Enfield ทั้งหมดเป็นเจ้าของเดียวกัน จะมีทีมฝึกสอน ทีมจัดทริปอะไรไว้บริการทั้งลูกค้าและไม่ใช่ลูกค้า (ผมไม่ใช่ลูกค้าของเครือนี้)
เรียนวันแรกก็เริ่มจากอธิบายทฤษฎีต่างๆที่ต้องรู้ ทั้งเรื่องเครื่องแต่งกาย วิธีเลือกซื้ออุปกรณ์ป้องกันตัวซึ่งครูฝึกเน้นเรื่องนี้มาก การเรียน 2 วันนี่มีประโยชน์มาก เพราะทุกอย่างที่ต้องลงภาคสนาม ครูฝึกมีเวลาอธิบายก่อนทุกขั้นตอน ถ้าเรียนแค่วันเดียวเวลาอธิบายจะไม่มี จะเป็นแค่การบอกให้ทำๆไป สื่อการสอนก็ใช้ได้ มีทำสไลด์อธิบาย ถึงเวลาลงสนามมีขั้นตอนละเอียดดีมากเลยครับ
หลังจากจบเรื่องทฤษฎีการแต่งกาย การทำงานของรถ เกียร์ คลัช จริงๆของพวกนี้ผมรู้อยู่แล้ว แต่ก็นั่งฟังๆไป ถึงได้พบว่าระบบเกียร์ manual ของมอเตอร์ไซค์กับรถยนต์ก็เหมือนๆกัน แต่นั่นรู้แบบฝึกๆเอาเองให้เพื่อนสอนตอนหัดขับรถ พอมานั่งเรียนถึงรู้ว่า ถ้าลงรายละเอียดไปผมเองยังมีจุดผิดพลาดอีกเยอะ เช่นผมชอบเลียคลัชเพื่อเรียกรอบ และอีกหลายอย่างที่เหมือนเราจะรู้ แต่ยังทำผิดเล็กๆน้อยๆ ซึงถ้าไม่มาเรียนจะไม่มีทางรู้เลย
หรืออย่างการเลี้ยวรถมอเตอร์ไซค์ ทั้งบิ๊กไบค์หรือลิตเติลไบค์ เขาบังคับเลี้ยวกันด้วยสายตา ไม่มีการใช้มือหักแฮนด์ อันนี้สำหรับคนขี่รถงูๆปลาๆแบบผมงงมาก บ้ารึเปล่า แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆครับ
ก็เริ่มจากศูนย์จริงๆคือเรื่องการตั้งรถ การขึ้นคร่อมรถ อันนี้สำคัญ รถผมเบาๆ 151 โล รถหนักๆนี่ล่อไปสองร้อยกลางๆหรือสามร้อยก็มี ขึ้นคร่อมไม่ดีมีพลิกลงได้นะครับ ต่อจากนั้นเป็นเรื่องบาลานซ์รถ คือถ้าตั้งรถให้ตรงมันสามารถพยุงรถไว้ได้ด้วยนิ้วเดียว (ผมยังไม่ได้) ก็ลองๆทำดู ฝึกไปเรื่อยๆ เอาขาตั้งขึ้น ตั้งรถให้ตรง แล้วเอามือพยุงแล้วเดินวนรอบรถให้ได้
จากนั้นเริ่มต้นบทสำคัญมาก การเข็นรถ!!!!! ไม่ได้ล้อเล่นนะครับ การเข็นรถ !!!!
เข็นเดินหน้าถอยหลังตามเรื่องตามราว เข็นถอยหลังผมทำไม่ดีเลย ถ้าสอบคงตก ไว้กลับไปทำต่อที่บ้านนะครู เหนื่อยแล้ว ปวดแขนไปหมด
ปวดแขนปวดขาจนหมดไปครึ่งวันได้มั้ง ยังไม่ได้สตาร์ทรถเลย (บอกแล้วว่าเขาสอนละเอียด) พอครึ่งวันบ่ายถึงได้สตาร์ทรถเพื่อเรียนหลักการทำงานของคลัช การปล่อยคลัช การออกตัว การเปิดคันเร่ง การเบรคเบื้องต้นง่ายๆที่ความเร็วต่ำ การเปลี่ยนเกียร์ขึ้นลง หลังจากออกตัวแล้วก็เริ่มขี่สลาลม
โอวก๊อด เราเคยเห็นแต่ในยูทูป มันช่างยาก มีแต่ระดับเทพเท่านั้นที่ทำได้ นี่เพิ่งเริ่มเข้าคลัชเป็นเมื่อเช้า บ่ายจะให้สลาลมแล้วหรอ ก็เริ่มด้วยการนั่งซ้อนครูฝึกแล้วครูทำให้ดู ปรากฏว่า สะบัดได้เสียวดีนักแล เบาะบิ๊กไบค์ก็ยกสูงมากอยู่แล้ว นี่ครูยังสลาลมพัดไปพัดมาจนแทบจะปลิวออกจากเบาะ ดีนะที่เอวยังไวจะส่ายเร็วแค่ไหนก็พริ้วได้
พอลองทำดู รอบแรก ผ่านได้แบบกรวยเว้นกรวย แล้วยังผ่านได้แค่ครึ่งเดียวก็หลุดโค้งออกไปไกล (แต่ไม่ล้ม)
รอบสองก็ได้กรวยเว้นกรวย แต่ทำได้จนจบแถว พอรอบสามรอบสี่เริ่มกล้าเบิ้ลเครื่องสาดเข้าไปแล้ว เพราะเริ่มรู้แล้วว่าถ้ามีที่ให้วิ่ง รถพวกนี้ไม่มีทางล้ม เร็วไปก็หลุดไลน์ ไม่มีปัญหาอะไรเพราะลานเขาทำมาเผื่อหลุดอยู่แล้ว พอเริ่มคล่อง ครูฝึกก็เชียร์ เร็วอีก พับมากๆอีก พอทำไปซักพักก็จอดเพื่อดูหน้ายาง ครูฝึกก็บอกว่าจริงๆยังพับรถได้มากกว่านี้ ดูรอยการใช้ยาง ยังเหลือหน้ายางอีกตั้งเซนนึงทั้งซ้ายขวา (แต่จะให้พับรถมากกว่านี้ก็ไม่ไหวละ)
จากนั้นก็จบวันแรก คราวนี้มั่นใจเลยว่าพรุ่งนี้จบวันที่ 2 ขี่กลับบ้านได้แน่ (หึหึ เหรอออออออ)
วันที่ 2 ครูบอกว่าจะเริ่มหัดเลี้ยว คราวนี้ครูให้ขี่ออกจากศูนย์ไปลองขี่ในซอยดูเลย ก็ตะกุกตะกักนิดหน่อย มีเสียวๆบ้างเล็กน้อย ยังเบรคไม่เก่ง แต่ก็รอดปลอดภัยเข้าศูนย์ได้ แล้วก็เปิดสไลด์อธิบายถึงเรื่องการเลี้ยวเบื้องต้น การใช้สายตา การเข้าไลน์ที่ถูกวิธี การแซงการเปลี่ยนเลนการหาจังหวะแซง การระวังภัยบนท้องถนน ตรงนี้จริงๆแล้วคล้ายการขับรถยนต์นั่นแหละ แต่รถยนต์ผมไม่ได้ดูละเอียดขนาดนี้เพราะถ้าขับไม่เร็วซะอย่าง เบรคให้หยุดก็จบ นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยวความเร็วต่ำที่ต้องใช้การเลี้ยงคันเร่งให้ถูกต้อง เพราะที่ความเร็วต่ำ แตะเบรคปั๊บรถจะลงพับเพียบทันที
กลายเป็นว่าความเข้าใจทั้งหมดที่ดูในคลิปมันผิดหมดเลย เห็นเขาขี่ชะลอๆเลี้ยวกันเอื่อยๆนึกว่าง่าย เอาจริงๆยากกว่าขี่สลาลมเยอะ นี่เปิดคันเร่งน้อย รถก็จะล้ม เปิดเยอะไปก็หลุดไลน์ เรียกว่าทำจนท้อเลย ทำอยู่หลายสิบรอบ แทบจะหาที่พอใช้ได้ไม่ได้เลย ผมยังบอกครูฝึกเลย จบวันนี้ช่วยหาใครขี่รถผมกลับบ้านหน่อย ครูฝึกยังบอกว่าเนี่ยขี่กลับบ้านได้แล้ว เฮ่ย บ้าแล้ว ขี่ช้าๆยังไม่ไหว จะให้ออกราชพฤกษ์วันเสาร์จะไปยังไง เส้นนั้นเขาเหยียบกันเป็นร้อย ครูก็ยังยืนยันว่าได้แน่นอนแล้วก็สอนขั้นตอนสุดท้ายคือ การเบรคที่ถูกวิธี (ได้ใช้เบรคหน้าซักที) จากนั้นครูบอกจบหลักสูตร (พื้นฐาน) แล้วให้ออกไปขี่ในซอยกันอีกรอบ พอใช้เบรคหน้าเป็นคราวนี้ความมั่นใจมาเต็มร้อยขี่ได้มั่นใจเหมือนไม่ได้ใส่อะไรเลย แล้วครูฝึกก็สั่งจอดแล้วบอกขับตามผมมา แล้วก็พาผมออกถนนใหญ่เลย!!!!!!! (ถามซักคำมั้ยว่าอยากไปมั้ย T_T)
บ่ายแก่ๆที่ ถ. ราชพฤกษ์วันเสาร์รถยังเยอะอยู่เพราะวิ่งคู่ขนานไม่ได้เข้าทางหลัก แต่ยังดีรถไม่ติดไปจนต้องซอกแซก ไม่โล่งไปจนต้องอัดเป็นร้อย กลับมาถึงศูนย์อย่างปลอดภัย แล้วจบด้วยการออกตัวบนทางลาดชัน (ก็ทางเข้าสนามนั่นแหละ)
จบการเรียนบริบูรณ์ครูฝึกก็นั่งสัมภาษณ์ต่อว่ารู้สึกยังไง เราก็แปลกใจ เอ...ขับออกถนนใหญ่มันหมูกว่าที่เรียนเลี้ยวไปเลี้ยวมาในสนามเยอะ นั่นมันยากจนท้อกะว่าต้องฝึกอีกหลายวันกว่าจะขี่ได้ แต่จริงๆกลายเป็นว่า มอไซค์เลี้ยวช้าๆมันยากที่สุดแล้วเพราะต้องนั่งเลี้ยงคันเร่ง ไหนจะกลัวล้ม แล้วที่เลี้ยวมันแคบมาก ออกถนนใหญ่มันไม่แคบขนาดนั้น สบายแล้วเรา
หลังจากคิดว่าขี่ถึงบ้านได้แน่นอนก็นั่งสรุปเนื้อหาทั้งหมดอีกครั้ง ต่อด้วยสอนการตรวจเช็คเบื้องต้น น้ำมันเบรค น้ำมันเครื่อง การดูเนื้อยางว่ายังไปต่อได้ไหมหรือควรเปลี่ยน แนะนำแม้แต่ยี่ห้อยางที่น่าใช้ เลยไปจนถึงว่า ท่อแต่งผมดังมาก ตำรวจจับแน่นอน (ท่อแต่งติดรถมาตั้งแต่ตอนผมซื้อต่อมา) ผมได้ติดต่อซื้อท่อเดิมจากคนอื่นซึ่งเขาเอามาให้ที่สนามฝึก ครูฝึกยังลากกล่องเครื่องมือมาช่วยๆกันเปลี่ยน กระจกมองข้างของแต่งก็ปรับยาก ก็ช่วยปรับให้ แถมยังแนะนำว่าเล็กไปน่าจะเปลี่ยน
พอถึงเวลากลับบ้าน ตอนแรกยังว่าจะขี่นำไปส่งให้เพราะผมก็ไม่รู้จักทางด้วย แต่มีครูฝึกอีกท่านนึง (ที่นี่มีครูฝึกหลายคนเพราะเจ้าของเดียวกันเปิดขายรถหลายยี่ห้อหลายประเภท) มีธุระผ่านแถวบ้านผมพอดีเลยอาสาขี่นำไปให้ แถมตลอดทางยังคอยสอดส่องผมว่าขี่ผิดยังไงบ้างยังคอยหันมาส่งสัญญาณมือบอกตลอด ที่บ่อยสุดคือผมชอบลืมปิดไฟเลี้ยวเพราะชินกับรถยนต์ที่พอเลี้ยวเสร็จไฟเลี้ยวจะดับเอง สุดท้ายก็ขี่นำผมกลับบ้านตลอดรอดฝั่ง เรียกว่าดูแลกันตลอดตั้งแต่ออกจากบ้านมาเรียนวันแรก (เพราะผมขี่ไม่เป็นเลย ตอนออกมาเรียนต้องอาศัยครูฝึกหาคนซ้อนท้ายมาขี่รถผมไปทิ้งไว้ที่ศูนย์) จนส่งถึงบ้านหลังจบหลักสูตร ตอนนี้ขี่มาได้สัปดาห์นึงแล้วก็ยังมีข้อสงสัยให้โทรไปถามเรื่อยๆ ครูฝึกก็รับสายตลอดแถมอธิบายด้วยความเต็มใจ น่ารักจริงๆ
ก็ยังคิดว่าถ้าขี่คล่องเมื่อไหร่ เวลาเขามีจัดสอนเป็นกลุ่มจะไปลงเรียนทบทวนวิชาให้ครูฝึกประเมินพัฒนาการจนไปถึงการเรียนขั้น advance ต่อยอดไปอีกเพราะที่เรียนนี่เป็นขั้นพื้นฐาน ยังไม่สามารถเอาไปขี่เล่นในสนามแข่งหรือออกทริปขึ้นเขาลงห้วยเจอโค้งขึ้นลงเขาได้
สุดท้ายแล้วอยากจะบอกว่า เรียนส่วนตัวนี่ดีกว่าเรียนเป็นกลุ่มจริงๆเพราะเวลาเยอะมากแถมยังปรับเปลี่ยนตารางตามความเหมาะสมของพื้นฐานและพัฒนาการของเราได้ตลอด จำนวนชั่วโมงเรียนก็ปรับเพิ่มลดได้ตามความเหมาะสมและตามความต้องการ อย่างผมพอขี่สกู๊ตเตอร์ในซอยได้ เรียน 2 วันก็พอขี่บิ๊กไบค์ออกถนนได้ คนที่ขี่จักรยานไม่เป็นเลยก็อาจจะต้องใช้เวลาเรียนมากกว่านี้ หรือคนที่ขี่รถมีคลัชพอได้ก็อาจจะใช้เวลาเรียนน้อยกว่านี้ ตรงนี้เรายืดหยุ่นได้หมดซึ่งถ้าเรียนเป็นกลุ่มคือปรับไม่ได้แน่นอน แถมเรียนเป็นกลุ่มตรงไหนเราทำไม่ผ่านก็ต้องข้ามไปเลยเพราะกลุ่มเขารอเราไม่ได้
สถานที่เรียนจัดว่าใช้ได้เลยทีเดียว มีห้องเรียนติดแอร์พร้อมน้ำเย็นๆไว้สำหรับตอนสอนทฤษฎี มีคอมพิวเตอร์ฉายสไลด์ออกจอสวยงาม ข้างศูนย์ฝึกยังมีซอยเล็กๆ 2 เลนที่รถไม่เยอะเอาไว้ซ้อมก่อนออกถนนใหญ่อีก ถือว่าสถานที่นี่ลงตัวมากทีเดียว หรือเก่งแล้วอยากเรียนอย่างอื่นก็มีเพราะถ้าจำไม่ผิด วันหลังจากที่ผมเรียนที่นี่ยังมีสอนกลุ่มเกี่ยวกับการขี่รถวิบากด้วย
ค่าเรียน ผมเรียน 2 วัน วันละ 6 ช.ม. กว่าๆ ค่าเรียนวันละ 2,000 บาท (ระยะเวลาและค่าเรียนอาจไม่เหมือนกันแต่ละคน) ตรงนี้ผมถือว่าคุ้มมาก ถ้าครูฝึกไม่สั่งหรือไม่ช่วยผมเปลี่ยนท่อ ตอนนี้ผมต้องโดนตำรวจเรียกไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง ครั้งละ 4 กระทง อึ๋ยยย.. แถมถ้าไม่ได้ครูฝึกบอกว่าเดี๋ยวนี้เสียภาษีและต่อพรบ.ออนไลน์ได้ ผมต้องไปเสียค่าจ้างหรือเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปขนส่งอีกเยอะ แค่นี้ก็คุ้มค่าเรียนแล้ว
ถ้าใครสนใจอยากเรียนแบบผมแนะนำเลยที่
ครูกิต 088-089-4056 หรือ add Line ID : gitsadee
บอกไปได้เลยครับว่าตามมาจากกระทู้คุณป๊อป ยาวไปหน่อย ต้องขอบคุณทุกท่านที่ทนอ่านมาครับผม
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น