คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 23
มันอยู่ที่หัวด้อมแจกแจงเงินเข้าได้ดีแค่ไหน
หลายคนบอกว่าไม่เกี่ยว ให้โดยเสน่หา / เป็นการฝากซื้อ
ถ้ามันใช้เงื่อนไขนี้ได้หมดจริง มันคงไม่ต้องมีบริษัท ไม่ต้องจด shell company ไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะก็คงฟอกเงินกันง่ายนะครับ
ธุรกิจทุกประเภทก็อ้างการฝากซื้อได้ (เพราะเซเว่นก็คงบอกว่า เค้าไปซื้อของมาให้เรา โดยที่เราไม่ต้องไปซื้อเอง)
และการซื้อของโดยไม่จดทะเบียนตามกฎหมายมันก็เอาไปลดหย่อนภาษีไม่ได้อีก (ไม่งั้นปีนึงเราซื้อทีวี ซื้อรถ
ซื้อสัพเพเหระ ก็จดใบเสร็จไปลดหย่อนได้สิ)
ถ้าจะให้รอดได้ มันต้องจบถึงหลักฐานการโหวตด้วยซ้ำ
เพราะสินค้า BNK มีการ "รับ" และ "นำไปขายต่อ" เพื่อเก็งกำไร
ดังนั้นการ ซื้อโค้ดโหวต ยังไม่สิ้นสุดว่า ไม่ได้เป็นการซื้อมาเพื่อขายต่อ
(เพราะมันสามารถแยกรูปสุ่มขายได้ 20 บาท / แยกโค้ดได้ / โค้ดขายได้
120-160-180 และโค้ดหลังปิดขายอาจจะแพงกว่า 200)
และการพิสูจน์ให้สรรพากรสิ้นข้อสงสัยว่า ไม่ได้มีกำไรซ่อนเร้น (ค่าดำเนินการทุกชนิด
รวมถึงรายได้อันอาจเกิดจากการขายของที่มาด้วยกันกับโค้ดโหวต) เป็นเรื่องค่อนข้างยาก
คือ ความเป็นจริงแล้ว เงินที่เข้าทุกชนิด มันตกเข้าหมวดหมู่เงินได้ประเภท 8 อยู่แล้ว
(ยกเว้นเงินตามเงินได้บัญชีที่ยกเว้น ซึ่งการโดเนทนี้ไม่มีหมวดไหนเป็นข้อยกเว้นให้)
ซึ่งเคยตั้งเตือนไปแล้ว
----------
เงินได้ประเภทที่ 8
เงินได้ประเภทที่ 8 คือ เงินได้พึงประเมิน ที่ไม่สามารถจัดให้เข้ากลุ่มเงินได้ประเภทที่ 1-7 ได้ และไม่ได้รับ ยกเว้นภาษี ด้วย จึงยังทำให้ผู้รับเงินมีหน้าที่ต้องเสีย ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา อยู่ดี ในวงการภาษีบางครั้งก็เรียกว่า เงินได้ 40(8)*1 เช่น ขายของออนไลน์ เปิดร้านอาหาร กำไรจากการขายกองทุน LTF/RMF เงินส่วนแบ่งกำไรจากห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนและคณะบุคคล และอื่นๆ เป็นต้น
ส่วนเงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษี มีประมาณ 120 รายการ (มีรายการย่อยด้วย ไม่นับละกัน) http://www.rd.go.th/m/554.0.html ซึ่งเงินส่วนนี้ก็ไม่นับเป็นเงินได้นั้นอีก
แต่เงินได้ ต้อง "ทำให้เรารวยขึ้น" ดังนั้นถ้าพิสูจน์ได้สิ้นข้อสงสัยว่า เงินนี้ เป็นเงินที่ไม่ได้ทำให้เรารวยขึ้น (เงินยืมมาซื้อของ เงินฝากจ่าย) มันก็ตีตกไปได้ เพราะเงินส่วนนี้มันถูกเสียภาษีมาแล้ว(โดยคนให้ยืมหรือคนฝากมาจ่าย) .... แต่หลักฐานต้องครบถ้วนประมาณนึง ส่วนที่เคลียร์หลักฐานไม่ได้ก็ต้องจ่ายนะครับ คือสรรพากร เขาก็ระมัดระวังการ "ยัดไส้" เงินได้อยู่เหมือนกัน
เพราะบางท่าน อาจจะมีธุรกิจร้อยล้านก็ได้ และมาลงโหวต 5 ล้าน .. จะตีว่ารายได้ 5 ล้านนี้ ไม่เป็นรายได้ ย่อมไม่ได้
หลายคนบอกว่าไม่เกี่ยว ให้โดยเสน่หา / เป็นการฝากซื้อ
ถ้ามันใช้เงื่อนไขนี้ได้หมดจริง มันคงไม่ต้องมีบริษัท ไม่ต้องจด shell company ไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะก็คงฟอกเงินกันง่ายนะครับ
ธุรกิจทุกประเภทก็อ้างการฝากซื้อได้ (เพราะเซเว่นก็คงบอกว่า เค้าไปซื้อของมาให้เรา โดยที่เราไม่ต้องไปซื้อเอง)
และการซื้อของโดยไม่จดทะเบียนตามกฎหมายมันก็เอาไปลดหย่อนภาษีไม่ได้อีก (ไม่งั้นปีนึงเราซื้อทีวี ซื้อรถ
ซื้อสัพเพเหระ ก็จดใบเสร็จไปลดหย่อนได้สิ)
ถ้าจะให้รอดได้ มันต้องจบถึงหลักฐานการโหวตด้วยซ้ำ
เพราะสินค้า BNK มีการ "รับ" และ "นำไปขายต่อ" เพื่อเก็งกำไร
ดังนั้นการ ซื้อโค้ดโหวต ยังไม่สิ้นสุดว่า ไม่ได้เป็นการซื้อมาเพื่อขายต่อ
(เพราะมันสามารถแยกรูปสุ่มขายได้ 20 บาท / แยกโค้ดได้ / โค้ดขายได้
120-160-180 และโค้ดหลังปิดขายอาจจะแพงกว่า 200)
และการพิสูจน์ให้สรรพากรสิ้นข้อสงสัยว่า ไม่ได้มีกำไรซ่อนเร้น (ค่าดำเนินการทุกชนิด
รวมถึงรายได้อันอาจเกิดจากการขายของที่มาด้วยกันกับโค้ดโหวต) เป็นเรื่องค่อนข้างยาก
คือ ความเป็นจริงแล้ว เงินที่เข้าทุกชนิด มันตกเข้าหมวดหมู่เงินได้ประเภท 8 อยู่แล้ว
(ยกเว้นเงินตามเงินได้บัญชีที่ยกเว้น ซึ่งการโดเนทนี้ไม่มีหมวดไหนเป็นข้อยกเว้นให้)
ซึ่งเคยตั้งเตือนไปแล้ว
----------
เงินได้ประเภทที่ 8
เงินได้ประเภทที่ 8 คือ เงินได้พึงประเมิน ที่ไม่สามารถจัดให้เข้ากลุ่มเงินได้ประเภทที่ 1-7 ได้ และไม่ได้รับ ยกเว้นภาษี ด้วย จึงยังทำให้ผู้รับเงินมีหน้าที่ต้องเสีย ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา อยู่ดี ในวงการภาษีบางครั้งก็เรียกว่า เงินได้ 40(8)*1 เช่น ขายของออนไลน์ เปิดร้านอาหาร กำไรจากการขายกองทุน LTF/RMF เงินส่วนแบ่งกำไรจากห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนและคณะบุคคล และอื่นๆ เป็นต้น
ส่วนเงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษี มีประมาณ 120 รายการ (มีรายการย่อยด้วย ไม่นับละกัน) http://www.rd.go.th/m/554.0.html ซึ่งเงินส่วนนี้ก็ไม่นับเป็นเงินได้นั้นอีก
แต่เงินได้ ต้อง "ทำให้เรารวยขึ้น" ดังนั้นถ้าพิสูจน์ได้สิ้นข้อสงสัยว่า เงินนี้ เป็นเงินที่ไม่ได้ทำให้เรารวยขึ้น (เงินยืมมาซื้อของ เงินฝากจ่าย) มันก็ตีตกไปได้ เพราะเงินส่วนนี้มันถูกเสียภาษีมาแล้ว(โดยคนให้ยืมหรือคนฝากมาจ่าย) .... แต่หลักฐานต้องครบถ้วนประมาณนึง ส่วนที่เคลียร์หลักฐานไม่ได้ก็ต้องจ่ายนะครับ คือสรรพากร เขาก็ระมัดระวังการ "ยัดไส้" เงินได้อยู่เหมือนกัน
เพราะบางท่าน อาจจะมีธุรกิจร้อยล้านก็ได้ และมาลงโหวต 5 ล้าน .. จะตีว่ารายได้ 5 ล้านนี้ ไม่เป็นรายได้ ย่อมไม่ได้
แสดงความคิดเห็น
ภาระเสียภาษีเงินได้ ของเงินที่เข้าบัญชีหัวบ้าน BNK48 ใครจ่ายครับ
ซึ่งน่าจะทำให้ฐานรายได้เสียภาษีเปลี่ยนไป อาจจะต้องเสียภาษีจากจุดนี้ หลายพัน หรือ หลักหมื่นบาท
ตรงนี้ ใครจ่ายครับ ด้อม หรือ เจ้าของบัญชี