คุณคะคุณวันนี้มี 5 เรื่องน่ารู้ของยา Differin ยารักษาสิวอุดตันที่ไม่พูดถึงไม่ได้แล้ว
วันนี้เป็นคิวของยาทารักษาสิวอุดตัน "Differin" อีกหนึ่งยาทาลดสิวที่มีคนใช้มากที่สุดตัวหนึ่ง ถูกค่ะใช้มากที่สุด… เป็นยาในกลุ่มกรดอนุพันธุ์ของกรดวิตามินเอ ตัวยาออกฤทธิ์คือ Adapalene 0.1% สรรพคุณช่วยผลัดเซลผิว ลดการอุดตัน และยังสามารถช่วยลดการอักเสบของสิวได้ด้วย เอาล่ะค่ะ มาดูกันดีกว่าว่า 5 เรื่องน่ารู้ของ Differin มีอะไรน่าสนใจบ้าง อ่ะเริ่ม!!
1. Differin อ่อนโยนกว่า Retin-A
Differin เป็นยาทารักษาสิวที่ออกมาทีหลัง Retin-A มันจึงถูกแก้ปัญหาหลายๆอย่างที่มีอยู่ใน Retin-A และปัญหาที่ถูกแก้ที่เห็นได้เช็ดเจนสุดคือ Differin จะอ่อนโยนกว่า Retin-A ทาแล้วระคายเคืองน้อยกว่า แสบหน้าน้อยกว่า ทนต่อแสงได้ดีกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่าทาแล้วจะไม่แพ้นะค่ะ เรื่องแพ้ยาเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลห้ามกันไม่ได้จริงๆ ดังนั้นถ้าใครยังไม่เคยใช้และอยากลองใช้ควรปรึกษาผู้รู้ หมอหรือเภสัชกรจะดีกว่าค่ะ
2. Differin ใช้ลดการอักเสบของสิวได้ด้วย
Retin-A เป็นยารักษาสิวที่เด่นในเรื่องสิวอุดตัน แต่ไม่เด่นในเรื่องสิวอักเสบ แต่ถ้าเป็น Differin ซึ่งเป็นยาทารักษาสิว generation ถัดมามันสามารถช่วยลดการอักเสบของสิวได้ด้วย ถ้าเทียบกันในเรื่องลดสิวอักเสบ Differin จะเด่นกว่า Retin-A แต่ถ้าเป็นเรื่องสิวอุดตัน Retin-A ใช้ดีกว่า(ความคิดเห็นส่วนตัวนะ)
3. Differin ราคาสูงกว่า Retin-A 2 เท่า
Differin จัดเป็นยารักษาสิวอุดตันที่มีราคาสูงกว่ายาหลายๆตัว โดยเฉพาะถ้าเทียบกับ Retin-A ราคาสูงกว่า 2 เท่าเลยทีเดียว ควรเลือกตัวที่เหมาะสมกับสภาพผิว การแพ้ยา และลักษณะสิวที่เป็นมากกว่า
4. สิวผุด สิวเห่อ สิวอักเสบ มากันครบจ่ะคุ๊ณ
Differin จัดเป็นยารักษาสิวที่ดีมากตัวหนึ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าใช้แล้วสิวจะหายไปแต่โดยดี โดยเฉพาะในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกที่ใช้อาจจะเจออาการขับสิวเข้าแทรก สิวผุด สิวเห่อ สิวอักเสบ มากันพร้อมหน้าพร้อมตา ใครใจไม่แข็งพออาจเลิกใช้กลางคันได้ **ซึ่งส่วนใหญ่อาการที่ว่าจะหายไปเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม แต่คำถามก็คือเมื่อไรเวลานั้นจะมาถึง? คำถามนี้เป็นคำถามที่ตอบยากที่สุด เพราะคนเรามีการตอบสนองต่อยาที่แตกต่างกัน แต่ยังไงก็แล้วแต่เวลาเฉลี่ยในการทา Differin ให้ได้ผลดีอย่างน้อยๆต้อง 3 เดือนขึ้นไป ถ้าใครทา Differin แล้วไม่แพ้ แต่มีสิวดันตัวขึ้นมาบนหน้าก็อย่าเพิ่งกังวลมากนัก เป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้ ลองอดทนใช้ต่อเนื่องไปอีกสักหน่อย ปัญหาที่ว่าจะค่อยๆหายไปนะเจ้าคะ ^_^
5. Differin เหมาะกับคนเป็นสิวเล็กน้อยถึงปานกลาง
ถ้าเทียบกันในกลุ่มของยาทากลางคืน Differin มันเป็นยาที่ค่อนข้างอ่อนโยนกว่าตัวอื่นค่ะ ด้วยเหตุนี้มันจึงเหมาะกับคนที่เป็นสิวเล็กน้อยถึงปานกลางเท่านั้น ขอย้ำสิวเล็กน้อยถึงปานกลาง ใครที่เป็นสิวเยอะๆเกรงว่า Differin อาจเอาไม่อยู่ แต่บางทีจุดอ่อนนี้มันอาจเป็นจุดแข็งขึ้นมาได้เหมือนกัน โดยเฉพาะกับคนที่อยากลองใช้ยาในกลุ่มกรดวิตามินเอหรืออนุพันธุ์ของกรดวิตามินเอ ใครยังกล้วๆอยู่อาจเริ่มรักษาสิวด้วย Differin ก่อน ถ้าไม่ได้ผลค่อยเปลี่ยนไปใช้ตัวอื่นต่อไป
Differin เป็นยารักษาสิวที่ยอดนิยมมากๆตัวหนึ่ง ใช้รักษาสิวอุดตันได้ดี แต่ยังไงสะมันก็ยังเป็นยา ก่อนใช้ควรอ่านคู่มือให้ดี ดูสรรพคุณ วิธีใช้ และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ปรึกษาหมอหรือเภสัชก่อนใช้จริงเพื่อให้ผลการรักษาสิวได้ผลดีและปลอดภัยมากที่สุดเช่นเคยจ้า
สุดท้ายและท้ายสุด อยากจะบอกว่าสรรพคุณและวิธีใช้ ในฤทธิ์ของตัวยา ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนด้วยนะเจ้าค่ะ ทางที่ดีควรปรึกษาเภสัชกรหรือหมอที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวจะดีกว่ามาซื้อทดลองเองค่ะระวังหน้าเห่อไม่รู้ตัวละจะมาโทษตัวอย่าไม่ได้นะเจ้าคะ เพราะจะได้รู้วิธีการใช้ที่ถูกต้อง หน้าจะได้ไม่เห่อและสวยไปในเวลาเดียวกัน^^ ขอเป็นกำลังใจให้หนุ่มสาวที่น้องสิวกับกำลังขึ้นมาจากผิวหน้า ทุกอย่างจะหายได้แต่ต้องใช้เวลานะเจ้าคะ
อยากสวย ต้องอดทน!!!
วันนี้เป็นคิวของยาทารักษาสิวอุดตัน "Differin" อีกหนึ่งยาทาลดสิวที่มีคนใช้มากที่สุดตัวหนึ่ง ถูกค่ะใช้มากที่สุด… เป็นยาในกลุ่มกรดอนุพันธุ์ของกรดวิตามินเอ ตัวยาออกฤทธิ์คือ Adapalene 0.1% สรรพคุณช่วยผลัดเซลผิว ลดการอุดตัน และยังสามารถช่วยลดการอักเสบของสิวได้ด้วย เอาล่ะค่ะ มาดูกันดีกว่าว่า 5 เรื่องน่ารู้ของ Differin มีอะไรน่าสนใจบ้าง อ่ะเริ่ม!!
1. Differin อ่อนโยนกว่า Retin-A
Differin เป็นยาทารักษาสิวที่ออกมาทีหลัง Retin-A มันจึงถูกแก้ปัญหาหลายๆอย่างที่มีอยู่ใน Retin-A และปัญหาที่ถูกแก้ที่เห็นได้เช็ดเจนสุดคือ Differin จะอ่อนโยนกว่า Retin-A ทาแล้วระคายเคืองน้อยกว่า แสบหน้าน้อยกว่า ทนต่อแสงได้ดีกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่าทาแล้วจะไม่แพ้นะค่ะ เรื่องแพ้ยาเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลห้ามกันไม่ได้จริงๆ ดังนั้นถ้าใครยังไม่เคยใช้และอยากลองใช้ควรปรึกษาผู้รู้ หมอหรือเภสัชกรจะดีกว่าค่ะ
2. Differin ใช้ลดการอักเสบของสิวได้ด้วย
Retin-A เป็นยารักษาสิวที่เด่นในเรื่องสิวอุดตัน แต่ไม่เด่นในเรื่องสิวอักเสบ แต่ถ้าเป็น Differin ซึ่งเป็นยาทารักษาสิว generation ถัดมามันสามารถช่วยลดการอักเสบของสิวได้ด้วย ถ้าเทียบกันในเรื่องลดสิวอักเสบ Differin จะเด่นกว่า Retin-A แต่ถ้าเป็นเรื่องสิวอุดตัน Retin-A ใช้ดีกว่า(ความคิดเห็นส่วนตัวนะ)
3. Differin ราคาสูงกว่า Retin-A 2 เท่า
Differin จัดเป็นยารักษาสิวอุดตันที่มีราคาสูงกว่ายาหลายๆตัว โดยเฉพาะถ้าเทียบกับ Retin-A ราคาสูงกว่า 2 เท่าเลยทีเดียว ควรเลือกตัวที่เหมาะสมกับสภาพผิว การแพ้ยา และลักษณะสิวที่เป็นมากกว่า
4. สิวผุด สิวเห่อ สิวอักเสบ มากันครบจ่ะคุ๊ณ
Differin จัดเป็นยารักษาสิวที่ดีมากตัวหนึ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าใช้แล้วสิวจะหายไปแต่โดยดี โดยเฉพาะในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกที่ใช้อาจจะเจออาการขับสิวเข้าแทรก สิวผุด สิวเห่อ สิวอักเสบ มากันพร้อมหน้าพร้อมตา ใครใจไม่แข็งพออาจเลิกใช้กลางคันได้ **ซึ่งส่วนใหญ่อาการที่ว่าจะหายไปเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม แต่คำถามก็คือเมื่อไรเวลานั้นจะมาถึง? คำถามนี้เป็นคำถามที่ตอบยากที่สุด เพราะคนเรามีการตอบสนองต่อยาที่แตกต่างกัน แต่ยังไงก็แล้วแต่เวลาเฉลี่ยในการทา Differin ให้ได้ผลดีอย่างน้อยๆต้อง 3 เดือนขึ้นไป ถ้าใครทา Differin แล้วไม่แพ้ แต่มีสิวดันตัวขึ้นมาบนหน้าก็อย่าเพิ่งกังวลมากนัก เป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้ ลองอดทนใช้ต่อเนื่องไปอีกสักหน่อย ปัญหาที่ว่าจะค่อยๆหายไปนะเจ้าคะ ^_^
5. Differin เหมาะกับคนเป็นสิวเล็กน้อยถึงปานกลาง
ถ้าเทียบกันในกลุ่มของยาทากลางคืน Differin มันเป็นยาที่ค่อนข้างอ่อนโยนกว่าตัวอื่นค่ะ ด้วยเหตุนี้มันจึงเหมาะกับคนที่เป็นสิวเล็กน้อยถึงปานกลางเท่านั้น ขอย้ำสิวเล็กน้อยถึงปานกลาง ใครที่เป็นสิวเยอะๆเกรงว่า Differin อาจเอาไม่อยู่ แต่บางทีจุดอ่อนนี้มันอาจเป็นจุดแข็งขึ้นมาได้เหมือนกัน โดยเฉพาะกับคนที่อยากลองใช้ยาในกลุ่มกรดวิตามินเอหรืออนุพันธุ์ของกรดวิตามินเอ ใครยังกล้วๆอยู่อาจเริ่มรักษาสิวด้วย Differin ก่อน ถ้าไม่ได้ผลค่อยเปลี่ยนไปใช้ตัวอื่นต่อไป
Differin เป็นยารักษาสิวที่ยอดนิยมมากๆตัวหนึ่ง ใช้รักษาสิวอุดตันได้ดี แต่ยังไงสะมันก็ยังเป็นยา ก่อนใช้ควรอ่านคู่มือให้ดี ดูสรรพคุณ วิธีใช้ และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ปรึกษาหมอหรือเภสัชก่อนใช้จริงเพื่อให้ผลการรักษาสิวได้ผลดีและปลอดภัยมากที่สุดเช่นเคยจ้า
สุดท้ายและท้ายสุด อยากจะบอกว่าสรรพคุณและวิธีใช้ ในฤทธิ์ของตัวยา ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนด้วยนะเจ้าค่ะ ทางที่ดีควรปรึกษาเภสัชกรหรือหมอที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวจะดีกว่ามาซื้อทดลองเองค่ะระวังหน้าเห่อไม่รู้ตัวละจะมาโทษตัวอย่าไม่ได้นะเจ้าคะ เพราะจะได้รู้วิธีการใช้ที่ถูกต้อง หน้าจะได้ไม่เห่อและสวยไปในเวลาเดียวกัน^^ ขอเป็นกำลังใจให้หนุ่มสาวที่น้องสิวกับกำลังขึ้นมาจากผิวหน้า ทุกอย่างจะหายได้แต่ต้องใช้เวลานะเจ้าคะ