ตอนที่ 2 : 15 วันเที่ยว Kanto 2018 : https://pantip.com/topic/38492765

สวัสดีค่า...การเที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ของเรา รอบแรกไปภูมิภาคคันไซ (Kansai) รอบนี้จะพาไปเที่ยวภูมิภาคคันโต (Kanto) 15 วัน (วันที่ 27 เมษายน 61 บินเที่ยงคืน ถึงวันที่ 12 พฤษภาคม 61 บินกลับตอน 9.00 น.) ที่เที่ยวไปคือ 1.คาวากูจิโกะ (Fuji) 2.ฮาโกเน่ 3.คามาคุระ 4.โยโกฮ่ามา 5.โอไดบะ 6.โตเกียว (ตลาดปลาสึกิจิ/กินซ่า/ชิบุยะ/ฮาราจูกุ/ชินจูกุ/อาสากุสะ/Akihabara/Ueno) ไป 2 คน กับคุณแฟน วางแผนข้ามปี จองตั๋วข้ามปี(จองปีนี้บินปีหน้า)ใช้บริการ Thai Air Asia X เจ้าเดิมชอบที่มันบินตรง (ไม่ชอบไปต่อเครื่อง) ราคาตั๋วเครื่องบินซื้อบริการเสริมเพิ่มตกคนละ 9,990 บาท ยังอยู่ในราคาที่รับได้ (หากเลือก Full Service แต่ต้องไปต่อเครื่องเราก็ไม่ชอบ กลัว Flight Delay กลัวกระเป๋าหาย) ชอบบินตรง ...ค่าใช้จ่ายทั้งหมดโหดมากเพราะเรากินเต็มที่ ไม่มีอด ช็อปปิ้งกระจาย ถ้ากินประหยัดคงเชฟได้มากกว่านี้ แต่...ร้านอาหารที่ list ไว้เพียบยังกินไม่ครบทุกร้านที่อยากลองชิม ร้านไหนชอบก็กินมัน 3-4 ครั้ง เพราะฉะนั้น การไปญี่ปุ่นครั้งนี้ทำให้เราก้าวผ่านความกลัวในการเก็บเงิน ถ้าเรามีวินัยเก็บได้ขนาดนี้ ครั้งต่อไปพี่จะบินไปเที่ยวยุโรปแล้ว ฮ่าๆ (100 เยน = 30 บาท ราคา ณ เดือน เม.ย.-พ.ค. 2561)  

หมายเหตุ : แผนเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม คือให้ระวังจะไปตรงกับช่วงวันหยุดยาว Golden Week ของญี่ปุ่น เพราะไม่ต่างจากหยุดยาวสงกรานต์เมืองไทยเรา ซึ่งตอนจองตั๋วเครื่องบินเราก็ไม่รู้หรอกว่ามันตรงกับช่วง Golden Week ของประเทศญี่ปุ่น เราก็เลยไปวัดดวงกัน สรุปคือ.....
1. ที่โตเกียวคนเยอะปกติเหมือน กทม. บ้านเรา
2. ที่ Fuji 97% ของที่พักเต็ม รถบัสที่จะมา Fuji แน่นทุกเที่ยว ควรจองตั๋วจากไทยไปก่อน อย่าไปซื้อหน้าเคาร์เตอร์ ตอนขึ้น Retro bus เที่ยวรอบทะเลสาบคาวากูจิโกะคนเยอะพอควร
3. Kamakura(วัดใหญ่)ก็มีแต่ทัวร์ลง/ฮาโกเน่ คนเยอะพอควรทั้งคนญี่ปุ่นและต่างชาติ
4. Yokohama คนเยอะพอควร
5. Odiba คนเยอะสุดเพราะวันที่เราไปมีงานเทศกาลกินเบียร์สด คนหนาแน่นมากมารอทานเบียร์ช่วงเย็น และมีงานคอนเสิร์ต แต่พอไหว

*** เจ้าของกระทู้และแฟนพูด อ่าน และเขียน ภาษาญี่ปุ่น ไม่ได้นะจ๊ะ ฟังออกเป็นคำๆ และบางประโยค ใช้ใจและความกล้าไปล้วน ***


ตอนแรกว่าจะประหยัดนั่งแบบ Access Express แต่เพิ่งไปโตเกียวครั้งแรกกลัวหลง เลยเลือกแบบ Keisei Skyliner เดินเจอในงานท่องเที่ยวเลยซื้อมาเลยทั้ง Keisei และตั๋วรถไฟใต้ดิน

ต้องเอาใบนี้ไปแลกเป็นตั๋วจริงเมื่อไปถึงสนามบินนาริตะ แล้ก็จะได้ Tokyo Subway มาอีก คนละใบ

ต้องซื้อ Tokyo Subway Ticket เพิ่มตามจำนวนวันที่ต้องใช้งาน และขึ้นอยู่กับว่าจะเที่ยวที่ไหนบ้าง

แล้วก็จอง Wifi ซามูไรเจ้าเดิม

รอบนี้ได้รุ่นใหญ่กว่าเดิมเห็นบอกว่าเป็น Power bank ในตัวแต่เราไม่เคยใช้ เพราะมี Power bank ส่วนตัวไป

Appication ที่ใช้ในกรอบสีแดงเลย มี Tokyosubway ใช้บ่อยมาก ดีงาม /Japan Map / City Rial Map (JR Train) ไม่ค่อยได้ใช้

ตารางแผนการเที่ยวจ้า บางทีตามที่วางแผนไว้ก็ไม่ได้ไป บางที่ในโตเกียวชอบก็ไปซ้ำ

หน้าตาตั๋ว Keisei Skyliner จากสนามบินนาริตะไป Ueno ตอนมาเครื่องบิน delay ไปครึ่งชั่วโมง
ตั๋วขากลับ ต้องเก็บไว้แลกอีกทีนะ

นั่งมาถึง Ueno เราก็มุ่งหน้าต่อ Jr Yamanote (สีเขียวอ่อน) ไปสถานีชินจูกุเลยจ้า เดี๋ยวจะไม่ทันรถบัสที่จองไปคาวากูจิโกะ รูปนี้คือหน้าสถานีชินจูกุฝั่ง South Exit ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามเพื่อไปขึ้น Hightway bus

จองตั๋วจากไทยมาแล้ว พอมาถึงก็เอา E-Ticket เดินไปยื่นที่ช่อง 5 ให้เขาดูแล้วถามว่าต้องไปรอรถบัสที่ช่องไหน (ราคาตั๋วไป-กลับราคา คนละ 1,000 กว่าบาท) ไปจองที่  https://highway-buses.jp/thai/

มารอประตู B4 แล้วดูตารางเอาว่าตรงกับที่เราจองมารึเปล่า (หากไม่จองล่วงหน้า หน้าเทศกาลรถเต็มเยอะมาก) กว่าจะมาถึงสถานี Hightway bus รออีกครึ่งชั่วโมง (เกือบไม่ทันเพราะเครื่องบินเลท)

นั่งมา 2 ชั่วโมงก็ถึงสถานีคาวากูจิโกะ

หันหลังให้สถานีก็เห็นที่พักเราแล้ว ตึกสีส้มเด่นมาแต่ไกล

เดินตรงเข้าซอยมาก หลังคาสีน้ำตาลคือสถานีคาวากูจิโกะ

ถึงที่พักเราแล้ว Koe House เลือกที่นี้ 4 วัน 3 คืน เพราะใกล้สถานี ราคาไม่แพงมาก ไม่มีแอร์ ห้องน้ำรวม เดือนที่เรามาอากาศหนาวได้ใจ 11-14 องศาต้องปิดหน้าต่างใส่เสื้อโค้ทนอน มันเขียนว่ามีฮีทเตอร์แต่ค้นจนทั่วห้องนอนก็ไม่มี

วันที่ 28-29 พ.ค. 61 จองมาแบบมาจ่ายเงิน ณ ที่พัก โดนไป 5,312 เยน (ประมาณ 1,593 บาท)

ห้องคืนแรกที่เราพัก

สุขาชาย /สุขาหญิงมีห้องเดียวอยู่ติดกัน แต่คนละฝั่ง กลางคืนไม่มีใครเดินเข้าห้องน้ำ มีแต่เราคนเดียว สบายใจ

ไปดูห้องอาบน้ำกัน สบู่ แชใพูมีให้ แต่ไม่มีผ้าเช็คตัว

คืนที่สองและสามได้นอนห้องนี้ ห้องเล็กกว่าเดิมแต่ก็อยู่ได้

เดินไปเห็นห้องนี้เปิดอยู่เลยขอเข้าไปถ่ายหน่อย

ชั้นล่าง ที่นี้ไม่มีครัวให้ใช้ แต่มีบริการให้สั่งราเมงทานได้ ชามละ 500 เยน แต่...เราไม่เคยทานจ้าออกไปหาทานข้างนอกตลอด

มุมฝากกระเป๋า

มีที่ตากผ้าด้านนอกและมีบริการจักรยานให้เช่า

เดินชมวิวไปหาร้านอาหารอร่อยๆกันดีกว่า ที่คาวาฟูจิโกะแถวที่เราพักจะมีร้ายอาหาร 3-4 ร่าน และมี 7-11 + Lawson

ถึงแล้วร้าน BBQ Sanrokuen ราคาอาหารค่อนข้างสูง แต่อยากลอง

สั่งชุด Fuji ชุดใหญ่ 4,000 เยน มาเลยคนละชุด
ในชุดมีให้เลือกว่าจะเอานกกระทา หรือปลาหมึก เราก็เลือกมาอย่างละจาน

ปลาอายุคลุกเกลือ

หอยโฮตาเตะ

โฮโตะ อาหารขึ้นชื่อของเมืองนี้ มีแต่เส้นและผัก หวาน กลมกล่อม กินแก้หนาวได้ดี
พวกเนื้อ ปลาหมีก จะต้องจุ่มซอสสีดำๆ เค็มๆ (จะมีโถสีน้ำตาลวางไว้ให้ข้างๆ) ปิ้งไปจุ่มซอสไปสัก 2-3 รอบ

อิ่มแล้วก็เดินชมนก ชมดอกไม้กลับที่พัก