‘ชัชชาติ’ ย้ำ เลือกตั้งนี้แพ้ไม่ได้ ขอประชาชนออกไปเลือกตั้ง ล้ม[เผล่ะจัง] (คลิป)
https://www.matichon.co.th/politics/news_1328592
‘ชัชชาติ’ ย้ำ เลือกตั้งนี้แพ้ไม่ได้ ขอประชาชนออกไปเลือกตั้งล้ม[เผล่ะจัง]ที่ปลอมตัวมาเป็นนักประชาธิปไตย เพื่ออนาคตลูกหลาน พร้อมอาสาแก้ปัญหาเกษตร ชูเกษตรทางเลือกสร้างรายได้เสริมให้เกษตรกร
เมื่อวันที่ 21 ม.ค.นาย
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและคณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนาย
ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนาย
อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด คณะทำงานสื่อสารการเมือง ลงพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ จังหวัดมหาสารคาม เยี่ยมชมสวนผักปลอดสารพิษ ชุมชนบ้านหนองบัว ตำบลนาภู อำเภอยางสีสุราช สวนผักนี้เป็นการลงทุนลงแรงร่วมกันของชุมชนปลูกผักส่งให้ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ ชาวบ้านเล่าให้ฟังว่าปีนี้มีปัญหาภัยแล้ง ทำให้ผลิตข้าวได้ปริมาณน้อยลงเหลือ 3 กระสอบต่อ 10 ไร่ จึงหันมารวมกัน 18 ครัวเรือนปลูกผักปลอดสารพิษ 25 ไร่ตามความต้องการของท้องตลาดสร้างรายได้สัปดาห์ละ 10,000 บาท
ทั้งนี้นาย
ชัชชาติ ได้พูดคุยถึงปัญหาและขั้นตอนการผลิตและส่งออกผักกับชาวบ้าน พร้อมทั้งรดน้ำสวนผัก ซื้อผัก และรับประทานผักปลอดสารพิษในไร่ หลังจากนั้นนาย
ชัชชาติยังช่วยเก็บต้นหอม และอวยพรว่า “
ใครกินผักกาละมังนี้ ขอให้แข็งแกร่ง”
นาย
ชัชชาติ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงการมาลงพื้นที่ครั้งนี้ว่า จุดที่ลงพื้นที่เป็นมิติใหม่ เนื่องจากการทำข้าวได้ผลไม่ดี เกษตรกรจึงมีการทำผักขึ้นมาเสริม เป็นผักไร้สารพิษ ส่งตรงเข้ากรุงเทพมหานครฯ สร้างรายได้มาทดแทนข้าว ซึ่งการขายข้าวมี 3 มิติ คือ ราคาขายข้าว ผลผลิตต่อไร่ และต้นทุนการผลิต แต่ราคาขายข้าวเกษตรกรคุมไม่ได้ เพราะตลาดโลกเป็นคนกำหนด ดังนั้นมี 3 วิธีที่จะแก้ปัญหาราคาข้าวคือ การพยุงราคาข้าว, การลดต้นทุน, และการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ นอกจากนั้นคือการหารายได้เพิ่มให้กับเกษตรกร เช่น หมู่บ้านนี้ที่มีน้ำบาดาลดีจึงดึงน้ำบาดาลขึ้นมาปลูกผักปลอดสารพิษได้ ซึ่งมีทางเลือกอื่นอีกมากที่จะมาช่วยเสริมรายได้และรัฐบาลเองต้องเข้ามาช่วยเหลือและให้ความรู้ ต้องไปดูสถิติการส่งออกข้าวสารต่อไร่ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 9 ของโลกจาก 10 อันดับสูงกว่าเมียนมาร์ประเทศเดียว แสดงว่าผลผลิตต่อไร่ต่ำ
นาย
ชัชชาติ กล่าวอีกว่า ดังนั้นถ้าทำให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่ม หรือลดต้นทุน แม้จะขายในราคาเท่าเดิมแต่ก็ได้รายได้เพิ่ม ซึ่งต้องมองในหลายมิติ ตนมองว่าเกษตรทางเลือกจะเป็นตัวช่วยที่ดี แต่สำคัญคือต้องตอบโจทย์ตลาด และถ้าสามารถตัดคนกลางได้ ถ้าสามารถตัดราคาส่วนต่างได้ หากทำให้เกษตรกรเข้าใกล้ผู้บริโภคได้มากขึ้น เกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องผ่านคนกลางมาก ซึ่งช่องทางตรงนี้สามารถใช้อินเตอร์เน็ตเชื่อมโยงเกษตรกรกับผู้บริโภคได้ ประกอบกับการคมนาคมที่ดีจะช่วยอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้า
“ผมว่าก็เหมือนการทำธุรกิจทั่วไป บริษัททำธุรกิจก็ไม่ได้ทำผลิตภัณฑ์อย่างเดียว ต้องมีผลิตภัณฑ์หลายอย่างเพื่อลดความเสี่ยง ต้องบริหารต้นทุนเพื่อลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายลง ต้องหาตลาดให้เป็นและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ให้ใช้ทรัพยากรเท่าเดิม แรงงานต่อหน่วยมากขึ้น ถ้าเรามองเกษตรกรเหมือนเป็นธุรกิจผมเชื่อว่า จะมีทางออกอีกเยอะแยะเลยที่จะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นได้ ไม่ใช่มองแค่เดียวราคาอย่างเดียวซึ่งเป็นรูปแบบเก่า เราดูให้ครบวงจร ผมเชื่อว่า อนาคตทุกคนยังต้องกินข้าวและอาหารปลอดภัยเป็นเทรนด์ใหม่ของโลกที่จะมาเสริมรายได้ให้เกษตรกรได้”
จากนั้น นาย
ชัชชาติ เดินทางมาพบปะประชาชนในชุมชน ชาวบ้านผูกผ้าขาวม้าและผูกสายสิญจน์ที่ข้อมือเพื่อต้อนรับ นาย
ชัชชาติกล่าวกับประชาชนว่า วันนี้ได้มาดูแปลงผักมีวิธีการจัดการที่น่าสนใจ และรัฐบาลชุดหน้าจะเข้ามาลดรายจ่าย สร้างรายได้ ขยายโอกาส ให้ทุกคนเท่าเทียมกันทั้งการเกษตร การศึกษา และสาธารณสุข การมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเป็นเรื่องสำคัญเนื่องจาก ตัวแทนของพี่น้องประชาชนที่ได้รับเลือกเป็น ส.ส. นำปัญหาของประชาชน นำเสนอเข้ามาแก้ไขในคณะรัฐมนตรีอย่างตรงจุด โดยนาย
ชัชชาติสัญญาว่าหากได้เป็นรัฐบาลจะดูแลรายได้สินค้าเกษตร การรักษาพยาบาล การศึกษาให้เท่าเทียม เพราะมันคือประชาธิปไตย ที่ทุกคนต้องเท่าเทียมกัน
นาย
ชัชชาติ ย้ำว่าคนที่ฆ่าเราอยู่ตอนนี้ไม่ใช่นักการเมืองแต่คือ[เผล่ะจัง]ที่ปลอมตัวมาเป็นนักประชาธิปไตย คนพวกนี้หัวใจไม่ใช่ประชาธิปไตยแต่เป็น[เผล่ะจัง] และมาหลอกคนประชาธิปไตยในช่วงการเลือกตั้ง จะทำลายประชาธิปไตยไทยในระยะยาว จะเห็นได้ว่าช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาไม่มีโครงการอะไร แต่พอใกล้ช่วงเลือกตั้งกลับมีโครงการขึ้นมามากมาย
ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้จึงแพ้ไม่ได้ และต้องได้ ส.ส. 375 คนจาก 500 คน เนื่องจากรัฐบาลได้แต่งตั้ง ส.ว. 250 คนที่มีสิทธิโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนนอกไว้ด้วย ตนจึงขอให้พี่น้องประชาชนช่วยกันออกไปเลือกตั้ง แต่ไม่ใช่เพียงช่วยเราหรือช่วยพรรคเพื่อไทย แต่เป็นการช่วยระบบประชาธิปไตยให้ไปรอด เพื่ออนาคตของลูกหลาน และเพื่ออนคาตของประชาธิปไตยในประเทศไทย
จากนั้นนาย
ชัชชาติเยี่ยมชม ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรอินทรีย์เฉลิมพระเกียรติ ที่ทำโดยคนรุ่นใหม่โครงการ Young Smart Farmer ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยในการผลิตและขายสินค้าเกษตร ส่วนวันพรุ่งนี้ นาย
ชัชชาติ และทีมงานจะไปลงพื้นที่พบปะประชาชนที่ อ.นาดูน และ อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม
(คลิปอยู่ในข่าวครับ)
วงเสวนา ชี้ 'องค์กรอิสระ' ไม่กล้าสอบโกง 'ผู้มีอำนาจ'
https://voicetv.co.th/read/SdExGKKeN
เวทีเสวนา Thammasat Resolution Talk ครั้งที่ 3 ว่าด้วยการแก้ปัญหาคอร์รัปชัน ผศ.ดร.ประจักษ์ ชี้ช่วงเปลี่ยนผ่านจากระบอบอำนาจนิยม ไปสู่ประชาธิปไตย ควบคุมการตรวจสอบยาก เหตุผู้มีอำนาจ วางกรอบกติกาภายใต้การแต่งตั้งองค์กรอิสระ
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับคณะรัฐศาสตร์ สถาบันสัญญา ธรรมศักดิ์ เพื่อประชาธิปไตย และศูนย์วิจัยความเหลื่อมล้ำและนโยบายสังคม คณะเศรษฐศาสตร์ จัดเวทีเสวนา Thammasat Resolution Talk ครั้งที่ 3 ในหัวข้อ การแก้ปัญหาคอร์รัปชัน
บรรยง ชี้ คอร์รัปชัน คือการปล้นประชาชน
นาย
บรรยง พงษ์พาณิช ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันแห่งประเทศไทย กล่าวว่า คอร์รัปชันสามารถแบ่งได้เป็นสามประเภท ประเภทแรกคือ การปล้นเอาดื้อ ๆ เช่น การโกงโฉนดที่ดินหรือการโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม ประเภทที่สอง คือ การจ่ายค่าน้ำร้อนน้ำชาแก่เจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อไม่ต้องปฏิบัติตามกฏระเบียบหยุมหยิม และประเภทที่สาม คือ ภาคเอกชนจ่ายเงินเพื่อกำจัดคู่แข่งในการแสวงหาโครงการของรัฐ ซึ่งถึงแม้จะมีจำนวนน้อยแต่ค่าเสียหายเยอะมาก ซึ่งการจ่ายเงินเป็นการซื้อหาความได้เปรียบ สร้าง monopoly (การผูกขาด) ในการล็อกสเปกการขายสินค้าให้ภาครัฐ
นาย
บรรยง กล่าวว่า ประเทศไทยมีการขยายตัวของรัฐสูงมากตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งในปี 2540 โดยมีการขยายทั้งในเชิงงบประมาณ และขยายเชิงบทบาท เช่น หน้าที่ของข้าราชการ ให้ข้าราชการเป็นผู้สอนภาคเอกชนทำธุรกิจ SME เป็นต้น และการขยายตัวเชิงอำนาจ โดยการเพิ่มกฏหมายกฎระเบียบ ซึ่งเป็นเรื่องสวนทางโลก ดังนั้น การลดคอร์รัปชันจะคู่ขนานไปกับการลดขนาดของอำนาจรัฐ และเรื่องคอร์รัปชันเป็นเรื่องของการเปลี่ยนความคิด ต้องปลูกฝังว่าการคอร์รัปชันคือการปล้นประชาชนทุกคน มิใช่เพียงแค่การปล้นชาติ
วันชัย ระบุ 'คสช.' อ้างปราบโกง แต่ควบคุมการตรวจสอบ
นาย
วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ บรรณาธิการที่ปรึกษานิตยสารสารคดี ได้ยกตัวอย่างกรณีการต่อใบอนุญาตทำงานในเมืองไทยของคนต่างด้าว โดยปัจจุบันนี้มีรถตู้รับคนต่างด้าวไปต่ออายุใบอนุญาตที่ จ.สระแก้ว แถวโรงเกลือ โดยมีค่าใช้จ่ายหนึ่ง 1,000 ทุกหกเดือน แต่ในหนังสือเดินทางกลับเป็นการลงตราของด่านตรวจคนเข้าเมือง จ.หนองคาย และอีกกรณีหนึ่งที่ สนช. อนุมัติงบประมาณปี 2562 กว่า 3 ล้านล้านบาท ภายในเวลาเพียงสามชั่วโมงโดยไม่มีการซักถามตรวจสอบ
นาย
วันชัยกล่าวว่า สองกรณีนี้แสดงให้เห็นว่าการตรวจสอบคือหัวใจของการต่อต้านคอร์รัปชัน ทั้งผ่านองค์กรอิสระ สื่อมวลชน และภาคประชาชน แต่ทุกวันนี้องค์กรอิสระถูกเลือกจาก สนช. ซึ่ง สนช. ถูกเลือกจากผู้มีอำนาจในบ้านเมือง การตรวจสอบมีตลอด แต่ไม่ครอบคลุมทุกคนทุกฝ่าย ซึ่งเป็นความฉลาดของรัฐชุดนี้ สังคมตั้งคำถามเกี่ยวกับโครงการจัดซื้อเรือเหาะ อุทยานราชภักดิ์ และการตั้งบริษัทในค่ายทหารของลูกชายนายทหาร โดยคอร์รัปชันเป็นข้ออ้างในการทำรัฐประหารตั้งแต่ปี 2490 แต่สถานการณ์ยังเหมือนเดิม
นาย
วันชัยกล่าวว่า ในสมัยที่ตนเคยบริหารสถานีโทรทัศน์ มีการยกหูโทรศัพท์จากผู้มีอำนาจไม่ให้ตนนำเสนอข่าวในหลายเรื่อง โดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 97 ทำให้สื่อมวลชนปกป้องตัวเอง ท่ามกลางการแข่งขันที่สูงมากอยู่แล้ว จึงไม่อยากมีปัญหาจากการตรวจสอบรัฐบาลอีก
ช่วงเปลี่ยนผ่านจากอำนาจนิยมสู่ประชาธิปไตยสอบโกงยาก
ด้าน ผศ.ดร.
ประจักษ์ ก้องกีรติ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เห็นว่าการพัฒนาประชาธิปไตย และต่อต้านคอร์รัปชันต้องไปด้วยกัน โดยตั้งข้อสังเกตว่า ในช่วงเปลี่ยนผ่าน เช่น จากระบอบอำนาจนิยม ไปสู่ประชาธิปไตย คอร์รัปชันจะสูง เพราะกฏกติกายังไม่แน่นอน กลไกตรวจสอบยังไม่ถูกสร้าง และเป็นช่วงผู้มีอำนาจเก่าขัดขวางการสร้างระบบตรวจสอบ แต่หากเราปล่อยให้ประชาธิปไตยทำงานไม่มีการแทรกแซง กลไกจะทำงาน เนื่องจากระบอบประชาธิปไตยจะมีผู้เล่นเยอะและไม่มีการผูกขาดอำนาจ ดังนั้นเมื่อประชาธิปไตยลงตัวและลงหลักปักฐาน มันจะสู้คอร์รัปชันได้ดีกว่าระบอบอำนาจนิยม
ผศ.ดร.
ประจักษ์ กล่าวถึงตารางคอร์รัปชันอินเดกซ์ ในอันดับสามสิบประเทศแรกที่มีความโปร่งใสมักมีประชาธิปไตยและประเทศอันดับล่าง ๆ เช่นในแอฟริกาและตะวันออกกลางมักมีการผูกขาดอำนาจสูง สำหรับประเทศสิงคโปร์ซึ่งมีความโปร่งใสที่สุดในอาเซียน ว่า แม้จะปกครองโดยพรรคการเมืองพรรคเดียวมายาวนาน แต่ก็ขึ้นสู่อำนาจผ่านการเลือกตั้ง มีการสร้างความชอบธรรมผ่านเศรษฐกิจที่ดี และการสร้างความโปร่งใสของภาครัฐ
ดังนั้นทางพรรคจะไม่มีคอร์รัปชันอื้อฉาว เพราะต้องการชนะการเลือกตั้ง ดังนั้น ถึงแม้ว่าสิงคโปร์จะเป็นประเทศกึ่ง[เผล่ะจัง] แต่ก็ยังต้องแสวงหาความชอบธรรมจากประชาชนในการเลือกตั้ง ไม่ใช่อยู่ไปได้เรื่อย ๆ และระบบราชการของสิงคโปร์มีประสิทธิภาพ กลไกการตรวจสอบดี ดังนั้น ประเทศไทยต้องแก้ระบบราชการด้วย
โดยประเทศไทยต้องเปลี่ยนมายาคติ อย่าแสวงหาอัศวินขี่ม้าขาวมาปราบคอร์รัปชัน เพราะจะนำไปสู่การรวมศูนย์ผูกขาดอำนาจ เอื้อพวกพ้อง ประเทศไทยมักแยกการต่อสู้เพื่อเสรีภาพสื่อและมนุษยชนออกจากการต่อต้านคอร์รัปชัน แต่แท้จริงแล้ว ในอินโดนีเซีย ไม่แยกโจทย์เหล่านี้ออกจากกัน และปัจจุบันอันดับการสู้คอร์รัปชันดีมากขึ้นเรื่อยๆ
ในอินโดนีเซียมีการสร้างประชาธิปไตยที่ยั่งยืนกับกลไกตรวจสอบคอร์รัปชัน สร้างสื่อและภาคประชาสังคมที่เข้มแข้ง จึงเป็นไตรภาคีที่ทำงานร่วมกัน และคานอำนาจกัน เนื่องจากไม่มีปัญหาว่าใครเป็นคนของใคร สร้างประชาธิปไตยจากภายในองค์กร ในขณะที่ภายใต้รัฐบาลของเรา ซึ่งจะกลับมาตรวจสอบ คสช.ได้อย่างไรเมื่อองค์กรตรวจสอบมาจาก คสช.
ด้าน ผศ.ดร.
ธานี ชัยวัฒน์ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้กล่าวถึงงานวิจัยด้านเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม ซึ่งพบว่า บุคคลหนึ่งจะมีความรู้สึกผิด (guilt) ส่วนบุคคลในกรณีที่ผลประโยชน์ตอบแทนน้อย แต่เมื่อผลตอบแทนมาก บุคคลจะมีความละอายใจ (shame) สูง ซึ่งแสดงว่าการแสดงสำนึกของความรับผิดชอบ (accountability) นั้น เปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์และเวลา การสร้างความสำนึกต้องสร้างความโปร่งใส และการมีส่วนร่วมเนื่องจากมีส่วนสร้างความรู้สึกผิดและความละอายใจ
JJNY : 4in1 ชัชชาติย้ำลต.นี้แพ้ไม่ได้/วงเสวนาชี้องค์กรอิสระไม่กล้าสอบผู้มีอำนาจ/ม็อบมะพร้าวเคลื่อนไหว/ส่งออกธ.ค.หดตัว
https://www.matichon.co.th/politics/news_1328592
‘ชัชชาติ’ ย้ำ เลือกตั้งนี้แพ้ไม่ได้ ขอประชาชนออกไปเลือกตั้งล้ม[เผล่ะจัง]ที่ปลอมตัวมาเป็นนักประชาธิปไตย เพื่ออนาคตลูกหลาน พร้อมอาสาแก้ปัญหาเกษตร ชูเกษตรทางเลือกสร้างรายได้เสริมให้เกษตรกร
เมื่อวันที่ 21 ม.ค.นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและคณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด คณะทำงานสื่อสารการเมือง ลงพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ จังหวัดมหาสารคาม เยี่ยมชมสวนผักปลอดสารพิษ ชุมชนบ้านหนองบัว ตำบลนาภู อำเภอยางสีสุราช สวนผักนี้เป็นการลงทุนลงแรงร่วมกันของชุมชนปลูกผักส่งให้ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ ชาวบ้านเล่าให้ฟังว่าปีนี้มีปัญหาภัยแล้ง ทำให้ผลิตข้าวได้ปริมาณน้อยลงเหลือ 3 กระสอบต่อ 10 ไร่ จึงหันมารวมกัน 18 ครัวเรือนปลูกผักปลอดสารพิษ 25 ไร่ตามความต้องการของท้องตลาดสร้างรายได้สัปดาห์ละ 10,000 บาท
ทั้งนี้นายชัชชาติ ได้พูดคุยถึงปัญหาและขั้นตอนการผลิตและส่งออกผักกับชาวบ้าน พร้อมทั้งรดน้ำสวนผัก ซื้อผัก และรับประทานผักปลอดสารพิษในไร่ หลังจากนั้นนายชัชชาติยังช่วยเก็บต้นหอม และอวยพรว่า “ใครกินผักกาละมังนี้ ขอให้แข็งแกร่ง”
นายชัชชาติ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงการมาลงพื้นที่ครั้งนี้ว่า จุดที่ลงพื้นที่เป็นมิติใหม่ เนื่องจากการทำข้าวได้ผลไม่ดี เกษตรกรจึงมีการทำผักขึ้นมาเสริม เป็นผักไร้สารพิษ ส่งตรงเข้ากรุงเทพมหานครฯ สร้างรายได้มาทดแทนข้าว ซึ่งการขายข้าวมี 3 มิติ คือ ราคาขายข้าว ผลผลิตต่อไร่ และต้นทุนการผลิต แต่ราคาขายข้าวเกษตรกรคุมไม่ได้ เพราะตลาดโลกเป็นคนกำหนด ดังนั้นมี 3 วิธีที่จะแก้ปัญหาราคาข้าวคือ การพยุงราคาข้าว, การลดต้นทุน, และการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ นอกจากนั้นคือการหารายได้เพิ่มให้กับเกษตรกร เช่น หมู่บ้านนี้ที่มีน้ำบาดาลดีจึงดึงน้ำบาดาลขึ้นมาปลูกผักปลอดสารพิษได้ ซึ่งมีทางเลือกอื่นอีกมากที่จะมาช่วยเสริมรายได้และรัฐบาลเองต้องเข้ามาช่วยเหลือและให้ความรู้ ต้องไปดูสถิติการส่งออกข้าวสารต่อไร่ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 9 ของโลกจาก 10 อันดับสูงกว่าเมียนมาร์ประเทศเดียว แสดงว่าผลผลิตต่อไร่ต่ำ
นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า ดังนั้นถ้าทำให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่ม หรือลดต้นทุน แม้จะขายในราคาเท่าเดิมแต่ก็ได้รายได้เพิ่ม ซึ่งต้องมองในหลายมิติ ตนมองว่าเกษตรทางเลือกจะเป็นตัวช่วยที่ดี แต่สำคัญคือต้องตอบโจทย์ตลาด และถ้าสามารถตัดคนกลางได้ ถ้าสามารถตัดราคาส่วนต่างได้ หากทำให้เกษตรกรเข้าใกล้ผู้บริโภคได้มากขึ้น เกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องผ่านคนกลางมาก ซึ่งช่องทางตรงนี้สามารถใช้อินเตอร์เน็ตเชื่อมโยงเกษตรกรกับผู้บริโภคได้ ประกอบกับการคมนาคมที่ดีจะช่วยอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้า
“ผมว่าก็เหมือนการทำธุรกิจทั่วไป บริษัททำธุรกิจก็ไม่ได้ทำผลิตภัณฑ์อย่างเดียว ต้องมีผลิตภัณฑ์หลายอย่างเพื่อลดความเสี่ยง ต้องบริหารต้นทุนเพื่อลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายลง ต้องหาตลาดให้เป็นและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ให้ใช้ทรัพยากรเท่าเดิม แรงงานต่อหน่วยมากขึ้น ถ้าเรามองเกษตรกรเหมือนเป็นธุรกิจผมเชื่อว่า จะมีทางออกอีกเยอะแยะเลยที่จะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นได้ ไม่ใช่มองแค่เดียวราคาอย่างเดียวซึ่งเป็นรูปแบบเก่า เราดูให้ครบวงจร ผมเชื่อว่า อนาคตทุกคนยังต้องกินข้าวและอาหารปลอดภัยเป็นเทรนด์ใหม่ของโลกที่จะมาเสริมรายได้ให้เกษตรกรได้”
จากนั้น นายชัชชาติ เดินทางมาพบปะประชาชนในชุมชน ชาวบ้านผูกผ้าขาวม้าและผูกสายสิญจน์ที่ข้อมือเพื่อต้อนรับ นายชัชชาติกล่าวกับประชาชนว่า วันนี้ได้มาดูแปลงผักมีวิธีการจัดการที่น่าสนใจ และรัฐบาลชุดหน้าจะเข้ามาลดรายจ่าย สร้างรายได้ ขยายโอกาส ให้ทุกคนเท่าเทียมกันทั้งการเกษตร การศึกษา และสาธารณสุข การมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเป็นเรื่องสำคัญเนื่องจาก ตัวแทนของพี่น้องประชาชนที่ได้รับเลือกเป็น ส.ส. นำปัญหาของประชาชน นำเสนอเข้ามาแก้ไขในคณะรัฐมนตรีอย่างตรงจุด โดยนายชัชชาติสัญญาว่าหากได้เป็นรัฐบาลจะดูแลรายได้สินค้าเกษตร การรักษาพยาบาล การศึกษาให้เท่าเทียม เพราะมันคือประชาธิปไตย ที่ทุกคนต้องเท่าเทียมกัน
นายชัชชาติ ย้ำว่าคนที่ฆ่าเราอยู่ตอนนี้ไม่ใช่นักการเมืองแต่คือ[เผล่ะจัง]ที่ปลอมตัวมาเป็นนักประชาธิปไตย คนพวกนี้หัวใจไม่ใช่ประชาธิปไตยแต่เป็น[เผล่ะจัง] และมาหลอกคนประชาธิปไตยในช่วงการเลือกตั้ง จะทำลายประชาธิปไตยไทยในระยะยาว จะเห็นได้ว่าช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาไม่มีโครงการอะไร แต่พอใกล้ช่วงเลือกตั้งกลับมีโครงการขึ้นมามากมาย
ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้จึงแพ้ไม่ได้ และต้องได้ ส.ส. 375 คนจาก 500 คน เนื่องจากรัฐบาลได้แต่งตั้ง ส.ว. 250 คนที่มีสิทธิโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนนอกไว้ด้วย ตนจึงขอให้พี่น้องประชาชนช่วยกันออกไปเลือกตั้ง แต่ไม่ใช่เพียงช่วยเราหรือช่วยพรรคเพื่อไทย แต่เป็นการช่วยระบบประชาธิปไตยให้ไปรอด เพื่ออนาคตของลูกหลาน และเพื่ออนคาตของประชาธิปไตยในประเทศไทย
จากนั้นนายชัชชาติเยี่ยมชม ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรอินทรีย์เฉลิมพระเกียรติ ที่ทำโดยคนรุ่นใหม่โครงการ Young Smart Farmer ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยในการผลิตและขายสินค้าเกษตร ส่วนวันพรุ่งนี้ นายชัชชาติ และทีมงานจะไปลงพื้นที่พบปะประชาชนที่ อ.นาดูน และ อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม
(คลิปอยู่ในข่าวครับ)
วงเสวนา ชี้ 'องค์กรอิสระ' ไม่กล้าสอบโกง 'ผู้มีอำนาจ'
https://voicetv.co.th/read/SdExGKKeN
เวทีเสวนา Thammasat Resolution Talk ครั้งที่ 3 ว่าด้วยการแก้ปัญหาคอร์รัปชัน ผศ.ดร.ประจักษ์ ชี้ช่วงเปลี่ยนผ่านจากระบอบอำนาจนิยม ไปสู่ประชาธิปไตย ควบคุมการตรวจสอบยาก เหตุผู้มีอำนาจ วางกรอบกติกาภายใต้การแต่งตั้งองค์กรอิสระ
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับคณะรัฐศาสตร์ สถาบันสัญญา ธรรมศักดิ์ เพื่อประชาธิปไตย และศูนย์วิจัยความเหลื่อมล้ำและนโยบายสังคม คณะเศรษฐศาสตร์ จัดเวทีเสวนา Thammasat Resolution Talk ครั้งที่ 3 ในหัวข้อ การแก้ปัญหาคอร์รัปชัน
บรรยง ชี้ คอร์รัปชัน คือการปล้นประชาชน
นายบรรยง พงษ์พาณิช ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันแห่งประเทศไทย กล่าวว่า คอร์รัปชันสามารถแบ่งได้เป็นสามประเภท ประเภทแรกคือ การปล้นเอาดื้อ ๆ เช่น การโกงโฉนดที่ดินหรือการโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม ประเภทที่สอง คือ การจ่ายค่าน้ำร้อนน้ำชาแก่เจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อไม่ต้องปฏิบัติตามกฏระเบียบหยุมหยิม และประเภทที่สาม คือ ภาคเอกชนจ่ายเงินเพื่อกำจัดคู่แข่งในการแสวงหาโครงการของรัฐ ซึ่งถึงแม้จะมีจำนวนน้อยแต่ค่าเสียหายเยอะมาก ซึ่งการจ่ายเงินเป็นการซื้อหาความได้เปรียบ สร้าง monopoly (การผูกขาด) ในการล็อกสเปกการขายสินค้าให้ภาครัฐ
นายบรรยง กล่าวว่า ประเทศไทยมีการขยายตัวของรัฐสูงมากตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งในปี 2540 โดยมีการขยายทั้งในเชิงงบประมาณ และขยายเชิงบทบาท เช่น หน้าที่ของข้าราชการ ให้ข้าราชการเป็นผู้สอนภาคเอกชนทำธุรกิจ SME เป็นต้น และการขยายตัวเชิงอำนาจ โดยการเพิ่มกฏหมายกฎระเบียบ ซึ่งเป็นเรื่องสวนทางโลก ดังนั้น การลดคอร์รัปชันจะคู่ขนานไปกับการลดขนาดของอำนาจรัฐ และเรื่องคอร์รัปชันเป็นเรื่องของการเปลี่ยนความคิด ต้องปลูกฝังว่าการคอร์รัปชันคือการปล้นประชาชนทุกคน มิใช่เพียงแค่การปล้นชาติ
วันชัย ระบุ 'คสช.' อ้างปราบโกง แต่ควบคุมการตรวจสอบ
นายวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ บรรณาธิการที่ปรึกษานิตยสารสารคดี ได้ยกตัวอย่างกรณีการต่อใบอนุญาตทำงานในเมืองไทยของคนต่างด้าว โดยปัจจุบันนี้มีรถตู้รับคนต่างด้าวไปต่ออายุใบอนุญาตที่ จ.สระแก้ว แถวโรงเกลือ โดยมีค่าใช้จ่ายหนึ่ง 1,000 ทุกหกเดือน แต่ในหนังสือเดินทางกลับเป็นการลงตราของด่านตรวจคนเข้าเมือง จ.หนองคาย และอีกกรณีหนึ่งที่ สนช. อนุมัติงบประมาณปี 2562 กว่า 3 ล้านล้านบาท ภายในเวลาเพียงสามชั่วโมงโดยไม่มีการซักถามตรวจสอบ
นายวันชัยกล่าวว่า สองกรณีนี้แสดงให้เห็นว่าการตรวจสอบคือหัวใจของการต่อต้านคอร์รัปชัน ทั้งผ่านองค์กรอิสระ สื่อมวลชน และภาคประชาชน แต่ทุกวันนี้องค์กรอิสระถูกเลือกจาก สนช. ซึ่ง สนช. ถูกเลือกจากผู้มีอำนาจในบ้านเมือง การตรวจสอบมีตลอด แต่ไม่ครอบคลุมทุกคนทุกฝ่าย ซึ่งเป็นความฉลาดของรัฐชุดนี้ สังคมตั้งคำถามเกี่ยวกับโครงการจัดซื้อเรือเหาะ อุทยานราชภักดิ์ และการตั้งบริษัทในค่ายทหารของลูกชายนายทหาร โดยคอร์รัปชันเป็นข้ออ้างในการทำรัฐประหารตั้งแต่ปี 2490 แต่สถานการณ์ยังเหมือนเดิม
นายวันชัยกล่าวว่า ในสมัยที่ตนเคยบริหารสถานีโทรทัศน์ มีการยกหูโทรศัพท์จากผู้มีอำนาจไม่ให้ตนนำเสนอข่าวในหลายเรื่อง โดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 97 ทำให้สื่อมวลชนปกป้องตัวเอง ท่ามกลางการแข่งขันที่สูงมากอยู่แล้ว จึงไม่อยากมีปัญหาจากการตรวจสอบรัฐบาลอีก
ช่วงเปลี่ยนผ่านจากอำนาจนิยมสู่ประชาธิปไตยสอบโกงยาก
ด้าน ผศ.ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เห็นว่าการพัฒนาประชาธิปไตย และต่อต้านคอร์รัปชันต้องไปด้วยกัน โดยตั้งข้อสังเกตว่า ในช่วงเปลี่ยนผ่าน เช่น จากระบอบอำนาจนิยม ไปสู่ประชาธิปไตย คอร์รัปชันจะสูง เพราะกฏกติกายังไม่แน่นอน กลไกตรวจสอบยังไม่ถูกสร้าง และเป็นช่วงผู้มีอำนาจเก่าขัดขวางการสร้างระบบตรวจสอบ แต่หากเราปล่อยให้ประชาธิปไตยทำงานไม่มีการแทรกแซง กลไกจะทำงาน เนื่องจากระบอบประชาธิปไตยจะมีผู้เล่นเยอะและไม่มีการผูกขาดอำนาจ ดังนั้นเมื่อประชาธิปไตยลงตัวและลงหลักปักฐาน มันจะสู้คอร์รัปชันได้ดีกว่าระบอบอำนาจนิยม
ผศ.ดร.ประจักษ์ กล่าวถึงตารางคอร์รัปชันอินเดกซ์ ในอันดับสามสิบประเทศแรกที่มีความโปร่งใสมักมีประชาธิปไตยและประเทศอันดับล่าง ๆ เช่นในแอฟริกาและตะวันออกกลางมักมีการผูกขาดอำนาจสูง สำหรับประเทศสิงคโปร์ซึ่งมีความโปร่งใสที่สุดในอาเซียน ว่า แม้จะปกครองโดยพรรคการเมืองพรรคเดียวมายาวนาน แต่ก็ขึ้นสู่อำนาจผ่านการเลือกตั้ง มีการสร้างความชอบธรรมผ่านเศรษฐกิจที่ดี และการสร้างความโปร่งใสของภาครัฐ
ดังนั้นทางพรรคจะไม่มีคอร์รัปชันอื้อฉาว เพราะต้องการชนะการเลือกตั้ง ดังนั้น ถึงแม้ว่าสิงคโปร์จะเป็นประเทศกึ่ง[เผล่ะจัง] แต่ก็ยังต้องแสวงหาความชอบธรรมจากประชาชนในการเลือกตั้ง ไม่ใช่อยู่ไปได้เรื่อย ๆ และระบบราชการของสิงคโปร์มีประสิทธิภาพ กลไกการตรวจสอบดี ดังนั้น ประเทศไทยต้องแก้ระบบราชการด้วย
โดยประเทศไทยต้องเปลี่ยนมายาคติ อย่าแสวงหาอัศวินขี่ม้าขาวมาปราบคอร์รัปชัน เพราะจะนำไปสู่การรวมศูนย์ผูกขาดอำนาจ เอื้อพวกพ้อง ประเทศไทยมักแยกการต่อสู้เพื่อเสรีภาพสื่อและมนุษยชนออกจากการต่อต้านคอร์รัปชัน แต่แท้จริงแล้ว ในอินโดนีเซีย ไม่แยกโจทย์เหล่านี้ออกจากกัน และปัจจุบันอันดับการสู้คอร์รัปชันดีมากขึ้นเรื่อยๆ
ในอินโดนีเซียมีการสร้างประชาธิปไตยที่ยั่งยืนกับกลไกตรวจสอบคอร์รัปชัน สร้างสื่อและภาคประชาสังคมที่เข้มแข้ง จึงเป็นไตรภาคีที่ทำงานร่วมกัน และคานอำนาจกัน เนื่องจากไม่มีปัญหาว่าใครเป็นคนของใคร สร้างประชาธิปไตยจากภายในองค์กร ในขณะที่ภายใต้รัฐบาลของเรา ซึ่งจะกลับมาตรวจสอบ คสช.ได้อย่างไรเมื่อองค์กรตรวจสอบมาจาก คสช.
ด้าน ผศ.ดร.ธานี ชัยวัฒน์ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้กล่าวถึงงานวิจัยด้านเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม ซึ่งพบว่า บุคคลหนึ่งจะมีความรู้สึกผิด (guilt) ส่วนบุคคลในกรณีที่ผลประโยชน์ตอบแทนน้อย แต่เมื่อผลตอบแทนมาก บุคคลจะมีความละอายใจ (shame) สูง ซึ่งแสดงว่าการแสดงสำนึกของความรับผิดชอบ (accountability) นั้น เปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์และเวลา การสร้างความสำนึกต้องสร้างความโปร่งใส และการมีส่วนร่วมเนื่องจากมีส่วนสร้างความรู้สึกผิดและความละอายใจ